ตอนที่ 12
“โดยเฉพาะเื่ของวีร์” ศิลาเงยหน้ามองสบสายตาของพ่อด้วยแววตาสั่นไหวเล็กน้อย ในใจพลันรู้สึกกลัวขึ้นมา
“พะ ... พ่อหมายถึงอะไรครับ”
กับคนอื่นศิลาอาจจะปกปิดได้แม้แต่แม่ของเขาเองก็ยังดูไม่ออก แต่กับอาธิปนั้นแม้แต่สายตาของศิลาที่ว่านิ่งดุจสายน้ำแล้วก็ยังต้องไหวติงเพียงเพราะสบตากับผู้เป็พ่อเลย
"ศิคิดว่าพ่อจะไม่รู้หรอลูก ั้แ่ที่ลูกตามติดพี่เขาแล้ว จากเด็กที่ไม่เคยจะติดใครหรือแม้แต่เพื่อน แต่ถามหาพี่เขากับพี่รุตทุกอาทิตย์ พ่อก็สังเกตเป็"
ศิลาลุกขึ้นแล้วยกเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ พ่อตัวเองเพราะอยากคุยกันเสียงเบาๆ กลัวคนอื่นมาได้ยิน "พ่อรู้ตั้งนานแล้ว?? แล้วทำไมทำเหมือนไม่รู้ล่ะครับ"
"พ่อแค่อยากรอให้ลูกบอกพ่อด้วยตัวเอง แต่เมื่อไม่กี่เดือนมานี้พ่อเห็นว่าศิดูเครียดๆ ดูคิดมากอยู่บ่อยๆ มีเื่อะไรรึเปล่า" แม้ภายนอกศิลาจะไม่แสดงออกมาก แต่หากรู้จักเขาจริงจะรู้ว่าเขาเปลี่ยนไป ปัณณวีร์เองยังััได้เพียงแต่ถามแล้วเ้าตัวไม่ยอมบอก บอกแค่ว่าเครียดเื่งาน แต่ถ้าให้เดาปัณณวีร์ก็คงจะดูออกว่าศิลาคงคิดมากเื่ของพวกเขาด้วยนั่นแหละ
เพราะตัวปัณณวีร์เองก็คิดเหมือนกัน เขาคิดมาตลอดว่าจะทำยังไงให้ครอบครัวศิลายอมรับ เปิดเผยกับสังคมไม่ได้แต่อย่างน้อยๆ ปัณณวีร์ก็อยากเปิดเผยกับครอบครัวได้ แต่คิดยังไงก็คิดไม่ตก กลัวว่าถ้าครอบครัวศิลารู้พวกเขาจะถูกแยกห่างออกจากกัน
"พ่อคิดว่า ... สังคมจะยอมรับสิ่งที่เราเป็ไหมครับ ถ้าวันหนึ่งทุกคนรู้ว่าผมไม่ได้ชอบผู้หญิง" ศิลาเอ่ยถามเสียงเบา เขามองหน้าของผู้เป็พ่ออย่างรอคำตอบพลางคิดในใจว่านานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้พูดคุยหรือปรึกษากับพ่อ ทั้งที่เมื่อก่อนเขาพูดคุยกับพ่อได้ทุกเื่ แต่พอโตขึ้นมาหน่อยเขาก็คิดว่าอยากจะตัดสินและเดินด้วยตัวเองจนลืมไปว่าถ้าเจอปัญหา เขายังมีที่ปรึกษาที่เดินตามหลังมาอยู่
"ศิลา ตอนนี้ลูกอาจจะมองว่าทุกคนให้ความสนใจลูก ทุกคนเป็เดือดเป็ร้อนกับชีวิตลูก แต่พ่ออยากจะบอกว่าจริงๆ แล้วไม่มีใครสนใจลูกหรอก ทุกคนย่อมมีเื่ของตัวเองให้สนใจมากกว่า เกิดวันหนึ่งเื่ของลูกกับวีร์หลุดไป มันก็คงเป็ข่าว อาจจะวันสองวัน หรือเป็อาทิตย์ แต่สุดท้ายแล้วมันก็จะเงียบๆ เพราะงั้นไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ว่าอะไรจะเกิดเราควบคุมมันไม่ได้ 100% หรอกนะ พ่อว่าใช้ชีวิตในแต่ละวันกับปัจจุบันให้มีความสุขไม่ดีกว่าหรอ อนาคตก็ให้เป็เื่ของอนาคต ทุกอย่างไม่แน่ไม่นอนหรอก"
