ครั้นเอ่ยจบ สีหน้าของผู้คนบางส่วนเริ่มแปรเปลี่ยน
ทำลายความบริสุทธิ์ของเหนียนอีหลานงั้นหรือ?
ทุกคนในเหตุการณ์ต่างรู้เื่ราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หนานกงเยวี่ยเอ่ยเื่นี้ขึ้นมาอีกเช่นนี้ นางมีเจตนาอะไรกันแน่
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงและเหนียนอีหลาน รวมถึงหนานกงจื้อพลันขมวดคิ้วมุ่น แม้แต่ฉางไทเฮาผู้มีสีหน้าสงบนิ่ง มือที่นับลูกประคำยังหยุดชะงักเล็กน้อย
"เ้าพูดชัดเจนแน่แล้วรึ ทำลายความบริสุทธิ์อีหลาน? ผู้ใด้าทำลายความบริสุทธิ์ของอีหลาน" ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเคาะไม้เท้าลงบนพื้นอย่างหนักหน่วง สีหน้าดุดัน ยากจะปิดบังความโกรธเกรี้ยว
หนานกงเยวี่ยชำเลืองมองจ้าวอิ้งเสวี่ยด้วยท่าทีเสแสร้งแกล้งทำหวาดกลัว ดูราวกับลำบากใจที่จะเอื้อนเอ่ยว่าเป็ผู้ใด
ทว่าหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ประหนึ่งว่าหมดสิ้นหนทางก็มิปาน นางคุกเข่าและขยับตัวเข้าไปหาจ้าวอิ้งเสวี่ย “ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย ท่านหญิงปล่อยบุตรสาวหม่อมฉันไปเถิด เื่ของท่านหญิงกับเหนียนเฉิง อีหลานไม่เกี่ยวข้อง นางมิสมควรต้องมารับเื่เช่นนี้ ใช่แล้ว...ท่านหญิงมาลงกับหม่อมฉัน มิว่าเื่อันใดมาลงกับหม่อมฉันก็ได้ทั้งนั้น...แก้แค้นลงโทษกับหม่อมฉันเถิด ดีหรือไม่? ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย ท่านพูดสิ! ท่านหญิงตอบหม่อมฉัน...”
ยามที่หนานกงเยวี่ยเอ่ย ราวกับว่าความตื่นตระหนกของนางทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสีหน้าและแววตายังแลดูบ้าคลั่งขึ้นไม่น้อย
จ้าวอิ้งเสวี่ยที่เฝ้ามองการแสดงของหนานกงเยวี่ย รอยยิ้มเย้ยบนมุมปากนางดูชอบใจยิ่งกว่าเดิม ดวงตาหันมองฉางไทเฮา ครั้นเห็นไทเฮากำลังขมวดคิ้ว ในใจนางพลันแจ่มแจ้ง
“ฮูหยินเหนียน เ้าร้องไห้ฟูมฟายปานนี้ ราวกับเหนียนอีหลานบุตรสาวของเ้าเป็อะไรก็มิปาน บุตรสาวเ้ายังยืนสบายใจอยู่ตรงนี้มิใช่หรือ?” จ้าวอิ้งเสวี่ยยิ้มเ็า พลางเหลือบมองเหนียนอีหลาน ท่าทีสงบเสงี่ยมอ่อนโยนนั้น แท้จริงทำให้ผู้คนเห็นใจ ทว่า...
เมื่อจ้าวอิ้งเสวี่ยหวนนึกถึงคำพูดของเหนียนยวี่ในจดหมาย สายตาที่มองเหนียนอีหลานของจ้าวอิ้งเสวี่ยทวีความดูถูกมากขึ้นเรื่อยๆ
สมเป็แม่ลูกกันเสียจริง ความหน้าซื่อใจคดและความชั่วร้ายช่างเหมือนกันทุกประการ
เหนียนอีหลานที่ถูกจ้าวอิ้งเสวี่ยจ้องมอง มิรู้เพราะเหตุใด หัวใจของนางถึงสั่นสะท้านอย่างมิคาดคิดและมิอาจห้ามความสั่นเทานี้ได้
ทว่าไม่นานนัก จ้าวอิ้งเสวี่ยเบนสายตาจากไป แต่ในใจของเหนียนอีหลานกลับเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกไม่สบายใจเสียแล้ว
ระหว่างทางเมื่อครู่นี้ นางมั่นใจว่าฮองเฮาอวี่เหวินอยู่ในวัง ทว่าเหนียนยวี่เล่า?
เหนียนยวี่ตายไปแล้ว หรือยังมีชีวิตอยู่กันแน่
หากว่านางยังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นแล้วนางเล่า?
เหนียนอีหลานแทบทนรอไม่ไหวที่จะสืบหาที่อยู่ของเหนียนยวี่ ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้ นางจะปลีกตัวออกไปได้อย่างไร
“ทว่าท่านหญิงเพิ่งพูดออกมาชัดๆ ว่าให้หม่อมฉันส่งอีหลานให้ท่านจัดการ...” หนานกงเยวี่ยขึ้นเสียง ทันใดนั้นนางชี้ไปยังบรรดาฮูหยินในห้องโถง รวมถึงเหล่าอนุภรรยาจวนเหนียน “พวกนางทั้งหมดล้วนได้ยิน ให้พวกนางเป็พยานได้ หากบุตรสาวหม่อมฉันเป็อะไร นั่นต้องเป็ฝีมือท่านหญิงแน่นอน...”
