ก่อนหน้านี้ไป๋เหล่าฮูหยินปลีกตัวอยู่ตามลำพังโดยไม่ออกไปไหน ทว่าวันนี้นางรู้มาว่าไป๋หว่านหนิงถูกฮ่องเต้แต่งตั้งเป็เสี้ยนจู่ จึงตัดสินใจออกมาร่วมเฉลิมฉลอง ไหนเลยจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
คนหนึ่งเป็มารดาผู้ให้กำเนิดของเสี้ยนจู่ที่แต่งตั้งโดยฮ่องเต้ ส่วนอีกคนขึ้นชื่อว่าเป็เศษสวะแห่งจวนสกุลไป๋ มองปราดเดียวก็รู้ว่าคนไหนสำคัญกว่ากัน นางจึงยืนอยู่ข้างลู่เป๋าเหยาโดยไม่ถามอะไรสักคำ
ทว่าลู่เป๋าเหยาคาดเดาได้ว่าไป๋เซี่ยเหอจะพูดอะไรต่อ
“เกรงว่าท่านจะลืมไปแล้วว่า เสี้ยนจู่ของไป๋หว่านหนิงนั้นได้มาอย่างไร!”
น้ำเสียงของไป๋เซี่ยเหอแฝงไว้ด้วยความประชดประชัน “ยิ่งไปกว่านั้น ฮองเฮาทรงเป็ถึงมารดาของแผ่นดิน คำพูดเปรียบดั่งทอง วาจาดั่งหยก ตรัสออกมาแล้ว สี่ม้าก็ยากจะตามกลับคืน ท่านคิดว่าใครจะพูดเหลวไหลได้เหมือนท่าน? แม้ว่าข้าจะทำได้เพียงเข้าออกวังหลวงได้อย่างอิสระ แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถทำแบบนั้นได้เล่า?”
ประโยคเ่าั้ของไป๋เซี่ยเหอทำให้หนังตาของไป๋เหล่าฮูหยินกระตุกอยู่หลายครั้ง นางเข้าใจแล้ว เกรงว่าเสี้ยนจู่ของไป๋หว่านหนิงนั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับไป๋เซี่ยเหอ
“เื่เป็มาอย่างไรกันแน่? พูดให้ชัดเจนเสีย!”
ไป๋เซี่ยเหอคร้านที่จะปิดบังเหมือนกัน จึงเล่าเื่ที่เกิดขึ้นในวังอย่างละเอียด แน่นอนว่านางไม่ได้เล่าเื่ที่นางต้องหลั่งโลหิตเพื่อถอนพิษให้ฮ่องเต้!
หลังจากไป๋เหล่าฮูหยินฟังจบก็แทบหงายหลังเป็ลม นางเกือบจะใช้ไม้เท้าทุบตีลู่เป๋าเหยาจนตายแล้ว เดิมทีลู่เป๋าเหยาก็เป็เพียงหญิงสาวที่เกิดในตระกูลพ่อค้าผู้มั่งคั่งเท่านั้น อีกทั้งต่อมายังกลายเป็ขอทานไปเสียนี่ ไหนเลยจะเข้าใจความร้ายแรงของเื่ราวที่เกิดขึ้น
ทว่าไป๋เหล่าฮูหยินนั้นไม่เหมือนกัน นางถือกำเนิดในตระกูลสูงศักดิ์ ทั้งยังเป็มารดาของแม่ทัพ ต้องเผชิญคลื่นลมมามากมายกว่าจะมีวันนี้ ดังนั้น นางจึงมองว่าชื่อเสียงกับเกียรติยศมีความสำคัญยิ่งกว่าชีวิตเสียอีก!
“ลู่เป๋าเหยา รีบขอโทษเหอเอ๋อร์เสีย!”
เดิมทีนางก็ดูแคลนลู่เป๋าเหยาอยู่แล้ว ในเวลานี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าลู่เป๋าเหยานั้นเป็สินค้าที่น่าอับอายขายหน้าโดยแท้!
ลู่เป๋าเหยาโมโหจนสีหน้าเขียวคล้ำ ดูอัปลักษณ์อย่างยิ่ง นางกล่าวด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “ท่านแม่ ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรือ? ผู้ที่ถูกแต่งตั้งเป็เสี้ยนจู่ก็คือหนิงเอ๋อร์ วันหน้าข้าจะได้เป็มารดาของเสี้ยนจู่ ส่วนท่านก็เป็ย่าของเสี้ยนจู่อย่างไรเล่า!”