"แล้วเื่แม่ล่ะครับ พ่อคิดว่ายังไง" ทำไมศิลาจะไม่รู้ว่าแม่จะรับไม่ได้กับเื่นี้ เพราะเธอพูดเื่หลานตลอด นั่นหมายความว่าเธอวาดฝันว่าศิลาต้องแต่งงานมีลูกมีครอบครัว
"เื่ของแม่" อาธิปเองก็เหมือนเป็คนกลาง จะพูดกับภรรยายังไงก็ยังคิดคำพูดไม่ออกเพื่อให้เธอยอมรับ จะมาห้ามมาบอกให้ลูกเลิกกับคนรักก็ไม่ใช่เื่ "เื่นี้พ่อว่าอย่าเพิ่งพูดกันดีกว่า เอาไว้พ่อจะพยายามพูดให้แม่ลองเปิดใจกับเื่พวกนี้ให้มากขึ้น"
ศิลายิ้มเล็กน้อยและพยักหน้าเบาๆ สองพ่อลูกนั่งคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง รถคันคุ้นตาก็ขับเข้ามาจอดข้างๆ บ้าน เป็รถของปัณณวีร์ ศิลาจำได้ดี
"วีร์มาแล้ว แม่ก็มาด้วย" อาธิปว่าเมื่อเห็นรถที่ตามมาติดๆ เป็รถตู้ของกนก
ปัณณวีร์ลงรถได้ไม่นานประตูรถตู้ที่จอดอยู่ข้างหลังรถตนเองก็เปิดออกพอดี กนกก้าวลงมาจากรถพลางมองไปหาสามีและลูกที่นั่งอยู่โต๊ะตรงสนามหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้
"สวัสดีครับคุณแม่" ปัณณวีร์ยกมือไหว้พร้อมเอ่ยทักทายกนก เธอหันมาส่งยิ้มให้ตอบ
"หวัดดีลูก มาพร้อมกันพอดีเลย" กนกพูดกับปัณณวีร์จบก็หันกลับเข้าไปในรถก่อนจะพูดขึ้น "ลงมาสิคะ อายอะไรกัน"
ศิลากับอาธิปมองหน้ากันก่อนจะเดินมาหาที่รถ กนกไม่ได้มาเพียงคนเดียว ทันทีที่อีกคนบนรถลงมาก็ทำเอาศิลาหน้ามึนตึงทันที ปัณณวีร์เองก็ไม่รู้จะแสดงสีหน้ายังไงกับการมาของนับดาว
"สวัสดีค่ะคุณลุง พี่วีร์ พี่ศิลา" นับดาวอายุน้อยที่สุดเธอจึงยกมือไหว้ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างมีมารยาท
"หนูนับดาวค่ะคุณ คุณยังไม่เคยเจอตัวจริง เป็ไงบ้างคะสวยและน่ารักอย่างที่บอกใช่ไหม" กนกเอ่ยถามผู้เป็สามี อาธิปเองก็ยิ้มบางๆ และพยักหน้ารับ
"เข้าไปข้างในกันเถอะ อาหารมาครบแล้ว" อาธิปรีบพูดออกไปก่อนมองตาภรรยาอย่างสื่อความหมายและกนกก็รับรู้ได้ว่าเขามีเื่จะคุยกับเธอ
เป็ศิลาที่เดินไปก่อนโดยไม่รอ กนกมองตามแผ่นหลังของลูกชายที่ไม่แม้จะสนใจแขกจึงหันมาลูบแขนนับดาว "ไปกันหนูดาว"
ปัณณวีร์ได้แต่มองตามด้วยสายตาเศร้าๆ เขาได้มาที่นี่ก็เพราะเป็เพื่อนศรุตเป็คนที่กนกเอ็นดู ไม่ได้มาอย่างนับดาวที่ดูเหมือนเ้าของบ้านจะอยากได้เป็คนในครอบครัวอีกคน
"หนูวีร์ไปกับพ่อมา" อาธิปเอ่ยเรียกปัณณวีร์ที่ยืนค้างอยู่ เ้าตัวหลุดจากความคิดของตนเองจึงยิ้มออกมาแล้วเดินไปพร้อมกับอาธิป
