เจียงหงหย่วน “…”
เจียงหงป๋อ “…”
ไหนว่าไม่มีทางรับศิษย์?
เหตุใดจึง…
สองพี่น้องงุนงง แม้แต่พ่อบ้านและบ่าวใช้ของหมอฉู่ต่างงุนงงเช่นกัน
นายท่านไม่ได้ป่วยใช่หรือไม่?
ของพวกนี้มันกระไรกัน นายท่านรับศิษย์เพราะของไร้ราคาพวกนี้น่ะหรือ?
พ่อบ้านถึงกับเอื้อมมือมาแตะหน้าผากหมอฉู่ ถูกหมอฉู่ปัดมือออก
“เปิดศาลบรรพบุรุษ เตรียมธูป” หมอเฒ่าทำตาขวางใส่พ่อบ้าน แม้พ่อบ้านจะหวาดกลัวอย่างไร เขาก็ต้องรีบไปเตรียมการ
หมอเฒ่ามองหลินหวั่นชิว “เอาออกมาให้หมด!”
คราวนี้หลินหวั่นชิวล้วงถึงก้นกระเป๋า เทกระจาดออกมา
หมอเฒ่าหยิบขึ้นมาดูทีละชิ้น ชอบจนวางไม่ลง ของพวกนี้ราวกับบุปผางามอายุสิบหกในสายตาเขา บุปผางามผู้เป็ดั่งลูกท้อหวาน ดึงดูดสะกดิญญายิ่งนัก
บุรุษเฒ่าน้ำลายไหลจ้องโครงกระดูกอวัยวะภายในต่างๆ ช่างเป็ภาพที่อุจาดตา
“นายท่าน เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ” ผ่านไปสักพัก พ่อบ้านกลับมารายงาน
หมอฉู่พยักหน้า
เขาพูดกับหลินหวั่นชิวและเจียงหงหย่วนว่า “ข้ารับปากว่าจะรับเด็กคนนี้เป็ศิษย์ก้นสำนัก เดี๋ยวจะพาเขาไปไหว้บรรพบุรุษ แต่ว่า…ถ้าเด็กคนนี้ไม่ยินยอม ข้าก็จนปัญญาแล้ว ส่วนของพวกนี้…ก็เป็ของข้าทั้งหมดเช่นกัน ไม่คืน!”
ของพวกนี้เป็ของเขาแล้ว อย่าหวังว่าเขาจะยอมคืน
มีของพวกนี้อยู่ ไม่แน่ว่าวิชาแพทย์และ…จะพัฒนา เป็หน้าเป็ตาให้สำนัก!
เจียงหงป๋อมองหลินหวั่นชิว ของพวกนี้เป็ของนาง
หลินหวั่นชิวคิดในใจว่ายังจะมีสิ่งใดปิดบังอีกหรือ?
เพื่อไม่เพิ่มความกดดันให้เจียงหงป๋อ นางตอบว่า “ได้!” พูดกับเขาอีกว่า “ถ้าหมอฉู่ยื่นข้อเสนอที่เกินเลยเกินไปเ้าไม่ต้องตอบตกลง ของพวกนี้พี่สะใภ้ไม่เสียดาย สิ่งสำคัญคือตัวเราเอง เข้าใจหรือไม่?”
เจียงหงป๋อพยักหน้า “เข้าใจขอรับ พี่สะใภ้” แต่ในใจเขาไม่คิดเช่นนั้น หมอฉู่ให้ค่ากับของพวกนี้ขนาดนี้ ไม่คิดก็รู้ว่าพวกมันมีค่าเพียงใด เขาจะไม่ยอมให้หมอฉู่เพียงลำพังเป็แน่ จะเป็ศิษย์ของเขาให้ได้
มุมปากหมอฉู่กระตุก เขาเหน็บแนมหลินหวั่นชิว “พูดเื่พวกนี้ต่อหน้าข้า เ้าใจกล้ายิ่งนัก ไม่กลัวข้ากลั่นแกล้งเด็กนี่หรือ?”