แม้ว่าบรรดาศักดิ์เสี้ยนจู่จะมาจากการที่ไป๋เซี่ยเหอช่วยชีวิตฮ่องเต้เอาไว้ แต่ไม่ใช่เพราะฮ่องเต้คิดว่าไป๋เซี่ยเหอไม่คู่ควรหรอกหรือ ถึงได้ประทานบรรดาศักดิ์นี้ให้หนิงเอ๋อร์ของนางแทน
“ดูเหมือนว่าจะมีคนไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ”
ไป๋เซี่ยเหอหัวเราะคิก ก่อนจะกล่าวต่ออย่างไม่สะทกสะท้าน “ในเมื่อฮองเฮาทรงอนุญาตให้ข้าเข้าออกวังหลวงได้อย่างอิสระ ดังนั้นวันนี้ข้าจะไปเข้าเฝ้าฮองเฮาสักหน่อยก็แล้วกัน”
อันที่จริงตอนนั้นทุกคนต่างคิดว่าไป๋หว่านหนิงกับไป๋เซี่ยเหอเป็พี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกัน ฮองเฮาถึงได้ประทานรางวัลเช่นนี้ให้
เมื่อไป๋เหล่าฮูหยินได้ฟังเช่นนั้นก็ร้อนใจขึ้นมาทันที นางผลักหลังของลู่เป๋าเหยาอย่างรุนแรง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “ข้าสั่งเ้าไม่ได้แล้วใช่หรือไม่!”
เมื่อเห็นว่าไป๋เหล่าฮูหยินโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว กระบอกตาของลู่เป๋าเหยาก็แดงก่ำด้วยความคับแค้นใจ คนแก่ไร้ประโยชน์ผู้นี้ สักวันหนึ่งเถิด นางจะต้องทำให้อีกฝ่ายจ่ายค่าตอบแทนให้จงได้!
ไป๋เหล่าฮูหยินไม่สนใจเื่ราวภายในจวนมานานหลายปีแล้ว ทว่านางก็พอรู้เื่ที่ไป๋เซี่ยเหอได้ประสบพบเจออยู่บ้าง เพียงแต่นางเลือกที่จะปิดตาข้างหนึ่ง ทว่าวันนี้นั้นไม่เหมือนกัน
ตอนนี้ไป๋เซี่ยเหอได้ช่วยชีวิตฮ่องเต้เอาไว้ นอกจากนี้ฮองเฮายังรับนางเป็บุตรบุญธรรมด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเื่ที่นางสามารถเข้าออกวังหลวงได้อย่างอิสระเลย นอกจากคนผู้หนึ่งแล้ว ก็มีเพียงนางเท่านั้นที่ได้รับสิทธิพิเศษนี้
ยังดีที่นางเป็บุตรีของสกุลไป๋ ในเมื่อตอนนี้นางมีความดีความชอบ เช่นนั้นก็ถือเป็ความดีความชอบของสกุลไป๋เช่นกัน นางควรเอ่ยถ้อยคำดีๆ ในวังหลวงแทนสกุลไป๋ให้มาก!
เมื่อนึกถึงเื่นี้ ไป๋เหล่าฮูหยินก็ไม่ต้องพิจารณาให้มากความ แน่นอนว่านางต้องยืนอยู่ข้างไป๋เซี่ยเหอแน่นอน!
ไป๋เซี่ยเหอหันหน้าไปยิ้มอย่างโเี้ให้กับลู่เป๋าเหยา ดวงตาดำขลับฉายแววเ้าเล่ห์ “ในเมื่ออี๋เหนียงไม่เต็มใจ ข้าก็ไม่บังคับ”
ระหว่างที่กล่าว นางก็ทำท่าก้าวเดินไปด้วย ท่าทีของนางราวกับกำลังจะเข้าวังไป ‘เข้าเฝ้า’ ฮองเฮา
นี่เป็ยุคโบราณ ไป๋เซี่ยเหอย่อมเข้าใจดีถึงหลักการที่ว่าอำนาจสูงส่งสามารถบดขยี้คนจนตายได้ นางจึงวางท่าเป็จิ้งจอกที่แอบอ้างบารมีเสือ
“ปั้ก!”
