ผู้มาเยือนเองก็เห็นว่าสตรีที่หั่วอี้พามาก็จับจ้องสังเกตเขาอย่างใคร่รู้เช่นกันโฉมงามตรงหน้าเป็ผู้มีแววตาเปี่ยมไหวพริบทั้งสดใสเป็ประกายนางกำลังกุมมือหั่วอี้อยู่ด้วยกิริยางามสง่า ช่างดูเป็ธรรมชาติไร้จริตมารยา
หั่วอี้ไม่เพียงปล่อยให้นางเกาะกุมมือยังประสานมือเข้ากับมือนางด้วยไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เป็วิธีที่ปฏิบัติต่อกันด้วยหัวใจจริง
น่าสนใจ เขาแอบชื่นชมอยู่ในใจนางไม่ใช่สตรีที่เลี้ยงเอาไว้ในเหย้าในเรือนทั่วไปที่รู้จักแต่จะจับบุรุษเท่านั้นเขาเอ่ยกระเซ้าหั่วอี้ทั้งรอยยิ้มเ้าเล่ห์ว่า “นานๆครั้งจะเห็นพี่หั่วอี้มีอารมณ์พาหญิงงามออกมาท่องเที่ยวตามลำพังสตรีที่สามารถอยู่เคียงข้างพี่หั่วอี้ท่านนี้ คงมีสิ่งพิเศษเหนือคนทั่วไปกระมัง”
ชายหนุ่มไม่มีท่าทีต่ำทรามหรือโอหัง กิริยาเยือกเย็นงามสง่าเช่นนี้ทำให้เขาได้รับความรู้สึกที่ดีจากหลิ่วจิ้งนางยิ้มน้อยๆ ให้ชายหนุ่ม นับเป็การพยักหน้ารับคำเขา
จ้าวอี้หรงอารมณ์เสียขึ้นมาทันใดเมื่อได้ยินพี่ชายตนเอ่ยชมสตรีข้างกายหั่วอี้นางหันไปขึงตาใส่พี่ชายด้วยความไม่พอใจหลายหน คิดในใจว่าพอกลับไปจะต้องเอาเื่นี้ไปฟ้องมารดาให้จงได้มีอย่างที่ไหนไปช่วยพูดให้คนนอก
หลายปีมานี้ น้ำใจที่นางมีต่อหั่วอี้มิใช่ความลับอันใดต่อคนในครอบครัวแต่พี่ชายกลับยังเอ่ยชมสตรีของหั่วอี้ต่อหน้านาง แล้วจะให้นางทนได้อย่างไร
หั่วอี้อ่อนใจ หันไปยิ้มเจื่อนให้หลิ่วจิ้งพลางเอ่ยว่า“ให้ฮูหยินเห็นเื่ตลกแล้ว สองพี่น้องคู่นี้ล้วนเป็สหายสนิทที่เล่นกับสามีมาแต่เล็กจนโตจึงไม่ได้เกรงอกเกรงใจสามี ภายภาคหน้าเมื่อรู้จักกันไปนานวันเข้า ฮูหยินก็จะคุ้นเคยกับนิสัยของพวกเขาเอง”
หั่วอี้ชี้ไปทางชายที่มา บอกว่า“คนผู้นี้คือคุณชายจ้าวเหยียนเฉิงแห่งจวนเสนาบดี อย่าได้มองเพียงรูปลักษณ์คุณชายอ่อนแอไม่เคยต้องลมของเขาทีเดียวความสามารถด้านการศึกของเขาไม่แพ้สามีเลย ดีที่มีเขาช่วยเหลือในศึกหลายคราสามีจึงมีชัยกลับมาได้ในที่สุด”
หลิ่วจิ้งอดรู้สึกดีกับจ้าวเยียนเฉิงขึ้นมามิได้ หากไม่ได้หั่วอี้แนะนำนางก็คงคิดว่าจ้าวเหยียนเฉิงมีความสามารถในการวางยุทธศาสตร์ที่เหนือกว่าผู้อื่นบ้างแต่กลับมองไม่ออกจริงๆ ว่าคนสุภาพเรียบร้อยเช่นเขาจะมีความสามารถในการเข้าทำศึกด้วย
นางมองจ้าวเหยียนเฉิงด้วยความสนใจนักมองรอยยิ้มสดใสไม่เสแสร้งของเขา ยิ่งทำให้รู้สึกดีกับอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก
หั่วอี้ชี้ไปยังสตรีที่กำลังขึงตาใส่จ้าวเหยียนเฉิงอย่างไม่พอใจผู้นั้นพลางว่า“นี่คือคุณหนูจ้าวอี้หรงแห่งจวนเสนาบดี แต่เล็กมานางเป็คนเฉลียวฉลาดเกินคนครั้งสามียังเล็กซุกซนนักไม่ชอบเรียนหนังสือ ก็มักเอาการบ้านที่ท่านอาจารย์มอบหมายไปให้อี้หรงช่วยทำให้”
