เจิ้งหยวนหลุบมองข้อมือของเฝิงิเยว่ หล่อนสวมนาฬิกาเซี่ยงไฮ้ ครอบครัวพี่สะใภ้มีชีวิตความเป็อยู่ดีกว่าสกุลเจิ้ง ที่บ้านไม่เพียงมีจักรยาน ยังซื้อจักรเย็บผ้า ดังนั้นพี่สะใภ้จึงมีฝีมือตัดเย็บเสื้อผ้า ครั้นภายหลังคอมมูนก่อตั้งกลุ่มเย็บปักขึ้น พร้อมรับสมัครคนงานหญิงที่ฝีมือดี โดยไม่ได้จ่ายแค่แต้มเท่านั้น ยังมีเงินเดือนให้อีกด้วย และพี่สะใภ้ก็เป็หนึ่งในนั้น เพราะพี่สะใภ้มีฐานะร่ำรวย ่แต่งงานเธอจึงซื้อนาฬิกาเซี่ยงไฮ้ให้ตัวเอง ทำให้เจิ้งหยวนตอนนั้นรู้สึกอิจฉาสุดๆ แต่เธอรู้อยู่แก่ใจว่ามันแพงมาก ไม่เหมือนกระจกที่อยากจะเอาก็เอาได้ ของราคาร้อยกว่าหยวน เธอไม่กล้าเอ่ยปากขอหรอก ทว่าต่อมาได้ยืมใส่อยู่หลายครั้ง มาคราวนี้เจิ้งหยวนเลยเอ่ยโดยไม่กระดากปากแต่อย่างใด
“พี่สะใภ้” เจิ้งหยวนกล่าว “พี่ให้ฉันยืมใส่นาฬิกาสักสองวันได้ไหม? อีกสองวันฉันจะคืนให้”
เฝิงิเยว่เป็คนใจกว้าง ไม่ได้มีความรู้สึกเสียดายอะไร เธอถอดนาฬิกาข้อมือออกให้เจิ้งหยวนทันที “เอาไปสิ” ก่อนว่าต่อ “เธอหันมาให้ฉันดูหน่อย ข้างหน้ายังมีแผลอีกไหม?”
เจิ้งหยวนหันกลับมาแล้วสวมเสื้อผ้า ก่อนเอ่ยตอบ “ไม่นะ บนแขนมีรอยแดงแค่สองรอยเท่านั้นละ ไม่เป็ไรค่ะ สองวันก็คงหายแล้ว ไม่ต้องทายาหรอกค่ะ”
เฝิงิเยว่จับแขนเธอพลิกดู แววตาเต็มไปด้วยความรัก ทั้งยังเอาใจใส่ “ตายจริงบวมไปหมดแล้ว จะไม่ทายาได้ยังไง? อย่าเพิ่งรีบใส่เสื้อผ้าสิ ให้ฉันใส่ยาให้เรียบร้อยก่อน”
เจิ้งหยวนดึงแขนตัวเองออกมาไม่ได้ จึงปล่อยเลยตามเลย
ครั้นทายาเกือบเสร็จแล้ว แต่เฝิงิเยว่ยังคงนั่งนิ่ง ฉายชัดว่ามีบางอย่างอยากจะพูด ทว่ายังลังเล
“มีอะไรหรือเปล่า พี่สะใภ้?”
“เดิมทีฉันไม่ควรพูดเื่นี้…” เฝิงิเยว่สูดลมหายใจลึก แล้วถือโอกาสพูดสิ่งที่รบกวนจิตใจออกมา “เธออย่ารำคาญที่พี่ยุ่งไม่เข้าเื่เลยนะ หยวนหยวน ฉันได้ยินว่าเธอตกลงจะแต่งกับสกุลเฝิงแล้ว?”
เจิ้งหยวนพยักหน้า
หว่างคิ้วเฝิงิเยว่ยังคงยับย่น เธอถามต่อทันควัน “ถ้าอย่างนั้นเื่ที่เธอหาคู่ในอำเภอ มีคนอื่นรู้อีกไหม?”
เจิ้งหยวนชะงัก เธอระลึกได้ว่าคนยุคนี้ดูใจกันไร้เดียงสามาก เมื่อมีความรักจะแอบๆ ไม่ป่าวประกาศและโชว์หวานไปทั่ว โดยเฉพาะหลินเสี่ยวหยางที่มีนิสัยเก็บตัวขี้อาย พวกเขาสองคบกันหลายเดือน ไม่เคยกระทั่งจับมือ มากสุดก็แค่ไปดูหนังเท่านั้น ตอนไปดูหนังด้วยกันเธอไม่รู้ว่ามีคนรู้จักเห็นหรือเปล่า แต่ต่อให้เห็นก็ไม่เป็ไร พวกเขาไม่ได้กระทำเกินเลยสักหน่อย อีกอย่างเธอก็ตั้งใจแอบหาคู่ลับๆ อยู่แล้ว จะกล้าปล่อยคนอื่นมองออกหรือ หากข่าวลือมาถึงบ้านล่วงหน้า โดนพ่อตีแยกคู่ยวนยางจะทำอย่างไร
หากมิใช่ทางฝั่งสกุลเฝิงส่งจดหมายมาบอกกะทันหันว่าเฝิงเจี้ยนเหวินจะ
กลับบ้าน่ปลายปี หากมิใช่ว่าให้เธอแต่งเข้าไป
เธอคงไม่มีแผนจะเผยความลับเร็วขนาดนี้หรอก
เจิ้งหยวนส่ายศีรษะ “น่าจะไม่มีใครรู้ค่ะ”
เฝิงิเยว่ดูดีใจ ค่อยผ่อนลมหายใจโล่งอก และคลายคิ้วที่ขมวดมุ่น สองครั้งติด “ดีแล้วที่ไม่มีใครรู้ๆ ”เธอกุมมือเจิ้งหยวน แล้วเอ่ยด้วยความจริงใจอย่างลึกซึ้ง “ฉันกลัวว่าเื่นี้จะแพร่ไปถึงสกุลเฝิง ถ้าบ้านเขาถอนหมั้นเพราะเหตุนี้ ชื่อเสียงของเธอจะเสียหาย แต่ถ้าพวกเขาทนรับได้ ฝืนแต่งเธอเข้าไป อนาคตก็เกรงว่าเธอจะวางตัวลำบากในบ้านสามี”
จิตใจเจิ้งหยวนสับสนวุ่นวายชั่วขณะ ดูสิ พี่สะใภ้ของเธอเป็คนรอบคอบแค่ไหน คุณแม่ยังไม่ทันตระหนัก พี่สะใภ้ก็คิดเื่นี้ออกแล้ว มิหนำซ้ำเธอจำได้คร่าวๆ ด้วยว่าตอนแรกเธอเผยความลับกับคุณพ่อตรงลานเรือน ทันทีที่พี่สะใภ้ได้ยินก็รีบเกลี้ยกล่อมให้ทุกคนเข้าบ้าน แล้วล็อกประตูอย่างรอบคอบ คาดว่าคงกลัวเสียงดังเกินไปแล้วเื่จะหลุดจนส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของเธอ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้