ทันทีที่เทียนอู่ฮ่องเต้ก้าวเข้าไปในตำหนักใหญ่ก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นภายในตำหนักทันที!
สายตาของเขาหยุดลงที่ร่างขององค์หญิงหวายหนิงกับองค์ชายใหญ่ด้วยความตกตะลึงตาค้างและคาดไม่ถึง
์!
ไม่ใช่บอกว่าองค์ชายแปดกับเฉิงอี้เฟยทะเลาะเบาะแว้งแล้วแข่งขันดื่มสุราเพื่อแย่งกูเฟยเยี่ยนอย่างดุเดือดหรือ?
ทำไม…
เป็แบบนี้ไปได้อย่างไร!
เกิดอะไรขึ้นกับองค์หญิงหวายหนิงกับองค์ชายใหญ่?
พวกเขาทั้งสองเป็พี่น้องแท้ๆ นะ! พวกเขาทำอะไรกันแน่!
ทั้งภายในและภายนอกตำหนักไท่จี๋ขนาดใหญ่ล้วนเงียบสงัดราวกับสายลมที่พัดผ่านเข้ามาได้หยุดตัวลง อีกทั้งบรรยากาศยังตึงเครียดอย่างยิ่ง
ไม่รู้ว่าเงียบไปนานเพียงใดแล้ว แต่ทันใดนั้นเทียนอู่ฮ่องเต้ก็ะโเรียก “ทหาร! ”
เขายังไม่ทันได้ออกคำสั่งก็กระอักเืสดๆ ออกมาอย่างไม่คาดคิด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาโกรธจัดจนจิตใจรับไม่ไหวแล้ว
“ฝ่าา! ฝ่าา! ”
“ทหาร! ตามไท่อีมา รีบไปตามไท่อีมา! ”
เหมยกงกงะโร้องเรียก ในขณะนี้เองทุกคนก็ค่อยๆ ได้สติกลับมาและมีเหล่าองค์ชายหลายคนรีบเข้ามาประคอง
เพียงแต่ว่าเทียนอู่ฮ่องเต้สลัดแขนของพวกเขาออก เขาโมโหมากจนไม่ให้ใครหน้าไหนมาประคองทั้งนั้น “พวกเ้า พวกเ้าแต่ละคนล้วนไม่ทำให้เจิ้นหมดห่วง แต่ละคนล้วน้าทำให้เจิ้นโกรธจนตายใช่ไหม? ”
เขาพิงกำแพงด้วยตนเองแล้วชี้นิ้วะโเสียงดังไปที่องค์ชายใหญ่กับองค์หญิงหวายหนิงที่อยู่บนพื้น “ยังไม่รีบปลุกพวกเขาสองคนอีก! ปลุกทุกคนให้ตื่นให้หมดด้วย เดี๋ยวนี้! ทันที! เร็วเข้า! ”
ในตอนนี้เองเหมยกงกงก็ตระหนักได้ว่าต้องรีบไปแยกพวกเขาออกจากกัน เขาก้าวไปลากองค์ชายใหญ่ออก และทันทีที่องค์ชายใหญ่ถูกลากออกไปอาภรณ์ที่หลุดลุ่ยขององค์หญิงหวายหนิงก็ปรากฏให้เห็นทั้งหมด
ผู้คนที่ล้อมรอบเอาไว้ล้วนใอ้าปากค้าง พวกเขาไม่กล้าจินตนาการว่า หลังจากที่ดื่มสุราแล้วองค์หญิงหวายหนิงกับองค์ชายใหญ่จะกระทำมั่วโลกีย์ขนาดไหน พวกเขามั่วถึงขั้นไหนกันแน่
เทียนอู่ฮ่องเต้เบือนหน้าหนีและโกรธจนถึงขีดสุดแล้ว สักครู่หนึ่งเขาก็ะโอย่างบ้าคลั่ง “ไปเรียกอวิ้นกุ้ยเฟยมาให้เจิ้นเดี๋ยวนี้! ”
เหมยกงกงไปเชิญอวิ้นกุ้ยเฟยมาด้วยตนเอง ทางด้านของขันทีกลุ่มหนึ่งได้นำน้ำมาสาดลงไปบนใบหน้าของคนที่เมาล้มลงโดยไม่สนใจว่าใครเป็ใคร
กูเฟยเยี่ยนที่ได้ยินเสียงโกรธจัดของเทียนอู่ฮ่องเต้ก็เกิดความรู้สึกยินดียินร้ายไปกับความโชคร้ายของคนอื่น ภายในใจของนางมีความรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว เพียงแต่นางก็มองข้ามไปอย่างรวดเร็ว!
องค์หญิงหวายหนิงมีเสด็จพ่อที่ห่วงใยและโกรธแค้นแทนองค์หญิงหวายหนิงได้ นี่คือสิ่งที่เรียกว่ารักมากจนรับผิดชอบทุกอย่าง แล้วนางล่ะ? ไม่มีพ่อไม่มีแม่ ไร้ญาติขาดมิตร แม้แต่ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวเพียงคนเดียวที่มีอยู่ก็ยังไม่้านางแล้ว
หากวันนี้คนที่แต่งกายไม่เรียบร้อยแล้วนอนอยู่ภายในตำหนักใหญ่เป็ตัวนาง ใครจะมาโกรธแค้นแทนนางกัน? คาดว่าทุกคนคงจะเยาะเย้ยถากถางและด่าประจานใช่หรือไม่?
จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะโกรธไหมนะ?
น่าจะโกรธ เพียงแต่เขาโกรธเพราะนางทำให้จิ้งหวางฝู่เสียหน้าถูกไหม? นางกับจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยใกล้จะไม่มีพรหมลิขิตอะไรแล้ว
กูเฟยเยี่ยนมองข้ามความรู้สึกอ้างว้างในจิตใจและไม่คิดมาก
นางจำได้เพียงว่าหากผู้ใดไม่มาหาเื่นาง นางก็จะไม่หาเื่กลับ หากผู้ใดมาหาเื่นาง นางก็จะหาเื่ผู้นั้น หากผู้ใดมาหาเื่นางซ้ำอีก นางจะตัดรากถอนโคนทำลายให้สิ้นซาก!
ในครั้งนี้หากนางไม่เหี้ยมโหด ในครั้งหน้าแผนการของอวิ้นกุ้ยเฟยจะชั่วร้ายมากขึ้นอย่างแน่นอน
ผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้ถ้าไม่ใช่ผู้ที่ร่ำรวยก็ต้องเป็บุคคลผู้สูงศักดิ์ หากไม่้าโดนเหยียบย่ำก็ต้องแข็งแกร่งขึ้น นางไม่เพียงแต่จะเป็คนที่แข็งแกร่ง แต่นางยังจะเป็ที่ผู้ร่ำรวยและเป็ผู้ที่ได้รับความเคารพนับถืออีกด้วย! สักวันหนึ่งนางจะต้องค้นหาตัวตนของนางให้เจอ ต้องตามหาทางกลับบ้าน และต้องตามหาครอบครัวที่จะมาโกรธแค้นแทนนางให้ได้!
กูเฟยเยี่ยนระงับความคิดแล้วอดทนต่อไป นางจะไม่เป็คนที่ตื่นเป็คนแรก
อีกสักครู่นางยังต้องแสดงละครอีก!
ทุกคนดื่มกันไปมากจะตื่นได้ง่ายเสียที่ใด พวกเขาทยอยตื่นกันทีละคนแต่ก็ยังเมาสะลึมสะลือและจิตใต้สำนึกเลือนราง บางคนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่บางคนล้มลงไปอีกครั้งหนึ่ง
องค์หญิงหวายหนิงลุกนั่งแล้วมองผู้คนด้วยใบหน้าสับสน เนื่องจากยังไม่ทราบว่าตนเองแต่งกายไม่เรียบร้อย ในส่วนขององค์ชายใหญ่นั้นเมื่อสักครู่นี้ได้ลุกนั่งแล้วและก็ล้มลงนอนต่อ
เทียนอู่ฮ่องเต้โกรธมากกว่าเดิม ดังนั้นเขาจึงให้คนไปนำแส้มาแล้วเฆี่ยนตีองค์ชายใหญ่แรงๆ ไปหนึ่งที
องค์ชายใหญ่เด้งขึ้นมานั่งด้วยสติที่เลอะเลือน
เทียนอู่ฮ่องเต้จึงฟาดลงไปอีกครั้ง ในที่สุดองค์ชายใหญ่ก็ตื่นขึ้นมาด้วยความเ็ป ทันทีที่เห็นใบหน้าโกรธจัดของเทียนอู่ฮ่องเต้เขาก็คุกเข่าลงโดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “ฟู่หวง! ”
“ไอ้สารเลว! สารเลวที่เทียบหมูหมาไม่ติด! ”
เทียนอู่ฮ่องเต้เฆี่ยนตีไปด้วยด่ากราดไปด้วย “วันนี้เจิ้นจะตีเ้าให้ตาย จะได้ไม่ต้องไปทำให้ขายหน้าและก่อให้เกิดหายนะอีก! ”
“ฟู่หวง ข้า ข้า…ฟู่หวง โปรดไว้ชีวิตด้วย! ”
องค์ชายใหญ่ยังคงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เขาทั้งหลบทั้งมองไปบริเวณโดยรอบเพื่อตามหาร่างของกูเฟยเยี่ยน เขาไม่เข้าใจว่าในเมื่อฟู่หวงกับผู้คนมาแล้วก็ควรจะไปล้อมดูกูเฟยเยี่ยนไม่ใช่หรือ? ฟู่หวงตีเขาทำไม? หรือว่าแผนของหมู่เฟยถูกเปิดโปงแล้ว? ไม่ขนาดนั้นสิ?
