หยวนจุนนิ่งเงียบ ต่างจากวั่นเฮ่าซิงที่กำลังคลุ้มคลั่ง เขารู้ว่าสองคนนั้นพยายามสร้างสถานการณ์ ไม่ว่าเขาจะอธิบายอย่างไร ก็ไม่มีประโยชน์
ชาติที่แล้วเขาเป็ถึงจักรพรรดิแดนิญญา เป็นักยุทธ์ยอดฝีมือที่อายุน้อยที่สุดในมหาภพหลิงเทียน! การถูกใส่ความด้วยวิธีง่ายๆ เช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกโมโหขึ้นมาทันที
“แม่นางเสิ่นช่างไม่ระวังความคิดเอาเสียเลย หากเ้ายอมรับในสิ่งที่วั่นเฮ่าซิงกล่าวเมื่อครู่นี้ เช่นนั้นข้าจะขอถามเ้าสักหน่อย ถูกข้าหยวนจุนทำดีเข้าให้ ทำให้เ้ารู้สึกประทับใจใช่ไหมล่ะ?”
เสิ่นเฟยเสวี่ยเกือบพลั้งปากด้วยความโมโห แม้นางอยากจะพูดออกไป แต่ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างติดอยู่ที่ลำคอ
“เ้าอย่าปากกล้าให้มากนัก อย่าคิดว่าประมุขกับผู้าุโไม่อยู่ในสำนักแล้วเ้าจะทำอะไรก็ได้! วันนี้ข้าจะชำระความแทนสำนักิเจี้ยนเอง!”
พลังในมือของวั่นเฮ่าซิงทำให้อากาศทั่วห้องเริ่มเย็นลง นักยุทธ์ระดับดาราวงแหวนใหญ่ขั้นแปด ระดับพลังเท่านี้ สามารถทำร้ายหยวนจุนให้ตายได้อย่างง่ายดาย!
“อักอัก”
หยวนจุนถอยหลังแล้วร้องออกมาด้วยความเจ็บ จู่ๆ วั่นเฮ่าซิงก็หยุด และบังคับให้เขาพังหน้าต่างออกไป
“จำไว้ สกัดกั้นเขาให้จนมุม หน้าผาผานหลงอยู่ทางทิศตะวันออกของสำนักิเจี้ยน ลักษณะพื้นที่อันตราย ด้านล่างเป็กระแสน้ำไหลเชี่ยว เมื่อหยวนจุนตกลงไป เขาไม่มีทางรอดแน่นอน!”
“เช่นนี้แล้วเราก็สามารถกำจัดปัญหาออกไปได้ หลังจากนั้นข้าจะแจ้งกับประมุขว่าหยวนจุนมีพฤติกรรมต่ำช้า คิดมิดีมิร้ายต่อแม่นางเฟยเสวี่ย ครั้นถูกจับได้ รู้ว่าตนทำผิด จึงะโหน้าผาฆ่าตัวตาย!”
ศิษย์หลายคนรีบวิ่งออกไป วั่นเฮ่าซิงไม่ลืมที่จะเตือนความจำอีกครั้งว่า “ภายในคืนนี้ ต้องแพร่งพรายเื่ที่หยวนจุนล่วงเกินแม่นางเฟยเสวี่ยให้ศิษย์ฝ่ายในทุกคนรับรู้!”
เมื่อศิษย์ที่ไว้ใจได้ไม่กี่คนออกไป เสิ่นเฟยเสวี่ยมีท่าทีนิ่งเฉยเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “เพื่อฆ่าคนไร้ประโยชน์เพียงคนเดียว ถึงกับต้องนำชื่อข้าเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย!”
“วิธีนี้ทำให้แม่นางเฟยเสวี่ยสามารถเป็พยานให้ข้าได้ การกล่าวโทษว่าหยวนจุนอับอายเป็อย่างมาก ไม่สามารถพบหน้าผู้คนได้อีกต่อไปจึงะโหน้าผา ถือเป็เื่ที่มีเหตุผลสมควร แน่นอนว่าเป็สิ่งที่ดีสำหรับเราทั้งสองคนด้วย
เสิ่นเฟยเสวี่ยถอนหายใจ สื่อเป็นัยว่าวั่นเฮ่าซิงนั้นไม่ใช่คนดี ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ถึงอย่างไรนางก็ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ดี ตอนนี้ทั้งสองเป็ตั๊กแตนบนเชือกเส้นเดียวกัน[1]จริงๆ แล้ว!
