ณ เมืองโบราณเทียนฟง มิติมายาสุญญตา
ในปัจจุบันหลังจากที่มิติมายาสุญญตาตื่นขึ้น สภาพแวดล้อมของที่นี่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ รอบเมืองรายล้อมด้วยกำแพงสูง ด้านในยังมีร้านค้ากับสิ่งก่อสร้างไม่น้อย
จั๋วอวิ๋นเซียนเดินอยู่บนถนนพลางมองฝูงชนเดินขวักไขว่กับสินค้ามากมายตระการตา เหมือนเขากำลังเดินอยู่บนถนนเมืองตงหลิงอย่างไรอย่างนั้น
เนื่องจากยุ่งอยู่กับการบำเพ็ญ เขาจึงไม่ได้เข้ามาหลายวันแล้ว มิติมายาสุญญตาแทบจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวี่ทุกวัน
“เร็วเข้า! เพิ่งได้ข่าวมา มีคนสู้กันอยู่นอกเมือง พวกเราไปดูกันเถอะ!”
“สู้กันก็สู้กันสิ ถึงอย่างไรก็มีคนสู้กันทุกวันอยู่แล้ว!”
“เหอะเหอะ นี่ไม่ใช่การต่อสู้ของคนธรรมดา แต่เป็การต่อสู้ของผู้บำเพ็ญเซียน ได้ยินว่าเป็ผู้บำเพ็ญเซียนระดับรวมพลัง!”
“อะไรนะ! ผู้บำเพ็ญเซียนระดับรวมพลังเชียวหรือ เป็เื่ที่หาดูได้ยากจริงๆ!”
“ข้าบอกแล้ว อย่าเพิ่งพูดเื่ไร้สาระ เรารีบไปกันเถอะ มิเช่นนั้นพวกเขาคงสู้กันเสร็จก่อน!”
“ดี ดี ดี!”
……
มีคนจำนวนมากวิ่งผ่านจั๋วอวิ๋นเซียนไป ทุกคนล้วนพูดถึงเื่ที่มีคนกำลังต่อสู้กันนอกเมือง
ด้วยความสงสัยจั๋วอวิ๋นเซียนจึงตามคนเ่าั้ไปด้วย
ปรากฏว่า้ากำแพงมีผู้บำเพ็ญเซียนสองคนกำลังต่อสู้กัน คนหนึ่งใช้กระบี่ คนหนึ่งใช้ดาบ ด้านหลังปรากฏเงาพร่ามัว
การควบรวมิญญาหรือเรียกอีกอย่างว่า ‘ิญญาเซียน’ ซึ่งิญญาเซียนระดับทหารจะมีสีขาว ิญญาเซียนระดับนักรบจะมีสีเขียว ิญญาเซียนระดับขุนพลจะมีสีฟ้า และิญญาเซียนระดับแม่ทัพจะมีสีม่วง
เงาิญญาเซียนของผู้บำเพ็ญเซียนบนกำแพงมีสีขาวซึ่งเป็ระดับทหาร น่าจะเพิ่งบำเพ็ญถึงระดับรวมพลังได้ไม่นาน
……
การต่อสู้ของทั้งสองดุเดือดมาก จั๋วอวิ๋นเซียนยังมิทันได้เข้าใกล้ก็ััถึงคลื่นพลังที่โหมซัดเข้ามาแล้ว สิ่งที่น่าแปลกก็คือคลื่นการต่อสู้ไม่ได้รุนแรงนัก
นี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้ดูการต่อสู้ของผู้บำเพ็ญเซียนระดับรวมพลังระยะใกล้เช่นนี้ แต่น่าเสียดาย ไม่ว่าด้านพลังหรือการต่อสู้ล้วนเทียบกับกระบวนท่า ‘เซียนทะยานสู่์’ ที่บิดาของเขาจั๋วฟู่ไห่แสดงให้ดูไม่ได้
ความต่างระหว่างระดับรวมพลังกับระดับกำเนิดปราณมีมากเกินไป ราวกับเป็ความแตกต่างของระดับชีวิต
ทว่าในใจของจั๋วอวิ๋นเซียนเต็มไปด้วยความสงสัย มิติมายาสุญญตาเป็โลกมายาแห่งหนึ่ง มิอาจบำเพ็ญเซียนได้ แล้วผู้บำเพ็ญเซียนระดับรวมพลังสองคนนี้มาจากที่ใด?
……
จากนั้นจั๋วอวิ๋นเซียนจึงแอบฟังผู้คนรอบข้างคุยกัน จึงได้รู้สถานการณ์
ที่แท้เมื่อครึ่งเดือนก่อน มิติมายาสุญญตาเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ผู้บำเพ็ญเซียนสามารถแสดงพลังบางส่วนของตนในมิติมายาสุญญตาได้!
