เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เพียงแต่มั่นใจ เธอยังดื้อรั้นอีกด้วย
เธอกรอกแค่ ‘มหาวิทยาลัยหัวชิง’ เท่านั้น พอไตร่ตรองดูแล้ว เลือกช่อง ‘ยอมรับการปรับเปลี่ยน’ ด้วยดีกว่า
ก้าวผ่านประตูใหญ่ของหัวชิงก่อนค่อยว่ากัน ถ้าสอบเข้าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ไม่สำเร็จ เธอสามารถเข้าเรียนก่อนและย้ายคณะทีหลังได้ไม่ใช่หรือ ไม่ว่าอย่างไรก็ถือว่าดีกว่าตกอันดับ
อาจารย์ใหญ่ซุนโล่งใจไปเปราะหนึ่ง เขากลัวว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะเลือกช่อง ‘ไม่ยอมรับการปรับเปลี่ยน’ นั่น
อันที่จริงคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ของหัวชิงไม่ได้เป็ที่นิยมในเวลานี้ คนส่วนใหญ่ยังแยกแยะไม่ออกว่าสถาปัตยกรรมศาสตร์กับวิศวกรรมโยธามีอะไรต่างกันด้วยซ้ำ ตราบใดที่คะแนนสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของหัวชิงเล็กน้อยก็สามารถเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานเลือก ‘ยอมรับการปรับเปลี่ยน’ เพียงเพื่อการรับประกันสองชั้นเท่านั้น
“กรอกแค่มหาวิทยาลัยเดียวรึ?”
อาจารย์ใหญ่ซุนออกจะกระวนกระวาย ยกให้หัวชิงเป็ความประสงค์แรกนั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ทว่านอกจากที่นี่ยังมีมหาวิทยาลัยดีๆ อีกมากมายนี่นา
เซี่ยเสี่ยวหลานยืนหยัดมุ่งมั่นไม่แก้ไขใบแสดงความประสงค์ นอกจากนี้เธอยังเน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถแตะต้องใบแสดงความประสงค์ของเธอได้ “ถ้าใบแสดงความประสงค์ของหนูมีการเปลี่ยนแปลง ต่อให้สอบติดมหาวิทยาลัยอื่น หนูก็จะไม่ไปเรียนค่ะ”
เธอไม่ได้ทะนงตน แต่เพราะนึกถึงเื่ที่คนเขาร่ำลือกันมา
นักเรียนในยุคนี้คือผู้ไร้ซึ่งสิทธิส่วนบุคคลที่สุด ไม่ว่าจะเป็อาจารย์หรือผู้ปกครอง มีจำนวนไม่น้อยที่แอบแก้ไขใบแสดงความประสงค์ของนักเรียนโดยอ้างความหวังดีที่มีต่อตัวนักเรียนเอง
เซี่ยเสี่ยวหลานจึงกลัวว่าตนจะประสบสถานการณ์ประเภทนี้เช่นกัน อาจารย์ใหญ่ซุนรับประกันอย่างเป็มั่นเหมาะ “นอกจากครูแล้วใครก็อย่าได้คิดจะแตะแม้แต่นิดเดียว!”
