หลังจากทำการไล่ล่ามานานถึงห้าวันห้าคืน จึงสังหารหลี่ชิงเหอได้ในที่สุด
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ กระบี่เจวี๋ยเซิงก็ถูกเก็บเข้าไปในร่าง กลายเป็กระดูกซี่โครงของเขาตามเดิม จากนั้นกู่ไห่จึงเดินไปที่ริมลำธาร ชำระล้างร่างกายและเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมไปสืบค้นเกี่ยวกับเื่บางอย่างที่ตนอยากรู้ทันที
เขาเร่งฝีเท้าตามถนนสายหนึ่งไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ที่ใด
ใช้เวลาไปหนึ่งวัน ก่อนจะเดินทางถึงเมืองแห่งหนึ่ง
“นี่มัน... แคว้นต้าจิน เช่นนั้นจวนสกุลกู่ของข้า ก็คงจะอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนเดินเข้าไปในเมือง
กู่ไห่ถือได้ว่าเป็บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้นต้าจิน ซึ่งเป็หนึ่งในหกแคว้นใหญ่บนเกาะจิ๋วหวู่ เมื่อไปถึงร้านค้าของตระกูล เขาจึงไม่รอช้ารีบเข้าไปเยือนทันที
“นายท่าน! ตอนนี้ท่านช่างดูอ่อนเยาว์นัก เหมือนเมื่อครั้งที่ข้าน้อยได้เริ่มติดตามท่าน เมื่อตอนเป็เด็ก” เถ้าแก่ของร้านสกุลกู่เอ่ยด้วยความตื่นเต้น พลางจ้องกู่ไห่ตาเป็ประกาย
ชายหนุ่มมองดูอีกฝ่าย ก่อนถอนหายใจเล็กน้อย “ไม่ต้องห่วง! เ้าเองก็จะอ่อนเยาว์ลงเช่นกัน”
“ขอรับ! ขอบพระคุณนายท่าน ตราบใดที่สามารถติดตามท่านได้ ข้าน้อยยินดีจะทำทุกอย่าง เนิ่นนานมาแล้วที่มิได้พบท่าน ร้านค้าในแคว้นต้าจินนี้ ข้าได้รับผิดชอบดูแลเป็อย่างดี” เถ้าแก่กล่าวอย่างมีความสุข
“นั่นสินะ!”
“อย่างไรก็ตามนายท่านของข้า เมื่อไม่นานมานี้มี ‘เซียน’ จำนวนมากมาเยือนร้านเรา เพื่อถามถึงที่อยู่ของท่าน แต่ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายแล้ว ไม่มีใครมาซักไซ้อะไรอีก
ทว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้ข่าวมาว่า คนเ่าั้เดินทางไปยังสำนักติงหลง ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพวกเขาจึงพากันไปที่นั่น” เถ้าแก่เล่า
“สำนักติงหลง” กู่ไห่เลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย
สำนักติงหลง หนึ่งในห้าสำนักใหญ่ของเกาะจิ๋วหวู่ เขาไม่รู้จักสำนักนี้ แต่เคยเห็นมันจากความทรงจำของเิไท่ ที่ตอนนั้นยังเป็นักโทษของหลี่เหว่ย ติงรุ่ย และซ่งเซิงผิง
ดูเหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อน ท่านแม่ของหลงหว่านชิงและเิไท่ จะค้นพบชีพจรัในอาณาบริเวณของสำนักติงหลง จึงทำให้ติงรุ่ยรีบออกจากพรรคต้าเฟิง เพื่อมุ่งหน้าไปยังสำนักแห่งนั้น
สำนักติงหลง?
“นายท่าน คล้ายว่าแคว้นต้าจินของเรา จะขึ้นตรงกับสำนักติงหลง” เถ้าแก่กล่าว
สำนักติงหลง? ชีพจรั? ติงรุ่ย?
ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น นิ้วแกร่งเคาะโต๊ะเบาๆ ขณะครุ่นคิดบางอย่าง โดยมีร่างของเถ้าแก่ยืนสงบนิ่งอยู่ด้านข้าง
หลังเงียบไปพักหนึ่ง กู่ไห่จึงสูดหายใจลึก ก่อนเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง “ผู้ฝึกตนจากทั่วสารทิศเดินทางไปยังสำนักติงหลง เห็นทีข้าต้องไปดูให้เห็นกับตา ว่าพวกเขากำลังคิดจะทำอะไร”
เถ้าแก่พยักหน้าเห็นด้วย
“เตรียมพู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นฝนหมึก ข้า้าส่งสารถึงเถ้าแก่าุโที่ประจำอยู่ในห้าแคว้น” ชายหนุ่มสั่งเสียงต่ำ
“ขอรับ!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เถ้าแก่จึงน้อมรับคำสั่งทันที
เถ้าแก่าุโทั้งหมดในห้าแคว้น?
