ความคับแค้นใจและเหี้ยมโหดฉายขึ้นในแววตาของจังหรัวถิงอย่างไม่อาจซ่อนเร้น แต่นางก็กลบเกลื่อนสีหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยพูด "ตอนนั้นข้าพกถุงหอมติดตัวนานสามเดือนกว่าแล้ว ท่านหมอบอกว่าตอนแรกเพราะข้าเพิ่งพกถุงหอมติดตัวได้ไม่นานเท่าใดนักจึงยังตั้งครรภ์ได้ แต่หลังจากตั้งครรภ์แล้วข้าก็ยังพกถุงหอมนี้เอาไว้จึงทำให้มีอาการตกเื"
ซึ่งก็หมายความว่าจังหรัวถิงเพิ่งพกถุงหอมก่อนตั้งครรภ์เพียงหนึ่งเดือน แม้ชะมดเชียงจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของนาง แต่ระยะเวลาที่พกติดตัวถือว่ายังไม่นานนัก จึงไม่ส่งผลต่อการคุมกำเนิด ดังนั้นนางจึงตั้งครรภ์ในตอนหลัง
หลังจากซ่งอวี้แสดงความเข้าใจ จังหรัวถิงก็พูดต่อ "หลังจากที่ข้ารู้ความชั่วช้าของหญิงสารเลวคนนั้นข้าก็โยนถุงหอมทิ้งทันที ทว่าตลอดระยะเวลาที่ตั้งครรภ์สองเดือนนั้นข้าพกถุงหอมติดตัวทุกวัน..."
พูดถึงตรงนี้จังหรัวถิงคิดถึงลูกของตนที่ยังไม่ได้เกิดมาลืมตาดูโลกน้ำตาก็คลอเบ้า "น้องซ่งเป็หมอน่าจะรู้ดี ตั้งครรภ์สามเดือนแรกเป็่ที่อ่อนไหวที่สุด แม้จะระมัดระวังตัวก็เสี่ยงที่จะแท้งได้ นับประสาอะไรกับข้าที่พกยาพิษนั่นติดตัว"
ถูกต้อง นี่คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้นางแท้ง
แต่ซ่งอวี้รู้ดี คาดว่าเื่นี้คงจะไม่ได้เรียบง่ายแค่นี้ ชะมดเชียงคือสมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง ใช้รักษาได้หลายโรค ขอเพียงควบคุมปริมาณยาให้เหมาะสมยากที่จะส่งผลกระทบต่อร่างกายของสตรี พกถุงหอมติดตัวเพียงสามเดือนทำให้ไม่อาจตั้งครรภ์ได้ตลอดชีวิต เป็ไปได้อย่างไร
จังหรัวถิงพูดต่อ "ตอนนั้นข้าโมโหมากถึงกับตกเืทันที ท่านหมอช่วยข้าเอาไว้ได้ก็จริง แต่ถึงอย่างไรก็ส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ทำให้ทารกอ่อนแอยิ่งกว่าเดิม ในตอนนั้นสามีของข้ากลัวว่าหญิงชั่วช้าคนนั้นจะทำร้ายข้า จึงจับนางขังเอาไว้ ทว่านางกลับไม่ยอมแพ้ นางซื้อตัวแม่ครัวในโรงครัว ผสมขู่ซิ่งเหรินลงไปในขนมที่ข้าทานเป็ประจำ"
ตอนนี้ซ่งอวี้เข้าใจแล้วว่าเหตุใดหลังจากจังหรัวถิงแท้งลูกแล้วจึงไม่อาจตั้งครรภ์ได้อีก
ผงอัลมอนด์ อัลมอนด์หวานและขู่ซิ่งเหริน สองอย่างแรกรับประทานปริมาณมากไม่ส่งผลกระทบใดๆ แต่อย่างหลังกลับทำให้เกิดความเสี่ยงในการแท้งลูก ในขู่ซิ่งเหรินมีพิษอ่อนๆ เมื่อหญิงตั้งครรภ์รับประทานเข้าไปในปริมาณมาก มีความเป็ไปได้ที่จะส่งผลให้หายใจลำบาก
จังหรัวถิงที่เดิมทีร่างกายอ่อนแอเพราะถุงหอม หากรับประทานขู่ซิ่งเหรินเข้าไป เพียงแค่คิดก็รู้แล้วว่าจะมีจุดจบอย่างไร