เซี่ยเสี่ยวหลานมีศักยภาพนี้จริง ตำแหน่งอันดับหนึ่งประจำเมืองของการสอบคัดเลือกรอบแรกได้พิสูจน์เรียบร้อยแล้ว
ในเมื่ออาการาเ็ของข้อมือไม่ส่งผลกระทบถึงการสอบของนักเรียนเซี่ยเสี่ยวหลาน อาจารย์ใหญ่ซุนก็ตั้งตาคอยว่าอันชิ่งเซี่ยนอีจงจะมีคนสอบเข้าสุดยอดมหาวิทยาลัยได้สำเร็จ
เซี่ยเสี่ยวหลานส่งใบแสดงความประสงค์ของตนเอง และถามเฉินชิ่งว่าการประเมินเป็อย่างไร
“มีบางข้อที่ฉันไม่ค่อยมั่นใจกับคำตอบในตอนนั้นของตัวเอง อย่างต่ำน่าจะประมาณ 490 อย่างมากคงราวๆ 510 คะแนน”
นี่เป็คะแนนสูงสุงที่เฉินชิ่งไม่เคยทำได้แม้กระทั่งจากการสอบจำลอง
อย่างแรกเป็เพราะว่าวิชาภาษาจีนและภาษาอังกฤษของปีนี้ง่าย เฉินชิ่งทำได้ดีในวิชาภาษาจีนเสมอมา และคะแนนวิชาภาษาอังกฤษของเขาพัฒนาขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากนั้นก็เป็เพราะวิชาคณิตศาสตร์ ทุกคนล้วนบ่นว่ายาก มีวิชานี้เป็อุปสรรคขัดขวาง ทว่าเฉินชิ่งได้คะแนนเพิ่มจากการตอบโจทย์เ่าั้ถูกต้อง และประเมินวิชาคณิตศาสตร์อยู่ที่ 80 คะแนน การผสมผสานของเงื่อนไขพวกนี้กลายเป็เหตุผลที่คะแนนรวมเกาเข่าของเขาสามารถประเมินถึง 500 คะแนนได้
และคะแนนนี้ นับเป็ความดีความชอบของเซี่ยเสี่ยวหลานที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน ทั้งวิธีเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ทั้งโจทย์คณิตศาสตร์ก่อนการสอบ... ถ้าไม่มีเซี่ยเสี่ยวหลาน เฉินชิ่งก็ไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำปริญญาตรีได้หรือไม่
ใช่ ต่อให้คำนวณโดยใช้คะแนนประเมินขั้นต่ำ 490 คะแนน อย่างไรก็ผ่านเกณฑ์ปริญญาตรีแน่นอน แต่จะผ่านเกณฑ์มหาวิทยาลัยชั้นนำหรือเปล่ายังค่อนข้างเสี่ยงทีเดียว
เซี่ยเสี่ยวหลานยิ้มแย้มแสดงความยินดี
“ทำได้ดีนี่นา คิดดีหรือยังว่าจะยื่นเข้ามหาวิทยาลัยไหน?”
ด้วยคะแนนเท่านี้ หากต้องเลือกมหาวิทยาลัยชั้นนำ อันที่จริงเฉินชิ่ง้ายื่นเข้าซางต้า
ซางต้าคือมหาวิทยาลัยของมณฑลอวี้หนาน ให้สิทธิพิเศษโดยการรับผู้เข้าสอบในพื้นที่ก่อน ซางตูห่างจากหมู่บ้านชีจิ่งแค่สองชั่วโมงเท่านั้น ถ้าเฉินชิ่งศึกษาเล่าเรียนในซางต้าจะสะดวกสบายเป็อย่างมาก แต่เซี่ยเสี่ยวหลานยื่นเข้าหัวชิงอย่างที่เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ เฉินชิ่งได้คิดทบทวนมานานแล้ว เขาจะสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในปักกิ่งเหมือนกัน
การตัดสินใจนี้ได้รับความสนับสนุนอย่างเป็เอกฉันท์จากบ้านเฉิน
ไม่ต้องพูดถึงเฉินวั่งต๋า กระทั่งสะใภ้เฉินก็รู้ดี ปักกิ่งคือเมืองหลวงของประเทศ การเรียนหนังสือที่นั่นแตกต่างกับเรียนที่อื่นอย่างแน่นอน
“ฉันอยากยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในปักกิ่งน่ะ มหาวิทยาลัยจิงเม่า [1] เธอว่าเป็อย่างไร?”
อยากเข้ามหาวิทยาลัยในปักกิ่ง?
