เมื่อมาถึงจวนในตอนแรกหรงซิวนั้นอยากจะไปส่งอวิ๋นอี้ที่ห้องแต่ถูกอวิ๋นอี้ผลักออก
อวิ๋นอี้ยืนอยู่ที่ประตู ยกมือขึ้นมาปฏิเสธ “ข้าไม่สำคัญ ฝ่าารีบไปสำรวจเขื่อนเถิดเพคะ ข้าจะรอท่านที่จวน”
“ตกลง”
อวิ๋นอี้สรรหาคำที่หรงซิวชอบมาพูด ทำให้หรงซิวอารมณ์ดีไม่น้อย หรงซิวใช้จังหวะที่อวิ๋นอี้ไม่ระวังตัวหอมแก้มนาง หัวเราะคิกคักแล้วขึ้นรถม้าไป
ท่ามกลางลมฝน รถม้าคันเล็กแล่นออกไป ยิ่งเคลื่อนไปยิ่งไกล และไม่นานก็ถูกม่านฝนขนาดใหญ่กลืนหายไป ไม่เห็นแม้แต่เงา
อวิ๋นอี้ถอนหายใจ ถึงแม้ตัวนางจะอยู่ที่เรือน แต่ในใจกลับไปอยู่กับหรงซิว
แม้นางนั้นจะมิได้มีส่วนร่วมในการดูแลเื่น้ำท่วมมากนัก แต่ั้แ่ทราบเื่ก็คิดแต่เื่นั้นในใจ
อวิ๋นอี้นั้นรู้ว่าภัยธรรมชาตินั้นรู้รุนแรงเพียงใด ดังนั้นไม่ว่าจะเวลาใดอวิ๋นอี้ก็ไม่อยากเห็นภาพที่โศกเศร้าเช่นนั้น
หวังว่าจะเป็ไปอย่างที่หรงซิวคาดหวัง ทุกอย่างราบรื่น
จิตใจของนางล่องลอยไม่อยู่ที่เรือน มีนางรับใช้คนหนึ่งวิ่งถือร่มมาเหยาะๆ เมื่อใกล้ถึงนางจึงรู้ว่าคือถาวหวง
“พระชายาเพคะ!” นางเอาร่มส่งให้อวิ๋นอี้ “ข้าเตรียมน้ำร้อนไว้ให้แล้วเพคะ ท่านเสด็จไปอาบก่อนเถิดเพคะ หลังจากนั้นค่อยทานอาหาร ดีหรือหรือไม่เพคะ?”
อวิ๋นอี้พยักหน้า มองไปข้างหน้า แล้วหยุดฝีเท้าลง
นางได้พบกับซูเมี่ยวเออร์ มีคนเดินประคองมือเดินมาก้าวฝีเท้าอย่างรวดเร็วอย่างกับบินได้
เมื่อนางเห็นอวิ๋นอี้ นางก็เปลี่ยนเป็ท่าทีอ่อนน้อมขึ้นมา ยืดคอยาวไปมองด้านหลัง
อวิ๋นอี้ยิ้มให้อย่างเยือกเย็น “ไม่ต้องมองแล้ว มิมีผู้ใดหรอก”
“ท่านพี่ซิวเล่าเพคะ?” คำพูดห่วงใยของซูเมี่ยวเออร์ ทั้งมีความริษยา “มิใช่ว่าเขาพาท่านออกไปหรือ? กระไรกัน? หรือพระชายาออกไปเที่ยวกับคนอื่นหรือเพคะ?”
“จินตนาการของเ้านี้มันช่างบรรเจิดจริงๆ นะ” อวิ๋นอี้พูดประชดนาง “คิดเื่ราวเป็ตุเป็ตะเช่นนี้ เหตุใดเ้ามิไปแสดงละครกัน!”
“ท่าน!” ซูเมี่ยวเออร์รู้ว่าฝีปากของอวิ๋นอี้นั้นร้ายกาจเพียงใด ไม่อยากหาเื่ให้ช้ำใจ จึงหุบปากอย่างฉลาด นางกัดฟันและพึมพำ “แล้วท่านพี่ซิวเล่าเพคะ?”
อวิ๋นอี้ลูบแขนตัวเองอย่างแขยง
นางได้ยินซูเมี่ยวเออร์เรียกแต่ท่านพี่ๆ ก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
โตเพียงใดแล้ว ยังมาทำตัวเด็กน้อยใสซื่อ!
นางชำเลืองตามองซูเมี่ยวเออร์ “ท่านพี่ซิวคือผู้ใดกัน? ข้าไม่รู้จัก ข้ารู้แต่เพียงหรงซิว อ่อ? หรือว่าท่านพี่ซิวที่เ้าพูดถึงคือฝ่าางั้นรึ?”
อวิ๋นอี้ใช้มือปิดปากเกินจริง “เขามีชื่อเช่นนี้ด้วยหรือ?”
