เมื่อใต้เท้าผู้ตรวจการได้รับข่าวก็รีบไปยังจวนโหวทันที ถึงแม้จะไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นบุตรชายของตนที่ถูกตีจนมีสภาพเช่นนั้น อีกทั้งยังมีใบหน้าอันหม่นหมองของฮูหยินผู้เฒ่า เมื่อดูจากนิสัยยามปกติของบุตรชายก็คาดเดาได้หลายส่วน
จวนชางหรงโหวไม่อาจล่วงเกินได้ พวกเขายิ่งไม่กล้าคิดจะพูดเื่การแต่งงานอะไรนั่นออกมา ใต้เท้าผู้ตรวจการในยามนี้กำลังตบลงไปบนใบหน้าของจ้าวหรงเติงครั้งแล้วครั้งเล่า ปากก็ตำหนิไปพลาง กล่าวขออภัยต่อฮูหยินผู้เฒ่าไปพลาง
ที่โชคดีก็คือ หลิ่วอวิ๋นเหยาไม่ต้องแต่งให้คนต่ำช้าเช่นนี้ เพียงแต่จิตใจที่ยังเยาว์ของนางได้ถูกปกคลุมไปด้วยเงามืดแล้ว หลังจากที่ออกไปจากเรือนฮูหยินผู้เฒ่าก็เอาแต่ขังตนเองอยู่ในห้อง
...
“หลงจู๊”
“คุณชายท่านมาแล้ว!” ภายในร้านยา หลงจู๊ถือห่อยาห่อใหญ่ออกมาหลายห่อ “นี่เป็ของที่คุณชาย้าขอรับ นี่ขอรับ!”
ทว่าความคิดของเฟิ่งหลิงกลับจดจ่ออยู่กับสิ่งอื่น “ระยะนี้คุณชายน้อยท่านนั้นไม่มาหรือ?”
“อ่า คุณชายท่านนั้นเพียงแค่ให้คนนำยาเหล่านี้มาส่ง ข้าเองก็ไม่ได้เห็นเขาอีกเลย”
ในดวงตาของคุณชายรูปงามเป็เอกเบื้องหน้าเจือไปด้วยแววโดดเดี่ยวหลายส่วน เขาถือห่อยาในมือเดินไปบนถนน มีอาการเหม่อลอยเล็กน้อย
“นังหลิ่วอวิ๋นซูนั่น ช่างน่ารังเกียจจริงๆ!”
“หรงเติง ข้ารู้ว่าเ้าได้รับความอยุติธรรมแล้ว วางใจเถิด ข้าจะต้องหาโอกาสแล้วทำให้นังสารเลวนั่นได้เห็นดีกัน!”
บุรุษที่อยู่ในอาการขุ่นเคืองใจทั้งสองเบื้องหน้าดึงดูดความสนใจของเฟิ่งหลิง หรือคนที่พวกเขาพูดถึงก็คือนาง?
เขาเดินตามคนทั้งสองขึ้นไปในเหลาอาหารแห่งหนึ่ง “คุณชายจ้าว ที่เดิมดีหรือไม่ขอรับ?”
“ฮึ รีบนำเหล้าและอาหารดีๆ มาเสีย!”
บนใบหน้าของจ้าวหรงเติงราวกับมีคำว่าไม่พอใจเขียนเอาไว้เต็มหน้า เสี่ยวเอ้อเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม พาพวกเขาขึ้นไปยังห้องเทียนจื้อหมายเลขหนึ่ง
“หลงจู๊ เมื่อครู่นี้คุณชายสองท่านนั้น้าห้องใด ข้า้าห้องข้างๆ”
หลงจู๊เงยหน้าขึ้น พบเข้ากับใบหน้างดงามหยุดโลก คุณชายเบื้องหน้าท่านนี้ทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาได้ เพียงแต่ไม่นานเขาก็รู้ตัวว่าตนเองเสียมารยาทไปแล้ว “คุณชาย้าห้องเทียนจื้อหมายเลขสองหรือขอรับ? แต่ว่า...คุณชายขอรับ ผู้น้อยขอเตือนท่านสักประโยค อย่าเลือกห้องที่ติดกับคุณชายทั้งสองท่านนั้นจะดีกว่า”
ใบหน้าของหลงจู๊เต็มไปด้วยความรู้สึกยากจะอธิบาย ทว่าเฟิ่งหลิงกลับแย้มยิ้มอย่างสง่างาม “ไม่เป็ไร”
ห้องด้านข้างมีเสียงเอะอะโวยวายดังแว่วมา เฟิ่งหลิงนั่งลง อาหารและน้ำชาอย่างง่ายๆ ถูกยกขึ้นโต๊ะ เขานั่งลงบนเก้าอี้คอยฟังบทสนทนาของห้องข้างๆ
“นังสารเลวนั่น! ถึงกับกล้าวางแผนร้ายใส่คุณชายอย่างข้า โธ่เว้ย...กลับไปถูกตาแก่นั่นตีอีก อวิ๋นฮั่น เ้านี่ก็ไม่ได้เื่ ถึงกับยังพูดว่าจะมอบนังสารเลวให้ข้าอีก!”
