“เอ๋ คุณชาย พี่เฉินเซียง พวกท่านกลับมาแล้ว”
เมื่อหลิงชวนเห็นพวกเขากลับมาก็ทักทาย
“อื้อ”
เหยียนชิงพยักหน้า แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่คนกำลังให้อาหารม้าอยู่ เดิมพันเหรียญทองแดงว่าภรรยาของเขากำลังโกรธอยู่แน่นอน
เฉินเซียงมองออก จึงกระซิบหลินชวน “เ้ามาอยู่ที่นี่กับฮูหยินน้อยได้อย่างไร?”
หลินชวนเหลือบมองเหยียนชิงอย่างเงียบๆ ก่อนจะกลืนน้ำลาย “ฮูหยินน้อยมารับคุณชาย”
เหยียนชิงมองไปอย่างไม่พอใจ “เขารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่?”
หลิงชวนก้มศีรษะลงพร้อมกล่าวว่า “หลังจากที่ฮูหยินน้อยกลับมาจากจวนที่ว่าการก็ไม่เห็นท่านจึงถาม เขาถามข้า ข้าจะไม่ตอบก็ไม่ได้
เหยียนชิงกุมหน้าผาก “พวกเ้ามานานหรือยัง?”
หลินชวนนับนิ้วก่อนจะตอบ
“ไม่นาน แค่ครึ่งชั่วยาม ฮูหยินน้อยบอกว่าเขาไม่ชอบโรงน้ำชาของคุณหนูม่อ พอดีเห็นรถม้าของจวนตัวเองก็เลยรออยู่ตรงนี้”
เหยียนชิงไม่พูดอะไรอีก แต่เดินไปทางเว่ยซูหาน
หลินชวนเกาหัว “ฮูหยินน้อยเหมือนจะโกรธนะ”
เฉินเซียงกอดอกและกลอกตามองเขา “ใครบอกให้เ้าบอกฮูหยินน้อยว่าคุณชายอยู่ที่นี่?”
อยู่มานานขนาดนี้ยังไม่รู้ว่าความหึงหวงของฮูหยินน้อยร้ายกาจพอๆ กับวรยุทธ์ของเขา
หลินชวนรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเล็กน้อย
“ข้าแค่บอกว่าคุณชายมางานเปิดโรงน้ำชาของคุณหนูม่อเท่านั้น ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น... เื่ที่คุณชายกับคุณหนูม่อกินข้าวด้วยกันตามลำพังนั้นเหยียนอีกับเหยียนเอ้อร์เป็คนบอก”
เฉินเซียง "..." องครักษ์เงาเหล่านี้ก็ไม่เกรงกลัวอะไรเลยจริงๆ อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำก็ต้องสร้างปัญหาให้
เหยียนชิงเดินไปหาเว่ยซูหานแล้วกระแอมไอเบาๆ “ซูหาน เ้ามาได้อย่างไร?”
เว่ยซูหานตบมือปัดเศษในมือแล้วหันหน้าไปมองเขา “มารับเ้ากลับบ้าน”
เหยียนชิง “เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”
พูดจบก็หันไปกวักมือเรียกคนเลี้ยงม้าสองคนในคอกม้าอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก ให้เงินพวกเขาสองคนเพื่อช่วยเขาจัดรถม้า
เพื่อคลายความกระอักกระอ่วน เหยียนชิงจึงยิ้มและพูดกับคนที่เงียบขรึม “วันนี้ไปคารวะท่านเ้าเมืองราบรื่นดีหรือไม่”
“ราบรื่นดี” เว่ยซูหานพยักหน้า แล้วถามกลับไปว่า “แล้วเ้าล่ะ?”
เหยียนชิงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ข้าก็ไม่ได้ทำอะไร... แค่เถ้าแก่ม่อเชิญไปร่วมงานเท่านั้นเอง”
“ไปให้กำลังใจคุณหนูม่ออย่างนั้นหรือ?”
เว่ยซูหานพูดอย่างเ็าแล้วเดินไปทางรถม้า เดินไปได้สองก้าวก็หันกลับมาดึงมือของเหยียนชิงไปด้วยกัน
“เ้าของโรงน้ำชาคือคุณหนูม่อ ข้าเองก็ยากจะปฏิเสธ”
เหยียนชิงลดเสียงลง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ต่อให้เว่ยซูหานเสียมารยาทเขาก็ไม่รู้สึกโกรธ นี่คงเป็เพราะความแตกต่างระหว่างคนรักกับผู้อื่นกระมัง
“ไม่ง่ายจะปฏิเสธเ้าก็เลยปล่อยให้พวกเขาสองคนวางแผนให้เ้ากับคุณหนูม่ออยู่กินข้าวกันสองคนตามลำพัง แถมยังดื่มเหล้าอีก!”
เว่ยซูหานจับมือเขาเอาไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งเว่ยซูหานขึ้นรถม้าสีหน้าก็ไม่ได้ผ่อนคลายลง ปกติแล้วเหยียนชิงเป็คนฉลาด เป็ไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ว่านี่เป็แผนการของสองพ่อลูกตระกูลม่อ เขาอยู่กับม่อเสียวเสี่ยวเป็เวลานาน ใจใหญ่เกินไปแล้วกระมัง หรือคิดจะเก็บม่อเสียวเสี่ยวไว้?
ขณะที่เว่ยซูหานพูดประโยคนี้ ทั้งสองคนก็เดินผ่านเฉินเซียงและหลินชวนพอดี เฉินเซียงและหลินชวนก้มหน้าทำเป็ไม่ได้ยิน
เหยียนชิงเดินตามเขาขึ้นรถม้าไปเงียบๆ เว่ยซูหานกอดเขาไว้ไม่ยอมปล่อย คว้ามือที่เย็นเยือกของเหยียนชิงซุกเข้าไปในอก เกิดความคับข้องใจขึ้นมา
“อย่ามัวแต่โกรธหรือหึงเลย วันนี้ข้าถือโอกาสนี้ทำความเข้าใจความรู้สึกกับม่อเสียวเสี่ยวให้ชัดเจน ความรู้สึกที่เข้าใจผิดเช่นนั้นข้าเองก็รู้จักแยกแยะ ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ใช่คนดีของนาง ไม่ควรปล่อยให้นางเข้าใจผิดโดยไม่จำเป็ ชีวิตนี้มีขีดจำกัด แค่คนเดียวก็พอแล้ว”
เหยียนชิงแนบหน้าพิงหน้าอกของเขา ได้ยินเสียงหัวใจเต้น ใบหน้าร้อนผ่าว แต่ในหัวใจกลับสงบอย่างผิดปกติ
เว่ยซูหานเก็บความโกรธเอาไว้ตั้งครึ่งค่อนวัน แต่หลังจากฟังสิ่งที่เขาพูดเสร็จก็ความโกรธนั้นกลับหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น มองคนที่แก้มแดงระเรื่อแล้วถามอย่างระมัดระวังว่า
“คนที่เ้าหมายถึง คือข้าใช่หรือไม่?”
เหยียนชิงกัดริมฝีปาก
“อื้อ เ้านั่นแหละ ดังนั้นต่อไปห้ามหึงเกินไป ข้ารับมือแค่เ้าคนเดียวก็เหนื่อยพอแล้ว ไม่เหลือพลังงานจัดการคนอื่น เว้นแต่ว่าวันใดที่เ้าและข้าหมดโชคชะตาต่อกัน ค่อยว่ากันอีกที”
มันขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะครองรักกันไปจนแก่เฒ่าหรือไม่ แต่การแต่งงานของพวกเขานั้นไม่ว่าจะสั้นหรือยาวมันก็คือความจริง
“...ชิงเอ๋อร์ ข้าเชื่อเ้า ทั้งชีวิตเ้ากับข้าย่อมไม่มีวันที่วาสนาจะหมดลง ไม่ว่าข้าจะอยู่ที่ไหน คนที่อยู่ในหัวใจของข้าคือเ้าคนเดียว อย่าทำให้ข้าผิดหวัง”
เว่ยซูหานนึกถึงจดหมายที่แม่ทัพชายแดนส่งให้ใต้เท้าถังที่จวนเ้าเมืองในวันนี้ และได้ยินใต้เท้าถังพูดมาไม่น้อย เข้าใจความหมายแฝงในคำพูดของเหยียนชิงว่า หากคิดจะกลับเข้าสู่เส้นทางขุนนางอีกครั้ง เขาจะต้องหลุดพ้นจากฐานะของภรรยาชาย
แต่ต่อให้หลังจากนี้พวกเขาต้องพลัดพรากจากกัน เขาก็ไม่อยากทิ้งเหยียนชิง ต่อให้ไม่มีชื่อของสามี ภรรยา ก็สามารถอยู่ร่วมกันในฐานะสามีภรรยากันได้ รอให้ความวุ่นวายของบ้านเมืองสงบลง อย่างมากเขาก็แค่ลาออกจากราชการแล้วกลับบ้าน แต่งงานใหม่อีกรอบก็ไม่เป็ไร