กู่ไห่คือบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในหกแคว้น แต่หลังจากที่แคว้นซ่งถูกทำลาย ตอนนี้จึงเหลือแคว้นใหญ่เพียงห้าแคว้นเท่านั้น โดยในแต่ละแคว้น จะมีเถ้าแก่จากสกุลกู่ คอยดูแลกิจการของจวนเอาไว้
เช่นเดียวกับกู่ฮั่น ที่ในอดีตคือผู้ที่คอยดูแลกิจการในแคว้นซ่ง
สำหรับตัวเขาเอง แม้จะได้รับความเคารพ และสามารถรับผิดชอบงานภายในแคว้นต้าจินได้เป็อย่างดี แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็เถ้าแก่าุโของแคว้นต้าจิน
บัดนี้ นายท่านกำลังจะส่งสารถึงเถ้าแก่าุโทั้งห้าแคว้น แสดงว่ามีเื่สำคัญที่จะสั่งการ
ถึงอย่างไร เถ้าแก่ร้านเช่นเขา ก็มิได้อาจหาญพอที่จะล่วงเกินถามถึงธุระสำคัญของผู้เป็นาย จึงได้แต่คอยช่วยฝนหมึกให้อีกฝ่ายเงียบๆ ต่อไป
กู่ไห่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเริ่มลงมือเขียนจดหมายทีละฉบับ
“เ้าสามารถดูได้ แต่อย่าลืมว่าต้องเก็บเป็ความลับ” เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ขอรับ!” เถ้าแก่ตอบกลับด้วยความถ่อมตน
ชายหนุ่มบรรจงเขียนตัวหนังสือ ส่วนเถ้าแก่ก็เอียงศีรษะอ่าน พลางฝนหมึกไปด้วย
เมื่อเห็นข้อความบนหน้ากระดาษ ดวงตาของเขาพลันเบิกกว้าง ก่อนแสดงความตื่นตระหนกออกมา
“นายท่าน ท่าน้าครองแผ่นดินอย่างนั้นหรือ?” เถ้าแก่เอ่ยถามด้วยท่าทีอึกอัก ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร
“หือ?” กู่ไห่ขมวดคิ้วแน่น ก่อนเงยหน้าขึ้นมองเขา
เถ้าแก่ซ่อนความตกตะลึงไว้ แล้วหายใจเข้าลึกๆ เรียกสติตัวเอง
“อ่า... ข้าน้อยไม่เห็น... ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นขอรับ!”
“ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ที่โลกภายนอกนั่น มิได้มีเพียงข้าเท่านั้นที่เ้าจะได้เจอ แต่ยังต้องต่อสู้กับโลกแห่งจิติญญาเช่นกัน จงจำเอาไว้... ว่าชีวิตที่เป็ะกำลังรอเ้าอยู่” แววตาของชายหนุ่มในยามนี้ เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ขอรับ!” เถ้าแก่ตอบทันที
“จงส่งจดหมายเหล่านี้ เพื่อส่งต่อคำพูดของข้า ไปยังเถ้าแก่าุโทั้งห้าแคว้น ไม่ว่าต้องจ่ายเท่าใดก็อย่าได้นึกเสียดาย จบงานนี้แล้ว ผลตอบแทนย่อมมากกว่านั้น” กู่ไห่สั่งน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ขอรับ!” เถ้าแก่ร้านรับคำโดยพลัน
“ส่วนจดหมายฉบับนี้ ส่งไปยังจวนสกุลกู่ มอบให้กู่ฉิน ในนั้นเป็เื่สำคัญมาก อย่าให้เกิดความผิดพลาดขึ้นเด็ดขาด” ผู้เป็นายกำชับอีกครั้ง
“ขอรับ! นายท่านอย่าได้กังวล ข้าจะให้บุตรคนโตนำจดหมายฉบับนี้ ส่งไปถึงมือของคุณชายใหญ่ด้วยตัวเอง หากเกิดความผิดพลาดใดๆ ข้าน้อยยินดีที่จะชดใช้ด้วยศีรษะของตนเอง” เถ้าแก่กล่าวอย่างแน่วแน่
กู่ไห่พยักหน้า
หลังจากพักผ่อน เพื่อฟื้นฟูร่างกายในแคว้นต้าจินมาตลอดทั้งวันแล้ว ชายหนุ่มจึงไปซื้อของใช้ที่จำเป็มากมาย ก่อนเริ่มออกเดินทางสู่สำนักติงหลง
...