บนใบหน้าของจ้าวหรงเติงยังคงมีผ้าพันแผลพันเอาไว้ เมื่อเอ่ยปากพูดก็ทำให้าแตึงจนปวดไปหมด
“ผู้ใดจะรู้ว่าน้องเจ็ดของข้าจะกินยานั่นเข้าไป จะว่าไปก็แปลกนัก ท่านแม่ของข้าบอกว่า ทุกครั้งนังสารเลวนั่นล้วนปลอดภัยไร้อันตราย ข้าคิดว่า ไม่บางทีนางอาจจะใช้มนต์ดำ” หลิ่วอวิ๋นฮั่นมองอีกฝ่ายที่ยังคงโกรธอยู่ ทันใดนั้นจึงกล่าวหยอกล้อออกมา
“มิใช่ว่าเ้าเกือบจะได้เป็เขยของจวนชางหรงโหวของข้าแล้วหรือ?”
“เด็กน้อยคนนั้นยังเยาว์ ร่างกายก็ยังไม่เติบโต คนที่ข้าถูกใจคือน้องหกของเ้า! เมื่อวานพอได้เห็นใกล้ๆ แล้วช่างน่าลิ้มลองมากกว่าแม่นางทั้งหลายในหอนางโลมมากนัก!”
เสียงเพล้งดังขึ้น ถ้วยชาในมือของเฟิ่งหลิงแตกเป็เสี่ยงๆ ห้องที่อยู่ติดกันชะงักไป จากนั้นจึงมีเสียงด่าดังกลับมา “ไอ้ลูกเต่าตัวไหนกล้ามาขัดความสำราญของคุณชายอย่างข้า รู้ตัวแล้วก็รีบไสหัวไปเสีย! มิเช่นนั้นพวกเราคุณชายหลิ่วจะอัดเ้าให้หน้าทิ่มดินเสีย!”
การด่านี้ทำให้ห้องข้างเงียบลง
“เ้ายังคิดที่จะจัดการกับน้องหกของเ้าอีกหรือ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว เ้าเคยเห็นข้าเสียเปรียบเมื่อใดกัน? หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าท่านย่าจะส่งข้ากลับชายแดน ข้าจะต้องตีนางให้ตายแน่!”
“อย่า ตีนางตายก็เสียของเปล่า ๆ มิสู้เ้าตีนางแล้วค่อยมอบให้ข้าดีกว่า...ฮ่าๆๆ”
“ทำไม ตอนนี้ไม่เจ็บแผลแล้วหรือ? สายตาอะไรของเ้ากัน จะอย่างไรก็เป็แค่เด็กที่มาจากชนบท หากไม่ใช่ว่าท่านพ่อของข้าคิดจะใช้นางไปทำพิธีชงสี่1 แทนน้องรองของข้า นางก็คงเป็เด็กบ้านนอกไปชั่วชีวิต”
“ชงสี่หรือ?”
“ช่างเถิด ไม่รู้เลยว่าเ้าจะพูดมากเช่นนี้ มา ดื่มกัน!”
เสียงประตูเปิดออกดังขึ้น “คุณชาย ข้าน้อยมาเปลี่ยนถ้วยชาใบใหม่ให้คุณชาย...” เมื่อเสี่ยวเอ้อเข้ามา ในห้องไหนเลยจะมีเงาร่างของคนอยู่อีก บนโต๊ะมีเพียงแท่งเงินวางเอาไว้หนึ่งแท่ง หน้าต่างถูกเปิดค้างเอาไว้ ลมเย็นพัดเข้ามาทำให้กลิ่นอาหารตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง
...