“ฮ่า...” เหยียนชิงรู้สึกแสบจมูกเล็กน้อย แต่ยังคงยิ้ม “เ้านี่ช่างมีความเป็เ้าข้าวเ้าของไม่เบาเลยนะ”
เว่ยซูหานตอบด้วยความนิ่งสงบ
“ใช่ ข้าเป็แค่นักรบ ไม่ใช่นักปราชญ์ เห็นแก่ตัวก็เป็เื่ปกติ”
ชื่อเสียงผลประโยชน์ ขนบธรรมเนียมของโลกนี้ เป็สิ่งที่เขาไม่สนใจมานานแล้ว การทำเื่เหล่านี้ไม่ใช่เื่ยากสำหรับเขา
เหยียนชิงหายใจเข้าลึกๆ “เ้าพยายามให้ถึงที่สุด ข้าจะช่วยเ้าเอง”
“ได้” เว่ยซูหานพยักหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว แล้วจู่ๆ ก็พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า
“ชิงเอ๋อร์ ข้าเห็นจดหมายจากกรมเก่าของท่านพ่อที่ชายแดนส่งมาในจวนเ้าเมืองไม่น้อย ล้วนแต่เป็จดหมายให้เขาพูดทัดทานกับฮ่องเต้”
เหยียนชิงตาเป็ประกาย “คัดค้านเื่ที่เ้าลูกขุนนางผู้กระทำผิดจะกลับเข้าไปในสนามรบน่ะหรือ?”
หากบุตรของขุนนางทำผิดไปทำความดีความชอบในสนามรบก็เป็วิธีที่พบมากที่สุดและสมเหตุสมผลที่สุด
เว่ยซูหาน “อืม ยังมีอีก ข้าว่าก่อนหน้านี้ฮ่องเต้เองก็มาเจอท่านเ้าเมืองที่จวนเช่นกัน แม้ใต้เท้าถังจะไม่ได้เอ่ย”
“น่าจะ...” เหยียนชิงพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยคิดถึงเื่นี้มาก่อน ตอนนี้มาลองคิดดูแล้ว ท่านเ้าเมืองเองก็มีตำแหน่งสูงใหญ่ บวกกับลูกชายทั้งสองอยู่ในกองทัพ การที่ฮ่องเต้เดินทางไปเยี่ยมเยียนก็เป็ไปตามที่คิด”
ในเมื่อฮ่องเต้นำดาบวายุที่ล้ำค่าออกมา แผนการต้องไม่ใช่แค่นี้ ถังเจิง ก็เป็ผู้าุโสองราชวงศ์ ตำแหน่งเ้าเมืองหนึ่งนับว่าไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็การสืบเื่ราวของคนอื่นหรือฟังความคิดเห็น ฮ่องเต้ก็จะพิจารณา
เว่ยซูหานเห็นด้วยกับคำพูดของเขา “ข้าเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
เหยียนชิงขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“จิตใจของฮ่องเต้นั้นยากจะคาดเดา พวกเราไม่อาจรีบร้อนได้ ตอนนี้ฮ่องเต้ยังคงทดสอบตระกูลเหยียนผู้ที่ขอร้องแทนเ้า เ้าควรอยู่นิ่งๆ ก่อนอย่ารีบร้อนเกินไป รอจนอิ้งหลีเข้าเมืองหลวงในปีหน้า เมื่อพวกเรามีที่พึ่งพิงที่ไว้ใจได้ในเมืองหลวงก่อนค่อยวางแผน”
ทางที่ดีควรตั้งสติรอให้เขาเข้าเมืองหลวงเพื่อสอบราชการ ถึงตอนนั้นเขากับอิ้งหลีจะเข้าไปเพิ่มหมากอื่นๆ ในเมืองหลวง พอฮ่องเต้จะเขียนฎีกาก็ย่อมมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือ
แววตาของเว่ยซูหานแน่วแน่
“ข้ารู้ ชิงเอ๋อร์ รอเ้าเข้าพิธีสวมกวานและเข้าเมืองหลวงเพื่อไปสอบก่อน รอพี่ใหญ่กลับมาดูแลจวนตระกูลเหยียน ถึงจะเป็โอกาสที่เหมาะสม”
สมแล้วที่เป็คนรักของเขา ความคิดและการไตร่ตรองของพวกเขานั้นสอดคล้องกันมาก การมีคนรักคอยช่วยเหลือ ไม่ว่าแผนการจะใหญ่แค่ไหนก็ไม่กลัว