"เด็กๆ นั่งคุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวแม่ไปเปลี่ยนชุดก่อน" กนกพานับดาวเข้ามานั่งในบ้านแล้วจึงปลีกตัวขึ้นไปบนห้องกับอาธิป
ศรุตนั่งอยู่นั่นด้วยรับรู้ได้ถึงความอึดอัดของบรรยากาศ จึงชวนปัณณวีร์คุยกลบความเงียบเพราะเขาไม่ได้รู้จักหรือสนิทกับนับดาวถึงขั้นพูดคุยกันได้มากแต่ก็มีถามเธอคำถามสองคำถามเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกไม่ดีด้วย แต่ศิลาผู้เป็น้องชายนั่งหน้านิ่งดูไม่รับแขกอยู่ข้างปัณณวีร์
"คุณนก" เมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้วอาธิปจึงเอ่ยกับภรรยาเพราะไม่อยากให้คนอื่นได้ยินด้วยจึงมาคุยกันบนห้อง "คุณพาหนูนับดาวมา คุณถามศิรึยัง"
"ก็มาเซอร์ไพรส์ไงคะ ฉันไปเอาของขวัญให้ลูก สั่งนาฬิกาไว้แล้วบังเอิญไปเจอหนูนับดาวเข้าฉันเลยชวนมาด้วย" อาธิปถอนหายใจและทำหน้าเหนื่อยๆ กับภรรยาที่ยังไม่รู้อีกว่าตัวเองทำลูกชายอารมณ์ไม่ดี
"เซอร์ไพรส์มาก" อาธิปพูดประชดออกไป "คุณดูหน้าลูกบ้างไหม คุณก็รู้ว่าศิไม่ชอบคุณยังทำแบบนี้อีก แบบนี้คุณกับลูกเมื่อไหร่จะต่อกันติด" ทุกวันนี้ศิลากับกนกก็ดูเหินห่างกันพออยู่แล้ว ยิ่งเธอทำแบบนี้ยิ่งทำให้ลูกชายค่อยๆ ถอยห่างออกไปอีก
"ฉันทำอะไรล่ะคะ ก็แค่ชวนมาฉลองวันเกิด คุณไม่เห็นหรอว่าในโซเชียลแฟนคลับต่างพากันคิดว่าพวกเขาแอบคบกันอยู่อาจจะจริงก็ได้นะ" หลังจากปิดกล้องวันนั้นทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จะมีก็แต่รายการที่จะไปออกด้วยกันอาทิตย์หน้า
ข่าวในโซเชียลทั้งหมดล้วนเป็เจนที่คอยปั่นกระแสอยู่ตลอดเพื่อไม่ให้กระแสตกไป นับดาวก็ยิ่งเป็ที่รู้จักขึ้นจากข่าวที่ว่าทั้งสองแอบไปเดทกัน มีคนถ่ายภาพศิลาตอนเดินเข้าร้านอาหารได้ หลังจากนั้นไม่นานก็เป็นับดาวที่เดินเข้าไป แต่ความจริงแล้วทั้งสองไม่ได้ทานข้าวห้องเดียวกันเลย นับดาวไปกับพ่อของเธอ ส่วนศิลาไปทานข้าวดารินและผู้กำกับละครเื่ใหม่ที่เขากำลังจะเล่นต่างหาก
"คุณก็รู้ว่ามันไม่ใช่เื่จริง และยิ่งคุณพานับดาวมาบ้าน มางานวันเกิดลูกแบบนี้ทุกคนก็ยิ่งคิดว่าทั้งสองแอบคบกันจริงๆ" ไม่ใช่ไม่รู้ กนกรู้ดีว่าไม่ได้เป็แบบนั้น แต่เธออยากจะให้ข่าวไปในทิศทางนั้น
"ก็ดีไม่ใช่หรอคะ เชียร์อัพหน่อยศิลาอาจจะชอบนับดาวก็ได้ ดูแล้วหนูนับดาวเขาชอบศิลานะคะ"
