เมื่อเหวินกวนจิ่งพูดถึงปีศาจออกมา “หลินลั่วหราน” คนนั้นก็โมโหขึ้นมา เธอพลิกมือผลักออกไป เสียงจากแรงกระแทกดังขึ้นร่างของเหวินกวนจิ่งกลิ้งตกลงไปในสระบัวอีกครั้ง ใบหน้าด้านขวาของเขาบวมเป่งแต่เขายังไม่ยอมแพ้ เขาลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เขาเดินโซซัดโซเซและเหยียบย่ำดอกบัวหลายต่อหลายดอก
ดอกบัวที่สวยงามเช่นนี้แม้แต่คนที่ไม่ชอบดอกไม้ยังรู้สึกสงสารมันขึ้นมา แต่ในสายตาของ “หลินลั่วหราน” กลับเต็มไปด้วยความสุดจะทน ดูเหมือนจะรังเกียจดอกบัวพวกนี้เต็มทนถ้าเธอไม่ชอบมันมากขนาดนี้แล้วใครปลูกดอกไม้เอาไว้เต็มที่นี่จนราวกับอยู่ในฉากความฝันอยู่คู่กับเธอที่นอนหลับมาอย่างยาวนานกว่าพันปีกัน?
เหวินกวนจิ่งถ่มเืออกมา “เ้าทำอะไรนาง?”
“หลินลั่วหราน” เหมือนจะยกยิ้มขึ้นแต่ก็ไม่ได้ยิ้มออกมา “เ้าน่าจะรู้จักการย้ายจิต ข้าเข้ามาอยู่ในร่างนี้จิตของคนรักของเ้าก็แตกกระจายหายไปหมดแล้ว”
เหวินกวนจิ่งโมโหขึ้นมาแต่กลับี้เีอธิบายให้หญิงสาวชุดขาวคนนี้รู้ว่าหลินลั่วหรานไม่ใช่คนรักของเขา
ความจริงแล้วภายใต้การเผาไหม้ของหญิงสาวสวมชุดขาวแม้ว่าหลินลั่วหรานจะเ็ปทรมานจนอดที่จะส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้สุดท้ายทุกอย่างก็สงบหายไป แต่ร่างจิตความคิดของเธอกลับไม่ได้กลายเป็เถ้าถ่านไปด้วยหญิงสาวสวมชุดขาวก็ไม่แน่ใจว่าเธอตายไปแล้วหรือยังจึงไม่ได้ปล่อยตาข่ายที่จับกุมเอาไว้ออก
“หลินลั่วหราน” มองไปยังโลงใสสักพักหญิงสาวที่นอนอยู่ในโลงนั้นงดงามเกินกว่าใคร เธอใช้กระจกน้ำส่องขึ้นเธอไม่พอใจกับใบหน้าปัจจุบันของเธอที่นับได้ว่าเพียงแค่สวยงามเท่านั้นแต่ตอนนี้เธอสามารถย้ายจิตได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นอีกทั้งที่นี่ก็มีเพียงชายหนึ่งคนหญิงหนึ่งคน เธอจึงไม่มีตัวเลือกได้แต่ต้องย้ายร่างมายังร่างของหลินลั่วหรานเท่านั้น
เธอเห็นว่าเหวินกวนจิ่งมีท่าทางแปลกๆ ขึ้นมาอีกแล้วเธอสูญเสียความอดทนที่มีกับทายาทชู่ชานคนนี้แล้ว มือขวาของเธอตวัดออกใบบัวที่ไร้ซึ่งอันตรายก็ขยับรวมตัวเข้ามาใกล้แล้วพันติดกับตัวของเหวินกวนจิ่งจนกลายเป็ดักแด้ใบบัวไม่อาจขยับตัวไปไหนได้แม้แต่น้อย
หญิงสาวสวมชุดขาวเมื่อเห็นว่า “วัยรุ่นผู้รักความถูกต้อง” หายไปแล้ว เธอก็ฉีกยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะเริ่มตรวจสอบสถานการณ์ในร่างกาย
ตาข่ายกว้างยังคงจับกุมจิตความคิดของเ้าของร่างเอาไว้เธอหันไปมองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเบนความสนใจไปที่ในร่างของหลินลั่วหราน
เมื่อมองไปยังพลังธาตุไฟในเส้นเืในกายเธอก็ขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะพูดขึ้นมากับตัวเอง “พื้นฐานพลังธาตุไฟ ลำบากแล้วสิแบบนี้”
ก่อนหน้านี้เธอเป็ธาตุพลังคู่น้ำและไม้น้ำหล่อเลี้ยงไม้ ไม้ปกป้องน้ำ เธอฝึกศาสตร์มาเนิ่นนาน แม้ว่าจะย้ายจิตแล้วแต่ว่าด้วยความรู้ของการฝึกศาสตร์ก่อนหน้า หากอยากจะฝึกใหม่อีกครั้งก็ไม่ใช่เื่ยากอะไร แต่ว่าทำไมถึงเป็ธาตุไฟที่ตรงข้ามกับธาตุน้ำแบบนี้ล่ะ?
