“ตูม!!!”
เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหวต่อเนื่อง สิ่งปลูกสร้างหลายแห่งถูกเรือรบอินทนิลทองคำถล่มราบเป็หน้ากลอง จนเศษฝุ่นทรายปลิวว่อนไปทั่วพื้นที่ ทำเหล่าผู้ฝึกยุทธ์หอการค้าเทียนจี๋ต่างตื่นใ
“ไอ้หนู เ้าต้องตาย!”
หวงเหยียนิที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังจ้องมองเงาร่างที่ยืนตระหง่านบนเรือรบอินทนิลทองคำด้วยสายตาอาฆาต พร้อมแผดเสียงะโด้วยโทสะ เขานั้นมิได้คาดฝันว่าจุดจบจะกลายเป็เช่นนี้
“หึ!” เย่เฟิงปรายตามองหวงเหยียนิแวบหนึ่ง ก่อนจะแค่นเสียงเ็า และสิ่งที่ตอบกลับอีกฝ่ายคือการโจมตีของเรือรบอินทนิลทองคำ
หวงเหยียนิต้องหน้าถอดสี ก่อนจะหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเกือบถูกลำแสงทำลายล้างนั่นกลืนกิน แต่ตอนที่หวงเหยียนิยืนได้อย่างมั่นคง เย่เฟิงก็ได้คุมเรือรบอินทนิลทองคำแล่นหนีไป และทุกที่ที่แล่นผ่านล้วนก่อให้เกิดลมพัดโหมกระหน่ำ
“สมควรตาย!”
สีหน้าของหวงเหยียนิเต็มไปด้วยความเย็นะเื เขาไม่นึกว่าจะมีผู้ใดทำลายหอการค้าเทียนจี๋ซึ่งเป็ธุรกิจรุ่งเรืองแห่งเมืองลอยฟ้าเช่นนี้ นี่เป็การยั่วยุที่ร้ายแรงที่สุดของเมืองลอยฟ้าเขา ทั้งยังเป็ความอัปยศอดสูที่สุด
เย่เฟิงคุมเรือรบอินทนิลทองคำแล่นเหนือท้องฟ้าของเมืองลอยฟ้า และยังดึงดูดความสนใจจากผู้คนนับไม่ถ้วน
“นั่นอะไรน่ะ? ทรงพลังมาก!” ผู้คนแหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยความใ
“นั่นมัน... เรือรบอินทนิลทองคำ!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งอุทานด้วยความใเมื่อเห็นเงาขนาดมหึมาที่แล่นเหนือหัวพวกเขา
“เรือรบอินทนิลทองคำเป็สมบัติของตระกูลอู๋ไม่ใช่หรือ? ทำไมถูกคนอื่นควบคุมเช่นนี้ล่ะ?”
“เ้าไม่รู้หรือ เมื่อหลายวันก่อนมีข่าวลือว่า เรือรบอินทนิลทองคำของตระกูลอู๋ถูกชายผู้หนึ่งขโมยไป คาดว่าผู้ขับเคลื่อนเรือรบอินทนิลทองคำคงจะเป็ชายผู้นั้น!”
ชาวเมืองลอยฟ้าวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งยังใกับเงาขนาดมหึมาอย่างเรือรบอินทนิลทองคำนั่น
“ไม่สิ เรือรบอินทนิลทองคำเหมือนจะแล่นมาจากหอการค้าเทียนจี๋นะ ไม่ใช่ว่าที่นั่นจัดงานประมูลหรอกหรือ? แต่เหตุใดเรือรบอินทนิลทองคำถึงปรากฏขึ้นมาได้ล่ะ?”
จู่ ๆ คนผู้หนึ่งเอ่ยถามผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยความสงสัย
“หอการค้าเทียนจี๋ถูกทำลายแล้ว!”
