ย้อนเวลากลับมาเป็แฟนหนุ่มที่ดีแบบ 300%
Chapter 14
/
เสียงครวญครางของร่างที่บิดเร่าอยู่บนที่นอนทำให้ชายหนุ่มที่แทรกตัวอยู่ตรงหว่างขาแยงนิ้วเข้าหารูหลืบหนักหน่วงสลับกับเคล้นคลึงปุ่มกระสันด้านในเสียจนแม่พันธุ์ที่กำลังอยู่ใน่ติดสัตว์แก่นกายกระตุกอยู่สองสามคราก่อนจะอ่อนแรงลงไปในที่สุด...
จวนสามวันที่คนทั้งคู่เสพสมร่วมรักกันจนลืมวันลืมคืน แซคโอบอุ้มคนรักในท่าเ้าสาวแล้วค่อย ๆ วางอีกฝ่ายลงบนฟูกนอนที่เขานำมาปูทิ้งเอาไว้อยู่ก่อนหน้านี้ เนื่องจากเตียงขนาดคิงไซซ์เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำกาม ไหนจะปลอกหมอนที่หลุดลุ่ยอย่างหมดสภาพนั่นอีก
ร่างสูงสวมเพียงกางเกงนอนขายาวปล่อยท่อนบนให้เปลือยเปล่าสาวเท้าไปยังห้องครัวเพื่อหาอะไรกิน ก่อนจะพบว่ามีเพียงขนมปังและของสดที่เหลือเพียงน้อยนิดซึ่งเดาจากสายตาแล้วคงไม่พอสำหรับสองคนเป็แน่
เวรแล้วไง จะออกไปซื้อของในสภาพเช่นนี้ก็คงจะดูไม่ดีนัก
ฝ่ามือหนาขยี้ผมตัวเองแรง ๆ หนึ่งทีก่อนจะเดินไปหยิบมือถือที่แบตเตอรี่เหลือเพียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นมาต่อสายหาเพื่อนสนิทอย่างไอ้แบร์ที่ดูเหมือนจะว่างกว่าใครเพื่อนเพราะทั้งแซคและฟากก็ต่างมีงานทำด้วยกันทั้งคู่
“กว่าจะรับนะไอ้สัตว์”
“(รอสายแค่นี้ทำเป็บ่น ว่าแต่มีไรวะ)”
“ซื้อข้าวให้หน่อย จานินฮีทกูไม่อยากปล่อยเขาไว้คนเดียว”
“(...)”
“อีกอย่างจะฝากซื้อยาคุมฉุกเฉินด้วย เดี๋ยวส่งตัวอย่างไปให้ในแชต” แซคสวมถุงยางก็จริงแต่ทว่าในรอบสุดท้ายเขาดันน็อตและมันก็กินเวลานานเกือบครึ่งชั่วโมงและไม่ใช่ว่าแซคไม่อยากมี เขาน่ะอยากมีจนแทบบ้าแต่กระนั้นก็อยากให้ลูกเกิดขึ้นมาเพราะความตั้งใจของเราทั้งคู่หาใช่สัญชาตญาณการสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตแต่อย่างใด
“(โอ๊ย ทะเลาะกับเมียก็ลำบากกู เอากับเมียก็ยังลำบากกู...จะเอาไรก็ส่งมาในแชตแล้วกัน เดี๋ยวกูล้างหน้าแป๊บ)”
“โอเค ขอบคุณมาก เดี๋ยวกูโอนเงินให้ ถึงแล้วโทรมานะเดี๋ยวลงไปรับ”
“(เออ ๆ)”
ในระหว่างที่รอนั้นเพื่อไม่ให้เวลาสูญเปล่าไปเสียดื้อ ๆ มนุษย์เงินเดือนเช่นเขาจึงหยิบแมคบุ๊กขึ้นมาปั่นงานที่ได้รับมอบหมายจากทีมและไม่ลืมที่จะส่งข้อความเข้าไปยังห้องแชตส่วนตัวเพื่อขอทำเื่ลาฉุกเฉินเพิ่มอีกหนึ่งวัน...