"หญิงสารเลวคนนั้นอาศัยที่ตนเองตั้งครรภ์ทำเื่ชั่วช้าโดยไม่คิดพิจารณาแม้แต่น้อย หลังจากที่ข้าแท้งนางยังเรียกร้องจะแทนที่ข้า ้าที่จะขึ้นมาเป็ภรรยาหลวง ข้าเสียใจกับการสูญเสียลูกในท้องแล้วจะไม่โมโหได้อย่างไร จึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายทำให้ไม่อาจตั้งครรภ์ได้อีก"
นี่คือความทุกข์ของสตรีในสมัยโบราณ เป็ภรรยาหลวงไม่อาจจิตใจคับแคบ แม้จะเสียใจเจียนตายก็ต้องยิ้มแล้วยอมรับอนุภรรยาของสามี ทั้งยังต้องคอยดูแลอนุภรรยาแสดงความใจกว้างของกุลสตรี
ซ่งอวี้สงสารจังหรัวถิงอย่างมาก อีกทั้งอาการป่วยไม่อาจตั้งครรภ์ของนางก็ไม่ใช่ว่าไม่มียารักษา ซ่งอวี้ยังพอมีความมั่นใจอยู่บ้าง
"ความเป็จริงการที่พี่จังไม่ตั้งครรภ์มานานหลายปีเช่นนี้ใช่ว่าไม่มีทางรักษา แค่ยุ่งยากเล็กน้อยก็เท่านั้น" ซ่งอวี้พูดด้วยรอยยิ้ม แม้ไม่อาจฟังความข้างเดียว แต่คาดว่าจังหรัวถิงคงไม่ใช่คนจิตใจอำมหิต แค่การที่นางเห็นลูกของอนุภรรยาเป็เหมือนลูกของตนเองก็พอจะรับรู้ได้แล้ว
ถูกต้อง ซ่งอวี้พอจะเดาได้แล้วว่าเด็กกตัญญูที่จังหรัวถิงพูดถึงคือลูกของอนุภรรยาคนนั้น ส่วนอนุภรรยา...คาดว่าคงถูก 'กำจัด' ไปแล้ว
เมื่อจังหรัวถิงได้ยินซ่งอวี้บอกว่าสามารถรักษาให้หายดีได้ แววตาของนางก็ทอประกายด้วยความหวัง เสียงของนางสั่นเครือ "จริงหรือ อาการของข้าสามารถรักษาให้หายได้จริงหรือ"
"จริงเ้าค่ะ หากข้าได้เจอพี่จังเร็วกว่านี้สักสองสามปี บางทีอาจจะง่ายกว่านี้"
ในยุคปัจจุบันสตรีมีบุตรยากมีมากมาย อาการหนักยิ่งกว่านี้ไม่รู้ตั้งเท่าไร เื่แค่นี้ซ่งอวี้มีความมั่นใจ
จังหรัวถิงดีใจจนสั่นไปทั้งตัว "หากน้องซ่งสามารถคลายปมในใจของข้าได้ ข้าย่อมตอบแทนอย่างงาม!"
นี่แหละคือสัญญาที่ซ่งอวี้้า นางให้สูตรยาบำรุงร่างกายแก่จังหรัวถิง จากนั้นบอกวิธีการทำอาหารบำรุงร่างกายสามอย่าง ให้จังหรัวถิงทานทุกวัน
สุขภาพร่างกายของจังหรัวถิงไม่ได้รับการบำรุงอย่างถูกต้อง ดังนั้นระยะแรกจึงต้องใช้เวลาในการบำรุงร่างกาย ขอเพียงร่างกายกลับมาแข็งแรงระดับหนึ่งแล้ว จึงสามารถเข้าสู่การรักษาขั้นต่อไปได้
แน่นอน ซ่งอวี้ไม่อาจบอกเื่เหล่านี้ให้จังหรัวถิงฟังได้ ถึงอย่างไรพูดไปแล้วอีกฝ่ายก็ไม่เข้าใจ นางจะรู้หรือว่าขั้นตอนการรักษาหมายความว่าอย่างไร
กล่าวโดยสรุป การวินิจฉัยโรคในครั้งนี้ เป็ประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย ซ่งอวี้ได้รับคำมั่นสัญญานางพอใจอย่างมาก ส่วนจังหรัวถิงได้วิธีการรักษาก็อิ่มเอมใจมากเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าบอกลากันอย่างมีความสุข ตอนจากกันต่างฝ่ายต่างยิ้มจริงใจให้กันยิ่งกว่าตอนที่เพิ่งพบกัน
ร่างของหนึ่งนายหนึ่งบ่าวหายไปจากโรงน้ำชา เสี่ยวหมานรีบวิ่งเข้ามาถามทันที "คุณหนู ฮูหยินเมื่อครู่เป็ใครหรือเ้าคะ? ช่างสง่าผ่าเผยยิ่งนัก? แต่ว่าคุณหนูสง่างามยิ่งกว่า"
