แม้ว่าบ้านรองในชาติก่อนจะไม่ได้มีตัวตนอยู่ในความทรงจำของเยี่ยนเจาเจามากนัก แต่เมื่อนางฟื้นมาใหม่ในชาตินี้ก็จำต้องระวังตัวและทำความเข้าใจความสัมพันธ์ของบ้านรองอย่างรอบคอบ
พอนึกถึงบ้านสาม เยี่ยนเจาเจาก็ปวดหัวขึ้นมาอีก
บรรยากาศของบ้านสามอึมครึมเลวร้ายมากที่สุด
นายท่านบ้านสามนามว่าเยี่ยนนั่ว เป็บุตรคนที่สามของเยี่ยนหลิวซื่อ หรือก็คือท่านปู่ของเยี่ยนเจาเจา
เยี่ยนนั่วถูกเลี้ยงดูมาแบบตามใจ ทำให้เขาไม่เอาการเอางาน ทั้งยังเ้าชู้ไก่แจ้ั้แ่เล็กและเสเพลอย่างยิ่ง
เยี่ยนนั่วตกหลุมรักเฉินซื่อ ผู้เป็บุตรีคนที่สามของฮูหยินเอกแห่งติ้งกั๋วกงสกุลเฉิน เพียงเพราะรูปโฉมของเฉินซื่อที่ได้ชื่อว่าเป็ยอดพธูงดงามล่มบ้านล่มเมืองหาที่เปรียบมิได้
เยี่ยนหลิวซื่อยินดีต้อนรับเฉินซื่อมาเป็ภรรยาเอกจึงระดมความคิดช่วยลูกชายสร้างสัมพันธ์อย่างเต็มที่
ไม่คาดคิดว่าแม้จะแต่งกับเฉินซื่อแล้ว แต่เยี่ยนนั่วก็ยังสารเลวถึงขนาดเที่ยวซ่องอย่างโจ่งแจ้งในขณะที่ผู้เป็ภรรยาหลวงกำลังตั้งครรภ์ จนเยี่ยนนั่วกับอนุคนนั้นมีบุตรีด้วยกันนามว่าเยี่ยนชิว ซึ่งเยี่ยนชิวก็คือมารดาของหนานิเหอนั่นเอง
เฉินซื่อโกรธเื่นี้มากจนคลอดก่อนกำหนด หลังจากเฉินซื่อให้กำเนิดบุตรชายนามว่าเยี่ยนเหิงผู้เป็บิดาของเยี่ยนเจาเจา นางก็จากโลกนี้ไป
จวนติ้งกั๋วกงขาดการติดต่อกับจวนเยี่ยนนับแต่นั้นมา ทว่าเยี่ยนนั่วยังคงเสเพลเช่นเดิม แม้จะอายุปูนนี้ก็ยังมักมากในกามไม่เปลี่ยน สาวใช้ในเรือนของบ้านสามล้วนผ่านมือเขามาหมดแล้ว
เมื่อเอ่ยถึงหอหลิวลู่ของบ้านสาม คนในจวนเยี่ยนล้วนทำหน้าเอือมระอา เว้นแต่เยี่ยนหลิวซื่อที่คิดว่าบุตรคนเล็กเป็คนดีเสียอย่างนั้น
หลังเฉินซื่อตาย เยี่ยนหลิวซื่อยังสู่ขอซ่งซื่อมาเป็ภรรยาใหม่อีกคนให้แก่เยี่ยนนั่ว
ซ่งซื่อคือคนที่เยี่ยนเจาเจากำลังไปหาในวันนี้ นางชอบก่อกวนอย่างไร้เหตุผลจนเคยตัว อีกทั้งชอบของเงินๆ ทองๆ และชอบรีดไถเงินเป็อย่างยิ่ง นอกจากนี้นางยังไม่มีความสามารถอะไรสักอย่าง หน้าตาก็ธรรมดาสามัญ จึงไม่ได้รับความโปรดปรานจากเยี่ยนนั่ว
ไม่รู้ว่าเพราะเยี่ยนนั่วมัวแต่สำมะเลเทเมาทั้งวันจนไตพร่อง[1] หรืออย่างไร ซ่งซื่อถึงไม่ตั้งครรภ์เสียที ทั้งบ้านสามจึงมีเพียงเยี่ยนเหิงผู้เป็บุตรฮูหยินเอกที่ภรรยาเดิมอย่างเฉินซื่อทิ้งไว้เท่านั้น