หลินหวั่นชิวยิ้ม “อย่างมากก็แค่ไม่เรียน!” การยอมโอนอ่อนไม่ใช่แนวทางของธุรกิจ เ้ายิ่งถือสา อีกฝ่ายก็จะยิ่งได้ใจ หลินหวั่นชิวจงใจพูดเช่นนี้
แต่แน่นอนว่าใจนางก็คิดแบบนี้เช่นกัน
ตอนนี้นางกับเจียงหงหย่วนต่างหาเงินได้ มีปัญญาเลี้ยงน้องชายอยู่แล้ว
มั่นใจขนาดนี้แหละ!
หมอฉู่ “…”
เขาไม่เคยโดนดูถูกขนาดนี้มาก่อน!
คงคิดจะยั่วให้เขาโมโห เขาไม่ติดกับเสียหรอก!
แน่วแน่ที่จะไม่ติดกับ!
พ่อบ้านพาหมอเฒ่าไปที่ศาลบรรพบุรุษ หมอเฒ่าส่งสายตาให้เจียงหงป๋อตามมา เจียงหงป๋อหันไปมองหลินหวั่นชิว นางส่งสายตาเป็กำลังใจให้เขา ชูหมัดขึ้น “สู้ๆ! ข้าเป็กำลังใจให้อยู่นะ!”
เจียงหงป๋อหน้าแดง เขาพยักหน้า ตามหมอฉู่ไปศาลบรรพบุรุษ
ไอ้น้องชายน่ารำคาญนี่!
เขาเป็ต้าเกอนะ!
ไม่มองเขาสักนิด มองภรรยาตัวน้อยคนเดียวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?
ภรรยาตัวน้อยเป็ของเขา!
ภายในศาลบรรพบุรุษ
หมอฉู่รับธูปจากพ่อบ้าน คำนับหน้าป้ายบรรพบุรุษแล้วปักธูปลงกระถาง
พ่อบ้านจะยื่นธูปให้เจียงหงป๋อแต่ถูกหมอฉู่หยุดไว้ “ช้าก่อน!”
เจียงหงป๋อผงะ ท่านหมอจะกลับคำหรือ?
แต่เขามีนิสัยแบบผู้ใหญ่ คิดอย่างไรก็ไม่เคยแสดงออกทางสีหน้า
“ยาเม็ดนี้ชื่อว่าทุกปีมีวันนี้” หมอฉู่มองตาเจียงหงป๋อพูด “เป็ยาพิษ มีฤทธิ์ตามชื่อ หากวันนี้เ้ากินลงไป วันนี้ในปีหน้าจะต้องกินแบบเดิม มิเช่นนั้นจะเืออกทางทวารทั้งเจ็ดตาย ถ้าเ้าอยากเป็ศิษย์ของข้าก็ต้องกิน ข้าไม่เชื่อคำสาบานใด ยาเม็ดนี้เป็เพียงสิ่งเดียวที่จะรับประกันว่าศิษย์จะไม่ทรยศสำนัก หากเ้ายินยอมจงกินลงไปเสียแล้วค่อยไหว้บรรพบุรุษ แต่หากไม่ยินยอมจงเดินออกไปเสีย ระหว่างเราไม่มีชะตาให้เป็ศิษย์เป็อาจารย์กันอีก!”
นี่ก็คือสาเหตุที่หมอฉู่พูดเช่นนั้นต่อหน้าพี่สะใภ้สินะ
เพราะเขามั่นใจว่าตัวเองไม่กล้าเอาชีวิตมาล้อเล่นเป็แน่!
เจียงหงป๋อไม่มีสีหน้าตื่นใ อายุแค่นี้แต่กลับสุขุม หมอฉู่รู้สึกชื่นชม
แต่
ก็แค่นั้น
เขาเลยวัยที่ชอบคนมีพร์มาแล้ว
ถูกทำร้ายจนสาหัสเช่นกัน
“ท่านหมอจะตั้งใจถ่ายทอดวิชาความรู้ทั้งหมดหรือไม่ขอรับ?” หงป๋อถาม
หมอฉู่หัวเราะ “เพียงแค่เ้าเข้าสำนัก ข้าย่อมถ่ายทอดวิชาความรู้ให้เ้า แต่ว่า ข้อแรก ต้องดูความกล้าของเ้า ข้อสอง ต้องดูพร์ของเ้าด้วย”
หรือที่หมายความว่า เ้าต้องกล้าก้าวเข้ามาก่อนข้าถึงจะยอมสอน และต่อให้ก้าวเข้ามาแล้ว หากเ้าโง่จนเข็นไม่ขึ้นข้าก็จนปัญญา!