ท้องฟ้าดำดิ่งสู่ยามค่ำคืน บุรุษสองคนเดินโซเซออกมาจากเหลาอาหาร
“ฮ่าๆๆ ข้าจะบอกอะไรให้ ข้ายังดื่มไหว!”
“เช่นนั้นก็ดื่ม! ไป ไปหออี๋หงเป็อย่างไร ดื่มไปด้วย ให้แม่นางทั้งหลายมาปรนนิบัติไปด้วย!”
พวกเขากอดคอกัน ในปากก็พูดจาหื่นกระหายออกมา
“เดี๋ยวก่อน ไปทางนี้ใกล้กว่า!” จ้าวหรงเติงชี้ไปยังซอยเล็กอันมืดสลัวแห่งหนึ่ง หลิ่วอวิ๋นฮั่นชี้หน้าของเขาพลางแย้มยิ้ม “ฮ่าๆๆ แขกประจำสิท่า”
“ถูกเ้ารู้เข้าเสียแล้ว! เ้าชอบแบบไหนเล่า? ข้ารู้จักทั้งหมด...”
ทั้งสองเดินโอนเอนเข้าไปในซอย ไม่ได้สังเกตเห็นเงาร่างที่เดินตามติดมาด้านหลังโดยสิ้นเชิง
“ทางนี้...ทางนี้...”
ทันใดนั้นมีตาข่ายั์ตกลงมาจากฟ้า คลุมร่างของพวกเขาเอาไว้อย่างแม่นยำ
“อะไรกัน?! นี่มันอะไร?!”
บุรุษทั้งสองพยายามดิ้น คิดไม่ถึงว่ายิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกรัดแน่น
ดวงตาอันเย็นะเืคู่หนึ่งมองคนทั้งสองที่มีสภาพน่าสังเวชอยู่เช่นนั้น สุดท้ายจึงเคลื่อนไหว
เสียงพลั่กดังขึ้น หมัดปะทะลงไปบนใบหน้าของหลิ่วอวิ๋นฮั่น
“อ๊าก! ผู้ใด ผู้ใดมันทำร้ายคุณชายอย่างข้า! ไสหัวออกมาให้ข้าเสีย!”
พลั่กๆๆ มีหมัดตามมาอีกหลายหมัด จ้าวหรงเติงสำรอกสิ่งสกปรกออกมาไม่น้อย “อย่า อย่าทำร้ายข้าเลย...เจ็บ...”
แต่ไหนแต่ไรเฟิ่งหลิงไม่เคยโกรธถึงเพียงนี้มาก่อน หลิ่วอวิ๋นฮั่น? เขาย่อมรู้จักอยู่แล้ว นี่คือคุณชายสามที่ติดตามชางหรงโหวไปชายแดนผู้นั้น คิดไม่ถึงว่าจะเป็คนเช่นนี้
เมื่อคิดว่าระยะนี้อวิ๋นซูอาจจะได้รับความอยุติธรรม เขาก็ยิ่งรู้สึกอยากฆ่าคนตรงหน้ามากยิ่งขึ้น
ทั้งหมัดและเท้ากระทบลงบนร่างกายและใบหน้า เพียงแต่บุรุษทั้งสองในตาข่ายอันใหญ่ที่ดื่มเหล้าจนเมามายกลับไม่รู้กระทั่งว่าคนที่ทำร้ายพวกเขาคือผู้ใด
“หยุดมือ! ให้คุณชายอย่างข้าจับเ้าได้ก่อนเถิด เ้า...จะต้องเลาะเนื้อถลกหนังเ้าแน่!”
หมัดของเฟิ่งหลิงกระทบลงบนแก้มของหลิ่วอวิ๋นฮั่น บุรุษผู้นั้นส่งเสียงร้องอั่ก พ่นฟันออกมาซี่หนึ่ง
“อ๊าก! หนะ หน้าข้า...”
เขาเก็บตาข่ายั์กลับมาอย่างรวดเร็ว ในยามนี้เื้ัของเฟิ่งหลิงมีบุรุษในอาภรณ์สีดำหลายคนปรากฏตัวขึ้น
“คุณชาย”
เขาปรายตามองไปยังใบหน้าทั้งสองที่ทำให้ผู้คนต้องรังเกียจด้วยความเ็า “เอาพวกมันไปแขวน”
“...”