"คุณนก" อาธิปเอ่ยเสียงเข้ม "ผมเตือนคุณไว้ตรงนี้ก่อนเลยนะ ในฐานะสามีและพ่อ ว่าสิ่งที่คุณทำมันคือการบังคับลูก คุณบอกว่าไม่ใช่ เพราะยังไงลูกก็เป็คนเลือก แต่การที่คุณหาคนนั้นคนนี้มาให้ลูกมันคือการบังคับให้เขาต้องเลือกสักที คุณยิ่งทำแบบนี้ลูกก็ยิ่งไม่ชอบนี่คุณไม่เข้าใจหรอ"
อาธิปไม่เคยจะเข้ามายุ่งเลยไม่ว่าภรรยาจะทำอะไร เขาเพียงคอยบอกคอยให้คำปรึกษาเท่านั้น มีวันนี้ที่เขาต้องเตือนผู้เป็ภรรยาบ้างถึงการกระทำที่เอาแต่ใจตัวเอง กนกได้ยินดังนั้นก็เงียบไปเพราะน้อยครั้งที่สามีจะพูดจาเสียงเข้มดุดันแบบนี้ มันยิ่งกว่าการถูกตะคอกซะอีก
"คิดดีๆ นะคุณนก สิ่งที่อยากให้ลูกมีอยากให้ลูกเป็ มันคือความ้าของลูกคือความสุขของลูกตามที่คุณคิดจริงไหม หรือมันคือความ้าของคุณที่อยากจะให้ลูกเป็ในแบบที่คุณอยากให้เป็" อาธิปเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเองเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
"รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ จะได้ลงไปทานข้าว วันนี้วันเกิดลูกนะเผื่อคุณจะลืม" ประโยคพูดทิ้งท้ายของอาธิปนั้นเหมือนจะบอกกับกนกว่าวันนี้เป็วันเกิดของลูก จะทำอะไรก็ควรคิดถึงเ้าของวันเกิดไม่ใช่เอาความคิดตัวเองมาตัดสิน แต่ก็ไม่รู้ว่ากนกจะเข้าใจอย่างที่อาธิป้าจะสื่อหรือไม่
การทานข้าวฉลองวันเกิดปีนี้คงเป็ปีที่ศิลารู้สึกไม่มีความสุขที่สุด การไม่มีแม่มาฉลองวันเกิดด้วยในวัยเด็กว่าแย่แล้ว แต่การที่แม่พาผู้หญิงที่อยากจะได้เป็ลูกสะใภ้มาทานข้าวด้วยโดยไม่ถามเขาก่อนว่าชอบไหมนั้นรู้สึกแย่กว่า
"เออวีร์ วันนี้นอนที่นี่เลยป่ะ ไม่ต้องกลับหรอกคอนโดก็ไกล" ศรุตเป็คนเริ่มเปิดบทสนทนาขึ้นมา และรู้ดีว่าน้องชายก็คงอยากให้ปัณณวีร์นอนที่นี่
"อ่อ ได้ดิ" ปัณณวีร์ตอบรับ ซึ่งก็ไม่มีใครคัดค้านเพราะเขาเคยมานอนที่นี่ออกจะบ่อยั้แ่สมัยเรียนแล้ว
"จริงด้วย หนูนับดาวค้างที่นี่ไหมลูก ดึกแล้วให้ที่บ้านมารับคงจะลำบาก" กนกเอ่ยถามขึ้น นึกสงสารที่เธอพามาแล้วแต่ลูกชายไม่สนใจ ไม่พูดคุยอะไรเลย จนเธอลืมนึกถึงใจของลูกชายอย่างศิลาไป ศิลาจึงพูดแทรกขึ้นมาเสียงเรียบ
"ไม่ต้องให้คนที่บ้านมารับหรอก" ประโยคนั้นทำให้กนกยิ้มออกมาได้ก่อนจะหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อได้ยินประโยคต่อมา "เดี๋ยวให้คนขับรถที่บ้านนี้ไปส่ง เพราะเขาเป็คนพามา"
นั่นหมายความว่าศิลาไม่ได้้าให้เธอค้างที่บ้าน อาธิปมองลูกชายกับภรรยาสลับกันก่อนจะรีบอ้างเหตุผลอื่นเสริม "ให้ค้างที่นี่คงจะไม่ดีมั้งคุณกนก หนูนับดาวเป็ผู้หญิง คงไม่เหมาะสม"
