การสอบระดับอำเภอสนามแรก เฉิงชิงสอบได้อันดับที่หนึ่ง!
นางสามารถไม่เข้าร่วมการสอบระดับอำเภอที่เหลืออีกสี่สนาม ได้รับคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการสอบระดับเมืองโดยตรง แต่กลับ้าไปคว้าตำแหน่ง ‘บัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอ’ การตัดสินใจนี้แพร่สะพัดไปทั่วอำเภอหนานอี๋อย่างรวดเร็วผ่านปากของเ้าหน้าที่และเหล่าบัณฑิตร่วมเรียน
เมื่อเกี่ยวกับการสอบเข้ารับราชการ ทุกตำแหน่งล้วนสำคัญมาก หากสามารถคว้ามาได้ไยไม่คว้ามาเล่า?
มิเห็นหรือ หลังจากการประกาศรายชื่อของการสอบระดับราชสำหนัก หรือที่เรียกกันว่าการสอบหน้าพระที่นั่ง ซึ่งเป็ระดับสูงสุดของการสอบเข้ารับราชการจะมีรายชื่ออยู่สามแถว
แถวที่หนึ่งมีเพียงสามคน แบ่งเป็จ้วงหยวน ปั้งเหยียนและทั่นฮวา แถวที่สองทั้งกลุ่มจะเรียกว่า ‘จิ้นซื่อ’ แถวที่สามกลับถูกเรียกว่า ‘ถงจิ้นซื่อ’ บัณฑิตจิ้นซื่อดูถูกบัณฑิตถงจิ้นซื่อ[1]ก็เป็เื่ที่แน่นอนอยู่แล้ว ยังมีผู้ที่ไร้คุณธรรมดัดแปลง ‘บัณฑิตถงจิ้นซื่อเสมือนฮูหยิน’ เป็ที่เยาะเย้ยกันอย่างกว้างขวาง
เสมือนฮูหยินก็คือภรรยาน้อย สามารถเห็นได้ว่าในกลุ่มขุนนางบัณฑิตถงจิ้นซื่อมีตำแหน่งอะไร
อันดับหนึ่งของแถวที่สามในทุกการสอบย่อมเืซิบในใจ หากขยันมากกว่านี้ก็จะได้เข้าไปในแถวที่สองแล้ว ‘เสมือนฮูหยิน’ ไม่อาจให้ชื่อเล่นน่าเกลียดเช่นนั้นติดตัวไปตลอดชีวิต!
เฉิงชิง้าจะคว้าตำแหน่ง ‘บัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอ’ ไม่มีผู้ใดที่รู้สึกว่านางเสียเวลาโดยใช่เปล่าหรือบ้าระห่ำ นางหลี่ยินดีอย่างมาก เอ่ยชมว่าเฉิงชิงมีปณิธาน
ส่วนเื่นี้จะทำให้เ้าเมืองอวี๋ลำบากใจหรือไม่นั้น… หึๆ สำคัญด้วยหรือ?
ในเมื่อเ้าเมืองอวี๋รับปากแล้วว่าให้เฉิงชิงเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอ ยามนี้คิดจะหยุดยั้งไม่ให้เฉิงชิงผงาดขึ้นมาก็สายไปแล้ว
เฉิงชิงยังไม่ได้ตำแหน่งบัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอ นางหลี่ก็คิดเื่การสอบระดับอำเภอไปถึงการสอบระดับมณฑลแล้ว
“หากชิงเกอสอบได้ตำแหน่งเจี้ยหยวนจะต้องดีมากแน่”
นายท่านห้าเฉิงไร้คำพูด
ภรรยาเฒ่าไม่เอ่ยถึงฮุ่ยหยวนกับจ้วงหยวนติดต่อกันก็เอ่ยถึง ‘เจี้ยหยวน’ ไม่ยอมปล่อยวาง ยังคงพะวงเื่เมิ่งไหวจิ่นสินะ?
แต่ตัวนายท่านห้าเฉิงก็ยากที่จะปล่อยวางเมิ่งไหวจิ่นเช่นกัน
สถานศึกษาหนานอี๋มีลูกศิษย์มากมายถึงเพียงนั้น เขากลับเลือกให้ความช่วยเหลือด้านการเงินกับเมิ่งไหวจิ่นเพียงผู้เดียว เฝ้ามองชุบเลี้ยงต้นกล้าอย่างใส่ใจเพื่อหวังให้ออกผล กิ่งยื่นออกนอกกำแพงไปแล้ว ผลนั้นกว่าครึ่งย่อมตกอยู่ภายในเรือนของบ้านอื่น นายท่านห้าไม่โกรธสิแปลก!