ณ ถนนในย่านเริงรมย์ที่มีชื่อเสียง หออี๋หงดูคึกคักเป็พิเศษ
เหล่าแม่นางทั้งหลายแต่งกายงดงามราวบุปผาเพื่อเรียกแขก บุรุษจำนวนไม่น้อยถูกดึงเข้าไป
ทันใดนั้นเอง เสียงกรีดร้องเสียงหนึ่งทำลายยามค่ำคืนที่ครึกครื้น มีตาข่ายอันใหญ่ตกลงมาจากชายคา ด้านในมีบุรุษอาภรณ์ขาดวิ่นสองคนถูกแขวนเอาไว้ พวกเขาเมามายจนพูดจาไม่รู้เื่ บนหลังของบุรุษคนหนึ่งเขียนคำว่าไร้ยางอายเอาไว้ ส่วนอีกคนหนึ่งเขียนว่าต่ำช้า
“ฮ่าๆๆๆ ...นี่คือผู้ใดกัน? ผู้ใดกัน?!”
ทุกคนที่อยู่ด้านล่างพากันชี้มือชี้ไม้ไปยังคนทั้งสองในตาข่าย เหล่ามามา2 เดินออกมาจากด้านใน “ของอะไรกัน? นำมาแขวนไว้ตรงนี้มิใช่ว่าจะขัดขวางกิจการของข้าหรือ? เร็ว รีบไปนำลงมา!”
เสียงฟุ่บดังขึ้น ตาข่ายั์ถูกตัดขาด บุรุษสองคนตกลงมาที่พื้นในสภาพน่าอนาถ
เหล่ามามารู้จักคนไปทั่ว เหตุใดจะไม่รู้จักจ้าวหรงเติงผู้เป็แขกประจำของหออี๋หง! “ตายแล้ว ์ นี่ไม่ใช่คุณชายจ้าวหรือ?”
อะไรนะ? คุณชายจ้าว?!
…
ณ จวนชางหรงโหวอันเงียบสงบ เสียงเคาะประตูอย่างร้อนรนระลอกหนึ่งทำลายความเงียบสงบในยามค่ำคืน
พ่อบ้านชราโผล่หัวออกมาด้วยความสงสัย “เป็ผู้ใดกัน?”
ทว่ากลับเป็พ่อบ้านแห่งจวนจ้าวที่ติดตามใต้เท้าผู้ตรวจการมาเมื่อวานนี้ พ่อบ้านผู้นั้นหอบหายใจแรง
“ยะ แย่แล้ว จวนของท่านจะส่งคนมารับตัวคุณชายสามไปได้หรือไม่?”
“...”
ภายในห้องโถงใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่ายื่นมืออันสั่นระริกไปหยิบถ้วยชาขึ้นมาแล้วเขวี้ยงลงไปที่พื้น
“ฮูหยินผู้เฒ่า คุณชายสามตื่นแล้วขอรับ”
“ตื่นแล้ว? ฮ่าๆๆ นำตัวเข้ามาให้ข้า!”
ทุกคนยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบสงบ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่กล้ามองสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าในยามนี้
หลิ่วอวิ๋นฮั่นถูกองครักษ์สองคนหามเข้ามา เขายังคงอยู่ในอาการเมามายและตาพร่าเล็กน้อย
เหลยซื่อหน้าซีดราวกับขี้เถ้า เมื่อคืนนางเห็นกับตาว่าบุตรชายของตนถูกคนของจวนจ้าวหามกลับมา สภาพน่าอนาถบนร่างกายเช่นนั้น จนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่กล้าคิดถึงมันอีก
เมื่อคืน ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งให้คนนำน้ำเย็นไปชะล้างร่างกายเขาตลอดคืน
ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็อาภรณ์สะอาดแล้ว เพียงแต่บนร่างยังคงมีกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง
“โยนลงบนพื้น!” ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย องครักษ์รีบปล่อยมือ ใบหน้าของหลิ่วอวิ๋นฮั่นกระทบลงกับพื้นอย่างแม่นยำ เขาส่งเสียงร้องโอดโอย หยัดกายขึ้นด้วยความมึนงง “เ้า พวกเ้าเป็ใคร...ที่นี่ที่ไหน...”