มหาวิทยาลัยจิงเม่า หรือมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และการค้าระหว่างประเทศปักกิ่งเป็สถาบันที่ดีทีเดียว เห็นได้ชัดว่าเฉินชิ่งเคยศึกษาเกี่ยวกับเกณฑ์ขั้นต่ำของสองปีก่อน หากเขาสอบได้ 500 คะแนน เช่นนั้นก็สามารถยื่นเข้ามหาวิทยาลัยนี้ได้สบายๆ เพียงแต่ทำไมเฉินชิ่งอยากเรียนเศรษฐศาสตร์ขึ้นมากะทันหันเล่า ไม่ใช่ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานดูแคลนคนหรอกนะ ทว่าเฉินชิ่งศึกษาแต่ตำรานักปราชญ์โบราณ ตอนเวลาว่างก็เป็มือดีในการช่วยครอบครัวทำงานเกษตร เขาอาจไม่เข้าใจคำว่า ‘เศรษฐศาสตร์’ ด้วยซ้ำ
“เป็มหาวิทยาลัยที่ดีนะ มหาวิทยาลัยนี้เป็มหาวิทยาลัยชั้นนำด้านเศรษฐศาสตร์แห่งเดียวภายในประเทศ สาขาวิชาส่วนใหญ่ในนั้นเกี่ยวข้องกับเศรษฐศาสตร์ อีกทั้ง ‘เศรษฐศาสตร์และการค้าระหว่างประเทศ’ คือวิชาที่ดีที่สุดของพวกเขา ฉันแนะนำให้เธอยื่นเข้าสาขานี้ แต่เลือกยอมรับการปรับเปลี่ยนไว้จะดีกว่า...”
เซี่ยเสี่ยวหลานพยายามบอกเฉินชิ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองรู้ให้ได้มากที่สุด
เธอรู้จักมหาวิทยาลัยนี้ดี เนื่องจากมีความทรงจำของชาติก่อน รวมถึงความใส่ใจศึกษาของชาตินี้ด้วย
จริงๆ แล้วเซี่ยเสี่ยวหลานสองจิตสองใจระหว่างเรียนสถาปัตยกรรมศาสตร์หรือเศรษฐศาสตร์ แต่สุดท้ายก็เลือกสถาปัตยกรรม เพราะตนยังมีความรู้ล่วงหน้า 30 กว่าปีอยู่ จนกว่าจะถึงทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของปี 2017 เธอคือผู้มีประสบการณ์แล้ว มีอะไรให้ต้องเรียนอีกเล่า? ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้ศาสตร์ที่ไม่คุ้นเคยจะดีกว่า มีจุดร่วมกับกิจการที่วางแผนดำเนินการในอนาคตด้วย แถมไม่เสียเปล่าที่เธอได้เกิดใหม่อีกครั้ง และได้เรียนรู้ในสิ่งที่แปลกใหม่
เซี่ยเสี่ยวหลานพูดอะไร เฉินชิ่งก็พยักหน้าตั้งใจฟัง
เฉินชิ่งมุ่งมั่นเดินตามรอยเท้าของเซี่ยเสี่ยวหลาน เขาไม่คิดถึงมหาวิทยาลัยอื่นที่อยู่นอกปักกิ่งโดยสิ้นเชิง
เมื่อเห็นใบแสดงความประสงค์ของเขา เหล่าอาจารย์ก็ปวดใจเช่นกัน พิจารณาจากคะแนนประเมิน ปีนี้เฉินชิ่งน่าจะเข้าเรียนปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยชั้นนำได้ ทว่าเธอจะเลือกมหาวิทยาลัยแค่แห่งเดียวไม่ได้หรือเปล่า? ไม่กรอกความประสงค์อันดับที่สองหรือ! อาจารย์ใหญ่ซุนบังคับเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ ทว่าเขายังทรงเกียรติต่อเฉินชิ่งมากอยู่ดี อาจารย์ใหญ่ซุนบังคับเฉินชิ่งกรอกความประสงค์อันดับสอง เป็มหาวิทยาลัยชั้นนำเช่นกัน อาจารย์ใหญ่ซุนช่วยเฉินชิ่งเลือก ‘มหาวิทยาลัยครุศาสตร์ปักกิ่ง’
เฉินชิ่งทำหน้าขมขื่น เขาไม่อยากเป็ครูแม้แต่น้อยนี่นา
เซี่ยเสี่ยวหลานกลั้นหัวเราะไม่ไหว “จิงซือต้าก็ดีมากนะ”
มหาวิทยาลัยครุศาสตร์ปักกิ่งมักถูกจำสลับกับวิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่งได้ง่าย อันหลังก็คือมหาวิทยาลัยของเซี่ยจื่ออวี้กับหวังเจี้ยนหัวนั่นเอง
เนื่องจากข้อได้เปรียบด้านถิ่นที่ตั้ง จิงซือต้าจึงเป็จ่าฝูงของมหาวิทยาลัยสายครุศาสตร์ทั่วประเทศ และเหนือกว่าวิทยาลัยฝึกหัดครูด้วยเช่นกัน
สำหรับการเป็อาจารย์ในยุค 80 แม้สวัสดิการจะไม่ดีนัก แต่ถ้าจบการศึกษาจากจิงซือต้า สามารถเลือกอยู่ทำงานเป็อาจารย์ต่อในมหาวิทยาลัยได้ อาจารย์ในมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งชาติต่างจากอาจารย์มัธยมต้นหรือมัธยมปลายโดยสิ้นเชิงใช่ไหมเล่า
ทั้งสองส่งใบแสดงความประสงค์แล้ว อากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้ใจของเฉินชิ่งร้อนรุ่มไปด้วย
แม้จะยังไม่ได้รับหนังสือประกาศรับเข้าเรียน ความรู้สึกที่ชายหนุ่มเก็บงำเอาไว้เนิ่นนานดูเหมือนกำลังเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
“เสี่ยวหลาน ฉันมีบางอย่างอยากจะบอกกับเธอ...”