อย่างไรก็ตาม นางเป็ผู้เสนอให้ฆ่าหยวนจุน ในเมื่อต้องแสดงละครตบตา ก็ต้องทำให้สมจริง
เื่ที่หยวนจุนตาย สำนักิเจี้ยนต้องปิดบังไว้ ไม่มีทางปล่อยให้เื่ที่หยวนจุนล่วงเกินนางเผยแพร่ออกไปอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดี เื่นี้เกิดขึ้นในสำนักิเจี้ยน หากแพร่งพรายออกไปคงเสื่อมเสีย
นอกจากนี้หยวนจุนยังเป็คนไร้ประโยชน์ของสำนักิเจี้ยน หยวนฉางเทียนไม่มีทางยกหินขึ้นมาหล่นทับขาตนเอง[2]แน่นอน
“ทำไมเ้าไม่ไปจัดการเขาด้วยตนเองล่ะ?”
เพื่อตอบข้อสงสัยของเสิ่นเฟยเสวี่ย วั่นเฮ่าซิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น แววตาแฝงไปด้วยความชั่วร้าย ก่อนกล่าวว่า “ข้า้าหาแพะรับบาป!”
“เ้าอย่าลืมสิ แม้หยวนจุนจะมีพฤติกรรมไม่ดี แต่เขาก็เป็ถึงหลานชายของหยวนฉางเทียน หากเขายังอยู่ในสำนัก เื่นี้ไม่มีทางคลี่คลายได้ง่ายอย่างแน่นอน เราจึงต้องบีบบังคับให้เขาตาย!”
“เมื่อหยวนฉางเทียนและปู่ของข้ากลับมาแล้วทราบเื่นี้ พวกเขาจะต้องโมโหอย่างแน่นอน ข้าวั่นเฮ่าซิงยังอยากมีชีวิตต่อ ย่อมต้องหาศิษย์คนอื่นไปรับโทษแทนข้า!”
เสิ่นเฟยเสวี่ยเพิ่งได้รู้ว่า แผนการของวั่นเฮ่าซิงนั้นสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แม้นางจะรู้สึกว่ากำลังถูกวั่นเฮ่าซิงหลอกใช้อยู่ก็ตาม
หลังจากที่นักยุทธ์พวกนั้นบังคับให้หยวนจุนตายแล้ว วั่นเฮ่าซิงก็จะลงมือฆ่าพวกเขา แล้วโยนความผิดทั้งหมดให้แก่หยวนจุนและพวกศิษย์ เช่นนี้ภัยก็ไม่มีทางมาถึงเขาแล้ว!
ดังนั้น ผู้ที่รู้ความลับจะเหลือเพียงเขาและเสิ่นเฟยเสวี่ย ซึ่งนางไม่มีทางทำเื่ให้ตนเองต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน
“ฟ้าวฟ้าว”
พลังของสองกระบี่ที่ไขว้กันแผ่ขนาบข้างกายหยวนจุน ต้นไม้เก่าแก่รอบข้างถูกทำลายกลายเป็ผุยผง
“ในเมื่อตามทันแล้วแต่ยังไม่ยอมลงมือ ใช้เพียงแค่ปราณกระบี่ไล่ตามข้า หรือว่าพวกเ้าจงใจ...” หยวนจุนมองไปยังหน้าผาที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า หัวใจเต้นรัวทันที
“ครืน”
เขาหยุดเดิน หินใหญ่ประมาณสองสามก้อนตกลงไปยังหน้าผาตรงหน้าเขา
หยวนจุนหันกลับมา ร่างทั้งห้าประจันหน้า กระบี่ยาวในมือสะท้อนแสงความน่ากลัวออกมา
“นึกไม่ถึงว่าสำนักิเจี้ยนจะฝึกคนชั่วช้าอย่างพวกเ้า!”
หยวนจุนมองพวกเขาด้วยความเหยียดหยาม ก้าวไปข้างหน้า สายตาเ็า แม้ภายในร่างกายจะไม่ได้รวมปราณดาราออกมา แต่ก็เตรียมตัวพร้อมลงมือแล้ว
ทั้งห้าคนไม่ได้พูดอะไร ต่างกวัดแกว่งกระบี่ ปราณกระบี่ทั้งห้าส่องแสงพุ่งออกมาจากอากาศ
“ปางมืออจละ!”