"ใช่ค่ะคุณป้า ดาวกลับบ้านดีกว่าค่ะไม่รบกวน" นับดาวกำหมัดแน่นและพูดออกไปด้วยรอยยิ้ม การที่ศิลาพูดแบบนี้ออกมาทำให้เธอรู้สึกเสียหน้าต่อคนที่อยู่ร่วมโต๊ะอาหาร
"งั้นเดี๋ยวป้าให้คนขับรถไปส่งนะ" กนกจำต้องฟังคำของสามีที่ออกปาก ก่อนจะมองยังศิลาที่นั่งนิ่งอยู่ไม่ทานอะไร
"ลองทานปลาหมึกยัดไส้หน่อยสิลูก ร้านนี้อร่อยนะของโปรดลูกเลย" กนกตักอาหารใส่จานลูกชายที่นั่งอยู่เยื้องๆ เธอเพราะตรงข้ามนั้นเป็ศรุต
"ไม่ใช่ของโปรดผมครับ นั่นของโปรดพี่รุต" ศิลาพูดขึ้นก่อนจะเอื้อมไปตักอย่างอื่นแทน ปัณณวีร์เม้มปากเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือของศิลาที่อยู่ใต้โต๊ะแล้วบีบเบาๆ เป็การปลอบว่าไม่เป็อะไรนะ เพราะใครจะจำไม่ได้ว่าศิลาชอบอะไร ปัณณวีร์จำได้เสมอ
กนกหน้าเจื่อนลงทันทีเพราะเขาดันจำของโปรดของลูกผิดไป ศิลาได้แต่นึกในใจว่าไม่มีเลยสักครั้งที่คนเป็แม่จะจำของโปรดเขาได้ แต่ศิลาก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วเพราะทุกครั้งก็เป็พ่อที่สั่งอาหารให้เขา เป็พ่อที่ทำอาหารให้ อาธิปลูบหลังกนกเบาๆ อย่างปลอบใจเช่นเดียวกัน เขารู้ว่ากนกอยากจะเอาใจลูกชายคนเล็ก อาธิปรู้ว่ากนกรักศิลาแค่ไหน ไม่น้อยไปกว่าศรุตเลย เผลอๆ อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ แต่เพราะไม่เคยได้อยู่ด้วยกันอย่างแม่ลูกในวัยเด็ก โตมาหน่อยทุก่ปิดเทอมศิลาก็ถูกส่งไปเรียนซัมเมอร์ที่ต่างประเทศ เพราะเธอวางแผนอนาคตทุกอย่างให้ลูกไว้หมดจนบางครั้งก็ละเลยเขาไป จากเล็กๆ ก็สะสมมาเรื่อยๆ จนมันทำให้เขาสองแม่ลูกเป็อย่างที่เห็นทุกวันนี้
หลังทานอาหารเสร็จอาธิปก็ให้คนขับรถไปส่งนับดาวที่บ้าน ส่วนปัณณวีร์ก็ขึ้นห้องไปก่อน เป็ห้องนอนสำหรับแขกอยู่ติดกับห้องของศิลา ที่ปัณณวีร์ปลีกตัวมาก่อนก็เพราะอยากให้ครอบครัวเขาได้คุยกันตามประสาครอบครัว
"ศิลา อย่าเพิ่งไปสิลูก" กนกรีบเรียกลูกชายคนเล็กเอาไว้ก่อนพร้อมกับหยิบกล่องนาฬิกาหรูที่ซื้อมาไปให้กับมือศิลาเอง สุขสันต์วันเกิดนะคะลูก"
ศิลามองกล่องนาฬิกาที่เขาได้มันแทบจะทุกปี เรียกว่าเก็บไว้เป็คอลเลคชั่นเลยก็ว่าได้ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ชอบสะสมนาฬิกาขนาดนั้นเมื่อเทียบกับพี่ชายแล้ว แต่ก็รับเอาไว้เพราะมันคือของที่แม่ให้
"ขอบคุณครับ" พูดจบศิลาก็จะหมุนตัวเดินจากไปแต่กนกจับแขนเอาไว้ก่อน