อยู่ๆเธอก็คิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อครู่เธอใช้ร่างนี้ในการปล่อยเวทธาตุน้ำออกไปเห็นได้ชัดว่ามีพื้นฐานพลังของธาตุน้ำอยู่อย่างแน่นอน ธาตุพลังคู่ก็ถือเป็เื่ดีแต่ว่านั่นก็เป็สำหรับ “น้ำกับไม้”“ทองกับไฟ” ที่มีลักษณะส่งเสริมกันน้ำกับไฟนั้นเข้ากันได้ยากถ้าหากว่าเป็พื้นฐานพลังของร่างนี้ก็ไม่ถือว่าเป็อะไรที่ดีนักแต่กลับเป็ปัญหาถ่วงอย่างหนัก!
เธอมองพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนจะพบว่านอกจากพลังธาตุไฟแล้วยังมีพลังสีขาวไร้ธาตุอยู่แม้ว่าเธอจะมีความรู้มากแต่ก็ไม่เคยพบกับผู้ฝึกศาสตร์คนไหนที่มีพลังไร้ธาตุแบบนี้อยู่ในกายมาก่อน คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันแน่น ก่อนจะคิดขึ้นมา ร่างกายนี้ประหลาดนัก ตัวเ้าของเองก็สามารถฝึกศาสตร์ได้แน่นอนว่าต้องมีเหตุผลอื่นร่วมด้วยไม่ใช่ว่าอาจจะมีวิทยายุทธ์พิเศษที่ตัวเธอเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนหรือเปล่าหรือว่าเธอจะมีอาวุธวิเศษอยู่?
เธอเปิดถุงจักรวาลออกในนั้นเต็มไปด้วยเมล็ดและสมุนไพรทั่วไปมากมาย และก้อนหินสีดำก้อนหนึ่งเธอรู้ว่ามันคือหินิญญา แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ถุงนั้นดูธรรมดามากของที่อยู่ด้านในก็ยิ่งธรรมดาเข้าไปใหญ่ ในร่างของหญิงสาวคนนี้นอกจากถุงเมล็ดนี่ก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว นี่มันน่าประหลาดเกินไป!
อย่าเพิ่งพูดถึงยาอะไรเลยเมื่อก่อนเธอเองก็เป็นักปราชญ์สาว ทำไมถึงจะไม่รู้จุดพิเศษของนักปราชญ์หญิงเื่เครื่องประดับนั้นไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงนั้นเกิดมาไม่มีใครที่ไม่รักสวยรักงามหรือแม้จะมีเสื้อผ้าวิเศษที่ไม่สกปรกก็ต้องมีเสื้อผ้าชุดอื่นเอาไว้เปลี่ยน...หรือนักฝึกศาสตร์สาวคนนี้จะไม่ได้ใส่ใจอะไรกับรูปร่างภายนอกนักแต่ในถุงจักรวาลนั้น แม้แต่อาวุธที่จะใช้ปกป้องกายยังไม่มีสักชิ้น?
