นางจางปากไว ขณะที่สมองยังไม่ทันประมวลผลก็โพล่งออกมา “โก่วเซิ่งก็ช่วยเ้าดูแลเื่เงินน่ะสิ!”
เมื่อเห็นสีหน้าของเสิ่นม่านบึ้งตึง นางจางถึงรู้ว่าตนเองพูดผิดและรีบแก้ตัว
“ถึงเวลาแต่งงานไป พวกเ้าก็คือครอบครัวเดียวกัน ใครดูแลเงินก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ? ไยจึงต้องแบ่งแยกกันชัดเจน?”
“หยุด!” เสิ่นม่านทนฟังต่อไม่ไหวจึงห้ามไว้ “ป้าเลิกพูดได้แล้ว ประตูอยู่ทางนั้น เชิญกลับเถิด”
นางจางคิดว่าเสิ่นม่านยังเป็ห่วงเื่ลูก จึงดื้อรั้นและถามย้ำ
“เ้าอย่าเอาแต่คิดถึงลูกสิ เ้ายังไม่เคยแต่งงาน ความสุขชั่วชีวิตของเ้ากับลูกจะไปมีอะไรสำคัญยิ่งกว่า?”
หืม ความสุขชั่วชีวิต? กับลูกชายเ้าเนี่ยนะ? เสิ่นม่านโมโหจนทนไม่ไหวจึงเงยหน้าขึ้นและตอกกลับ
“ความสุขอะไร? ข้าแต่งงานกับลูกชายเ้า จากนั้นหาเงินมาเลี้ยงคนว่างงานเพิ่มอีกสองคน นั่นเรียกว่าความสุขหรือ? แล้วข้าได้อะไร? ได้ลูกชายเ้ามาช่วยดูแลเงิน? ขอโทษด้วย เงินแค่นี้คงไม่ต้องรบกวนพวกเ้า ข้าดูแลเองได้!”
ทันทีที่สิ้นเสียง หลี่โก่วเซิ่งก็เริ่มไม่พอใจส่งเสียงฮึดฮัด
“ข้ายังไม่เคยแต่งงาน ที่ยอมรับเงินจากสตรีตกอับเช่นเ้าก็ถือว่าดีมากแล้ว ข้าไม่ถือสาที่เ้ามีลูกทั้งยังอัปลักษณ์ แต่เ้ากลับเลือกมาก เสิ่นม่าน เ้าอย่าหวังสูงเกินไปนัก สตรีเช่นเ้า หากไม่ใช่เพราะความสงสาร ข้าคงคร้านจะสนใจไยดี!”
อะไรนะ ชักอยากชกหน้าเหมือนหมูนี่สักหมัด
เสิ่นม่านกำหมัดแน่นกัดฟันกรอดแล้วถาม “ที่บ้านมีคันฉ่องหรือไม่? หากไม่มีก็น่าจะมีปัสสาวะนะ ตอนที่ด่าข้าว่าอัปลักษณ์ เ้าควรปัสสาวะออกมาและส่องดูตนเองเสียก่อน คนเช่นเ้าหากสู่ขอภรรยาได้ ก็นับว่าเป็เื่ที่ควันเขียวผุดจากหลุมฝังศพบรรพบุรุษ [1] แล้ว!”
“ฮ่าๆ ...” หนิงโม่ที่ดูฉากสนุกอยู่นาน ในที่สุดก็กลั้นขำไม่อยู่
เสิ่นม่านเหลือบมองเขา ส่วนอีกฝ่ายขณะนี้กำลังมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
“เ้า!” หลี่โก่วเซิ่งโกรธจัดจนพูดไม่ออก
“ถูกต้อง! หลี่โก่วเซิ่ง ลองปัสสาวะส่องตนเองดูเสีย เ้าคือชายเกียจคร้านเลื่องชื่อในหมู่บ้าน ยังคิดกล้ามาสู่ขอท่านอาของข้า เ้าคู่ควรหรือ?!”
เสิ่นตงซานโมโหจนแก้มป่องเหมือนกบน้อย เขาแทบอยากจะช่วยท่านอาสั่งสอนชายหน้าเหม็นผู้นี้สักที!