คงเพราะนึกถึงเื่สนุกในวัยเด็ก หั่วอี้พูดไปก็หัวเราะออกมาพักใหญ่จึงพูดเหมือนกับว่าคิดบางสิ่งออก “ฮูหยินอย่ามองแค่ว่าอี้หรงร่างกายอ่อนแอมาั้แ่เล็กต้องรักษาตัวมานานปี แต่อี้หรงกลับมีความสามารถทำเื่เท็จให้เป็เื่จริงโดยทั่วไปแล้วตัวอักษรที่นางเคยเห็นนางล้วนเขียนเลียนแบบออกมาได้หมดเหมือนจนผู้อื่นยากจะมองออก และเพราะเป็เช่นนี้อี้หรงจึงสามารถช่วยสามีทำการบ้านมากมายที่ท่านอาจารย์มอบหมายให้จนเสร็จจนทุกวันนี้อาจารย์ตั้งหลายท่านก็ยังไม่มีผู้ใดรู้ความลับนี้เลย”
เมื่อเอ่ยถึงความทรงจำและเื่สนุกในวัยเด็ก จ้าวอี้หรงก็เบิกบานใจจนแย้มยิ้มออกมาได้นางมองหลิ่วจิ้งด้วยสายตาภาคภูมิใจ คล้าย้าบอกหลิ่วจิ้งอย่างไร้ซุ่มเสียงว่านางต่างหากที่มีความทรงจำและประสบการณ์ต่างๆร่วมกับหั่วอี้ ซึ่งผู้อื่นไม่อาจแทรกเข้ามาได้
หลิ่วจิ้งฟังหั่วอี้แนะนำพี่น้องทั้งสองคนโดยเฉพาะตอนที่ได้ยินว่าจ้าวอี้หรงมีความสามารถปลอมลายมือได้สัญญาณเตือนภัยในใจนางก็ดังลั่นขึ้นมา
สีหน้านางยังคงราบเรียบขณะนึกถึงสิ่งที่บิดาเคยสอนนางอยู่ในใจว่าผู้มีตำแหน่งสูงๆ ไม่อาจอาศัยเพียงการลงชื่อไปตัดสินเื่ใดๆ ต้องให้ระมัดระวังป้องกันผู้ที่้าปลอมแปลงมาปลอมลายมือเพื่อก่อการฏด้วยคำสั่งและราชโองการปลอม
เมื่อพิจารณาจากนิสัยใจคอของจ้าวอี้หรง พลางคิดว่าทั้งที่นางเพิ่งได้พบกับจ้าวอี้หรงเพียงสองครั้งแต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนางจึงรู้สึกระแวงสตรีผู้นี้นัก
หั่วอี้บีบมือหลิ่วจิ้งแน่นเข้ามาทำให้นางได้สติจากที่กำลังใจลอยคิดไปไกล เขาก้มลงมองนางอย่างอ่อนโยนก่อนจะเอ่ยกับจ้าวเหยียนเฉิงสองพี่น้องว่า “นี่คือฮูหยินของข้าหั่วอี้”
คำที่หั่วอี้เลือกสรรมาเอ่ยทำให้หลิ่วจิ้งอบอุ่นใจยิ่งนัก แต่กลับทำจ้าวอี้หรงเ็ปใจเกินทนทว่าคนไม่ละเอียดอ่อนเช่นเขาััไม่ได้เท่านั้นเอง
ดวงตาของจ้าวเหยียนเฉิงขยับอยู่น้อยๆเขาหันมองจ้าวอี้หรงด้วยสายตาเสียดายพลางแอบส่งรอยยิ้มให้กำลังใจนาง
หลิ่วจิ้งปรับเปลี่ยนสีหน้ามามีรอยยิ้มตามธรรมเนียมยามต้องพบปะผู้คนนางแย้มยิ้มและเอ่ยกับจ้าวเหยียนเฉิงว่า“ได้รู้จักท่านในวันนี้ถือเป็เกียรติของข้ายิ่งหวังว่าวันหน้าท่านพี่จ้าวจะไปเป็แขกที่จวนให้บ่อยครั้ง ข้าโง่เง่านักหวังอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสอนสั่งจากท่านพี่จ้าวเ้าค่ะ”
คำพูดที่หลิ่วจิ้งเอ่ยกับจ้าวเหยียนเฉิงเป็คำพูดจากใจจริง แม้จะได้พบกันคราแรกแต่หลิ่วจิ้งกลับมีความรู้สึกดีกับจ้าวเหยียนเฉิงอย่างบอกไม่ถูกแม้นางจะไม่รู้ว่าความรู้สึกดีนี้มาจากที่ใดแต่นางก็ััได้ว่าจ้าวเหยียนเฉิงเป็สุภาพบุรุษดีงามผู้หนึ่งเป็ผู้ที่สามารถคบค้าสมาคมด้วยได้