แซค : พี่บิ๋มครับ ผมขอลาฉุกเฉินเพิ่มอีกหนึ่งวันนะครับ
แซค : พอดีว่าแฟนผมฮีท
พี่บิ๋ม : ได้ ๆ เดี๋ยวพี่ยื่นเื่ให้นะ
พี่บิ๋ม : ส่วนเราก็ดูแลแฟนดี ๆ ล่ะ พี่เคยได้ยินว่าโอเมก้าเวลาฮีทเนี่ยงอแงเก่งพอสมควร
ทันทีที่อ่านข้อความบับเบิ้ลสุดท้ายจบร่างสูงก็อดไม่ได้ที่จะจินตนาการตาม แค่นึกภาพว่าจานินเดินมาน้วยใส่กัน แซคก็เตรียมอายุสั้นอีกรอบอย่างไม่ต้องสงสัย แต่นั่นแหละบักคนชั่วอย่างเขาชาตินี้คงไร้วาสนาที่จะได้เห็น—
“แซค” น้ำเสียงงัวเงียของคนรัก ทำเอาชายหนุ่มที่ติดอยู่ในภวังค์แห่งความเพ้อฝันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคนตัวหอมอยู่ ๆ ก็เดินมาทิ้งตัวนั่งลงบนตักกัน ซ้ำยังแนบใบหน้าลงบนอกแกร่งราวกับกำลังออดอ้อนอยู่ก็มิปาน
“ทำไมรีบตื่น เพิ่งนอนไปเองนะครับ ที่รักไม่ง่วงเหรอ” แซคเอ่ยขึ้นก่อนจะถือวิสาสะหอมหัวคนรักเสียฟอดใหญ่
“กลิ่นเธอหาย นอนไม่หลับ” ไม่ว่าเปล่า ริมฝีปากสีชาดระดมจูบไปทั่วกรอบหน้าและซอกคอซึ่งการกระทำเ่าั้ทำเอาแซคหัวเราะเบา ๆ ในลำคอแล้วใช้ฝ่ามือหนาของตัวเองบีบสะโพกอวบหนัก ๆ อย่างนึกมันเขี้ยว
“ที่รักติดกลิ่นเค้าเหรอ”
“ไม่รู้...กอดหน่อย” ร่างบางวาดเรียวขาคร่อมตักเ้าของพันธะก่อนจะใช้สองมือโอบรอบลำคอแกร่งอย่างแนบชิด เชื่อเถอะหากอยู่ในสถานการณ์ปกติเ้าตัวไม่มีวันแสดงท่านี้เหล่านี้ออกมาอย่างแน่นอน—อา จะว่าไงดีล่ะ จานินเหมือนแมวแต่เป็แมวที่ค่อนข้างไว้ตัวน่ะนะ
“หิวข้าวหรือยังครับ” แซควางปลายคางลงบนกลุ่มผมนุ่มพร้อมกับใช้น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยถามคนรัก เนื่องจากสามวันที่ผ่านมานอกเหนือจากน้ำดื่มก็ไม่มีสารอาหารอย่างอื่นตกถึงท้องของเราทั้งคู่แม้แต่น้อย
“นิดหน่อย แต่ทนได้”
“เก่งมากครับ แซคฝากแบร์ซื้อข้าวต้มกุ้งร้านโปรดของเธอมาด้วย อีกสักพักน่าจะถึงแล้ว”
“อืออออ” สมาร์ตโฟนที่แบตเตอรี่เหลือเพียงน้อยนิดถูกหยิบขึ้นมาถ่ายภาพโมเมนต์เหล่านี้เอาไว้เพื่อนำไปลงแอ็กเคานต์ส่วนตัวอย่าง Sacjaninlover11 ที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นไม่นานมานี้—หากเป็เมื่อก่อนแซคคงไม่มีวันทำอะไรแบบนี้เพราะมองไม่เห็นถึงความจำเป็ ทว่าต่างจากตอนนี้ที่เขาอยากจะเก็บภาพถ่ายของเราทั้งคู่เอาไว้ให้มากที่สุดเนื่องจากกลัวว่าวันหนึ่งหากใครสักคนจากไปจะได้มีหลักฐานยืนยันว่ากาลครั้งหนึ่งความรักของเราเคยเกิดขึ้นจริง...