ในเวลาเดียวกันนั้นมีเสียงตื่นตระหนกดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน ทำให้ผู้คนจำนวนมากตาแข็งทื่อ ก่อนจะทะยานร่างขึ้นฟ้ามุ่งสู่หอการค้าเทียนจี๋ จากนั้นพวกเขาเห็นเศษฝุ่นคลุ้งไปทั่วพื้นที่ สิ่งปลูกสร้างเ่าั้ถูกทำลายกลายเป็ซากปรักหักพัง นี่ทำให้พวกเขาใจเต้นแรงและไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง
“ใครกันที่ใจกล้าเพียงนี้ ไม่นึกว่าจะกล้าถล่มหอการค้าเทียนจี๋ ช่างเหิมเกริมยิ่งนัก!” ผู้คนกล่าวด้วยความประหลาดใจ พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าคนบ้าประเภทไหนถึงกล้ากระทำเช่นนี้
เย่เฟิงใช้พลังจิตขับเคลื่อนเรือรบอินทนิลทองคำด้วยความเร็วสูง ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งก้านธูป เรือรบอินทนิลทองคำก็ออกนอกเมืองลอยฟ้า
หวงเหยียนิ จ้าวหยาง เว่ยเจิ้นเทียน และผู้ฝึกยุทธ์หอการค้าเทียนจี๋จำนวนหนึ่งตามหลังมาตลอดทาง พวกเขาต่างมองดูอยู่ไกล ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้เรือรบอินทนิลทองคำ ทำได้เพียงปล่อยอีกฝ่ายหนีไป
“พี่เย่ ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เชื่อมไปยังโลกภายนอกเปิดแล้ว ตราบใดที่ไปถึงโลกภายนอก ชาวเมืองลอยฟ้าพวกนี้คงไม่กล้าตามมาแน่นอน!”
ฉวนเถี่ยจู้กล่าวกับเย่เฟิง ซึ่งฉากเมื่อครู่นี้ที่เย่เฟิงขับเคลื่อนเรือรบอินทนิลทองคำถล่มหอการค้าเทียนจี๋ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนที่อยู่บนเรือยังใกันไม่หาย พวกเขาไม่เคยเจอเื่เช่นนี้มาก่อน แม้ไม่รู้ว่าผลสุดท้ายที่เย่เฟิงจะเจอเป็เช่นไร ทว่าฉากเมื่อครู่นี้ก็ทำให้พวกเขามีความสุขเป็อย่างมาก หนึ่งคนหนึ่งเรือก็ถล่มหอการค้าเทียนจี๋ให้ราบเป็หน้ากลองได้ แค่คิดก็น่าตื่นเต้นแล้ว
“ดี!”
เย่เฟิงพยักหน้าให้ฉวนเถี่ยจู้ จากนั้นขับเคลื่อนเรือรบอินทนิลทองคำไปข้างหน้าต่อ จนกระทั่งถึงชายแดนทะเลเมฆจึงจะร่อนลงจอด เย่เฟิงเก็บเรือรบอินทนิลทองคำ ซึ่งไม่ไกลออกไปคนนั้นที่ฉวนเถี่ยจู้สั่งให้มาเปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติก็ได้เปิดใช้งานเรียบร้อยแล้ว
“ไป!”
หลายเงาร่างทะยานเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติ จู่ ๆ พลังมิติปกคลุมร่างกาย ก่อนจะหายตัวไปในที่สุด
เย่เฟิงหันกลับไปมองพวกหวงเหยียนิที่ไล่ตามมาถึงที่นี่ ก่อนรอยยิ้มหยันจะผุดขึ้นที่มุมปาก จากนั้นเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติพร้อมกับกงซุนหลิงเอ๋อร์
“บัดซบ!” พวกหวงเหยียนิกัดฟันกรอดขณะมองพวกเย่เฟิงหายตัวไป นี่เป็ครั้งแรกที่เกิดเื่ใหญ่ในเมืองลอยฟ้าถิ่นของเขา ไม่เพียงแต่ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ของหอการค้าเทียนจี๋ไปนับร้อยคน แต่คนผู้นี้ยังขโมยเกราะทองคำกิเลน จูกั่วหมื่นปี และหญ้าหนวดั รวมถึงถล่มหอการค้าเทียนจี๋
นี่ก็คือราคาที่หอการค้าเทียนจี๋ต้องจ่ายโทษฐานพยายามฆ่าเย่เฟิง หากรู้ว่าจุดจบเป็เช่นนี้ หวงเหยียนิคงไม่มีทางไปยั่วยุเย่เฟิงแต่แรก