โชคดีที่ท่านพ่อของเจาเจามุมานะเรียนหนังสือกับท่านลุงเยี่ยนเฉิงแห่งบ้านรองมาั้แ่เล็ก ต่อมายังเข้าเรียนสำนักศึกษาขั้นสูงจนได้อันดับหนึ่งในทุกระดับการสอบเคอจวี่ั้แ่อายุยี่สิบปี กลายเป็บัณฑิตจอหงวนที่เยาว์วัยที่สุดในแผ่นดินต้าซี
เยี่ยนเหิงแทบจะไม่มีความผูกพันใดๆ ต่อกันกับเยี่ยนนั่วที่เป็บิดาผู้ให้กำเนิดเลย โดยเฉพาะหลังอภิเษกกับองค์หญิงฉงหยาง เขาก็มักจะอยู่แต่ในสวนมวลบุปผาหอมที่แม้จะห่างจากบ้านสามเพียงกำแพงกั้น ทว่าแค่ให้กลับไปเยี่ยมสักแวบเขาก็ยังี้เี
แม้ว่าจวนเยี่ยนในยามนี้จะเหมือนแบ่งออกเป็สามบ้าน แต่ความจริงเ้านายโดยชอบธรรมก็มีไม่เยอะนัก ทว่าต่างคนต่างคิดเล็กคิดน้อยเต็มไปหมดจนไม่รู้ว่านี่เป็วาสนาหรือเคราะห์กรรมกันแน่
หลังจากเยี่ยนเจาเจาคิดใคร่ครวญมาตลอดทาง ก็เห็นลานหอหลิวลู่ของบ้านสามอยู่ใกล้แค่เอื้อม
นางเก็บสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อยของตน ก่อนจะให้เฝ่ยชุ่ยไปแจ้งแก่คนในบ้านสาม
ซ่งซื่อที่อยู่ในห้องของตนเองกำลังเดือดดาลเพราะตรวจสมุดบัญชีแล้วพบว่าเยี่ยนนั่วนำเงินห้าพันตำลึงจากกองกลางไปดื่มกินสนุกสนาน พลันก็มีคนมาบอกว่าเยี่ยนเจาเจา้าพบนาง
แม้นซ่งซื่อจะเป็คนรักเงินเพียงใด แต่นางตระหนักถึงความต่างชั้นระหว่างตนกับองค์หญิงเรือนติดกันได้ดี พอได้ยินว่าแก้วตาดวงใจขององค์หญิงนำของขวัญวันเกิดมาให้ด้วยตนเองจึงอดระแวงอยู่ในใจไม่ได้ ทว่านางก็ฝืนระงับความโกรธสุมอกของตนและเรียกคนไปเชิญเยี่ยนเจาเจาเข้ามา
“คุณหนูห้า เหตุใดมาด้วยตนเองเ้าคะ?”
เมื่อเยี่ยนเจาเจามาถึง ซ่งซื่อก็เอ่ยทักทายก่อน
หน้าตาของซ่งซื่อนับว่าจืดชืดไม่โดดเด่น ทั้งยังรูปร่างสูงใหญ่ ยามนี้นางสวมเครื่องประดับผมหรูหรา ใส่เสื้อผ่าหน้าแบบยาวลักษณะกลางเก่ากลางใหม่ จับคู่กับชุดคลุมตัวนอกผ่าข้างสีเหลืองห่าน แลดูอ่อนโยนเป็มิตร
“คืนวานฝันเห็นท่าน นึกได้ว่าไม่พบกันนานแล้ว จึงมารบกวนนายหญิงด้วยตนเองเ้าค่ะ”
หากนับตามลำดับาุโแล้ว เยี่ยนเจาเจาควรเรียกนางว่าท่านย่า แต่ซ่งซื่อไม่ได้เป็คนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเหมือนเยี่ยนหลิวซื่อ ได้รับคำเรียกว่านายหญิงจากเยี่ยนเจาเจาก็ถือว่าเป็เกียรติมากแล้ว