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะหน้าห้องดังขึ้นทำให้สองร่างที่กกกอดกันผละกายออกห่างด้วยความใ แซคลูบหน้าตัวเองอย่างเซ็ง ๆ ส่วนจานินวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าห้องนอนไปั้แ่ที่รู้ตัวว่าเผลอน้วยใส่กัน แม้จะรู้สึกหงุดหงิดแค่ไหนแต่กระนั้นเขาก็รีบหยิบเสื้อยืดมาสวมทับท่อนบนที่เปลือยเปล่าแล้วเดินออกไปเปิดประตูด้วยความสงสัย
“ชักช้าไอ้สัตว์” หัวคิ้วขมวดเข้าหากันมุ่นด้วยความรู้สึกแปลกใจว่าไอ้แบร์มันมายืนอยู่หน้าห้องของเขาได้ยังไง จริงอยู่ที่แซคฝากมันซื้อข้าวแต่ทว่าคอนโดแห่งนี้หากไม่ใช่ลูกบ้านก็ไม่มีสิทธิ์เข้าออกได้ตามใจอยาก นอกเสียจากจะมีคนภายในพาเข้ามา
“มึงขึ้นมาได้ไง”
“อ๋อ เพื่อนมึงพากูขึ้นมาอะ...แหม มีเพื่อนน่ารัก ๆ ไม่ยอมแนะนำให้กูรู้จักเลยน้า” ประโยคหลังมันโน้มตัวเข้ามากระซิบพร้อมกับทำสีหน้ากรุ้มกริ่ม—เท่าที่จำได้นอกเหนือจากไอ้แบร์และไอ้ฟากก็ไม่มีใครรู้ว่าแซคอยู่ที่นี่ หากเป็คนที่เขารู้จักแน่นอนว่าต้องเคยเจอกันผ่าน ๆ บ้างยิ่งอยู่ชั้นเดียวกันด้วยแล้ว
“เดี๋ยวนะ เพื่อนที่มึงว่าเนี่ยใคร”
“เอ้า ก็คนชื่อ—”
หมับ
“Surprise!” ร่างที่สูงน้อยกว่าแซคเกือบสิบเซ็นต์แทรกตัวเข้ามากอดก่อนจะเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส ณ เวลานี้เขารู้สึกเหมือนคนที่กำลังสติหลุดและยังไม่สามารถจับต้นชนปลายถูกว่าคนคนนี้มายืนอยู่ตรงหน้าเขาได้อย่างไร แต่ถึงกระนั้นแซคก็รีบรวบรวมสติก่อนจะรีบผลักอีกฝ่ายให้ออกห่างจากตัวราวกับต้องของร้อน
“มึงผลักฟองซะแรง ให่าไรขนาดนั้นวะ”
แม้ระยะเวลาจะผ่านมาถึงยี่สิบปีทว่าเขามั่นใจอย่างดิบดีว่าตัวเองในตอนนั้นไม่ได้ให้ช่องทางติดต่อกับอีกฝ่ายเพราะไม่คิดจะสานต่อ แต่ที่น่าแปลกคือเ้าตัวรู้ได้อย่างไรว่าเขาพักอยู่ที่นี่และมากไปกว่านั้นทำไมถึงรู้ว่าแบร์คือเพื่อนสนิทของเขา
“ไม่เป็ไรแบร์ แซคคงใน่ะเพราะเราสองคนไม่ได้แนบชิดกัน—”
“กูไม่ลงไปส่งนะ นี่คีย์การ์ด” แม้จะงุนงงที่อยู่ ๆ ก็โดนไล่กลับซ้ำยังถูกยัดคีย์การ์ดใส่มือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่กระนั้นแบร์ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรให้มากความ เขาทำเพียงยื่นถุงอาหารให้อีกฝ่ายก่อนจะบอกลาฟองแล้วเดินลงลิฟต์ไปเพื่อหลีกหนีจากสถานการณ์แสนกระอักกระอ่วน...