เทียนอู่ฮ่องเต้หยุดลงราวกับยืนไม่มั่นคงเล็กน้อย “เดรัจฉาน เ้า แม้แต่น้องสาวแท้ๆ เ้ายังไม่ละเว้น! เ้า เ้า…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้องค์ชายใหญ่จึงเกิดความงงงวยพลางหันไปมององค์หญิงหวายหนิงโดยไม่รู้ตัว ในตอนนี้เองเขาก็เห็นว่าองค์หญิงหวายหนิงแต่งกายไม่เรียบร้อยประหนึ่งว่าเคยถูกรังแกไป
เขาชี้นิ้วไปที่ร่างกายขององค์หญิงอย่างคาดไม่ถึง “หวายหนิง เ้า เ้า…”
องค์หญิงหวายหนิงก้มมองลงด้วยความสะลึมสะลือแล้วพบว่าอาภรณ์ของตนเองถูกเปิดออกไปครึ่งหนึ่ง
“อ้า…อ้า…ข้าไม่มีชีวิตต่อไปแล้ว! ”
นางกรีดร้องมองไปที่องค์ชายใหญ่พลันหันหลังวิ่งหนีออกไป
อวิ้นกุ้ยเฟยเพิ่งจะมาถึง นางเกือบจะปะทะเข้ากับองค์หญิงหวายหนิงที่วิ่งออกมา นางอยากจะหยุดองค์หญิงหวายหนิงไว้แต่ก็หยุดไม่อยู่
ตอนที่นางได้ยินข่าวนางไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นสถานการณ์แล้วก็จำเป็ต้องเชื่อ อวิ้นกุ้ยเฟยไม่มีเวลามาครุ่นคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่เพราะตัวนางแข็งทื่ออยู่กับที่และสมองเกิดความว่างเปล่า
ในที่สุดองค์ชายใหญ่ก็ได้สติกลับมาอย่างสมบูรณ์จากนั้นจึงเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฟู่หวง ข้าไม่ได้ทำ! ข้าไม่ได้ทำ! เป็ไปไม่ได้…เป็ไปไม่ได้ที่ข้าจะทำเื่แบบนี้! เป็ไปไม่ได้! ”
เทียนอู่ฮ่องเต้ฟาดแส้ลงไปบนใบหน้าของเขาโดยตรงพลางเอ่ยถามอย่างโกรธเคือง “เจิ้นเห็นกับตา มันจะเป็เื่เท็จได้อย่างไร? ”
องค์ชายใหญ่โพล่งออกมาโดยไม่ทันได้คิด “ฟู่หวงเห็นอะไรกัน? ”
“เ้า เ้า…”
ฉากเมื่อสักครู่นี้ทำให้เทียนอู่ฮ่องเต้ยากที่จะกัดฟันเอาไว้ได้ เขาไม่ทราบว่าต้องพูดอย่างไร และไม่อยากจะพูดด้วย ดังนั้นจึงออกคำสั่งออกมา “ทหาร นำตัวเดรัจฉานตัวนี้ส่งไปสำนึกคิดที่สุสานหลวง! หากไม่มีคำอนุญาตจากเจิ้น ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ปล่อยมันออกมาไม่ได้! ”
ในขณะนี้เองอวิ้นกุ้ยเฟยก็ได้สติขึ้นมา นางรีบก้มลงแทบเท้าเทียนอู่ฮ่องเต้เพื่ออ้อนวอน “ฝ่าาเพคะ โปรดระงับโทสะ! ฝ่าา เย่าเฉิงกับหวายหนิงจะทำเื่แบบนั้นได้อย่างไร? นี่…นี่เป็เื่เข้าใจผิดเป็แน่! ใช่แน่ๆ ! ”
เทียนอู่ฮ่องเต้ถีบนางออกไปแล้วซักถาม “เ้าเป็ประธานในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดนี่ไม่ใช่หรือ? เ้าไปทำอะไรมา? ทำไมแต่ละคนล้วนเมาหัวราน้ำเช่นนี้! เ้าพูดมา! ”
“เฉินเชี่ย เฉินเชี่ย…”
อวิ้นกุ้ยเฟยคิดแผนการนี้ขึ้นมาโดยที่นางยินยอมที่จะรับผิดชอบ นางจะสังหารชีวิตของเฉิงอี้เฟยและทำลายชื่อเสียงของกูเฟยเยี่ยนแล้วนางจะรับผิดชอบเพียงคนเดียว เมื่อทำเช่นนี้แล้วบุตรสาวของนางก็จะสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้น บุตรชายสามารถเชื่อมสัมพันธไมตรีกับตระกูลฉีต่อได้อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากตระกูลฉี นี่มันคุ้มค่าอย่างยิ่ง
แต่ในตอนนี้เป็แบบนี้ไปได้อย่างไร? ใครทำลายแผนการนางกัน? กูเฟยเยี่ยนล่ะ?
เมื่ออวิ้นกุ้ยเฟยนึกถึงกูเฟยเยี่ยน นางจึงหันกลับไปมองแล้วพบว่ากูเฟยเยี่ยนอยู่ในสภาพที่เครื่องแต่งกายสมบูรณ์ที่แม้ว่าจะเปียกน้ำแต่ก็ยังฟุบนอนบนโต๊ะ