แปดวันต่อมา ณ จวนสกุลกู่!
ข่าวจากสำนักซ่งเจี่ยเพิ่งมาถึง
ข่าวที่ว่าก็คือ กู่ไห่ได้ลงมือสังหารศิษย์สำนักซ่งเจี่ยทั้งหมดเพียงลำพัง ผู้ฝึกตนทั้งหลายเมื่อได้ยินข่าวนี้ ต่างก็เสียวสันหลังวาบในความโเี้ของอีกฝ่าย
“ศิษย์พี่ ท่านล้อข้าเล่นหรือไร?”
“ใครจะมาล้อเล่น! ตอนนั้นข้าก็อยู่ที่นั่นด้วย กู่ไห่ช่างน่ากลัวจริงๆ”
“แล้วเรามาทำอะไรกันที่นี่? ยังคิดที่จะแย่งชิงลูกท้อร้อยปีจากกู่ไห่อีกหรือ?”
“ถอยเถอะ!”
เกิดความวุ่นวายขึ้นที่บริเวณหน้าจวนสกุลกู่ ผู้ฝึกตนมากมายในตอนนี้ ต่างเอาแต่พูดถึงการต่อสู้ของกู่ไห่ ที่เกิดขึ้นในสำนักซ่งเจี่ยอย่างไม่ขาดปาก
ภาพของกองกระดูกซึ่งกระจายเกลื่อนไปทั่วพื้นที่ อย่างน่าพรั่นพรึง ทำให้ผู้คนที่เดินทางมาจากสำนักซ่งเจี่ย ต่างพูดเป็เสียงเดียวกัน ว่าไม่คิดที่จะกลับไปเหยียบสถานที่แห่งนั้นอีก
...
ภายในค่ายกลตารางหมากยี่สิบแปดเส้น
ตอนนี้กู่ฉินได้เรียกตัวผู้บัญชาการทั้งสี่เหล่าทัพ มารวมตัวกันในห้องโถงใหญ่
โดยมีชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา
“คุณชายใหญ่ นี่เป็จดหมายที่ท่านพ่อไหว้วานให้ข้านำมาส่ง เขามิได้เอ่ยอะไร นอกจากให้ข้ารีบมาส่งให้ถึงมือท่านเท่านั้น” ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยความนอบน้อม
กู่ฉินพยักหน้าตอบรับ
...
ชายหนุ่มเปิดจดหมายออกอ่าน ก่อนจะค่อยๆ วางมันลง
ยามนี้ มีเพียงเกาเซียนจือ เฉินเทียนซาน ฮวางบู และซ่างกวนเหินเท่านั้นที่อยู่ภายในห้อง
“ท่านผู้บัญชาการทั้งสี่ นี่คงเป็คำพูดของท่านพ่อ ที่้าส่งมาถึงพวกท่านแน่ แต่ก็มีบางส่วนมาถึงข้าด้วยเช่นกัน เช่นนั้นก็เชิญอ่านกันเถิด” กู่ฉินบอกอย่างเคร่งขรึม
ด้วยความใคร่รู้ ผู้บัญชาการสี่เหล่าทัพ จึงรับจดหมายไป ก่อนที่แต่ละคนจะเปิดอ่านอย่างระมัดระวัง ไม่นานหลังจากนั้น ทุกคนพลันเลิกคิ้วขึ้น
“นายท่าน้ารวมแผ่นดินให้เป็หนึ่งอย่างนั้นหรือ?” เ้าหน้าบากเอ่ยขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ
“ในเกาะจิ๋วหวู่ตอนนี้ สามในห้านิกายใหญ่อย่างพรรคต้าเฟิง สำนักชิงเหอและสำนักซ่งเจี่ย ได้ถูกกวาดล้างสิ้น คงไม่ยากอะไร หากเรา้าเปลี่ยนแปลงมัน แต่...” เฉินเทียนซานเอ่ย พลางขมวดคิ้วแน่น
“แต่อะไร?” กู่ฉินมองไปที่เฉินเทียนซาน
“ต่อให้ทั้งเกาะจิ๋วหวู่ แล้วอย่างไร? จะยิ่งใหญ่กว่าหออี้ผินได้หรือ?” เฉินเทียนซานถามอย่างกังขา
“นี่เป็ความคิดของท่านพ่อ ผู้บัญชาการเฉินอย่าได้เคลือบแคลงเลย ข้าคิดว่าท่านพ่อคงจะไตร่ตรองมาไม่น้อยไปกว่าท่านแน่” กู่ฉินกล่าวเสียงต่ำ
เฉินเทียนซานอึ้งเล็กน้อย ก่อนพยักหน้า