“คุณชายสาม!”
เหลยซื่อในตอนนี้ไม่กล้าขอร้องเพื่อบุตรชายของตนอีกต่อไป ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรู้กันหมดแล้วว่า เมื่อคืนนี้บุตรชายของใต้เท้าผู้ตรวจการถูกคนทำร้าย และยังถูกแขวนไว้บนหออี๋หงอีกด้วย อีกทั้งมีบุรุษผู้หนึ่งที่อยู่ด้วยกันกับเขา เพียงแต่หลิ่วอวิ๋นฮั่นเพิ่งจะกลับมาจากชายแดนจึงมีคนรู้จักเขาไม่มาก อย่างไรก็ตามเกรงว่าคนของจวนจ้าวคงจะรู้หมดแล้ว!
นี่ช่างเป็ความอัปยศยิ่งนัก!
อวิ๋นซูที่ยืนอยู่ข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่ามองไปยังบุรุษบนพื้นด้วยความแปลกใจ จากมุมมองของนางทำให้เห็นรอยช้ำบริเวณหน้าอกของหลิ่วอวิ๋นฮั่นได้พอดี ดูคล้ายกับว่าถูกคนทำร้ายมา
เป็วีรบุรุษท่านใดกันที่ช่วยขจัดภัยร้ายเพื่อปวงชน
“คุกเข่าลง!”
“...” ทุกคนกล่าวอะไรไม่ออก ให้คุณชายสามคุกเข่า? แต่ตอนนี้เขากำลังนอนหมอบอยู่
“สะใภ้ เ้าพูดสิว่าจะทำอย่างไร?” ฮูหยินผู้เฒ่าสูดลมหายใจลึกหลายครั้งด้วยกลัวว่าตนเองจะถูกทำให้โกรธจนสลบไป เหลยซื่อมองสีหน้าของนาง ร่างกายอดไม่ได้ที่จะสั่นระริก “ละ ลงโทษตามกฎบ้าน...”
“อืม นี่เป็สิ่งที่เ้ากล่าวเองนะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ายกยิ้มอย่างน่ากลัว พลันนั้นมีองครักษ์สี่คนเดินเข้ามา สองในนั้นพยุงหลิ่วอวิ๋นฮั่นไปยังม้านั่งตัวยาว กดแขนของเขาเอาไว้ อีกสองคนที่เหลือหยิบไม้กระดานออกมายืนอยู่ด้านหลัง
“โบยห้าสิบไม้! โบยเสีย!”
ห้าสิบไม้?! เหลยซื่อเบิกตาโพลงด้วยความหวาดผวา เพียงไม่นานเสียงไม้อันเสียดหูก็กระทบลงมา
ความเ็ปนี้ทำให้หลิ่วอวิ๋นฮั่นสติแจ่มชัดขึ้นไม่น้อย “อ๊าก! ผู้ใด ผู้ใดกล้าตีคุณชายอย่างข้า! ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง?”
สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าน่ากลัวยิ่งนัก “โบย โบยแรงๆ!”
“เ้า!” หลิ่วอวิ๋นฮั่นเงยหน้าขึ้นมองไปยังฮูหยินผู้เฒ่าเบื้องหน้าที่มีความโกรธเคืองอยู่เต็มหน้า เขารู้สึกคุ้นตาอยู่บ้าง ไม้ฟาดลงมาที่หลังไม่หยุด เขาเ็ปจนร้องะโออกมา ปรากฏช่องว่างของฟันที่หายไป
ตอนนี้เองพ่อบ้านชรารีบเข้ามารายงาน “ฮูหยินผู้เฒ่าขอรับ ท่านโหว ท่านโหวกลับมาแล้ว!”
อะไรนะ?! ในใจของเหลยซื่อส่งเสียงดังสนั่น จบสิ้นแล้ว บุตรชายของนางต้องถูกโบยตายแน่
********************************
1 พิธีชงสี่ คือการจัดงานมงคลเพื่อขจัดเสนียดจัญไร หมายถึงการจัดงานแต่งงานให้บุตรที่ร่างกายอ่อนแอ เพราะเชื่อว่าจะสามารถขับไล่โชคร้ายและทำให้มีสุขภาพดีขึ้น
2 เหล่ามามา คือคำเรียกผู้ดูแลนางโลม