"เดี๋ยวลูก" ศรุตกับอาธิปมองหน้ากันและเลือกจะอยู่เงียบๆ ให้แม่ลูกได้คุยกันเอง "แม่ขอโทษนะเื่นับดาว แม่เ้ากี้เ้าการไปเอง แม่ขอโทษจริงๆ ศิลาอย่าโกรธแม่เลยนะลูก แม่สัญญานะว่าต่อไปจะไม่จับคู่ใครให้ลูกอีก"
"ครั้งที่แล้วคุณแม่ก็เคยสัญญาแบบนี้" ศิลามองผู้เป็แม่แวบเดียวก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่น "คุณแม่ไม่เคยรักษาสัญญากับผมได้เลยสักครั้ง"
"ศิลา...แม่ขอโทษลูก" กนกพูดเสียงเบา สะอึกไปไม่น้อยกับคำพูดของลูกชายเมื่อครู่ เหมือนมีก้อนบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ
"ช่างมันเถอะครับ ผมไม่โกรธแม่หรอก อย่าร้องไห้ในวันเกิดผมเลยครับ เดี๋ยวผมจะบาปเอาเพราะมันเป็วันที่แม่คลอดผมออกมาด้วยความเ็ป" ศิลาพูดออกมาตามตรงไม่ได้ประชดประชันผู้เป็แม่แต่อย่างใด เพียงแต่เขารู้สึกน้อยใจ กนกรู้สึกเหมือนมีก้อนบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ พูดอะไรไม่ออก
"ขอบคุณสำหรับของขวัญนะครับ ผมขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนนะครับพรุ่งนี้มีถ่ายละครแต่เช้า" กนกแทบคิดคำพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะพูดกับลูกชายต่อยังไงดีจึงได้หันไปหาผู้เป็สามี อาธิปเดินเข้ามาโอบไหล่เธอไว้
"ลูกน้อยใจคุณอยู่ เอาไว้คุณค่อยง้อเขา ศิลาน่ะง้อไม่ยากหรอก" อาธิปเอ่ยอย่างให้กำลังใจ เป็คนกลางแบบเขานั้นไม่ง่ายเอาซะเลย
"ทำไมมาคอนโดล่ะคะ ไม่กลับบ้านหรอ" เจนเอ่ยถามนับดาวที่เดินหน้าบึ้งตึงเข้ามา เธออยู่ที่คอนโดของนับดาวเพราะเ้าตัวให้อยู่เนื่องจากไม่ค่อยมาอยู่แล้ว
"ไม่อยากกลับไปแล้วอารมณ์เสียแบบนี้ค่ะ"
"ก็ไหนว่าไปทานข้าวบ้านน้องศิลามาไงล่ะ วันนี้งานวันเกิดด้วยนะ ไหงหงุดหงิดกลับมา" นับดาวบอกกับเจนทุกอย่างว่าวันนี้เธอได้ไปบ้านของศิลา แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเ้าของวันเกิดวันนี้ไม่พูดหักหน้าเธออย่างไม่มีเยื่อใย เธอจึงเล่าให้เจนฟังทั้งหมด
"พี่บอกแล้วไงคะ ถ้าคิดจะชอบเขาจริงๆ เนี่ยพักก่อนเลย แต่ถ้าเกาะกระแสเขาดังใน่นี้อ่ะได้อยู่นะคะ อย่างเช่นวันนี้ที่ไปทานข้าวบ้านเขามาไม่ใช่หรอ" เจนยิ้มอย่างเ้าเล่ห์ แต่นับดาวยังคงโกรธและโมโหอยู่กับการกระทำของศิลา
"เขาเป็คนแรกเลยที่กล้าปฏิเสธดาว แถมยังพูดเหมือนไม่อยากจะสานสัมพันธ์ด้วยอีกอ่ะ เป็แม่ตัวเองไหมที่อยากจับคนนั้นคนนี้ใส่พานให้ลูกชาย" เธอรู้สึกว่าถูกเรียกไปตบกลางสี่แยกก็ไม่ปาน คนแม่พาไปแต่คนลูกปฏิเสธตรงไปตรงมาทำเอาเธอไม่ชอบใจยิ่งนัก