"ฝีมือข้าแน่นอนหรือ" จ้าวอิ้งเสวี่ยกล่าวเสียงแ่เบา “เช่นนั้นรอตอนที่บุตรสาวเ้าเป็อะไรเสียก่อน แล้วค่อยมาหาข้าเถิด”
"เ้า..." หนานกงเยวี่ยนึกไม่ถึงว่า จ้าวอิ้งเสวี่ยจะไม่หวาดกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าฉางไทเฮา หากว่านางทำอะไรอีหลานขึ้นมาจริง ผลที่ตามมาคง...
หนานกงเยวี่ยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง คิดอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง ทว่าจ้าวอิ้งเสวี่ยกลับย่อกายโค้งคำนับให้ฉางไทเฮาเสียก่อน “ไทเฮาเพคะ โปรดทรงอภัยให้อิ้งเสวี่ยที่เสียมารยาทด้วยเพคะ อิ้งเสวี่ยรู้สึกอ่อนเพลีย ต้องขอตัวลาไปก่อนเพคะ”
นางเอ่ยโดยมิสนใจผู้ใด และก้าวเดินออกจากห้องโถง โดยมีจิ้นหวางเฟยและผิงเอ๋อร์คอยประคอง
ครั้นเดินจนพ้นสายตาผู้คน จ้าวอิ้งเสวี่ยพลันอ่อนแรงและล้มพับลงไป
“อิ้งเสวี่ย…” จิ้นหวางเฟยรีบเข้าไปรับตัวนางทันที ในใจของจิ้นหวางเฟยรู้สึกกังวลมากเสียจนทำอะไรไม่ถูก “เจ็บอีกแล้วงั้นหรือ? ผิงเอ๋อร์ รีบไปเอายาบรรเทามาให้ท่านหญิงเร็วเข้า...หนานกงเยวี่ย ทั้งชาตินี้ ข้ากับเ้าไม่มีวันญาติดีกัน!”
จิ้นหวางเฟยขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโกรธกริ้ว ผิงเอ๋อร์รีบรับคำสั่ง นางที่กำลังหันหลังกลับไปที่ห้องครัวพอดี ทว่ากลับได้ยินเสียงอ่อนแรงของจ้าวอิ้งเสวี่ยดังขัดขึ้นมาก่อน....
“รอก่อน...”
การกระทำให้นางเ็ปของหนานกงเยวี่ยเมื่อครู่นี้ แท้ที่จริงร่างกายของนางรู้สึกทนไม่ได้มาสักพักแล้ว ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนเ่าั้ นางทำได้เพียงต้องฝืนทน ครั้นตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง จ้าวอิ้งเสวี่ยพลันสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งและเอ่ยออกมาว่า “ของเล่า?”
“ของหรือเ้าคะ?” ผิงเอ๋อร์ขมวดคิ้ว ทว่าเพียงครู่เดียวนางก็มีท่าทีนึกขึ้นมาได้ จึงรีบเอ่ยตอบออกไปทันทีว่า “เรียบร้อยแล้วเ้าค่ะ คิดว่ายามนี้น่าจะอยู่ที่ลานเซียนหลานแล้วเ้าค่ะ”
“อืม ดีมาก” จ้าวอิ้งเสวี่ยพึมพำ อยู่ที่ลานเซียนหลานแล้ว?
ตอนนี้คงต้องรอแค่เหนียนยวี่กลับมา และรอให้เหนียนอีหลานติดกับ!
หนานกงเยวี่ย...หึ เหนียนอีหลาน บุตรสาวของนาง ในเมื่อมีคน้าจัดการนาง แล้วเหตุใดนาง ‘จ้าวอิ้งเสวี่ย’ ต้องลงมือเองด้วยเล่า?
และอุบายหลอกล่อเหนียนอีหลานของเหนียนยวี่นั้น...
นางคิดถึงสิ่งที่เขียนในจดหมาย ศพหรือ?
เกรงว่าเหนียนยวี่จะลงมืออย่างไร้ปรานี!