เสี่ยวหลานที่อยู่ข้างๆ ก็ฝีปากไม่เบา “ถูกต้อง! เ้าคู่ควรหรือ? พวกเ้าทั้งสองเหมือนคางคกที่อยากกินเนื้อหงส์มากกว่า”
หลี่โก่วเซิ่งถูกคำพูดของคนทั้งหลายทำให้โมโหจนควันออกหู ขณะที่คิดจะสั่งสอนเสิ่นม่านก็ถูกนางจางคว้ามือไว้ก่อน
นางจางเตือนเขาด้วยเสียงค่อย “เสิ่นม่านแรงเยอะ เ้าสู้นางไม่ไหวหรอก”
ต้าเป่าที่ไม่รู้ว่าไปคว้าท่อนไม้มาจากไหน บัดนี้กำลังจะเงื้อขึ้นฟาดไปที่นางจาง ขณะฟาดก็ด่าไปด้วย “ห้ามพวกเ้าว่าร้ายท่านแม่ข้านะ คนชั่ว! รีบไสหัวไป! ต่อไปหากมาที่บ้านข้าอีก ข้าจะสั่งสอนพวกเ้า”
“โอ๊ย! เ้าเด็กร้ายกาจคนนี้!”
สองแม่ลูกถูกท่อนไม้ไล่ฟาดจนต้องรีบถอยทัพกลับ นางจางโมโหจึงแหกปากะโด่าไม่หยุด
“เป็แค่รองเท้าผุพัง แล้วจะแสร้งทำตัวสูงส่งเลิศเลอไปไย? เสิ่นม่านเหนียง เ้ามีลูกทั้งที่ไม่แต่งงาน ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็รู้กันทั่ว! วันนี้เ้าปฏิเสธโก่วเซิ่งของข้า วันหน้าแม้จะมาอ้อนวอนขอให้โก่วเซิ่งแต่งกับเ้า เขาก็ไม่มีทางสนใจ! ปล่อยให้รองเท้าผุพังอย่างเ้าเน่าเสียอยู่ในสกุลเสิ่นนี่แหละ!”
“แม่มดเฒ่า ยังกล้าพูดหรือ!”
เสิ่นตงซานหยิบก้อนอิฐจากพื้นในลานบ้านและขว้างไปทางกำแพงบ้านที่หญิงชราหลบไป นางจางถูกก้อนอิฐขว้างใส่ก็ใรีบพาลูกชายวิ่งหนีกลับบ้านทันควัน
ครอบครัวนี้ แต่ละคนอย่างกับเทพ ยั่วโมโหไม่ได้!
หลังขับไล่สองแม่ลูกออกไป ลานบ้านกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง เสิ่นม่านเห็นชาวบ้านที่มาดูอยู่รอบบริเวณก็แยกย้ายกลับไปแล้ว นางจึงยิ้มแย้มและเรียกเด็กน้อยทั้งสามมา
“วันนี้พวกเ้าสามคนเก่งมาก คืนนี้อยากกินอะไร ข้าจะตกรางวัลโดยให้พวกเ้าเลือกอาหารคนละหนึ่งอย่าง”
แต่คราวนี้ เห็นได้ชัดว่าเด็กๆ ไม่ได้กระตือรือร้นเช่นเคย แต่ละคนจ้องมองนางด้วยความเป็ห่วง “ท่านอา เพราะพวกข้า ท่านถึงแต่งงานไม่ได้จริงหรือ?”
เสี่ยวตงเป็พี่ชายคนโต เขามีความสุขุมที่สุด ตอนนี้ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในหัว เขาจ้องมองนางด้วยสีหน้าตึงเครียด
“ท่านแม่เคยบอกว่าเพราะน้องสาวกับข้า นางจึงมีชีวิตที่ลำบากมาก ดังนั้นนางจึงไม่ชอบเรา ตอนนี้ท่านคนเดียวต้องเลี้ยงดูเด็กสามคน ต้องลำบากกว่าท่านแม่ข้าสมัยก่อนแน่ พวกเราไม่้าให้ท่านพลาดความสุขชั่วชีวิตเพียงเพราะเราเป็ต้นเหตุ...”
เด็กคนนี้คิดอะไรอยู่กันแน่? เสิ่นม่านอ้าปากคิดจะปรับความคิดให้ถูกต้อง ทว่าสุดท้ายได้แต่ทอดถอนใจและเอ่ยถาม
“เช่นนั้นแล้ว? พวกเ้าคิดจะทำอะไร?”
เสี่ยวตงก้มศีรษะลงอย่างเศร้าสร้อยและพึมพำเสียงค่อย “ข้าคิดว่า... ข้ากับน้องสาวไม่อยากเป็ภาระให้ท่านอาต้องเหนื่อยตื่นเช้ากลับดึกทุกวัน หากว่าท่านอยากแต่งงานและรู้สึกว่าเราเป็ตัวขัดขวาง แล้วอยากส่งข้ากับน้องสาวไปอยู่บ้านผู้อื่นละก็...”