เพื่อนแบบใดวะนั่น
เมื่อเหลือแซคและคนตรงหน้าเพียงลำพัง เขาก็ไม่รอช้ารีบคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายไปยังมุมอับสายตาก่อนจะเริ่มเอ่ยถามในสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ
“นาย้าอะไร”
“ไม่เห็นต้องรุนแรงใส่กัน—”
“ฉันถาม!” เขาถามย้ำกับคนที่มัวแต่เล่นลิ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นกว่าเดิม
“โอเค ๆ...ก็ไม่ได้้าอะไรหรอก แค่ติดใจอยากซ้ำเท่านั้นเอง” ฟองเอ่ยขึ้นพร้อมกับวางฝ่ามือลงบนอกแกร่งก่อนจะเริ่มลูบไล้ด้วยสีหน้าเย้ายวนมิได้ต่างอะไรจากวันนั้นเลยแม้แต่น้อย และเป็อีกครั้งที่ร่างทั้งร่างถูกคนตัวสูงกว่าผลักกระเด็นจนเขาร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บ
“นี่!”
“ฉันมีแฟนแล้ว อย่าหน้าด้านไปมากกว่านี้เลย”
“เหอะ ไม่เห็นเป็ไรนี่ เพราะคราวก่อนที่เอากันแซคก็มีแฟนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” อัลฟ่าหนุ่มชะงักเพราะสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมานั้นล้วนเป็ข้อเท็จจริงที่เขาไม่อาจหาข้อปฏิเสธได้...ใช่ ในอดีตแซคทำตัวทุเรศด้วยการหักหลังคนรักแล้วไปหลับนอนกับคนอื่นเพื่อสนองความ้าเหี้ย ๆ ของตัวเองอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง
“นายไม่อายบ้างหรือไงที่ขุดเื่ระยำพวกนี้ขึ้นมาพูดโต้ง ๆ”
“ทำไมต้องอายล่ะ ก็ในเมื่อคนที่เราพูดด้วยคือคนประเภทเดียวกันกับเรา...”
“...”
“เอาเป็ว่าถ้าแซคเบื่อแฟนอีกเมื่อไรเคาะประตูห้องเราได้นะ อยู่ตรงข้ามนี่เอง” ไม่ว่าเปล่าอีกฝ่ายยังเดินไปยังห้องที่ว่าก่อนจะกดรหัสด้วยตัวเลขหกหลักเพื่อทำการปลดล็อกบานประตู ซึ่งการกระทำเ่าั้เป็เครื่องยืนยันได้เป็อย่างดีว่าคน ๆ นี้ไม่ได้ล้อเล่น
เวรเอ๊ย!
มือหนาลูบหน้าตัวเองแรง ๆ หนึ่งทีด้วยความเคร่งเครียด เขาคิดไม่ตกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมอยู่ ๆ อีกฝ่ายถึงได้โผล่เข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้งทั้ง ๆ ที่ในอดีตเื่มันมิได้เป็เช่นนี้—เหมือนหนังคนละม้วนทั้ง ๆ ที่แซคย้อนเวลากลับมาในอดีตของตัวเอง แม่ง เกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ
ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องของตนเองก่อนจะสูดหายใจลึก ๆ เพื่อเรียกสติที่กระจัดกระจายให้กลับเข้าที่และไม่ลืมที่จะปรับสีหน้าให้เป็ปกติเพราะเกรงว่าคนรักจะสงสัยแล้วซักไซ้เอา แซคไม่ได้อยากปิดบังเื่ที่เกิดขึ้น เขาจะบอกความจริงทุกอย่างแน่ทว่าต้องไม่ใช่ตอนนี้ ตอนที่ความสัมพันธ์กำลังไปได้ด้วยดี
แกร๊ก!