จากนั้นกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอู๋ไล่ตามมาถึงที่นี่ พวกเขาไม่คาดคิดว่าผู้ที่ขโมยเรือรบอินทนิลทองคำจะกล้าอยู่ในเมืองลอยฟ้าต่อ แต่ที่น่าขันคือพวกเขาวางกับดักไว้อย่างแ่าเพื่อเย่เฟิง แต่กลับไม่รู้ว่าอีกฝ่ายปะปนอยู่ในเมืองลอยฟ้า
“พวกเราไล่ตามเขาไปยังโลกภายนอก!” ผู้ฝึกยุทธ์หอการค้าเทียนจี๋คนหนึ่งกล่าว พร้อมไอสังหารพวยพุ่งออกจากร่าง
“ไม่ได้ หากบุ่มบ่ามไล่ตามไปตอนนี้ เกรงว่าจะถูกอีกฝ่ายซุ่มโจมตี อีกอย่างอีกฝ่ายยังมีเรือรบอินทนิลทองคำเป็ด่านป้องกันอีก แม้พวกเราตามไปก็ไม่มีทางทำอะไรอีกฝ่ายได้!” หวงเหยียนิกล่าวพลางกัดฟันแน่น เหตุใดเขาไม่คิดจะฆ่าเย่เฟิงเล่า แต่ว่าการออกจากเมืองลอยฟ้าก็เท่ากับไปเยือนดินแดนอื่น ๆ ของแดนชิงอวิ๋น อีกอย่างเย่เฟิงยังมีเรือรบอินทนิลทองคำ หากพวกเขาตามไปก็รังแต่จะเป็ฝ่ายเสียเปรียบ
“จะปล่อยคนพวกนั้นไปเช่นนี้น่ะหรือ?” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวด้วยความไม่เต็มใจ
“แน่นอนว่าไม่ บัญชีนี้จะต้องตามหาเขาเพื่อชำระคืนแน่!” หวงเหยียนิกล่าวเสียงเย็น
ขณะนั้นที่เหนือหอการค้าเทียนจี๋ เ้าเมืองลอยฟ้ากำลังมองซากปรักหักพังที่อยู่เบื้องล่างด้วยสีหน้าอึมครึม พร้อมพลังน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกจากร่าง ก่อนจะทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปกดดันอย่างฉับพลัน
“ผู้ใดกันที่กล้าหยามความเกรงขามของเมืองลอยฟ้าข้า?”
เ้าเมืองลอยฟ้ายืนตระหง่านขณะเชิดหน้ามองประชาชน ประหนึ่งาาก็ไม่ปาน ซึ่งมีผู้นำตระกูลอู๋ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา นอกจากสองคนนี้แล้วยังมีผู้นำตระกูลคนอื่น ๆ ของเมืองลอยฟ้าอยู่ด้วย
ซึ่งเป็ผลพวงจากที่เย่เฟิงขับเคลื่อนเรือรบอินทนิลทองคำถล่มหอการค้าเทียนจี๋ จึงทำให้ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้ตื่นตระหนก แต่เมื่อพวกเขามาถึง หอการค้าเทียนจี๋ก็กลายเป็ซากปรักหักพังไปแล้ว นี่ทำให้พวกเขาใเป็อย่างมาก คาดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าก่อปัญหาใต้จมูกพวกเขาเช่นนี้
ไม่นานนักพวกหวงเหยียนิย้อนกลับมาที่หอการค้าเทียนจี๋
“เหยียนิ ฝีมือใคร?” เ้าเมืองลอยฟ้าเอ่ยถามหวงเหยียนิ
“เป็ชาวอาณาจักรจ้าวคนหนึ่ง เมื่อหลายวันก่อนคนผู้นี้ขโมยเรือรบอินทนิลทองคำของตระกูลอู๋ แล้วเมื่อครู่นี้ก็เป็เขาที่ทำลายหอการค้าเทียนจี๋” หวงเหยียนิกล่าวพร้อมเผยสีหน้าดูไม่ได้ ส่วนหวงเจาอี๋ที่อยู่ข้าง ๆ ก็กะพริบตาปริบ ๆ นางไม่คิดว่าจุดจบจะเป็เช่นนี้ ชายที่นางเคยดูถูกกลับกลายเป็ผู้ก่อความโกลาหลครั้งใหญ่
“ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด?” เ้าเมืองลอยฟ้าได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วจาง ๆ ก่อนจะเอ่ยถามเช่นนั้น
“หนีออกนอกเมืองลอยฟ้าไปแล้ว!” หวงเหยียนิกล่าว
“พวกไร้ค่า แม้แต่ชาวอาณาจักรจ้าวตัวเล็ก ๆ ก็จัดการไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะมีพวกเ้าไปไย?”