นั่นเป็เพียงสถานการณ์หนึ่งเท่านั้น...“หลินลั่วหราน” คิดขึ้นมาก่อนจะทิ้งสายตาไปยังไข่มุกบนข้อมือ สิ่งที่ใช้กักตุนเก็บของระดับสูงนั้นจะเป็เครื่องประดับรูปร่างแบบใดก็เป็ไปได้ทั้งนั้น มีเพียงนักฝึกศาสตร์ระดับต่ำๆเท่านั้นที่จะใช้ถุงจักรวาลแบบนี้ไข่มุกนี้เป็เพียงสิ่งเดียวที่เธอพกติดตัวเอาไว้ ดังนั้นก็ต้องเป็มันแล้ว
จิตความคิดที่หลินลั่วหรานประดับลงในถุงจักรวาลสำหรับเธอแล้ว ก็เหมือนกับคนที่โชคดีคนหนึ่ง จึงสามารถเปิดมันออกได้ง่ายๆและสามารถเข้าไปค้นหาได้ตามใจ แต่ใครจะรู้ว่าไข่มุกนั้นไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบรับอะไรกลับมาเลย!
ไม่ใช่ว่าจิตความคิดของเธอถูกกีดกันแต่มันกับเป็เหมือนกับของบนโลกธรรมดาเท่านั้นและไม่ได้มีการตอบสนองอะไรกับจิตความคิดของเธอเลยแม้แต่น้อย
มีปัญหาแล้ว!
ด้วยประสบการณ์หลายปีของเธอทำให้เธอตัดสินขึ้นมาได้ในทันที หากเป็ของในโลกธรรมดา เพียงแค่มองก็รู้ได้แล้วไม่มีทางเป็แบบนี้ได้ เธอใช้จิตความคิดในการตรวจสอบไข่มุกแต่ก็ไม่สามารถเห็นด้านในของมันได้อยู่ดี
“ก็น่าสนใจอยู่...”
เธอยิ้มออกมาแต่ไม่ได้โมโหพร้อมกับกรอกดวงตาของเธอไปมา ทั้งมีเสน่ห์และก็ดูอ่อนโยน หากมองเพียงสีหน้าแล้วช่างดูขัดกับการกระทำที่แย่งร่างของคนอื่นมาแบบนี้เสียจริง
....
เหวินกวนจิ่งถูกใบบัวที่บ้าคลั่งขึ้นมาพันล้อมจนเหมือนเป็บ๊ะจ่างอยู่กลางสระน้ำเขาพยายามดิ้นรน พร้อมทั้งอ้าปากหายใจหอบ ก่อนจะเห็นว่า “หลินลั่วหราน” ยิ้มจนตาหยี และใช้เล็บจิกลงไปที่ข้อมือของตัวเองจนเืสดไหลรินออกมา
เหวินกวนจิ่งพูดออกมาอย่างร้อนรน “เ้าใช้ร่างของนางแล้วยังจะทำร้ายนางอีกอย่างนั้นหรือ!”
“หลินลั่วหราน” หันมามองเขา ก่อนจะพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อย เ้าช่างเป็คนที่น่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง ข้าขอถามเ้าเด็กผู้หญิงคนนี้มาจากสำนักใด หากเ้าบอกข้า ข้าก็อาจจะพิจารณาการหยุดทำร้ายร่างของนางก็ได้”
เหวินกวนจิ่งเงียบนิ่งไปเขาอยากจะตอบกลับคำถามนี้มาก แต่ปัญหาก็คือ เขาไม่รู้ว่าหลินลั่วหรานมาจากสำนักไหน ช่วยไม่ได้เขาทำได้เพียงกัดฟันพูดความจริงออกมา
“หลินลั่วหราน” หยดเืจากข้อมือลงบนไข่มุกเมื่อเห็นว่าไข่มุกค่อยๆ ซึมซับเืสดลงไป เธอก็พูดออกมาอย่างไม่รีบร้อน “ที่แท้ แม้แต่ที่มาที่ไปก็ยังดูลึกลับ น่าสนใจเสียจริง...”