เมิ่งไหวจิ่นกลับไม่ได้อกตัญญู้าโยน ‘ตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋’ ทิ้งโดยสิ้นเชิง แต่แสดงความคิดของตนเอง ไม่มีทางไม่ไปมาหาสู่กับเยี่ยอ๋องซื่อจื่อเพราะนายท่านห้าคัดค้าน
ในเมื่อทั้งสองคนไม่อาจพูดคุยหาข้อตกลงร่วมกันได้ นายท่านห้าก็หยุดความคิดที่จะให้บุตรสาวแต่งให้เมิ่งไหวจิ่น
เฉิงชิงสนิทกับเมิ่งไหวจิ่น ที่เหมือนกันคือมีลักษณะนิสัยชอบเสี่ยงอันตรายเดินไปยังริมหน้าผา… แต่เฉิงชิงอายุยังน้อย นิสัยยังสามารถดัดได้ หากตัวบุตรหลานตระกูลเฉิงมีความเพียรพยายามมากพอ นายท่านห้ากินอิ่มจนแน่นถึงได้ไปทำเื่ไร้สาระอย่างเลี้ยงดูคนต่างสกุล เมิ่งไหวจิ่นไม่เป็น้ำหนึ่งใจเดียวกับตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ เช่นนั้นก็แล้วแต่เขาเถิด
นายท่านห้าอึดอัดใจอยู่นานขนาดนี้ จนถึงบัดนี้พลันตระหนักได้แล้ว เขาจะหงุดหงิดไปกับคนรุ่นหลังอย่างเมิ่งไหวจิ่นไปทำไม แต่ละคนล้วนมีปณิธาน ที่ตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋สามารถมีวันนี้ได้ก็เพราะบรรพบุรุษฝ่าฟันมา ไม่มีเมิ่งไหวจิ่น บุตรหลานตระกูลเฉิงก็ยังคงมีเสื้อผ้าให้สวมใส่ มีอาหารให้กิน มีตำราให้อ่าน ตนผู้นี้ที่เป็ผู้นำตระกูลเฉิงก็ไม่นับว่าผิดพลาดต่อหน้าที่
เมิ่งไหวจิ่นมีอนาคตไกล บุตรหลานตระกูลเฉิงเองก็ไม่ใช้พวกไร้ค่าทั้งหมด ชิงเกอเอ๋อร์เด็กคนนี้สามารถสอบได้จริงๆ ก็ดีแล้ว
นายท่านห้าพึมพำกับตนเองชั่วครู่ แล้วเอ่ยถึงเื่การแต่งงานของเฉิงหรงผู้เป็บุตรสาวกับนางหลี่
“มีคำสู่ขอมาถึงที่มากมายถึงเพียงนี้ เ้ายังเลือกที่เหมาะสมไม่ได้เลยหรือ?”
นางหลี่กำลังเป็กังวล
ที่เหมาะสมน่ะมี แต่เมื่อนำไปเทียบกับเมิ่งไหวจิ่นแล้วก็ล้วนขาดอยู่บางส่วน นางหลี่ยังไม่พอใจ นายท่านห้าเข้าใจความกังวลใจของภรรยาที่ไม่ยอมให้หรงเหนียงได้รับความอยุติธรรม ต้องหาสามีที่ดีให้แก่หรงเหนียงให้ได้...ความคิดไม่เลว เพียงถูกเงื่อนไขระยะทางที่จำกัดจึงจัดการได้ไม่ง่ายนัก ความหมายของนายท่านห้าคือ้าส่งเฉิงหรงไปเมืองหลวง
“ไม่สู้ไปอยู่ข้างกายน้องหก ขอให้น้องชายน้องสาวช่วยเหลือ ปีนี้บัณฑิตจวี่เหรินที่เข้าเมืองหลวงไปสอบมากมาย หรงเหนียงจิตใจบริสุทธิ์และฉลาดหลักแหลม อย่างไรก็ดีหากมีบัณฑิตจวี่เหรินหนุ่มที่คู่ควรจึงจะดี”
สายตาของนายท่านห้าเองก็สูงมาก ไม่ได้ขอให้บุตรเขยต้องเป็บัณฑิตเจี้ยหยวน แต่คุณวุฒิจวี่เหรินคือคุณสมบัติขั้นพื้นฐานที่สุด
