ฉีลั่วอิ่งเปิดเบราว์เซอร์และดาวน์โหลดรูปหล่อๆ ของตัวเองไปเปลี่ยน
หลังจากเปลี่ยนรูปเสร็จ เขาก็เห็นว่ามีแฟนคลับเอาข่าวการเปลี่ยนตัวเื่《บันทึกการเดินทางยามราตรีสู่ตะวันออก》มาโพสต์ในกลุ่ม
เนื้อหาข่าวบรรยายรายละเอียดของเื่《บันทึกการเดินทางยามราตรีสู่ตะวันออก》อย่างสั้นๆ จากนั้นก็เขียนเื่การเปลี่ยนตัวนักแสดงนำชาย รวมถึงข้อมูลที่บริษัทผู้ผลิตนำเสนอ แน่นอนว่าในนั้นไม่ได้เขียนสาเหตุที่แท้จริง พูดแค่ว่าหลังจากทั้งสองฝั่งพูดคุยกันแล้วก็เห็นด้วยกับการเปลี่ยนตัวนักแสดง
แฟนคลับบางส่วนที่มีไหวพริบได้เปิดเผยความหมายที่ซ่อนอยู่ในรายงานข่าวนี้
“ฉีฉีถูกเปลี่ยนตัวแล้วใช่ไหม?”
“กะทันหันเกินไปไหม? อีกไม่กี่วันก็จะเข้ากองถ่ายแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ฮือๆ ไม่ว่าจะยังไงฉันก็จะสนับสนุนฉีฉี! เขาแสดงอะไรฉันก็จะดูอันนั้น!”
อิโมติคอนร้องไห้และโกรธข้างใต้รายงานข่าวแบ่งเป็อย่างละครึ่ง คอมเมนต์ด้านล่างต่างก็เจ็บใจที่ฉีลั่วอิ่งถูกเปลี่ยนตัว โกรธโปรดิวเซอร์ที่เล่นตลกมาเปลี่ยนตัวในเวลากระชั้นชิด และยังมีคนคอมเมนต์ปฏิเสธการไปดูภาพยนตร์เื่นี้
ฉีลั่วอิ่งคิดเล็กน้อยแล้วกดใบหน้าหัวเราะฮ่าๆ ลงไป เขารู้สึกว่าอิโมติคอนนี้ไม่ได้แค่ดูเป็อิสระ แต่ยังมีความตลกขี้เล่นเหมาะกับอารมณ์ของเขามาก
นอกจากนี้ยังมีคนคอมเมนต์ว่าการเปลี่ยนตัวฉีลั่วอิ่งนั้นเป็ความสูญเสียของผู้กำกับและกองละคร
“เดิมทีแล้วฉันอยากดูหนังเื่นี้สักสิบรอบ แต่ตอนนี้เก็บความคิดนั้นไปแล้ว”
“ใช้ชื่อเสียงของฉีฉีมาดึงดูดนักลงทุน ตอนนี้เปลี่ยนตัวแล้วก็ต้องถอนเงินทุนคืนไปใช่ไหม?”
“ว่ากันตามตรงภาพลักษณ์ของซ่งปิ่งเอินก็ไม่ได้แย่ แต่เท่าที่เขาเคยแสดงมาก็มีแต่บทสุภาพอ่อนโยนหรือไม่ก็เ็าพูดน้อย ต่างกับคาแรกเตอร์นี้มากเกินไป แบบนี้คัดเลือกนักแสดงได้ไม่ดีล่ะมั้ง? ฉันพนันเลยว่าหนังเื่นี้ขายไม่ได้แน่”
ฉีลั่วอิ่งกวาดตาดูคอมเมนต์ทั้งหมดคร่าวๆ และพบคอมเมนต์ของเมิ่งไป๋ไป๋
“ในวงการบันเทิงไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่ได้แสดงหนังเื่นี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็ความล้มเหลว บางทีอาจจะมีคำเชิญที่เหมาะสมกว่าปรากฏขึ้นมาก็ได้ สิ่งที่พวกเราควรทำคือสนับสนุนฉีลั่วอิ่ง! เป็ผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งของเขา!”