เหวินกวนจิ่งถูกใบบัวพันตัวเสียจนเป็ปัญหากับการหายใจขึ้นมาใบหน้าของเขาแดงก่ำเพราะการขาดอากาศ จิตใจของเขานั้นสงบมั่นคงมาตลอดเขารู้สึกว่าหลินลั่วหรานไม่น่าตายไปง่ายๆ แบบนี้ เมื่อเห็นว่า “หลินลั่วหราน” ในตอนนี้ดูแปลกไป แถมยังดูลึกลับความหวังจึงเกิดขึ้นมาในใจของเหวินกวนจิ่ง หรือว่าเธอจะยังไม่ตาย?
ต้องยื้อเวลาเอาไว้...เหวินกวนจิ่งถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดขึ้นมานิ่งๆ “ท่านผู้าุโด้วยร่างที่ผู้น้อยนำมามอบให้ ข้ามีเื่อยากจะขอให้ท่านช่วยคลายสงสัยหวังว่าท่านจะยินดีตอบ”
เพราะว่าไข่มุกยังคงดูดซึมเืเข้าไปอย่างไมรู้จักเหนื่อย “หลินลั่วหราน” จึงมีเวลาว่างมาสนใจเหวินกวนจิ่ง เมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็ยิ้มเยาะออกมา
“ที่แท้เ้าก็ฉลาดอยู่นี่ ไม่เป็คนโง่ไร้เหตุผลแล้วหรือ?”
เธอยิ้มเยาะออกมา เธอว่างเสียจนเบื่อจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรเกี่ยวกับเื่ที่จะพูดคุยกับทายาทชู่ชานคนนี้เธอจึงพูดออกมาทันที “ถามมาสิตอนนี้ข้าอารมณ์ดี อาจจะบอกเ้าก็ได้”
เดิมทีเหวินกวนจิ่งก็อยากจะถามเกี่ยวกับบันทึกที่หายสาบสูญไปของเขาชู่ชานแต่คิดไปคิดมาแล้ว คำถามนี้ หากเธอรู้ก็รู้ ไม่รู้ก็คือไม่รู้และก็มีเพียงสองตัวเลือกนี้ ตอบกลับมาได้ง่ายไม่เหมาะแก่การใช้ถ่วงเวลาเลยแม้แต่น้อยเหวินกวนจิ่งจึงข่มความเ็ปแล้วย้ายหัวข้อไปยังภาพบนผนังหนึ่งคือความลับเกี่ยวกับการหายไปของนักปราชญ์ระดับแยกจิต ตัวเขานั้นอยากจะรู้มากและสองคือ คำถามนี้เป็เื่ใหญ่ หากอธิบายให้ชัดเจนคงต้องใช้เวลาสักพัก
เมื่อได้ยินว่าเด็กคนนี้้าจะถามเกี่ยวกับรูปภาพบนผนังใบหน้าของ “หลินลั่วหราน” ก็ปรากฏความรู้สึกมากมายผสมกันออกมา ทั้งความกลัว ความคิดถึง ความสุขความผิดหวัง และความดีใจ
เหวินกวนจิ่งสาบานได้ว่า ทั้งชีวิตที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยพบใครที่สามารถแสดงอารมณ์ต่างๆ บนใบหน้าออกมาได้มากขนาดนี้มาก่อน!
สีหน้าของ “หลินลั่วหราน” ค่อยๆกลับสู่สภาวะปกติ เธอมองไปยังไข่มุกที่หยุดดูดซึมเืแล้วก่อนจะพูดออกมาอย่างหนักแน่น
“เ้าฝึกศาสตร์เพียงระดับต่ำทำไมถึงถามคำถามแบบนี้ออกมา เปลี่ยนคำถามหน่อยจะดีกว่าไหม...ข้านั้นมีเวทลับมากมายเ้าไม่อยากรู้อย่างนั้นหรือ?”
น้ำเสียงของ “หลินลั่วหราน” เต็มไปด้วยความยั่วยวนเธอส่งยิ้มมาให้เหวินกวนจิ่ง เหวินกวนจิ่งหายใจเข้าออกช้าๆ ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