ชายหนุ่มเดินตรงดิ่งไปยังห้องครัวและไม่ลืมที่จะแยกของสดเพื่อนำมาแช่ตู้เย็น ส่วนมื้อแรกของวันอย่างข้าวต้มกับน้ำขิงร้อน ๆ นั้น แซคจัดการเทใส่ถ้วยให้คนรักจากนั้นจึงเอ่ยเรียกคนที่คาดว่าน่าจะนอนขดอยู่บนฟูกนอนให้ออกมารับประทานอาหาร
“ที่รัก ข้าวต้มมาแล้วครับ”
“...” เงียบ
“จานินค้าบ”
“...” ก็ยังคงเงียบอยู่
ครานี้แซคไม่ได้เอ่ยเรียกเ้าตัวเป็ครั้งที่สามแต่เลือกที่จะเดินเข้าไปในห้องนอนก่อนจะพบกับก้อนจานินที่ซุกตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาคล้ายกับดักแด้ตัวน้อย ๆ
“ทำอะไรครับ”
“หอม” ตอบไม่ตรงคำถามไม่พอยังสูดกลิ่นผ้าห่มเข้าปอดเสียฟอดใหญ่
“ลุกมากินข้าวก่อนครับ เดี๋ยวค่อยกลับมานอนต่อ”
“ไม่เอา”
“ไหนว่าหิว”
“ตอนนี้ไม่หิวแล้ว” ขยับปากเถียงทั้ง ๆ ที่ใบหน้ายังคงซุกกับผ้าห่มไม่ยอมผละออก
ดื้อมาก รุ่นนี้เอาไปปล่อยวัดไหนได้บ้าง?
“เดี๋ยวก็บ่นปวดท้องอีก”
“ฮื่อ ไม่ปวด—อ๊ะ!” ไม่รอให้อีกฝ่ายต่อปากต่อคำจนจบ ท่อนแขนแกร่งรีบรวบร่างคนรักที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าห่มขึ้นมาพาดบ่าก่อนจะสาวเท้ากลับไปยังห้องครัวโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
“กินก่อนครับ แล้วค่อยกลับไป—”
“กลิ่นน้ำหอมใคร”
“ครับ?”
“ที่ติดเสื้อเธอน่ะ กลิ่นน้ำหอมใคร” แซคเผลอยกแขนเสื้อขึ้นมาดมก่อนจะพบว่ามันเป็กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ซึ่งคาดว่าน่าจะติดมาในจังหวะที่คน ๆ นั้นคว้าตัวของเขาเข้าไปกอด
“อ๋อ กลิ่นน้ำหอมไอ้แบร์น่ะ” แม้จะรู้สึกแย่ที่ต้องโกหก ทว่าในเวลานี้การพูดความจริงออกไปคงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเท่าไรนัก
“แบร์ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้เหรอ”
“ครับ เห็นว่าเปลี่ยนกลิ่นมั้ง...งั้นแซคไปอาบน้ำก่อนดีกว่าเวลานอนกอดเธอจะได้ไม่มีกลิ่นอื่นมาปน” จานินลอบมองคนรักที่ดูลุกลี้ลุกลนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มเข้าปาก ทว่าลึก ๆ แล้วกลับรู้สึกสงสัยแต่กระนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
จานินคงคิดมากไปเอง—ใช่ เขาหวังว่ามันจะเป็เช่นนั้น
“กินข้าวก่อนก็ได้ ค่อยไปอาบทีหลัง”
“อา โอเคครับ”
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารนั้นเงียบเชียบไร้ซึ่งบทสนทนาเพราะบุคคลทั้งสองต่างคนต่างขบคิดถึงเื่ราวต่าง ๆ อยู่ในโลกส่วนตัว และเป็แซคเองที่เป็ฝ่ายคว่ำช้อนลงก่อนใครเพื่อนทั้ง ๆ ที่เพิ่งตักข้าวต้มเข้าปากเพียงไม่กี่คำเท่านั้น