ไม่นานข้อความของเมิ่งไป๋ไป๋ก็ได้รับไลก์และหัวใจห้าร้อยกว่าดวงอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งถูกดันขึ้นไป้าสุดของเธรดคอมเมนต์ ฉีลั่วอิ่งก็กดหัวใจเพิ่มให้หนึ่งดวงเพื่อแสดงความชื่นชม
ข้อความของเมิ่งไป๋ไป๋ที่โพสต์ลงไปในกลุ่มทำให้เขาอารมณ์ดีมาก ราวกับเธอหรือเขารู้ได้อย่างเป็ธรรมชาติว่าสิ่งที่ฉีลั่วอิ่ง้าที่สุดคืออะไร
“เมิ่งไป๋ไป๋ คุณอ่านใจได้เหรอ?” ฉีลั่วอิ่งพูดกับตัวเอง
เขาตัดสินใจว่าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยที่เมิ่งไป๋ไป๋ไม่ยอมบอกเพศกับเขาแล้ว สุดท้ายแค่มั่นใจว่าเมิ่งไป๋ไป๋เป็แฟนตัวยงของเขาก็พอ เขาคิดพลางคลิกเปิดกล่องข้อความเพื่อนขึ้นมา
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “อยู่ไหม?”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “ครั้งนี้จะถามอะไร? ไม่ตอบเื่ส่วนตัวนะ”
อะไรคือไม่ตอบเื่ส่วนตัว?
พูดอย่างกับเขาสนใจเมิ่งไป๋ไป๋มากอย่างนั้นแหละ?
ฉีลั่วอิ่งทั้งฉุนทั้งขำ ต้องโทษเหยาเข่อเล่อที่ทำให้เขาไปถามเพศของแฟนคลับทั้งๆ ที่ไม่มีเื่อะไร ตอนนี้ทำให้คนเข้าใจผิดไปแล้วมั้ง?
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ฉันจะไม่ถามเื่ส่วนตัวของคุณอีก แล้วก็ไม่ได้จะจีบคุณด้วย จะถามให้ชัดเจนขนาดนั้นไปทำไม?”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “คุณเข้าใจก็ดีแล้ว สรุปแล้วคุณอยากถามเื่อะไร?”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ถ้าฉีลั่วอิ่งกับเมิ่งเชวี่ยไป๋เล่นเป็คู่รักกันจะมีคนดูไหม?”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “จากความนิยมของทั้งสองคนแล้ว บ็อกซ์ออฟฟิศน่าจะไม่เลว”
ฉีลั่วอิ่งพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ ทำไมเมิ่งไป๋ไป๋พูดถึงบ็อกซ์ออฟฟิศ? เขาไม่ถามด้วยซ้ำว่าทำไมนักแสดงชายสองคนถึงมาเล่นเป็คู่รักกัน? ปกติแล้วต้องใกับเื่นี้ก่อนไม่ใช่หรือ?
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าเป็ภาพยนตร์ คุณก็พูดว่าบ็อกซ์ออฟฟิศจะดีแล้วงั้นเหรอ?”
หลังจากฉีลั่วอิ่งถามคำถามนี้ ข้อความที่อีกฝ่ายกำลังพิมพ์ก็หายไปราวกับเวลาหยุดนิ่ง ไม่มีการตอบสนองใดๆ ฉีลั่วอิ่งก็รอแล้วรออีก ผ่านไปสิบนาทีถึงได้ถามจี้อีกครั้ง
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “คุณคงจะไม่ได้กำลังหาข้อแก้ตัวมาบอกปัดฉันใช่ไหม?”
ประมาณสิบวินาทีเมิ่งไป๋ไป๋ก็ตอบกลับ
เมิ่งไป๋ไป๋ : “ไม่จำเป็ต้องหาข้ออ้าง หลายปีมานี้ฉีลั่วอิ่งรับงานภาพยนตร์ค่อนข้างเยอะ”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “โอ้? ฉันเกือบคิดว่าคุณเป็คนจากซิงเหอหรือไม่ก็สตูดิโอของเมิ่งเชวี่ยไป๋แล้วซะอีก”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “มีคนรู้จักอยู่ในนั้นจริงๆ”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นการรักษาความลับของบริษัทนี้ก็ทำได้ไม่ดีแล้ว!”