“……”
ซูเมี่ยวเออร์นับถืออวิ๋นอี้จริงๆ วิธีจะทำให้คนรังเกียจนี่มีไม่ถ้วน ทั้งยังเปลี่ยนไปทุกคราเสียด้วย
นางไม่รู้จะพูดอย่างไร ไม่คาดคิดว่าหลังจากที่อวิ๋นอี้พูดเสียดสีใส่จะพูดดีๆ กับนาง “ฝ่าาไปทำงานแล้ว เ้ากลับไปรอเถิด!”
“ทำงานรึ?” ซูเมี่ยวเออร์รู้ดีว่างานที่หรงซิวต้องทำคือกระไร เมื่อนางได้ยินดังนั้นก็ตื่นตระหนก “ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ฝนก็ตกหนัก ท่านพี่ซิวยังจะไปริมแม่น้ำอีกหรือ? คุณพระคุณเ้า! ผู้ใดเขาก็รู้ว่าที่นี่น้ำท่วมง่าย หากเกิดเื่กระไรขึ้นมาจะทำอย่างไร! มิได้การละ! ข้าต้องไปหาท่านพี่ซิว!”
ซูเมี่ยวเออร์ไม่รู้คิดกระไร แย่งร่มจากสตรีรับใช้จะออกไปข้างนอก อวิ๋นอี้เห็นดังนั้นจึงคว้าคอเสื้อนาง พูดอย่างสงบว่า “เป็สาวเป็นาง เ้าจะไปเป็ภาระกระไร? ถึงเ้าเป็ห่วงฝ่าา แต่ก็ไม่ใช่กงการกระไรของเ้า!”
เสียงของอวิ๋นอี้นั้นดังกึกก้องชัดเจน ท่ามกลางสายฝนตกกระหน่ำให้ความรู้สึกที่เยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูก
ซูเมี่ยวเออร์พยายามจะสะบัดตัวออก แต่กลับถูกอวิ๋นอี้ใช้แรงกดมากขึ้น ไหล่ของนางนั้นเจ็บจนทนมิได้ จนต้องร้องขอ “พระชายาพูดถูกแล้วเพคะ ทั้งหมดเมี่ยวเออร์ผิดเองเพราะเป็ห่วงฝ่าามากเกินไป”
“งั้นก็ขอให้คุณหนูเมี่ยวเออร์คราหน้าโปรดเก็บอารมณ์ให้ดีกว่านี้ด้วยเ้าค่ะ อย่าเอาแต่คิดถึงบุรุษที่แต่งงานแล้ว ใต้หล้านี้หามีแค่หรงซิวคนเดียวไม่ คุณหนูก็มีอายุแล้ว ควรคิดถึงเื่ใหญ่ในชีวิตได้แล้ว หากชื่อเสียงป่นปี้ทั้งยังมิออกเรือน เกรงว่าต่อไปจะมิมีผู้ใดกล้าแต่งงานกับเ้านะ” อวิ๋นอี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เห็นใบหน้าของซูเมี่ยวเออร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย นางก็หยุดพูดแค่นั้น เชิดคางขึ้นแล้วพูดกับสาวรับใช้ “พานายของพวกเ้ากลับห้องได้แล้ว ฝนตกหนักมากคืนนี้ จะให้ดีมิต้องออกมาหรอก”
สตรีรับใช้รู้หนักรู้เบา จึงเคารพและตอบรับอย่างนอบน้อม
เมื่อซูเมี่ยวเออร์ไป อวิ๋นอี้ถึงััได้ถึงลมอันหนาวเย็น พัดมาทำให้นางสั่น
อวิ๋นอี้สั่งให้ถาวหวงนำทาง น้ำในลานขังขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อตอนที่นางกลับถึงห้อง รองเท้าก็เปียกหมดแล้ว
ถาวหวงนั้นยุ่งกับปรนนิบัติให้อวิ๋นอี้อาบน้ำและทานอาหาร ในใจอวิ๋นอี้นั้นไม่สงบเลย
“พระชายาเพคะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ท่านเดินทางมาทั้งวัน ตอนนี้ควรพักผ่อนได้แล้วนะเพคะ” ถาวหวงจัดการปูที่นอนเรียบร้อยแล้วมาเตือนอวิ๋นอี้อย่างอ่อนโยน
อวิ๋นอี้เท้าคางมองฝนที่ตกหนักนอกหน้าต่าง ไม่หันมามองถาวหวง แค่โบกมือให้นางออกไป “เ้าไปพักเถิด ข้ายังไม่ง่วง”
“กระนั้นข้าจะอยู่เป็เพื่อนเพคะ” ถาวหวงพูดซื่อๆ
อวิ๋นอี้ยิ้ม นางหันไปมองนาง “เ้าไปนอนเถิด ข้าอยากอยู่คนเดียวหน่อย”
เนื่องจากความเข้มงวดของอวิ๋นอี้ถาวหวงจึงเชื่อฟังอย่างง่ายดาย แต่เมื่อนางเดินออกไป นางก็เป็ห่วงแล้วพูดออกมาว่า “พระชายาเพคะ ข้าอยู่ข้างๆ นะเพคะ หากมีกระไร เรียกข้าได้เสมอนะเพคะ”