“เหตุใดจึงคิดว่าข้าเห็นพวกเ้าเป็ตัวขัดขวาง?”
เสิ่นม่านขัดคำพูดเขา เห็นได้ชัดว่าโกรธจัด “ข้าช่วยพวกเ้าออกมาจากหอนางโลม เพราะอยากเลี้ยงดูพวกเ้าให้มีการศึกษา นี่คือสิ่งเปล่าประโยชน์หรือ? ยามนี้เพียงเกิดเื่ขึ้นเล็กน้อย พวกเ้าก็คิดจะไปอยู่บ้านผู้อื่น พวกเ้าเห็นอาอย่างข้าเป็ตัวอะไร? เป็ตั๋วอาหารหรือ?”
“ไม่ใช่... ไม่ใช่นะ ท่านอา...”
เสี่ยวหลานใกับความโกรธของนางจึง้าอธิบายพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า เสิ่นม่านไม่ยอมฟัง จากนั้นจ้องเสิ่นตงซานด้วยสายตานิ่งเรียบ
“เสี่ยวตง เ้าเงยหน้ามองข้า”
เสิ่นตงซานเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยน้ำตา แต่กลับใจแข็งฝืนเอาไว้ไม่ให้มันไหลลงมา “ท่านอา ข้าแค่อยากช่วยให้ท่านสมปรารถนา...”
ในแคว้นฝูเหลียง สตรีที่มีลูกติดทั้งยังต้องเลี้ยงเด็กหลายคน การจะแต่งงานนั้นมีความเป็ไปได้ต่ำมาก แม้เขาจะอายุเพียงหกขวบ แต่ก็รู้ปัญหานี้ดี
เสิ่นม่านจ้องเขาอย่างจริงจังและเอ่ยด้วยน้ำเสียงไร้วี่แววน้อยเนื้อต่ำใจ
“สมปรารถนา? เหตุใดความสุขของข้าจึงต้องให้เด็กน้อยอย่างเ้ามาช่วยให้สมปรารถนา? เ้าคิดว่าครอบครัวคืออะไร ครอบครัวคือคนที่แยกย้ายกันหนียามเจออุปสรรคหรือ? พวกเ้าคิดเอาเองว่าตนคือภาระ เคยคิดบ้างหรือไม่ว่าตนเองก็คือส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้?”
“หรือเ้าสองคนชอบใช้ชีวิตแบบที่เอาแน่เอานอนไม่ได้กระทั่งเื่การกินอิ่มนอนอุ่น ถูกคนรังแกไปทั่วและต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวทุกวัน? ข้าทำอะไรมากมายก็จริง แต่เคยบ่นเหนื่อยตอนไหนบ้าง? เ้าคิดเองเออเองว่าจะทำให้ข้าสมปรารถนา เช่นนั้นเ้าเคยคิดเผื่ออนาคตของน้องสาวเ้าบ้างหรือไม่? พวกเ้าคิดว่าตนเองคือวัตถุสิ่งของที่สามารถมอบออกไปง่ายดายตามใจชอบหรือ? ในใจของพวกเ้าข้าคือคนเช่นนั้นหรือ?!”
“เสี่ยวตง เ้าทำให้ข้าผิดหวังนัก! หันหน้าเข้าหาผนังสำนึกผิดเสีย หากไม่มีการอนุญาตจากข้า ห้ามไปไหน!”
เสิ่นม่านโกรธจัดและหันหลังไปยังห้องครัว โดยไม่สนใจเด็กๆ ที่ร้องไห้อยู่ด้านนอก
“ท่านอา ข้า...”
เสิ่นตงซานน้ำตาอาบแก้ม เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรจึงจะดี ทั้งที่เขาอยากทำเพื่อท่านอา แต่เหตุใดกลับทำให้ท่านอาเศร้าโศกเสียใจเช่นนี้?
-----
เชิงอรรถ
[1] ควันเขียวผุดจากหลุมฝังศพบรรพบุรุษ เป็สำนวนที่มีความหมายว่า โชคดีมากแล้ว ตามความเชื่อในลัทธิเต๋า เชื่อว่าหากคนที่ตายแล้วได้กลายเป็เซียน ร่างกายจะสลายเป็ควันจางๆ