ผิดกับจ้าวอี้หรงน้องสาวของเขาหลิ่วจิ้งกลับไม่มีความรู้สึกดีกับนางเลยแม้สักน้อยรู้สึกเพียงว่าภายใต้รูปลักษณ์งดงามอ่อนช้อยภายนอกนั้นเก็บซ่อนหัวใจจอมอุบายที่้าจะหั่วอี้ไว้เพียงผู้เดียว
“จ้าวเหยียนเฉิงคำนับฮูหยิน”
ในขณะที่หลิ่วจิ้งกำลังแอบสังเกตสองพี่น้องอยู่หลังจากหั่วอี้แนะนำนางอย่างเป็ทางการจ้าวเหยียนเฉิงก็หันมาคารวะหลิ่วจิ้งอย่างเป็ทางการเช่นกันนับว่าได้รู้จักกันอย่างเป็ทางการแล้ว
จ้าวเหยียนเฉิงทักทายหลิ่วจิ้งอย่างเป็พิธีการยิ่งทำให้นางรู้สึกดีกับเขามากขึ้นไปอีก นางดึงมือที่กุมมือหั่วอี้ออกมา ก่อนประสานมือย่อตัวคำนับจ้าวเหยียนเฉิงกลับ“ท่านพี่จ้าวเกรงใจแล้ว ข้าเพิ่งมาอยู่ที่แคว้นของท่านวันหน้ายังมีเื่อีกมากที่หวังจะได้รับคำชี้แนะจากพี่จ้าวเ้าค่ะ”
จ้าวเหยียนเฉิงมองฮูหยินผู้แสนเปิดเผยตรงไปตรงมาของหั่วอี้รู้สึกว่านางไม่เย่อหยิ่งทว่าหยิ่งผยองท่าทีที่ถ่อมตนน้อมรับการเรียนรู้จากทุกคนทำให้เขารู้สึกดีกับนางมากเช่นกัน
จ้าวเหยียนเฉิงเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ฮูหยินเชื้อเชิญข้าน้อยย่อมต้องไปรบกวนบ่อยครั้ง ถึงยามนั้นพี่หั่วอี้อย่าได้รำคาญน้องชายเสียเล่า”
หั่วอี้หัวเราะเบาๆเมื่อเห็นว่าหลิ่วจิ้งเข้ากับสหายของเขาได้เป็อย่างดีก็รู้สึกยินดีนักเช่นนี้แล้ววันหน้ายามเขาออกมาสังสรรค์กับสหายก็จะสามารถพาหลิ่วจิ้งออกมาด้วยได้เมื่อเป็ดังว่านอกจากยังคงสานไมตรีกับเหล่าพี่น้องได้ ในเวลาเดียวกันก็ไม่ต้องทิ้งให้หลิ่วจิ้งเหงาอยู่ในบ้านเพียงลำพังด้วย
จ้าวอี้หรงเห็นท่าทีมีความสุขของหั่วอี้ ก็สะกดความริษยาที่กำลังลุกไหม้ในใจลงอย่างสุดกำลังดวงตานางขยับหนหนึ่ง แสร้งเอ่ยอย่างยินดีว่า “ใช่แล้วๆ วันหน้าพวกเราก็จะได้มาพบปะกันบ่อยๆไปท่องเที่ยวด้วยกันหลายคนน่าสนุกนัก”
จ้าวอี้หรงแสนเ้าเล่ห์ปรับยุทธวิธีในทันใดหั่วอี้มีฮูหยินแล้วนั่นเป็เื่จริง นางจึงไม่จำเป็ต้องทุกข์ใจกับเื่นี้อีกสิ่งที่นางต้องทำในเวลานี้ก็คือหาหนทางใกล้ชิดกับหั่วอี้ให้มากเข้าไว้ให้เวลาเป็ตัวช่วยให้นางไปเข้าตาหั่วอี้ นั่นต่างหากที่เป็เื่ใหญ่
เมื่อมีพี่ชายและสตรีผู้นั้นเป็ข้ออ้างให้ทุกคนออกไปข้างนอกด้วยกันพี่อี้ย่อมยอมรับได้ จ้าวอี้หรงคิดถึงตรงนี้ก็คำนับหลิ่วจิ้งอย่างอ่อนช้อยพลางกล่าวว่า“อี้หรงคำนับพี่หญิง คราก่อนน้องหญิงวู่วามนัก เกือบวิวาทกับพี่หญิงเสียแล้วน้องหญิงจึงขอขมาพี่หญิงไว้ ณ ที่นี้ หวังว่าพี่หญิงจะใจกว้างไม่ถือสาน้องหญิงเป็ดีเ้าค่ะ”
ไม่รู้ว่าจ้าวอี้หรงจงใจหรือไม่ คำก็พี่หญิงสองคำก็พี่หญิงที่นางเรียกขานนั้นยามฟังอยู่ในหูของหลิ่วจิ้งกลับคล้ายเป็ลางร้ายอย่างหนึ่ง
_____________________________