ในห้องโถง จ้าวอิ้งเสวี่ยออกไปแล้ว ทว่าผ้าคลุมหน้าสีขาวผืนบางผืนนั้น กลับยังคงตกอยู่บนพื้น ช่างแลดูแสลงตาเป็อย่างยิ่ง
“ท่านแม่ ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย นาง...ท่าทีของนางเมื่อครู่นี้ ท่านเองก็เห็นว่าข้าได้รับความทุกข์ทรมานจากนางทุกวันก็เท่านั้นเอง ทว่าเหนียนเฉิงกับเหนียนอีหลาน...” หนานกงเยวี่ยขมวดคิ้ว ในใจนางกลับผุดเสี้ยวความรู้สึกพึงพอใจสายหนึ่ง ไปแล้ว? ไปแล้วอย่างไร
เื่ในวันนี้มันยังไม่จบ ในเมื่อจ้าวอิ้งเสวี่ยเปิดเื่ ก็หยุดคิดหาความสงบเลย
"หึ จิ้นหวางเฟย นางเป็คนไม่มีขื่อมีแปเลยหรือไร"
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงตวาดออกมาอย่างรุนแรง แล้วจึงเบนสายตามองฉางไทเฮาที่นั่งอยู่บนตำแหน่งเ้าบ้าน “เ้าอย่ากังวลไปเลย บ้านเมืองยังมีไทเฮา มีฮ่องเต้และฮองเฮา ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจ้าวอิ้งเสวี่ยนั่นจะทำเื่ไร้มโนธรรมอันใดขึ้นมาจริงๆ”
เื่ไร้มโนธรรม
ในดวงตาของทุกคนในเหตุการณ์ที่ได้ฟังคำพูดนั้น รวมถึงฉางไทเฮา พลันวูบไหวราวกับมีอะไรบางอย่างพาดผ่าน
เมื่อดูจากรูปโฉมของจ้าวอิ้งเสวี่ยในยามนี้ เื่ที่เหนียนเฉิงทำไม่ใช่เื่ไร้มโนธรรมหรอกหรือ
ทว่าเกี่ยวกับเหนียนอีหลาน...
ฉางไทเฮาเหลือบมองเหนียนอีหลาน ใบหน้านางค่อยๆ แย้มยิ้มเบิกบาน “อีหลานเป็คนที่น่ารักและงดงามอย่างยิ่ง นางสามารถอดทนต่อความไร้สาระเช่นนี้ได้”
ฉางไทเฮาเอ่ยชื่นชมเหนียนอีหลาน หลายคนอดมิได้ที่จะนึกถึงเื่หนึ่งขึ้นมา
ยามที่ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนเพิ่งกลับมาถึงจวน นางเคยพูดว่าฉางไทเฮาดูเหมือนจะชอบอีหลาน อยากให้นางมาเป็สะใภ้
เมื่อคิดเช่นนี้ ใบหน้าของหนานกงเยวี่ยพลันแข็งค้างไปชั่วครู่หนึ่ง ฉางไทเฮามักไม่ค่อยออกไปที่ใด ทว่าวันนี้กลับมาเยือนถึงจวนเหนียน หรือมาเพราะอีหลาน?
อีหลานกับหลีอ๋องจ้าวเยี่ยน...
ไม่ จะเป็ไปได้อย่างไร
หลีอ๋องไม่มีอะไร มีเพียงแต่ยศอ๋อง ไร้ซึ่งอำนาจและพลัง ทั้งยังไม่ฝักใฝ่คิดแก่งแย่งสิ่งใด หากอีหลานแต่งงานกับเขา นางเองก็จะไม่มีอะไร จะมีเพียงแต่ตำแหน่งหวางเฟยเท่านั้น บุตรสาวของนางยังงอกงามได้มากกว่านั้น!
“ใช่เพคะ อีหลานนั้นน่ารักเป็ที่สุดที่อดทนความไร้สาระของนางได้” ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนเอ่ยประจบสอพลอ นางย่อมรู้จิตใจของฉางไทเฮาอย่างแน่นอน สำหรับเื่แต่งงานนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนกลับคาดหวังให้เื่นี้ไปได้ดี นางเหลือบมองหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มาตลอด ใบหน้าหล่อเหลานั่น แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียน ยังรู้สึกคับแน่นในใจอย่างอธิบายไม่ถูก
ว่ากันว่าท่านอ๋องหลีเป็บุรุษที่หล่อเหลาที่สุดในแคว้นเป่ยฉี โดยเฉพาะนิสัยที่สงบนิ่งอันเป็เอกลักษณ์ จึงมิใช่เื่เกินจริงที่เล่าลือกันว่าเขาเป็เทพเซียนจุติลงมา
ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนยิ่งจ้องมองเท่าใด ก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจมากขึ้นเรื่อยๆ นางยิ้มสรวลหัวเราะอย่างเบิกบาน พลางกล่าวว่า “อีหลาน ท่านอ๋องหลีมิเคยมาจวนเหนียน เ้าพาท่านอ๋องหลีไปเดินดูรอบๆ หน่อยเถิด แม้ทัศนียภาพในจวนเหนียนจะมิเทียบเท่าจวนหลีอ๋อง ทว่าสนิทสนมกันไว้ก็น่าจะดี”
เจตนาของฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนนั้นชัดเจนเป็อย่างยิ่ง
นาง้าสร้างโอกาสให้สองคนนี้ได้อยู่ด้วยกัน
ทว่าครั้นนางพูดประโยคเช่นนี้ออกมา สีหน้าของผู้คนบางส่วนพลันแปรเปลี่ยนเล็กน้อย
เหนียนอีหลานเงยหน้ามองขึ้นไปทันทีโดยไม่รู้ตัว และสบตาเข้ากับหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนที่มองมาทางนางอย่างประจวบเหมาะพอดี