ยามนี้ส่งเฉิงหรงไปเมืองหลวง นายท่านห้าพุ่งเป้าไปที่บัณฑิตจวี่เหรินที่เข้าเมืองหลวงเพื่อสอบในปีนี้ ที่กล่าวว่าบัณฑิตจวี่เหรินหนุ่มถือเป็การถ่อมตัว นายท่านห้ายิ่งคิดจะหาบัณฑิตจิ้นซื่อใหม่มาเป็บุตรเขย
ดวงตาของนางหลี่เป็ประกาย “น้องหกกับภรรยาอยู่ที่เมืองหลวงมาหลายปี คนที่รู้จักก็ไม่น้อย”
ที่อำเภอหนานอี๋ เฉิงหรงคือบุตรีของภรรยาเอกบ้านห้าตระกูลเฉิง เมื่อไปเมืองหลวงแล้ว เฉิงหรงก็จะเป็หลานสาวของเสนาบดีเฉิง หาบัณฑิตจิ้นซื่อใหม่ก็ไม่นับว่าเกินเอื้อม
เื่หนักใจที่สุดของนางหลี่เบาลงแล้ว จัดสัมภาระไปเมืองหลวงให้เฉิงหรงผู้เป็บุตรสาวไปพลางแบ่งสมาธิไปติดตามการสอบระดับอำเภอของเฉิงชิง
วันที่สิบสองเดือนสอง การสอบระดับอำเภอสนามแรกประกาศรายชื่อ วันที่สิบสามเดือนสองเป็วันสอบระดับอำเภอสนามที่สอง เฉิงหรงพร้อมสัมภาระน้อยใหญ่ขึ้นเรือในวันนั้น การสอบระดับอำเภอสนามที่สองประกาศรายชื่อแล้ว เฉิงชิงก็ได้อันดับที่หนึ่ง
หลังละทิ้งการแต่งงานกับเมิ่งไหวจิ่นไปแล้ว เฉิงหรงก็หดหู่อยู่ตลอด ยามนี้ได้ยินบ่าวรับใช้ของที่บ้านมาแจ้งข่าวมงคล ใบหน้าก็มีรอยยิ้มแล้ว
“ชิงเกอช่างมีความเพียรพยายามจริงๆ ท่านพ่อต้องเลี้ยงดูต้นกล้าที่ดีต้นนี้ให้ดีนะเ้าคะ”
เฉิงหรงมีชีวิตชีวาขึ้น นางหลี่ก็ยิ่งยินดี “นั่นยังต้องให้เ้าพูดอีกหรือ ไม่ต้องกังวลเื่ที่บ้าน การไปเมืองหลวงครั้งนี้ต้องไปอยู่ประมาณหนึ่งปี ต้องเชื่อฟังท่านอาและอาสะใภ้ของเ้า ห้ามไปสร้างความเดือดร้อนให้พวกเขา”
เฉิงหรงหน้าแดงก่ำ
เดิมในบ้านเป็คนเสนอการแต่งงานแก่นาง จู่ๆ ้าส่งนางไปเมืองหลวงที่บ้านของท่านอา เพื่ออะไรนั้นนางจะทายไม่ได้เชียวหรือ?
กล่าวว่าต้องไปอยู่เกือบปีค่อยกลับหนานอี๋นั่นเป็เื่ลวง ้าเลือกสามีที่เมืองหลวงให้นางสิคือความจริง
เฉิงหรงซาบซึ้งถึงความรักและทะนุถนอมของบิดามารดา เพียงแต่พอคิดถึงว่าเมิ่งไหวจิ่นก็อยู่เมืองหลวงด้วย ภายในใจของเฉิงหรงยังคงแปลกไปบางส่วน แต่นางก็ยังมีความทะนงตนของตนเอง สุดท้ายแล้วกับเมิ่งไหวจิ่นนั้นเป็ไปไม่ได้แล้ว ความเ็ปทางอารมณ์ของเฉิงหรงยังไม่หาย จู่ๆ ก็เกิดความคิดแปลกประหลาดขึ้นมาความคิดหนึ่ง
วันนั้นที่ริมแม่น้ำ เมิ่งไหวจิ่นกล่าวว่าตนเองไม่มีความคิดที่จะมีบุตร การแสดงออกเช่นนั้นเหมือนกับเซียนนอกโลกที่ตายด้านแล้ว เพียงหวังให้สักวันท่านเซียนเมิ่งจะมีใจดั่งปุถุชนทั่วไป ไม่เพียงชอบแม่นางน้อยสักคนหนึ่ง ยังต้องให้ลิ้มรสความทุกข์ความ้าที่ไม่สมหวังจึงจะดี!
แต่ความน่าจะเป็ที่จะเกิดเื่เช่นนี้ก็น้อยเกินไปแล้ว
จากรูปลักษณ์และความสามารถของเมิ่งไหวจิ่น หากสนใจแม่นางน้อยสักคนหนึ่ง ฝ่ายหญิงไม่ตอบรับสิแปลกกระมัง?