“สิ่งที่เราต้องทำในตอนนี้ก็คือ ทำตามที่ท่านพ่อบอก” กู่ฉินเอ่ย
ผู้บัญชาการทั้งสี่เหล่าทัพต่างพยักหน้าตอบรับ
“ผู้บัญชาการเฉิน ในจดหมายของท่านพ่อ สำหรับแคว้นเฉิน ให้ท่านโน้มน้าวเฉินเหลี่ยงอี้ ส่งมอบแคว้นเฉินแก่สกุลกู่ ซึ่งท่านพ่อได้คิดไว้แล้ว ว่าหลังจากรับมอบอำนาจมา แคว้นเฉินจะอยู่ใต้อาณัติของจวนสกุลกู่ โดยมีฮ่องเต้เฉิน เป็ ‘หนานเจวี๋ย’ ผู้ปกครองดินแดน... ท่านคงไม่มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่?” กู่ฉินพูดเสียงต่ำ
เฉินเทียนซานพยักหน้า ก่อนเอ่ย “ไม่มีปัญหาแน่ แคว้นเฉินในตอนนี้ ไร้ที่พึ่งพิงอย่างสำนักชิงเหอ ต่อให้วันนี้ไม่ขึ้นตรงต่อจวนสกุลกู่ วันหน้าก็คงถูกสำนักอื่นเข้ายึดครองอยู่ดี ข้าจะเกลี้ยกล่อมเฉินเหลี่ยงอี้เอง”
กู่ฉินพยักหน้า
“ผู้บัญชาการเฉิน ภารกิจของท่านค่อนข้างหนัก นอกจากโน้มน้าวเฉินเหลี่ยงอี้แล้ว ทัพดินของท่าน ยังต้องรับผิดชอบในการเปิดรับสมัครผู้ฝึกตนทั่วสารทิศเข้ามาในจวนสกุลกู่ของข้าด้วย” กู่ฉินบอก
“เปิดรับสมัครผู้ฝึกทั่วสารทิศ? นั่นมัน...”
“ข้ารู้ว่ามันยาก แต่ท่านพ่อบอกว่า ในตอนนี้บนเกาะจิ๋วหวู่มีผู้ฝึกตนมากมายจากทั่วทั้งทะเลพันเกาะมารวมตัวกัน ถือเป็โอกาสอันดีในการเปิดรับสมัคร ไม่สำคัญว่าท่านจะใช้วิธีใด” กู่ฉินกล่าว
“ได้!” เฉินเทียนซานพยักหน้า
“ผู้บัญชาการเกา ท่านพ่อเขียนในจดหมาย มอบหมายให้ท่านเป็แม่ทัพใหญ่ของจวนสกุลกู่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการบุกยึดอีกสี่แคว้น” กู่ฉินพูดอีก
“ขอรับ!” เกาเซียนจือตอบรับอย่างไม่ลังเล
“วางใจเถอะ ในห้าแคว้นมหาอำนาจ ตระกูลกู่ของข้าได้เข้าแทรกซึมจนรู้นอกใน เพียงแต่ตลอดมา บิดาข้าไม่เคยคิดที่จะแย่งชิงอำนาจเหล่านี้เท่านั้น
ทว่าบัดนี้ เมื่อบิดาออกคำสั่ง พลังของจวนสกุลกู่ต้องเกินกว่าที่พวกท่านคาดเอาไว้แน่ ดังนั้น การยึดสี่แคว้นใหญ่ จึงไม่ใช่เื่ยากอะไรนัก” กู่ฉินยิ้ม
เกาเซียนจือพยักหน้าตอบด้วยความแปลกใจ ในครานั้น ที่แคว้นซ่ง เขาเองก็หารู้ไม่ ว่าพลังของจวนสกุลกู่มีมากเพียงใด ถึงได้กล้าชนไปเช่นนั้น
“จดหมายของท่านพ่อได้อธิบายเอาไว้ ถึงการรวบรวมกองกำลัง และการฝึกทหาร ท่านเกาต้องใช้ความพยายามเต็มที่ ในการค้นหาผู้ที่มีความสามารถและประโยชน์ต่อพวกเรา” กู่ฉินเอ่ยเสียงต่ำ
“ขอรับ!” เกาเซียนจือพยักหน้า
“ก่อนหน้านี้ ท่านพ่อก็ได้รวบรวมคนมาพักใหญ่ พวกเราค่อยๆ เสาะหาเหล่าเถ้าแก่ฝีมือดีจากทั่วสารทิศมาเรื่อยๆ เพื่อส่งไปดูแล และสอดส่องเมืองใกล้เคียงโดยรอบ
ผู้บัญชาการฮวางบู ท่านพ่อให้ท่านรับผิดชอบด้านความปลอดภัย ในการส่งกลุ่มคนเหล่านี้ออกไป คุ้มครองพวกเขาให้ดีที่สุด” กู่ฉินกล่าว