เสี่ยวหมานกลัวซ่งอวี้จะเสียใจจึงพูดเสริมประโยคสุดท้าย
ซ่งอวี้ตลกกับคำพูดของเสี่ยวหมานจึงยื่นมือไปยีผมของนางด้วยความเอ็นดู หัวเราะครู่หนึ่งแล้วค่อยพูด "สง่าผ่าเผย แต่ความสง่านี้สร้างมาจากเืเนื้อ เ้าอย่าอิจฉาไปเลย"
ชีวิตของมนุษย์ดั่งกำแพงเมือง คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า
การเปรียบเปรยนี้ดูไม่เหมาะสมเท่าใดนัก ควรจะบอกว่าเหมือนพีระมิดมากกว่า คนชั้นล่างมองคนชั้นบน คนชั้นบนมองคนที่สูงกว่าตน ไม่พอใจในเงินทองและอำนาจที่ตนมีดังนั้นชีวิตนี้จึงไม่รู้จักพอ
"หากวันหนึ่งเ้าจะแต่งงาน จำคำพูดของข้าในวันนี้เอาไว้นะ อย่าแต่งเข้าตระกูลใหญ่เด็ดขาด ในนั้นเต็มไปด้วยมารร้ายกินมนุษย์ หากเ้าเข้าไปไม่แน่ว่าอาจจะถูกกัดกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก"
เสี่ยวหมานกะพริบตาปริบๆ ถามด้วยความฉงน "แต่งเข้าตระกูลใหญ่ไม่ดีหรือเ้าคะ ไม่ต้องคอยกังวลเื่อาหารการกินและเสื้อผ้า ไม่ต้องทนหิวและทนหนาว นั่นคือชีวิตที่สุขสบายราวกับเทพเซียน"
ซ่งอวี้ยิ้ม คล้ายกำลังยิ้มให้กับความใสซื่อของเสี่ยวหมาน "เ้ายังเด็ก ชีวิตนี้อีกยาวไกล ไม่ได้มีเพียงเื่กินเท่านั้น ลำบากกายไม่ถือว่าเป็ความทุกข์ ลำบากใจต่างหากที่เป็ความทุกข์แท้จริง"
ในยุคสมัยที่ไม่อาจทำตามใจตนเอง คนส่วนมากไม่มีข้าวให้กินและไม่มีเครื่องนุ่งห่ม บางทีในความคิดของพวกเขาขอเพียงมีอาหารให้กินอิ่มท้องทุกวัน ในฤดูเหมันต์ไม่ต้องทนหนาว อาจจะเป็สิ่งที่ดีที่สุดก็ได้
ทว่านางไม่เหมือนกับพวกเขา ชีวิตตลอดยี่สิบปีที่ทุกคนเท่าเทียมและอยู่กันอย่างสันติสุข หล่อหลอมอุปนิสัยและมุมมองของนาง นางไม่อาจทำเหมือนคนในยุคสมัยนี้ที่ใช้ชีวิตไปวันๆ ขอเพียงมีชีวิตอยู่ต่อก็พอแล้ว
"ไปกันเถอะ คาดว่าอาฝูคงจะรออยู่ที่บ้านนานจนร้อนใจแล้ว หากพวกเรายังไม่กลับไป นางคงจะมาหาพวกเราถึงในเมือง"
ซ่งอวี้ยิ้มแล้วส่ายหน้า หยุดบทสนทนา หลักการเหล่านี้ต้องััด้วยตนเองเท่านั้น จึงจะเข้าใจความหมายอย่างแท้จริง แม้นางจะพูดอย่างไรก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความคิดคนได้
ค่าขนมในโรงน้ำชา จังหรัวถิงจ่ายตอนเดินออกมาแล้ว ซ่งอวี้จึงพาเสี่ยวหมานออกไปได้ทันที
"นายท่านขอรับ ฮูหยินไปแล้วขอรับ"
เฟิงเฉิงยืนอยู่ตรงหน้าต่าง มองแผ่นหลังของซ่งอวี้อยู่นานแสนนาน
ลำบากกายไม่ถือว่าเป็ความทุกข์ ลำบากใจต่างหากที่เป็ความทุกข์แท้จริง เป็เื่จริงหรือ?
ซ่งอวี้ที่ได้ทราบข่าวคราวของเฟิงเฉิงแล้ว ชีวิตของนางต่อจากนั้นมีชีวิตชีวามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้จะไม่มั่นใจว่าเขาอยู่ที่ใด แต่อย่างน้อยก็มั่นใจว่าเขายังมีชีวิตอยู่ นี่ถือเป็ความโชคดีในความโชคร้าย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้