“อิ่มแล้วเหรอ” คนตรงหน้าเอ่ยถาม
“ครับ ถ้าเธอกินหมดแล้วเอาถ้วยแช่ทิ้งไว้เลยนะ อาบน้ำเสร็จเดี๋ยวแซคมาล้างเอง”
“อือ” ชายหนุ่มฝืนใจตนเองไม่ให้โน้มตัวหอมหัวคนรักเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายได้กลิ่นไม่พึงประสงค์จากเขาแล้วจะพาลหงุดหงิดเอาได้...ทว่าไม่ใช่แค่กับจานินหรอกที่หงุดหงิด แซคเองก็ไม่ต่างกัน
/
น้ำเย็น ๆ จากฝักบัวถูกเปิดให้รินรดลงบนศีรษะเพื่อหวังคลายความตึงเครียด เ้าของร่างซึ่งบัดนี้กำลังยันมือเข้าหากำแพงคิดไม่ตกกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้ว่าทุกอย่างมันผิดพลาดั้แ่ตอนไหน ทำไมเหตุการณ์ในอดีตถึงค่อย ๆ เปลี่ยนไปกลายเป็เื่ราวที่เขาไม่รู้จัก
แซคคิดว่าตัวเองควบคุมทุกอย่างได้แต่ทว่านั่นไม่ใช่ความจริงเลย
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้คิดที่จะยอมแพ้ ในเมื่อกอบกู้ทุกอย่างมาได้จนขนาดนี้แล้วแซคจะไม่ปล่อยให้มันสูญเปล่าอย่างเด็ดขาด—จานินจะตายไม่ได้ เขาปล่อยให้มันเป็แบบนั้นไม่ได้
ร่างเปลือยเปล่าที่มีเพียงผ้าขนหนูพันท่อนล่างเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ต่างจากคนรักที่เบิกตากว้างก่อนจะเนียนพลิกตัวหนีทิ้งเอาไว้เพียงหูแดง ๆ ให้เห็นเป็ประจักษ์ตา
“เขินเหรอ”
“...”
“เห็นมาทุกซอกทุกมุมแล้วยังไม่ชินอีกเหรอ...อีกสักรอบสองรอบไหมครับคนดี เอากันบ่อย ๆ จะได้ชิน โอ๊ย!”
พลั่ก!
หมอนหนุนใบใหญ่ถูกปาใส่หน้าของแซคอย่างเต็มแรง ซึ่งไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าเป็ฝีมือใคร ใบหน้าหล่อแสยะยิ้มอย่างมาดร้ายก่อนจะกระโจนเข้าใส่ก้อนผ้าห่มหวังเอาคืนโดยการฟัดแก้มเนียนนุ่มของคนรักฟอดใหญ่ทั้งยังเสียดสีเนื้อตัวที่ยังไม่แห้งดีไปมาจนหยาดน้ำส่วนหนึ่งเปรอะเปื้อนไปทั่วฟูกนอน
“หยุด!”
“ไม่หยุด”
“อื้อออ ไอ้แซค!”
“โห ที่รักขึ้นไอ้เลยเหรอ ได้น้า”
“อย่าแกล้งงงงง”
กว่าาขนาดย่อม ๆ จะจบลงก็กินเวลาไปหลายสิบนาทีและที่สำคัญคนที่เริ่มเป็ฝ่ายประทุษร้ายต้องระหกระเหินเดินเข้าไปนอนในห้องทำงานด้วยสีหน้างัวเงีย โดยไม่ลืมที่จะหยิบเสื้อผ้าของร่างสูงติดมือไปราว ๆ สองสามตัวเพราะรังที่สร้างเอาไว้นั้นดูเหมือนกลิ่นใกล้จะจางลงไปแล้ว
“ที่รัก แซคนอนด้วย” ร่างสูงที่สวมชุดนอนพร้อมกับหอบหมอนใบโตยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าห้องพยายามจะแทรกตัวเข้าไปข้างใน หากเป็เมื่อไม่กี่นาทีก่อนจานินคงยินยอมพร้อมใจแต่ทว่ากลับไม่ใช่ในตอนนี้!