เยี่ยนเจาเจาเองก็ไม่ได้ชิงชังซ่งซื่อมากนัก คนประเภทนี้พบเห็นได้ดาษดื่น อีกทั้งชาติก่อนซ่งซื่อก็ไม่เคยทำอันตรายใดๆ ต่อนาง และไม่เคยใช้ฐานะตนเองมาก่อความน่ารำคาญที่สวนมวลบุปผาหอมเป็ประจำเหมือนเยี่ยนหลิวซื่อ เยี่ยนเจาเจาจึงยอมไว้หน้าถึงสองส่วน
แม้ว่าซ่งซื่อจะไม่เชื่อเหตุผลที่เยี่ยนเจาเจาบอก แต่ยามนี้เยี่ยนเจาเจาก็ประพฤติตัวดี ทั้งยังหาความผิดปกติจากคุณหนูน้อยอ่อนวัยหน้าตาน่าเอ็นดูคนนี้ไม่พบ ซ่งซื่อจึงเอ่ยยิ้มๆ “นานๆ ทีเ้าจะมีเวลามาหา เข้ามาทานผลไม้ก่อนเถอะ”
นางจูงมือเยี่ยนเจาเจามานั่งยังที่นั่งสำหรับแขก ก่อนที่เหล่าหญิงรับใช้จะยกชาต้นฤดู[2] และผลไม้เข้ามา
เยี่ยนเจาเจาทานอาหารว่างไปสองชิ้น แล้วนำของขวัญมามอบให้นาง เมื่อซ่งซื่อรับกล่องแปดสมบัติอันหนักอึ้งใบนั้นไป ในใจพลันยิ้มปีติ แม้แต่ดวงหน้าก็อาบความสุข “คุณหนู เหตุใดเกรงใจกันขนาดนี้เ้าคะ” สุดท้ายยังรับไปอยู่ดี
เยี่ยนเจาเจาตอบนางพอเป็มารยาท ก่อนจะเปลี่ยนเื่กะทันหัน “นายหญิง เมื่อวานตอนที่ข้าเข้าวัง ข้าได้ยินนางกำนัลเอ่ยถึงญาติท่านด้วยเ้าค่ะ”
“หือ? ไม่ทราบว่าเป็ผู้ใดหรือ?” ซ่งซื่อประหลาดใจเล็กน้อย
สกุลซ่งถือเป็ตระกูลเก่าแก่ขั้นหนึ่งในเมืองเซียงเฉิง แต่มีแนวโน้มว่าจะตกต่ำลง ทำให้บุตรีฮูหยินเอกจากสกุลซ่งแต่งเข้าจวนโหวมาเป็ภรรยาใหม่ของพ่อม่าย
“เหมือนว่าจะชื่อ...ซ่งฝูจินเ้าค่ะ”
ของว่างร่วงจากมือซ่งซื่อทันที “เ้าพูดว่าอะไรนะ?!”
ท่าทีของซ่งซื่อรุนแรงไม่ต่างจากที่เยี่ยนเจาเจาคาดเดา
“นามว่าซ่งฝูจิน ข้าได้ยินนางกำนัลเรียกแบบนั้น เหตุใดนายหญิงถึงตระหนกเพียงนี้เ้าคะ?”
เยี่ยนเจาเจาเห็นซ่งซื่อตกหลุมพรางจึงเริ่มตะล่อมนางทีละเล็กทีละน้อย
สีหน้าซ่งซื่อไม่น่ามองอย่างยิ่ง กระทั่งฟันยังกัดกรอด พอเยี่ยนเจาเจาเล่าสถานการณ์สั้นๆ ก็ขุดความจริงออกมาได้บางส่วน
ที่แท้ซ่งฝูจินคือบุตรีสายตรงของสกุลซื่อ ทว่ามิใช่บุตรีจากบ้านหลัก กลับเป็บุตรีฮูหยินเอกสายรองรุ่นที่สาม หากนับญาติแล้ว ซ่งฝูจินก็สามารถเรียกซ่งซื่อว่าท่านอาได้จริงๆ
บิดามารดาของซ่งฝูจินล้วนเสียชีวิตหมดแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าในจวนซ่งไม่รู้คิดอย่างไรถึงให้คนไปรับนางมาเลี้ยงในจวนตนเอง กระทั่งนามว่าฝูจิน ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังเป็ผู้ตั้งให้หลังมาอยู่จวนซ่ง