"ในเมื่อเขาไม่ชอบ ก็ทำให้เขาหงุดหงิดเลยดีไหม ยิ่งมีข่าวกับเราก็ยิ่งไม่ชอบจริงไหม" คนหนึ่งเอาแต่ใจอยากเอาชนะ อีกคนช่างยุ ทั้งสองมองหน้ากันและยิ้มออกมา
"ไม่เป็ไรนะ ยังไงก็แม่ลูกกันอ่ะ แม่เขาอาจจะลืมไปบ้าง เขาทำงานหนักจะตายศิก็รู้" ปัณณวีร์ลูบกลุ่มผมน้ำตาลเข้มที่นอนหนุนตักตัวเองอยู่ เพราะบทบาทของเื่นี้ทำให้ศิลาต้องยอมผม แต่มันก็เข้ากลับหน้าของอีกฝ่ายได้ดี จากที่หล่ออยู่แล้วก็ดูหล่อขึ้นไปอีกปัณณวีร์คิดแบบนั้น
"ผมไม่เคยน้อยใจอะไรเท่านี้มาก่อน ไม่เคยน้อยใจเลยว่าแม่จะจำของโปรดผมได้ไหม หรือจะรู้ไหมว่าผมชอบสะสมกำไลมากกว่านาฬิกา แต่ผมไม่ชอบที่แม่พาคนอื่นมาฉลองวันเกิดผมโดยไม่ถามผมก่อนทั้งที่บอกว่ามันเป็งานในครอบครัวแท้ๆ"
ปัณณวีร์รู้ปัญหาเรื้อรังของแม่ลูกคู่นี้ดีเพราะศิลาก็เล่าให้ฟัง และในมุมของกนกก็มีศรุตเล่าให้ฟังอีกที หากดูดีๆ แล้วกนกก็เป็คนที่รักศิลามากๆ คนหนึ่ง แต่อาจจะแสดงออกต่อลูกชายที่เงียบขรึมไม่เป็ ไม่รู้จะเข้าหาลูกยังไง แม้จริงๆ แล้วเขาก็อยากให้ลูกแสดงความรักและออดอ้อนเหมือนกับศรุต ถึงได้เอาใจทุกอย่างเพราะคิดว่าลูกคงจะชอบและอ้อนเธอบ้าง
"แม่ก็สัญญากับศิแล้วว่าจะไม่ทำอีก ศิก็เลิกงอนแม่ได้แล้วนะ"
"ผมไม่ได้งอน" ปัณณวีร์อมยิ้มและบีบเข้าที่แก้มคนที่เด็กกว่าอย่างมันเขี้ยว แม้จะ 28 แล้วแต่ศิลาก็มีบางมุมที่ยังเหมือนเด็กอยู่ อย่างตอนที่งอนแบบนี้ก็มักจะบอกว่าตัวเองไม่ได้งอน แต่ทุกอย่างมันส่อออกมาทางสีหน้าหมดเ้าตัวอาจจะไม่รู้
"ชอบไหมของขวัญของพี่" กำไลเงินสลักคำว่าศิลาวีร์ไว้ด้านใน แม้จะไม่ใช่แบรนด์หรูราคาแพงแต่ศิลาก็ชอบมัน
"ชอบสิครับ"
"ต้องเก็บไว้ให้ดีนะรู้ไหม ไม่มีให้อีกนะบอกเลย" ปัณณวีร์ชูข้อมือของตัวเองที่มีกำไลเงินเหมือนกันกับของศิลาให้อีกฝ่าย ที่ไม่มีให้อีกเพราะเขาสั่งทำมาเป็คู่
"กำไลคู่หรอครับ" คนถูกถามพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "แอบไปสั่งทำตอนไหนเนี่ย ไม่บอกผมเลย"
"บอกจะเรียกว่าเซอร์ไพรส์หรอ" ศิลายิ้มออกมาตามคนพี่ที่ยิ้มอยู่ "นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ทำงานแต่เช้าไม่ใช่หรอ นอนดึกเดี๋ยวหน้าโทรม"
"นอนกับพี่นะ"
"ได้ไง" ปัณณวีร์กลัวว่าจะมีใครมาเห็นเข้า
"พรุ่งนี้จะรีบตื่นแล้วออกไปแต่เช้า นะครับขอนอนด้วยนะ" ศิลาลุกขึ้นแล้วขยับมากอดเอวบางไว้พลางเอาคางเกยไหล่ ใช้จมูกปัดป่ายแก้มเนียนเบาๆ