ดวงตาของเ้าเมืองลอยฟ้าส่องประกายเย็นเยือก พร้อมกับไอเย็นพวยพุ่งออกจากร่าง
เมื่อทุกคนเห็นเ้าเมืองพิโรธต่างก็เผยสีหน้าหวาดผวา ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความกลัว
ณ เมืองลอยฟ้า เ้าเมืองเปรียบเสมือนองค์าาแห่งอาณาจักรหนึ่งที่มีอำนาจเด็ดขาด ควบคุมชะตากรรมของคนเหล่านี้ เมื่อเ้าเมืองพิโรธ พวกเขาก็ต้องยอมรับความตาย
ดังนั้นการเผชิญหน้ากับความพิโรธของเ้าเมือง พวกเขาจึงทำได้เพียงแสดงความยอมจำนน โดยไม่กล้าขัดแม้แต่นิดเดียว
“ท่านเ้าเมืองจะโกรธไปไย? หากพวกเรารู้ความเป็มาของเด็กคนนี้ จะสามารถฆ่าเขาได้อย่างแน่นอน” ผู้นำตระกูลอู๋ที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวขึ้น
“ผู้นำตระกูลอู๋มีความคิดเห็นอย่างไรหรือ?” เ้าเมืองลอยฟ้าเอ่ยถาม
“อีกไม่กี่วันจะถึงวันประลองยุทธ์เลือกคู่ขององค์หญิงอาณาจักรจ้าว ถึงเวลานั้นเชื่อว่าคนหนุ่มของเมืองลอยฟ้าที่ไปเข้าร่วมจะสามารถฉวยโอกาสนี้สังหารเขา” ผู้นำตระกูลอู๋กล่าว พร้อมดวงตาเผยประกายคมกริบ เย่เฟิงสังหารผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลอู๋เขา ทั้งยังขโมยเรือรบอินทนิลทองคำไปอีก ความแค้นที่เขามีต่อเย่เฟิงจึงไม่มีทางน้อยไปกว่าเ้าเมืองลอยฟ้าแน่
“วิธีนี้ไม่เลว เหยียนิ เ้ายินดีไปที่อาณาจักรจ้าวเพื่อสังหารคนผู้นั้นหรือไม่?” เ้าเมืองลอยฟ้าได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหันไปกล่าวกับหวงเหยียนิเช่นนั้น
“ลูกยินดี” หวงเหยียนิตอบรับในทันที เขาเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงขององค์หญิงแห่งอาณาจักรจ้าวมาบ้าง เรียกได้ว่าเป็หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งแดนชิงอวิ๋นเลยก็ว่าได้ หากได้หญิงผู้นี้กลับมายังเมืองลอยฟ้า เช่นนั้นก็อาจจะเป็เื่น่ายินดี
ด้านเย่เฟิง เขาไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองลอยฟ้าหลังจากหนีไป ซึ่งหลังจากที่เขาใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติออกจากเมืองลอยฟ้า เขาก็เดินทางโดยใช้เรือรบอินทนิลทองคำ พอถึงชายแดนอาณาจักรจ้าวก็เก็บเรือรบอินทนิลทองคำไว้ในแหวนมิติ
เขารู้ว่าขนาดของเรือรบอินทนิลทองคำใหญ่เกินไป หากใช้มันเดินทางนาน ๆ อาจจะดึงดูดความสนใจจากผู้คน ดังนั้นพอเข้าสู่เขตอาณาจักรจ้าว เย่เฟิงจึงเลือกเดินเท้า และหลังจากนั้นไม่นานฉวนเถี่ยจู้ก็กลับไปยังสำนักชิงอวิ๋น พร้อมกับผู้ฝึกยุทธ์สำนักชิงอวิ๋น