อวิ๋นอี้พยักหน้ารับ
ค่ำคืนนี้ฝนตกหนักลมพัดแรง ฟ้าร้องฟ้าแลบ เดิมทีนางก็เป็คนกลัวสภาพอากาศเช่นนี้อยู่แล้ว ยิ่งมิมีหรงซิวนางก็ยิ่งนอนไม่หลับ
อีกทั้ง……
เมื่อนางนึกถึงโครงการป้องกันอุทกภัย หัวใจของนางนั้นก็หนักอึ้งดั่งมีูเามาทับ กังวลอย่างมาก
หนังตาของอวิ๋นอี้กระตุกไม่หยุด ทำให้นางรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
อวิ๋นอี้ลืมตาขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดราวกับถูกน้ำหมึกย้อม ไม่ยอมหลับนอนราวกับรอให้ฟ้าสว่างขึ้นทีละน้อย ในขณะเดียวกันก็รอให้หรงซิวกลับจวน
ท้ายที่สุดอวิ๋นอี้ก็เผลอหลับไป
อวิ๋นอี้ถูกทำให้ตื่นด้วยเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบ นางลืมตาขึ้นก็เห็นท้องฟ้าที่มืดมิด ท่ามกลางเสียงสายฝนที่ดังซู่ซ่า มีเสียงสะอื้นของสตรีสาวเสียงหนึ่งดังอย่างชัดเจน
อวิ๋นอี้หันไปหาเสียงนั้น ที่แท้ก็เป็ถาวหวง
นางขมวดคิ้ว ถามอย่างสงสัย “ถาวหวง เป็กระไรไป?”
“พระชายาเพคะ...” น้ำตาของถาวหวงไหลลงเรื่อยๆ “ฝ่าาหายไปเพคะ!”
เสียงเพิ่งพูดจบ อวิ๋นอี้ก็ลุกพรวดขึ้นมา นางถามเสียงดัง “เ้าพูดว่ากระไรนะ? ผู้ใดหายไป! เ้าพูดมาให้ชัด!”
“ข้าน้อย..ข้า.. คนที่กลับมาส่งสาร บอกว่าฝ่าาไปตรวจสอบเขื่อนกับพวกเขา ฝนตกหนักมาก น้ำในแม่น้ำไหลเชี่ยว ตอนนั้นฝ่าายืนอยู่บนสันเขื่อน ใต้เท้าเฉาไม่ระวังสะดุดจะล้ม ฝ่าาจับใต้เท้าเฉาไว้ได้ กลายเป็ว่าช่วยใต้เท้าเฉาไว้ได้ แต่เขากลับตกลงไปในแม่น้ำ ถูกน้ำพัดหายไปเพคะ!”
ถาวหวงพูดจบก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ร้องไห้ออกมา นางเห็นอวิ๋นอี้อดกลั้นจนตาแดง ก็เข้ากอดนางด้วยความสงสาร “พระชายาเพคะ... หากท่านจะร้องก็ร้องออกมาเถิดเพคะ?”
“ร้องไปแล้วได้กระไรขึ้นมา!” ตอนนี้สมองของนางสะเปะสะปะมาก เสียงที่พูดออกมานั้นสั่น “หากร้องไห้แล้วจะทำให้หรงซิวกลับมาได้ กระนั้นข้าจะยอมร้องจนตาบวม ร้องจนน้ำตาแห้งเหือด! แต่ว่ามันจะเป็เช่นนั้นหรือไม่?”
อวิ๋นอี้สูดหายใจเข้าลึกๆ นางหลับตาลง บังคับตัวเองให้ใจเย็นลง
หลังจากนั้นไม่นาน แววตานางก็ชัดเจน แม้กระทั่งสีหน้าก็เปลี่ยนไปเข้มงวดขึ้น
นางสั่งให้ถาวหวงไปเตรียมชุดที่คล่องตัวมา แล้วสั่งให้คนไปเตรียมชุดกันฝน เปลี่ยนเสื้อผ้าพลางพูด “ส่งคนออกไปหาหรือยัง?”
“ใต้เท้าเฉาได้ส่งคนไปแล้วเพคะ วางใจเถิดเพคะพระชายา องค์ชายเป็คนมีบุญบารมี เขาจะมิเป็กระไรแน่เพคะ”
“ข้ารู้” นางมัดผมไปด้านหลังให้เรียบร้อยเผยให้เห็นถึงหน้าปากกับอวบอิ่ม” ข้ารู้ว่าเขาเป็คนดีมีบารมี แต่ข้าจะนิ่งดูดายไม่ทำกระไรเลยมิได้ ข้าต้องไปหาเขา”
ถาวหวงใมาก นางมองดูฝนที่ตกด้านนอก แล้วกลับมาดูอวิ๋นอี้ที่แต่งตัวเสร็จแล้ว ก็พูดอย่างระวังปาก “พระชายาเพคะ ฝนยังมิหยุดตกเลย ที่เขื่อนนั่นไม่ปลอดภัยเพคะ หากท่านเกิดเป็กระไรขึ้นมา จะให้ฝ่าาทำอย่างไรเล่าเพคะ?”