“เฮือก!”
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นด้านหลังนั้นดึงดูดให้ไป๋เซี่ยเหอหันกลับไปมอง ปรากฏว่าไป๋เหล่าฮูหยินเตะเข้าที่ข้อพับเข่าของลู่เป๋าเหยา ส่งผลให้นางคุกเข่าลงกับพื้นทันที การถูกเตะด้วยเรี่ยวแรงที่มากมายขนาดนั้นแทบจะทำให้สะบ้าหัวเข่าของนางหัก!
ลู่เป๋าเหยาอยากจะกระอักเืออกมา ความไร้ปรานีของไป๋เหล่าฮูหยินนั้น นางไม่ได้เห็นเป็ครั้งแรก ทว่านึกไม่ถึงว่าตนเองจะได้พบเจอรวดเร็วปานนี้
นางเกลียด เกลียดยิ่งนัก!
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าไป๋เหล่าฮูหยินแล้ว ลู่เป๋าเหยาย่อมไม่กล้าบันดาลโทสะ ด้วยกลัวว่าจะถูกยึดอำนาจการดูแลจวนไป
นางทำได้เพียงอดทนเท่านั้น!
หากคิดจะบีบเด็กสาวนางหนึ่งให้ตาย คงไม่ใช่เื่ง่าย
เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว ลู่เป๋าเหยาที่กำลังจะเอ่ยปากขอโทษก็ได้ยินเสียงเย็นเยียบดังแว่วมาจากเหนือศีรษะของตน
“อี๋เหนียงกำลังคารวะสวัสดีปีใหม่ให้ข้าล่วงหน้าอยู่หรือ?”
ถุย!
คารวะสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้ากับผีสิ!
อารมณ์ของลู่เป๋าเหยาย่ำแย่อย่างยิ่งในเวลานี้ “คุณหนูใหญ่ ให้อภัยได้ก็ให้อภัยเถิด เมื่อกระต่ายถึงตาจนมันจะกัดคนเอา!”
หลังจากได้เปิดหูเปิดตาจากความเ็าของไป๋เหล่าฮูหยิน ไป๋เซี่ยเหอก็ยิ่งผิดหวังกับจวนสกุลไป๋ โอ้ ไม่สิ นางไม่เคยคาดหวังอยู่แล้ว จะผิดหวังได้อย่างไร? สิ่งที่เกิดขึ้นเพียงกระตุ้นให้นางคิดจะย้ายออกไปเร็วขึ้นก็เท่านั้น
“อี๋เหนียงกล่าวได้ถูกต้อง” ไป๋เซี่ยเหอหรี่ตา ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างใสซื่อและมีเมตตา “แต่ข้าไม่ใช่กระต่ายที่อ่อนแอตัวนั้นหรอกหรือ?”
ไม่มีทาง นางเป็จิ้งจอก จิ้งจอกที่ทั้งเ้าเล่ห์ทั้งหน้าเนื้อใจเสือ
ลู่เป๋าเหยาแทบจะกระอักเืออกมา!
กระต่ายหรือ! นึกไม่ถึงว่าไป๋เซี่ยเหอจะบอกว่าตนเองเป็กระต่าย...
ไป๋เหล่าฮูหยินยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตากับลู่เป๋าเหยา เป็สิ่งของที่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนดังคาด ขึ้นไปอวดโฉมบนเวทีไม่ได้ด้วยซ้ำ บุตรชายไม่ได้เื่ของตนผู้นั้นถูกทำให้ลุ่มหลงจนหัวหมุนไปเสียแล้ว!
“เหอเอ๋อร์เอ๋ย เ้าดูสิ คำขอโทษก็ถูกกล่าวออกมาแล้ว...”
แต่คำพูดของไป๋เหล่าฮูหยินกลับถูกขัดจังหวะ
“ขอโทษหรือ? ใครขอโทษกัน ทำไมข้าถึงไม่ได้ยินเลยเล่า!”
ลู่เป๋าเหยาเพียงคุกเข่า ไม่ได้กล่าวขอโทษเลย ทั้งยังข่มขู่นางด้วยซ้ำ หรือคิดว่านางกลั่นแกล้งรังแกง่ายเหมือนเมื่อก่อนอย่างนั้นหรือ?