ฉีลั่วอิ่งคิดว่าที่เมิ่งไป๋ไป๋รู้จักเขาดีแบบนี้ น่าจะมีช่องทางพิเศษที่สามารถรู้ข่าวของเขาได้ และวิธีที่เป็ไปได้ที่สุดก็คือการรับรู้ผ่านบริษัทต้นสังกัดของทั้งสองคน
เมิ่งไป๋ไป๋ : “แล้วคุณเป็คนของสองบริษัทนั้นหรือเปล่า?”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ฉันเหมือนเหรอ?”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “ข่าวของคุณอัปเดตเร็วมาก ความแม่นยำก็สูง”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ฉันมีวิธีของฉันเอง ยิ่งไปกว่านั้นฉันก็เป็แฟนคลับของฉีลั่วอิ่ง อยากจะรู้ข้อมูลเพิ่มเติมสักหน่อยก็เป็เื่ปกติ”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “จู่ๆ ฉันก็ไม่มั่นใจอีกแล้วว่าคุณเป็แอนตี้หรือเปล่า”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ทำไมล่ะ? ฉันลบความน่าสงสัยออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ? รูปโปรไฟล์ของฉันก็เปลี่ยนเป็รูปของฉีลั่วอิ่งแล้ว มีปัญหาที่ตรงไหนกัน?”
ฉีลั่วอิ่งไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าจะถูกสงสัยเื่แอนตี้อีกครั้ง เขาคือคนที่ไม่มีทางเป็แอนตี้ที่สุดเลยโอเคไหม? ใครจะว่างถึงขนาดแกล้งเป็แอนตี้ของตัวเองกัน?
แค่ก! ถ้าแกล้งเป็แฟนคลับของตัวเองยังจะมีความเป็ไปได้มากกว่า...
เมิ่งไป๋ไป๋ : “คุณกดหัวเราะโพสต์ข่าวเปลี่ยนตัวนักแสดงเื่《บันทึกการเดินทางยามราตรีสู่ตะวันออก》ทั้งกลุ่มมีแค่คุณที่กดอิโมติคอนนี้ ฉันได้รับการร้องเรียนว่าคุณมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น”
ฉีลั่วอิ่งพูดไม่ออก ไม่ใช่ว่าอิโมติคอนนั้นมีความหมายที่ดีหรือ?
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “มือลั่นน่ะ ฉันไม่แก้ได้ไหม?”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “มือลั่นจริงๆ เหรอ?”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “จริงสิ!”
ไม่ว่าเหตุผลจริงๆ คืออะไร ตอนนี้ฉีลั่วอิ่งก็ทำได้เพียงยืนกรานว่ามือลั่นเท่านั้น หากบัญชีนี้ไม่มีค่าอะไรเขาคงอ้างไปแล้วว่าบัญชีโดนแฮ็ก ส่วนเื่ที่ทำไมคนแฮ็กถึงเข้าไปกดหัวเราะโพสต์นั้น ก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่เขาจะต้องอธิบายแล้ว
เมิ่งไป๋ไป๋ : “ไม่ว่าคุณจะมือลั่นจริงหรือเปล่าแต่ก็มีคนร้องเรียนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เดิมทีคุณอยู่ในรายชื่อที่ต้องจับตามองและตอนนี้ก็ยังโดนร้องเรียนอีก เมื่อกี้ที่ฉันไม่ได้ตอบก็เพราะกำลังปรึกษาผู้ดูแลคนอื่นๆ อยู่ว่าจะจัดการกับคุณอย่างไรดี”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “คงจะไม่เตะฉันออกใช่ไหม?”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “วิธีลงโทษที่ผู้ดูแลเลือกได้มีไม่มาก”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ความหมายของคุณคือผู้ดูแลก็ต้องจำใจเตะคนออกเหรอ?”
----------
ฉีลั่วอิ่ง : “ฉันไม่ใช่แอนตี้! ฉันจะเป็แอนตี้ของตัวเองได้ยังไง?” (เศร้า.jpg)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้