หยวนจุนเปล่งเสียงออกมา อักษรลับเก้าตะวันทำให้ปราณดาราวนอยู่รอบกาย ในที่สุดพลังก็มารวมกันที่ฝ่ามือ พร้อมกับพลังความร้อนที่โชติ่ของปางมืออจละ
“ตูม”
เมื่อพลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกันก็เกิดการะเิครั้งใหญ่ สิ่งของรอบข้างแตกกระจัดกระจาย พื้นหินที่อยู่ใต้เท้าเกิดรอยแยกหลายแห่ง
“ไป รีบไปเสีย! จะให้พวกเราบังคับเ้า หรือเ้าจะยอมลงไปเอง!”
ั้แ่หยวนจุนหนีไปที่หน้าผาผานหลง ก็รู้อยู่แล้วว่าวั่นเฮ่าซิงคิดจะทำอะไร เขาจัดฉากทำทีว่าหยวนจุนตกลงไปเองเพื่อปกปิดความจริง
แม้ตอนนี้เขาเป็เพียงนักยุทธ์ระดับดาราวงแหวนใหญ่ขั้นหนึ่ง แต่เขาก็ควบคุมปางมืออจละของปางมือมรณาเก้าท่าได้อย่างเชี่ยวชาญ อย่างน้อยก็สามารถสู้ห้าคนนี้ได้!
แต่ในใจเขารู้ดี แม้จะรอดจากอันตรายครั้งนี้ไปได้ วั่นเฮ่าซิงก็ต้องวางแผนหาวิธีทำร้ายเขาอีก ดังนั้นการอยู่ในสำนักิเจี้ยนต่อไป ย่อมไม่ใช่ทางเลือกที่ดี
ทว่าวั่นเฮ่าซิงคงคิดไม่ถึง ว่าหยวนจุนไม่ใช่คนไร้ประโยชน์อีกแล้ว ทั้งยังเป็นักยุทธ์ระดับดาราวงแหวนใหญ่ขั้นหนึ่งด้วย! แน่นอนว่าเื่การกำจัดเศษสวะทั้งห้าตรงหน้า ย่อมไม่ถูกแพร่งพรายออกไป!
“อัก!”
ทั้งห้าคนกระอักเื ปราณกระบี่ถูกเปลวไฟจากปางมือมรณาทำลาย ไฟผ่านไปยังร่างกายของพวกเขา
ร่างกายของนักยุทธ์ไม่ได้แข็งแกร่งกว่าสัตว์อสูร เมื่อถูกปางมืออจละทำร้าย เปลวไฟความร้อนสูงเ่าั้ก็ลุกโหมพวกเขาทันที
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา หลังจากที่หยวนจุนแสดงปางมือมรณาท่าที่หนึ่ง พลังก็สะท้อนกลับจนเขาตกหน้าผาผานหลง
หน้าผาผานหลงสูงชันอันตราย นักยุทธ์ระดับจันทราที่ตกลงไปจะถูกกระแสน้ำไหลเชี่ยวเบื้องล่างกลืนกิน ไม่มีทางหนีรอดได้
แต่หยวนจุนได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อเห็นกระแสน้ำขุ่นเบื้องล่าง เขาก็แสดงปางมืออจละใส่กระแสน้ำเชี่ยวทันที
เขาต้องใช้แรงผลักจากวิชายุทธ์ เพื่อชะลอการตกลงไป
“ตูม”
ขณะที่ปางมือมรณากระทบน้ำ แรงะเิทำให้เกิดคลื่นน้ำไม่มีที่สิ้นสุด และมองไม่เห็นก้นแม่น้ำ อีกทั้งแรงผลักของเขาก็มีจำกัด ดูท่าว่าจะไม่เป็อย่างที่คิดไว้เสียแล้ว
“ฟิ้ว”
ร่างกายได้ยินเสียงกระดาษแผ่นหนึ่งปลิวไปตามสายลม มีแสงสีแดงจางๆ เปล่งออกมาจากกระแสปราณของเขา
[1] ตั๊กแตนบนเชือกเส้นเดียวกัน หมายถึง ทำงานหรือรับผลจากการกระทำร่วมกัน
[2] ยกหินขึ้นมาหล่นทับขาตนเอง หมายถึง คิดจะทำร้ายผู้อื่น แต่ผลร้ายกลับย้อนมาหาตนเอง หรือทำตัวเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้