ซ่งซื่อน่าจะเคยเสียเปรียบภายใต้เงื้อมมือของซ่งฝูจินมาก่อน คำพูดคำจาจึงแค้นเคืองอย่างยิ่ง
ซ่งฝูจินเติบโตมาในจวนซ่ง นางบอบบางและขี้อาย ทั้งยังอ่อนโยนช่างเอาใจใส่ ไม่ช้าก็กลายเป็คนสนิทกับเล่ออันจวิ้นจู่[3] ผู้เป็ธิดาคนโตของฉู่อ๋อง ภายหลังนางจึงอาศัยความสัมพันธ์กับเล่ออันจวิ้นจู่ได้เข้ามาเป็นางกำนัลที่ห้องทรงพระอักษร
แต่ซ่งซื่อไม่อาจเล่าเื่ราวมากกว่านี้ให้คุณหนูน้อยอย่างเยี่ยนเจาเจาฟังแล้ว
แม้ซ่งซื่อจะไม่ได้เอ่ยออกมา ทว่าเยี่ยนเจาเจาก็รู้ว่าคงมีความไม่ลงรอยกันอยู่ในนั้น โดนเฉพาะกับเื่ “น้องชาง” อะไรนั่น
เยี่ยนเจาเจาจึงกล่าวยิ้มๆ “ข้าไม่ทราบว่าใครนินทาเื่นี้ในวัง แต่ได้ยินว่าตอนนี้ญาติของนายหญิงเหมือนคิดจะหมั้นแล้วเ้าค่ะ”
“หากนางยอมแต่งก็บังเอิญดีเหมือนกัน”
ซ่งซื่อไม่เอ่ยอันใดมาก ทว่ากลับแย้มริมฝีปากยิ้มเยาะหยัน “ตอนที่อยู่ปรนนิบัติอ่านหนังสือในห้องทรงพระอักษรของฝ่าา คงไปชอบชายหนุ่มดีๆ บ้านไหนเข้ากระมัง”
รอยยิ้มนี้ของซ่งซื่อแฝงนัยบางอย่างที่ควรสืบสาวต่อ แต่ฐานะของเยี่ยนเจาเจายามนี้ไม่เหมาะจะซักไซ้อีก ทั้งยังมีเฝ่ยชุ่ยที่ติดตามอยู่ข้างกายนางทุกขณะอีกด้วย
อย่างไรเฝ่ยชุ่ยเป็คนที่ท่านแม่มอบให้ จะปล่อยนางเห็นท่าทางที่ไม่เหมือนเด็กสาวบอบบางของตนไม่ได้
“ช่างเถอะๆ ข้าพูดเพ้อเจ้อกับเด็กน้อยอย่างเ้าไปทำไมกันนะ แม้นที่นี่จะหรูหราไม่เท่าสวนมวลบุปผาหอม แต่ก็พอมีของเล่นพื้นๆ อยู่บ้าง เจาเจาดูแล้วชอบไหม เลือกหยิบอันสองอันกลับไปเล่นกับพวกพี่หญิงน้องหญิงของเ้าด้วยก็ได้”
เชิงอรรถ
[1] ไตพร่อง หมายถึง ในการแพทย์แผนจีนถือว่าไตเป็ธาตุน้ำ มีโครงข่ายเชื่อมโยงกับกระดูก ไขกระดูก สมอง เส้นผม หู อวัยวะสืบพันธุ์ และทวารหนัก โดยไตมีหน้าที่สำคัญคือกักเก็บ “จิง” หรือสารจำเป็แห่งชีวิต ซึ่งได้รับมาแต่กำเนิดจากพ่อแม่ หรือได้เพิ่มมาภายหลังจากอาหารและน้ำ เพื่อไม่ให้จิงถูกใช้ไปโดยไม่จำเป็ และสะสมให้มีจิงเพียงพออยู่ตลอด เพราะหากหน้าที่ของไตพร่องจะกระทบต่อการเจริญเติบโต ความพิการทางเพศ และสมรรถภาพทางเพศ
[2] ชาต้นฤดู หมายถึง ยอดชาอ่อนที่ได้รับการเก็บเกี่ยวครั้งแรกของปี ซึ่งจะมีกลิ่นหอมที่ััได้ถึงความสดใหม่ของใบชา
[3] จวิ้นจู่ หมายถึง ตำแหน่งองค์หญิงหรือท่านหญิงที่เป็ตำแหน่งเชื้อพระวงศ์หญิงลำดับที่ 3 สำหรับพระราชนัดดาของฮ่องเต้และฮองเฮา