จั๋วอวิ๋นเซียนลองทดสอบดู เขาสามารถััถึงการมีอยู่ของตราประทับได้จริงๆ พลังจิตสมจริงมาก อีกทั้งพลังิญญาก็แข็งแกร่งเช่นกัน
เพียงแต่สำหรับตอนนี้แล้ว ในมิติมายาสุญญตาระดับพลังสูงสุดที่แสดงออกมาได้คือระดับรวมพลัง
ซากโบราณสถานต่างๆ ล้วนซ่อมแซมเสร็จสิ้นแล้ว อีกทั้งซากโบราณสถานบางแห่งไม่เพียงปรากฏหุ่นเชิดกับภาพลวงตา ยังมีสติปัญญาอีกด้วย หรือก็คือทุกครั้งที่ผ่านการท้าทายบททดสอบของซากโบราณสถาน ผู้ท้าทายจะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกัน
เมื่อเป็เช่นนี้ก็ยิ่งไปกระตุ้นความกระตือรือร้นของผู้คน ผู้บำเพ็ญเซียนจึงหลั่งไหลเข้ามาในมิติมายาสุญญตามากขึ้นเรื่อยๆ
การแสดงพลัง สำหรับผู้บำเพ็ญเซียนของแผ่นดินเซียนฉยงแล้ว มีความหมายที่ลึกซึ้งมาก
นอกจากสามารถแก้ไขความขัดแย้งมากมายได้แล้ว ยังสามารถเพิ่มความสามารถในการต่อสู้จริง จึงกลายเป็บรรยากาศการแข่งขันที่ดีมาก
จั๋วอวิ๋นเซียนได้ยินผู้คนรอบข้างทอดถอนใจ นี่จะเป็ยุคสมัยที่ดีที่สุดของแผ่นดินเซียนฉยง
จินตนาการได้ไม่ยาก ในอนาคตอีกไม่นานพลังของผู้บำเพ็ญเซียนต้องเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลแน่ ยุคสมัยใหม่กำลังใกล้เข้ามา
……
“อวิ๋นเสี่ยวเซียน เ้าไปที่ใดมา? เหตุใดถึงได้หายไปนานเพียงนี้?”
ทันใดนั้นกำไลสื่อิญญามีเสียงะโของถังจิ่วดังขึ้นมา ฟังจากน้ำเสียงมีทั้งความยินดีและร้อนรน
จั๋วอวิ๋นเซียนอดตะลึงไม่ได้ “ถังจิ่ว? มีเื่อันใดหรือ?”
“หากไม่มีอะไรก็จะติดต่อเ้าไม่ได้เลยหรือ? ข้าจะบอกเ้าว่า…”
“ถ้าไม่มีก็แค่นี้นะ”
“ช้าก่อน! มีเื่ มีเื่!”
ถังจิ่วรีบเรียกอย่างลนลาน ทั้งยังบ่นว่า “อวิ๋นเสี่ยวเซียน คุยเล่นสนุกไม่ได้เลยหรือ? รู้จักกันมานานหลายปีแล้ว ทำตัวอย่างกับท่อนไม้ มิน่าเล่าถึงหาสาวไม่ได้เลย!”
จั๋วอวิ๋นเซียนเคยชินกับปากเสียของอีกฝ่ายอยู่แล้วจึงไม่ได้ใส่ใจ “มีอะไรก็ว่ามา”
ถังจิ่วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อวิ๋นเสี่ยวเซียน มาตะลุยซากโบราณสถานกับข้าเถอะ พี่จิ่วจะพาเ้าโบยบินเอง!”
ฟังจากน้ำเสียงเช่นนี้ ช่าง…หน้าไม่อายจริงๆ
จั๋วอวิ๋นเซียนกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ถ้าไม่มีอะไรก็แค่นี้แหละ…”
“อย่า! อย่าเพิ่ง!”
ถังจิ่วร้อนรนจริงๆ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เอาเถอะ ข้าติดอยู่ที่ซากโบราณสถานลำดับที่เจ็ดสิบห้า ้าความร่วมมือของคนที่รู้เื่ห้าศาสตร์วิถีเซียน แต่ข้าหาคนมาลองหลายครั้งแล้ว ก็ยังผ่านไม่ได้ เ้ารีบมาช่วยข้าเถอะ!”
“ไม่ว่าง!”
“อวิ๋น…เสี่ยว…เซียน…”
“มีเื่อะไรอีกหรือ?”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงเฉยชาของจั๋วอวิ๋น ถังจิ่วเกือบจะบ้าคลั่ง “เฮ้อ! เสี่ยวเซียน…พี่จิ่วไม่ให้เ้าช่วยเปล่าแน่ ถ้าช่วยข้าผ่านได้จะมีค่าตอบแทนให้เ้า”
“ได้ รอข้าสักครู่”
“เ้าบ้า! ถ่อมตัวเสียหน่อยเถอะ อย่าเห็นแก่ตัวนักจะได้หรือไม่ อย่างไรพวกเราก็รู้จักกันนะ…”
“ตู๊ด!”