นางหลี่ส่งบุตรสาวไปแล้ว ความสนใจทั้งหมดจึงไปจดจ่ออยู่กับการสอบระดับอำเภอของเฉิงชิง
สนามสอบแรกได้อันดับที่หนึ่ง สนามสอบที่สองก็ได้อันดับที่หนึ่ง เฉิงชิงเหมือนจะได้รับการดูแลจากดาวเหวินฉวี่ ได้อันดับที่หนึ่งสนามแล้วสนามเล่า เดิมก็มิอาจหยุดยั้งได้ พริบตาเดียวก็มาถึงการประกาศรายชื่อของสนามที่สี่ เฉิงชิงก็ได้อันดับที่หนึ่งอีกแล้ว!
นางหลี่ยินดีเป็อย่างยิ่ง
“ตำแหน่งบัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอของชิงเกอนี้ย่อมมั่นคงแล้ว!”
การสอบระดับอำเภอมีทั้งหมดห้าสนาม เฉิงชิงสอบได้อันดับที่หนึ่งติดต่อกันสี่สนาม สนามสุดท้ายไม่จำเป็ต้องแสดงความสามารถชวนตกตะลึงมากมาย เพียงต้องไปสอบตามกฎกติกา ตามกฎเดิมของการสอบเข้ารับราชการ นายอำเภอหลี่ก็สามารถแต่งตั้งเฉิงชิงให้เป็ ‘บัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอ’ ได้แล้ว
นายท่านห้าเองก็รู้สึกว่าตำแหน่ง ‘บัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอ’ จะว่าไปเฉิงชิงก็ได้มาเก้าในสิบส่วนแล้ว
การสอบระดับอำเภอเป็เพียงจุดเริ่มต้นของการสอบเข้ารับราชการ ในสายตาของนายท่านห้าไม่นับว่าเป็อันใดได้ คนในตระกูลดำเนินงานสถานศึกษาแห่งหนานอี๋ บุตรหลานในตระกูลไม่มีการศึกษาสิถึงเรียกว่าเป็พวกนอกคอก ตำแหน่ง ‘บัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอ’ นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่บุตรหลานตระกูลเฉิงได้รับ
แต่เฉิงชิงไม่เหมือนกับพวกเขา เด็กคนนี้เพิ่งได้เรียนไม่ถึงหนึ่งปี ยังสามารถแสดงฝีมือได้ดีเช่นนี้ภายใต้การกดดัน นายท่านห้าปลาบปลื้มใจอย่างยิ่ง
แต่เฉิงชิงจะสามารถได้รับตำแหน่ง ‘บัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอ’ หรือไม่นั้น ไม่เพียงดูการแสดงฝีมือในการสอบสนามที่ห้า ยังต้องมีการพิจารณาทางการเมือง ได้มาเก้าจากสิบส่วนแล้ว สุดท้ายก็ยังมีส่วนที่ไม่มั่นคงอยู่... เริ่มแรกชุยเยี่ยนคิดวิธีเรียกร้องกดดันวังหลวง ไปโน้มน้าวเศรษฐีเฒ่าเหอก่อน แล้วก็มาโน้มน้าวนายท่านห้า เศรษฐีเฒ่าเหอและนายท่านห้าร่วมกันไปหานายอำเภอหลี่เพื่ออำนวยความสะดวก นายอำเภอหลี่เห็นผู้ใจบุญของอำเภอตนเองยินยอมที่จะรับรองให้เฉิงชิง พร้อมไม่ยอมที่จะล่วงเกินตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ เมื่อรวมกับความประทับใจของเฉิงชิงในงานชุมนุมวรรณกรรมกลางสารทฤดูที่ไม่เลว สุดท้ายจึงตกลงที่จะช่วยเหลือ
บัดนี้ นายอำเภอหลี่ก็เผชิญหน้ากับความกดดันที่ใหญ่กว่าแล้ว
นายอำเภอหลี่ที่น่าสงสารตกลงให้เฉิงชิงเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอ เขาเองก็ไม่คิดว่าเฉิงชิงที่ถูกกักบริเวณสองสามเดือนจะยังมีความสามารถที่จะได้รับตำแหน่ง ‘บัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอ’
ตำแหน่งบัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอนี้มีนายอำเภอหลี่เป็ผู้ตัดสิน ้าที่จะแต่งตั้งเฉิงชิงเป็บัณฑิตอั้นโส่วหรือไม่ นายอำเภอหลี่คิดจนหัวแทบแตกแล้ว!
[1] ถงจิ้นซื่อ แปลได้ว่าเสมือนจิ้นซื่อ