หนวดก็ไม่รู้จักโกนแล้วยังมีหน้ามาฟัดแก้มกันอีก
“ไม่—”
“โอเค ๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ มาคุยกันก่อนครับ” ในจังหวะที่ร่างบางเตรียมจะปิดประตูแซคก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีรั้งเอาไว้เสียก่อน
“...”
“ยาในถุง เธอกินหรือยัง”
“กินแล้ว เราไม่ปล่อยให้ท้องหรอก ไม่ต้องห่วง” น้ำเสียงและสีหน้าของอีกฝ่ายบ่งบอกได้เป็อย่างดี ว่าบัดนี้เ้าตัวกำลังเข้าใจผิดอย่างเต็มเป้า
“ไม่ใช่ครับ ขอแซคอธิบายได้ไหม”
“ง่วงแล้ว—ทำบ้าอะไรเนี่ย!”
ปัง!
พื้นสลิปเปอร์ถูกอัดเข้าบานประตูด้วยแรงที่ไม่เบานัก ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะใช้มือข้างหนึ่งรวบเอวโอเมก้าตัวจ้อยให้เดินเข้าไปในรังซึ่งมีกลิ่นฟีโรโมนของทั้งคู่คละคลุ้งไปทั่วอากาศ...
“มานอนเร็วเดี๋ยวแซคเป็เบาะรองให้”
“...”
“สบายน้า อกแน่น ๆ กับกอดอุ่น ๆ บริการนี้มีให้คุณแค่คนเดียว”
“เพ้อเจ้อ” แม้จะเอ่ยเช่นนั้นทว่าจานินกลับเลือกที่จะทิ้งตัวนอนลงบนอกของเขา และแซคก็ใช้จังหวะนี้ฉวยโอกาสกอดรัดร่างหอมเอาไว้แน่นด้วยความรักใคร่
หากเป็ไปได้เขาอยากอยู่กับอีกฝ่ายแบบนี้ไปทั้งชีวิต
“ที่แซคให้เธอกินยาคุม ไม่ใช่เพราะแซคไม่อยากมีลูกกับเธอ...”
“...”
“แซคอยากมีลูกกับเธอครับ แต่ที่ผ่านมาแซคเอาความ้าของตัวเองเป็หลักโดยไม่ถามความสมัครใจของเธอ ผลลัพธ์มันเลยออกมาแย่อย่างที่เห็นและที่สำคัญเธอยังสนุกกับงานยังมีแพชชันกับมันอยู่เพราะฉะนั้นแซคอยากให้เธอใช้เวลาตรงนี้ให้คุ้มก่อนที่จะเป็แม่คน” มือหนาลูบแผ่นหลังบอบบางภายใต้เสื้อยืดสีอ่อนพร้อมกับค่อย ๆ ละเลียดคำพูดที่ออกมาจากใจให้อีกฝ่ายได้รับฟัง
“แซค”
“หืม?”
“ขอบคุณนะ เอาไว้พร้อมเมื่อไรเราจะบอกเธอเอง”
ตึก ตึก ตึก
ก้อนเนื้อภายในกระหน่ำเต้นถี่รัวจนแซคต้องสูดหายใจลึก ๆ เพราะเกรงว่าเสียงของมันจะไปรบกวนคนที่กำลังนอนซุกหน้าอก...แค่นึกภาพว่าอีกห้าปี ไม่ก็สิบปีมีเด็กที่หน้าตาคล้ายเขากับจานินวิ่งเล่นรอบบ้านความเครียดที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ก็พลันหายไปเหลือเพียงความสุขใจจนอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มกว้าง
“ผู้หญิงคนนึง ผู้ชายคนนึงเธอว่าดีไหม?”
“...”
“ชื่อเล่นให้คล้องจองกับชื่อเธอ ส่วนชื่อจริงให้คล้องจองกับชื่อแซค...”
บัดนี้คนที่ตื่นเต้นเกินเหตุเริ่มเข้าสู่โหมดพูดไปเรื่อย ถามเองตอบเองโดยที่ไม่รู้เลยว่าใครบางคนได้สับสวิตช์หลับอุตุไปแล้วเรียบร้อย...
Tbc