"ก็ได้ๆ งั้นก็รีบนอน" ปัณณวีร์น่ะหรอจะไม่ใจอ่อนให้กับการอ้อนของศิลา อย่าว่าแต่ปัณณวีร์เลยที่ยอม เป็คนอื่นหากโดนอ้อนแบบนี้คงทนใจแข็งกันไม่ไหวแน่นอน
"มาครับ" ศิลาล้มตัวไปนอนก่อนแล้วเหยียดแขนออกให้ปัณณวีร์เข้าไปนอนในอ้อมแขน คนพี่รู้งานเอื้อมไปปิดไฟที่หัวเตียงก่อนจะนอนลงไปกอดเ้าของวันเกิดไว้
ศิลายิ้มเล็กน้อย หอมลงที่กลุ่มผมนุ่ม ปัณณวีร์เหมือนคนที่เข้ามาเป็ครึ่งชีวิตของเขาไปแล้ว ณ ตอนนี้ เพราะอีกฝ่ายเข้ามาั้แ่ตอนศิลาอายุ 15-16 ปี แม้จะยังไม่ได้คบกันแต่ปัณณวีร์ก็เป็เหมือนคนที่ทำให้ชีวิตเขามีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิมนอกจากการอยู่กับพ่อและพี่ชาย
"ผมเคยบอกคุณแล้วนะ กับศิลาเขาไม่เหมือนศรุต เขาทนไม่ไหวจริงๆ ถึงจะปฏิเสธสิ่งที่คุณทำให้ เพราะเขาเห็นว่าคุณเป็แม่ เห็นว่าที่คุณทำให้เพราะหวังดี แต่บางครั้งมันมากเกิน แต่กับศรุตเขาสนิทกับคุณ เขาติดคุณมาั้แ่เด็กเพราะงั้นเขาเลยคิดว่าไม่ชอบอะไรเขาก็ปฏิเสธคุณไปทันทีเลย" อาธิปเปรียบเทียบลูกชายทั้งสองให้ผู้เป็ภรรยาเห็น ในขณะที่นั่งพิงหัวเตียงโอบกอดเธออยู่ไม่ให้เธอรู้สึกน้อยใจที่ถูกดุในวันนี้
"ฉันเป็แม่ที่ไม่ดีเลยใช่ไหมคะ" กนกถามออกไป
"ไม่ใช่ไม่ดี แค่ไม่พอดี" บางครั้งการเป็พ่อแม่ก็ต้องรู้จักการพอดี รักเขาให้พอดี หวงเขาให้พอดี และบังคับเขาให้พอดี บังคับเขาได้ในสิ่งที่เหมาะที่ควร แต่ไม่ใช่กับทุกเื่ที่ใจเราอยากจะให้เป็
"ลูกจะหายโกรธฉันไหม" เธอเงยหน้าถามสามี
"ศิลาเขาโกรธไม่นานหรอก เป็คนโกรธยากหายง่าย" ถ้าไม่ใช่เื่ที่หนักมากละก็นะ กนกกอดอาธิปแน่น เพราะแบบนี้เธอจึงรักสามีมาก เพราะทุกครั้งที่เธอพลาดจะมีเขาคอยช่วยตลอด
ศิลาตั้งนาฬิกาปลุกมาตอนตีสี่กว่าๆ เพื่อจะกลับห้องของตัวเอง เมื่อเสียงนาฬิกาดังขึ้นเขาก็ลุกขึ้นปิดทันทีเพราะกลัวปัณณวีร์จะตื่น แล้วกดตั้งเวลาให้ปลุกอีกทีตอน 6 โมงเช้า ร่างสูงค่อยๆ ลุกออกจากเตียงช้าๆ แล้วดึงผ้าห่มห่มให้กับคนรักไว้ก่อนจะเดินอย่างเบาที่สุดออกจากห้อง
พลันเมื่อออกจากห้องปัณณวีร์มาแล้วก็กลับเข้าห้องตัวเองทันทีโดยไม่รู้ว่าถูกผู้เป็แม่เห็นเข้า กนกตื่นมาเพราะปวดท้อง หลังเข้าห้องน้ำเสร็จว่าจะลงมาหาอะไรดื่ม เมื่อเปิดประตูห้องออกมาเจอตอนศิลาค่อยๆ ปิดประตูห้องของปัณณวีร์พอดีจึงแง้มๆ ดูพลางนึกสงสัยใจว่าทำไมศิลาถึงได้ออกมาจากห้องของปัณณวีร์ั้แ่เช้าตรู่แบบนี้ แสดงว่าเมื่อคืนนอนในห้องนี้หรือยังไงเธอได้แต่ถามกับตัวเอง....
TBC.