กำไลสื่อิญญาขาดการติดต่อแล้ว ถังจิ่วรู้สึกเคว้งคว้างทันที ทั้งหนาวทั้งน่ากลัว
ความจริงแล้วจั๋วอวิ๋นเซียนคิดจะไปฝึกฝนในซากโบราณสถานอยู่แล้ว เขาไม่ได้สนใจว่าได้ค่าตอบแทนหรือไม่ แต่ถังจิ่วใจกว้างถึงเพียงนี้เขาจึงไม่ได้ปฏิเสธ
……
ผ่านไปครู่หนึ่งจั๋วอวิ๋นเซียนใช้ยันต์เคลื่อนย้ายมาถึงทางเข้าซากโบราณสถานลำดับที่เจ็ดสิบห้า
สถานที่แห่งนี้เดิมทีเป็เชิงูเาไฟที่มอดดับไปแล้ว จั๋วอวิ๋นเซียนเคยรออยู่ในหลุมมืดๆ เกือบหนึ่งเดือนเพื่อท้าทายซากโบราณสถานแห่งนี้ จึงจดจำได้เป็อย่างดี
ก่อนที่ซากโบราณสถานจะฟื้นฟู ูเาไฟที่มอดดับไปแล้ว ทำให้ด้านในมืดมิดมาก จึงไม่ค่อยมีคนมาท้าทายที่แห่งนี้ แต่ตอนนี้ที่เชิงเขากลับมีคนไม่น้อย อีกทั้งูเาไฟยังมีควันหนาแน่น เหมือนจะะเิได้ตลอดเวลา
“จั๋วอวิ๋นเซียน เ้ามาได้สักที ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ชายหนุ่มสูงใหญ่ท่าทางสบายๆ วิ่งมาทางจั๋วอวิ๋นเซียนพร้อมเสียงหัวเราะ เขาก็คือถังจิ่วคนที่ชอบพูดเื่ไร้สาระ
จั๋วอวิ๋นเซียนกับถังจิ่วรู้จักกันมานานหลายปี พวกเขานับว่าเป็คนสนิทกัน จึงไม่ได้มีความเกรงใจนัก
“ถังจิ่ว เหตุใดที่นี่ถึงมีคนมากมายเช่นนี้?”
เมื่อได้ยินคำถามของจั๋วอวิ๋นเซียน ถังจิ่วกล่าวพลางหัวเราะไปด้วย “คนเหล่านี้มาเพื่อท้าทายซากโบราณสถาน ถึงอย่างไรหลังจากที่นี่ฟื้นฟูแล้วก็ยังไม่มีใครที่ผ่านด่านได้เลย”
“โอ้! หลังจากซากโบราณสถานฟื้นฟูแล้วระดับความยากเพิ่มขึ้นมากเลยหรือ?”
“แน่นอนสิ มิเช่นนั้นพี่จิ่วคงไม่รบกวนเทพอย่างเ้าให้ลงมือหรอก!”
สำหรับคำเยินยอของถังจิ่ว จั๋วอวิ๋นเซียนเลือกที่จะมองข้าม เขากลับกล่าวออกมาตามตรง “อย่าคิดว่าชมข้าแล้วจะไม่ต้องจ่ายเงิน ค่าตอบแทนของข้าเล่า?”
“นี่เ้า…”
ถังจิ่วโมโหจนพูดไม่ออก เขารู้สึกว่าตัวเองคบสหายไม่ดี…จั๋วอวิ๋นเซียนไม่ได้เป็เพียงท่อนไม้ แต่ยังเป็ท่อนไม้ที่เห็นแก่เงินด้วย
และในเวลานี้เองก็มีบุรุษและสตรีหลายคนปรากฏข้างกายถังจิ่ว พวกเขากวาดสายตามองจั๋วอวิ๋นเซียนด้วยความสงสัย
“ถังจิ่ว นี่คือยอดฝีมือที่เ้าหามาหรือ? เหตุใดถึงยังเป็เพียงเด็กน้อยเล่า?”
ชายหนุ่มผมหยิกเดินมาด้านหน้าจั๋วอวิ๋นเซียนแล้วมองเขาด้วยท่าทางดูถูก
ส่วนคนอื่นๆ ล้วนสบตากัน ในสายตาแฝงด้วยการพิจารณาเช่นกัน
ถึงแม้ในมิติมายาสุญญตาจะสามารถปกปิดสถานะและหน้าตาได้ แต่จั๋วอวิ๋นเซียนดูท่าทางอายุเพียงสิบสองถึงสิบสามปี จึงดูไม่น่าเชื่อถือนัก