เสียงของเฉินชิ่งแ่เบาลงเรื่อยๆ ทว่าใบหน้ากลับแดงก่ำ
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ เซี่ยเสี่ยวหลานยังจะไม่เข้าใจอะไรอีกเล่า? เด็กโง่คนนี้เตรียมสารภาพรักกับเธอเป็แน่!
เซี่ยเสี่ยวหลานปิดบังเื่ที่เธอคบหาดูใจกับโจวเฉิงมาโดยตลอด เป็เพราะไม่เจอโอกาสที่เหมาะสมแก่การบอก อีกอย่างคือจะทำอย่างไรหากเฉินชิ่งถูกปฏิเสธและกระทบต่อเกาเข่า? เฉินวั่งต๋ามีบุญคุณกับเซี่ยเสี่ยวหลานและหลิวเฟินมาก ถ้าไม่มีความช่วยเหลือของเฉินวั่งต๋า พวกเธอสองแม่ลูกจะหลุดพ้นจากเซี่ยต้าจวินได้อย่างง่ายดายขนาดนั้นได้เสียที่ไหน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ถึงขั้นซาบซึ้งในบุญคุณจนจะแต่งงานกับหลานชายเฉินวั่งต๋าเป็การตอบแทน แต่ก็ไม่ใจดำถึงขั้นเนรคุณโดยการทำให้เฉินชิ่งไม่มีกะจิตกะใจสอบเกาเข่า
ตอนนี้แหละดีแล้ว เกาเข่าเสร็จสิ้น ประเมินคะแนนเสร็จสิ้น แม้แต่ความประสงค์ก็เขียนพร้อมส่งเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีความกังวลใดอีกต่อไป
“พี่เฉินชิ่ง รู้ไหมว่าทำไมฉันจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยหัวชิง?”
เซี่ยเสี่ยวหลานเอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ขัดจังหวะความคิดของเฉินชิ่ง
“เพราะว่าคนที่ฉันชอบอยู่ที่ปักกิ่ง ฉันจึงอยากอยู่ใกล้ๆ เขาหน่อย เขาเป็คนดีมาก พอเธอไปเรียนที่ปักกิ่ง จะเป็เพื่อนกับเขาได้อย่างแน่นอน...”
น้ำเสียงของเซี่ยเสี่ยวหลานเดี๋ยวดูสนิทเดี๋ยวดูห่างเหิน เฉินชิ่งเหม่อลอยแล้ว
“เสี่ยว เสี่ยวหลาน เขาเป็คนรักของเธอหรือ?”
คนที่ชอบอาจไม่ใช่แฟนหนุ่มเสมอไป
เฉินชิ่งยังคงโอบกอดจินตนาการเสี้ยวเล็กๆ นี้ไว้ ใครจะรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้าอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“ใช่ พวกเราคบหากันได้หลายเดือนแล้วล่ะ”
เชิงอรรถ
[1]对外经济贸易大学 มหาวิทยาลัยจิงเม่า หรือ มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และการค้าระหว่างประเทศ