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็แค่มองหน้ากันไม่ติดเท่านั้นเอง เช่นนั้นก็ไม่ต้องเสแสร้งต่อไปแล้ว
ไป๋เหล่าฮูหยินยิ้มมุมปาก นางไม่เข้าใจเลยว่าหญิงสาวที่มีจิตใจดีราวกับพระโพธิสัตว์อย่างเจียงเยว่เสียนนั้น ให้กำเนิดบุตรสาวที่ร้ายกาจเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร!
ทั้งสองฝ่ายต่างคุมเชิงกัน ตอนนี้ไป๋เหล่าฮูหยินกำลังพิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่านางจะเกลียดที่ไป๋เซี่ยเหอไม่ไว้หน้านาง ทว่านางโมโหที่ลู่เป๋าเหยาไม่เชื่อฟังคำพูดของนางมากกว่า!
นางถีบหลังของลู่เป๋าเหยาอีกครา “อี๋เหนียงอย่างเ้าจะพอได้หรือยัง!”
ลู่เป๋าเหยาถูกข่มขู่อย่างหนักจนร่างกายสั่นสะท้าน นางโมโหเสียจนต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นับั้แ่นางเป็อี๋เหนียง นางไม่เคยปฏิบัติต่อไป๋เหล่าฮูหยินอย่างย่ำแย่เลยแม้แต่น้อย ทว่าคนแก่ไร้ประโยชน์ผู้นี้ เพียงชั่วพริบตาก็ปฏิบัติต่อนางเช่นนี้เสียแล้ว
นางจดจำบัญชีแค้นนี้ไว้แล้ว!
ลู่เป๋าเหยากัดริมฝีปากล่างอย่างแรง นางคุกเข่าตัวตรง แม้ว่าจะคุกเข่าอยู่ นางก็ควรที่จะคุกเข่าอย่างหยิ่งยโส เพราะนางเป็ถึงผู้ดูแลจวนสกุลไป๋ และเป็มารดาของเสี้ยนจู่!
“ข้าผิดไปแล้ว คุณหนูใหญ่โปรดให้อภัยด้วย”
ไป๋เซี่ยเหอเหลือบมองลู่ซื่อ[1]ด้วยสายตาเ็า ก่อนที่มุมปากจะยกขึ้นเป็รอยยิ้มเยาะ
ในจวนแห่งนี้ใครไม่ทราบบ้างว่าอี๋เหนียงรองเป็บุคคลจิตใจคับแคบและชอบจดบัญชีแค้น ขนาดตอนนี้นางก็ยังคงวาดมาดเสียใหญ่โต
เพียงแต่ไป๋เซี่ยเหอเคยกลัวใครที่ไหนกัน?
ฝูเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ และยังคงรู้สึกเ็ปไปทั่วร่างนั้นไม่ได้คิดมากนัก เมื่อเห็นว่าคุณหนูที่ถูกรังแกมานานได้เปลี่ยนไปแล้วในวันนี้ นางก็ยิ้มกว้างเสียจนเมื่อยหน้า
“เหอเอ๋อร์ คราวนี้เ้าคงพอใจแล้วกระมัง!” ไป๋เหล่าฮูหยินรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
ไป๋เซี่ยเหอเลิกคิ้วก่อนจะพยักหน้า “พอใจแล้ว”
ลู่เป๋าเหยาลุกขึ้น ก่อนจะไปยืนอยู่ข้างหลังไป๋เหล่าฮูหยินด้วยใบหน้าเชื่อฟัง ราวกับเมื่อครู่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่ฝุ่นที่เปรอะเปื้อนกระโปรงบริเวณหัวเข่าได้คอยย้ำเตือนนาง
ว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่ใช่ความฝัน!
ไป๋เหล่าฮูหยินมองไปรอบๆ พลางขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยกับลู่เป๋าเหยาที่ยืนอยู่ข้างหลัง “เรือนของเหอเอ๋อร์ทรุดโทรมเช่นนี้ได้อย่างไร? จวนสกุลไป๋ยากจนเช่นนี้เชียวหรือ?”
คิ้วของลู่เป๋าเหยาพลันกระตุก ก่อนที่นางจะฝืนเอ่ย “ขออภัย ลูกสะใภ้สะเพร่าเองเ้าค่ะ”
------------------------
[1] ซื่อ หมายถึง สกุล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้