เจียงหงป๋อเดินไปรับยาเม็ด พูดกับหมอฉู่ว่า “ท่านไม่เชื่อข้า แต่ข้าเชื่อท่าน”
พูดจบก็ใส่ยาเข้าปาก เคี้ยวอย่างละเอียดและค่อยๆ กลืนลงไป
หมอฉู่เบิกตาโพลง
ยานี่…ขมมาก แต่นี่เขากลับค่อยๆ เคี้ยว!
เจียงหงป๋อกินเสร็จก็พูดกับพ่อบ้านที่มีสีหน้าตะลึงงันเช่นกัน “รบกวนท่านช่วยรินน้ำให้ข้าที”
“อ้อ…” พ่อบ้านรีบไปรินน้ำให้เจียงหงป๋อ ขมมาก เจียงหงป๋อต้องดื่มน้ำหลายถ้วยกว่าจะลดความขมในปากลงได้
อันที่จริงเขาไม่ได้ตั้งใจเสแสร้ง แต่แค่อยากชิมดูว่าในยามีสมุนไพรกระไร ชิมออกมาได้เพียงสองอย่าง
รสอื่นๆ เขาแยกไม่ออก อีกสาเหตุเป็เพราะตัวยาผ่านการหลอม หลายรสชาติเปลี่ยนไป
แต่ไม่เป็ไร ตอนนี้เขายังไม่ทันได้เริ่มเรียน สักวันเขาจะแยกส่วนผสมของโอสถทุกปีมีวันนี้ออกมาให้ได้
“ท่านอาจารย์ ตอนนี้รับศิษย์เข้าสำนักได้หรือไม่?” เจียงหงป๋อมองหมอฉู่ด้วยสีหน้านิ่งเรียบ มุมปากหมอฉู่กระตุกจนชา แม่เ้า ฟู่เหรินน้อยนางหนึ่งทำให้เขาต้องเปลี่ยนมุมมอง จากนั้นเด็กหนุ่มอีกคนก็ทำให้เขาต้องเปลี่ยนมุมมองอีก
มีแต่คนร้ายกาจ!
“มาไหว้ท่านปรมาจารย์ คำนับศีรษะให้ปรมาจารย์ทุกท่าน นับจากนี้ เ้าคือผู้สืบทอดรุ่นที่ยี่สิบสามเพียงคนเดียวของหุบเขาแพทย์พิษ!”
ส่วนคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ เขาลบชื่อต่อหน้าป้ายิญญาของปรมาจารย์ทั้งหลายไปนานแล้ว
ขับออกจากสำนัก
หุบเขาแพทย์พิษ?
หมายความว่าหมอฉู่ไม่ได้เป็แค่หมอหลวงธรรมดา?
เจียงหงป๋อตื่นเต้น
เรียนแพทย์หาเลี้ยงครอบครัวได้
เรียนพิษ…
ผู้ใดรังแกพี่สะใภ้ เขาจะวางยาให้ตายเสีย!
ประกายตื่นเต้นที่กะพริบผ่านสายตาเด็กหนุ่มไม่รอดพ้นจากสายตาหมอฉู่ เขาสังหรณ์ใจขึ้นมาว่าศิษย์ผู้นี้…ไม่รู้รับเข้ามาแล้วจะเป็โชคดีหรือโชคร้ายของหุบเขาแพทย์พิษ…
ช่างเถิด ทุกอย่างถือเป็โชคชะตา อีกฝ่ายกินยาพิษทุกปีมีวันนี้ไปแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะเล่นตุกติกใดอีก
อันที่จริง เวลาหุบเขาแพทย์พิษรับศิษย์ไม่จำเป็ต้องกินยาพิษทุกปีมีวันนี้ หากไม่อยากกินก็เข้าสำนักได้เช่นกัน แต่แค่จะไม่ให้พวกเขารู้ชื่อสำนัก ไม่ถ่ายทอดวิชาแพทย์ที่เป็แก่นหลักที่สุดรวมไปถึงวิชาพิษให้
หมอฉู่รู้สึกว่าตัวเองโชคดี หากเขาสอนวิชาพิษให้พวกศิษย์ก่อนหน้านี้ ตัวเองอาจถูกวางยาตายไปแล้ว