“โปรดวางใจเถอะ” ชายหน้าบากผงกศีรษะ
“ผู้บัญชาการซ่างกวนเหิน ท่านพ่อเขียนเอาไว้แค่ว่า ให้ท่านนำทัพเหลืองไปรับท่านพ่อ” กู่ฉินพูด
“พวกเราจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้” ซ่างกวนเหินพยักหน้าตอบรับทันที
“ผู้บัญชาการซ่างกวนเหินอย่าเพิ่งรีบร้อน ข้าจะเตรียมเอกสารผ่านทางให้ และจะส่งนกพิราบสื่อสารไปทุกเมือง เพื่อให้คนของจวนสกุลกู่ช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่” กู่ฉินบอก
“ขอรับ!” ซ่างกวนเหินพยักหน้า
การประชุมสั้นๆ ได้สิ้นสุดลงแล้ว
บัดนี้ กลุ่มคนโฉดทั้งสามพันคน ถือได้ว่าเป็คนของจวนสกุลกู่ ทุกคนจึงยุ่งกับงานในหน้าที่ของตน จนแทบจะไม่มีเวลาพักหายใจ
เถ้าแก่าุโหลายคนในสกุลกู่ล้วนเป็คนฉลาด เมื่อได้รับคำสั่งผ่านทางกู่ฉิน ก็เริ่มรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ จึงคาดการณ์และวางแผนรับมือ ตอนนี้ทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้น และกระตือรือร้นยิ่ง
...
สามวันต่อมา ณ พระราชวังเฉิน
ยามนี้ เฉินเทียนซานมานั่งอยู่ตรงหน้าฮ่องเต้เฉินเหลี่ยงอี้แล้ว
“ท่านปู่ กู่ไห่้าจะสื่อถึงอะไร?” แววตาของเฉินเหลี่ยงอี้เริ่มแปรเปลี่ยน
“เฉินเหลี่ยงอี๋ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาแกล้งโง่ หากแคว้นของเราไม่ได้รับการสนับสนุนจากจวนสกุลกู่ ป่านนี้คงจะล่มสลายไปนานแล้ว
หลังส่งมอบอำนาจ นายท่านจะทำสนธิสัญญา ให้แคว้นเฉินเป็ดินแดนใต้อาณัติของจวนสกุลกู่ แล้วแต่งตั้งให้เ้าเป็หนานเจวี๋ย... นี่เ้าไม่เห็นด้วยอย่างนั้นหรือ?” เฉินเทียนซานกล่าวเสียงต่ำ
“ไม่ๆ! ข้าไม่ได้กังวลเื่นี้ แคว้นเฉินทั้งหมดล้วนเป็ของกู่ไห่... ไม่สิ! ทั้งหมดนี่ ล้วนเป็เพราะพวกกลุ่มอำนาจใหญ่ จ้องจะทำลายแคว้นของข้า แม้ข้าจะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ก็เข้าใจสถานการณ์ดี เพียงแต่... เกรงว่าจะมีคนบางส่วนไม่เห็นด้วย” ฮ่องเต้กล่าว พลางยิ้มเจื่อน
“หืม?”
“แคว้นเฉินของข้าเอง ก็มีกลุ่มชนชั้นสูงที่ยึดมั่นในตัวเองมากอยู่กลุ่มหนึ่ง เกรงว่าพวกเขาจะลุกฮือขึ้นมา” เฉินเหลี่ยงอี้อธิบาย
“ไม่มีอะไรต้องกังวล เ้าแค่ส่งมอบแคว้นให้นายท่านก็พอ ส่วนเสนาบดีพวกนั้น หากกล้าสร้างปัญหา ก็สังหารทิ้งเสีย!” เฉินเทียนฉานถลึงตาใส่
“ขอรับ!” ท่าทีของฮ่องเต้พลันแปรเปลี่ยน ในที่สุดก็พยักหน้ารับ
“เหลี่ยงอี้ อย่าคิดว่าตำแหน่งหนานเจวี๋ยนั้นต่ำต้อย บางทีนี่อาจจะเป็ความโชคดีของเ้า ที่สามารถติดตามพวกเรา ก้าวเข้าสู่โลกแห่งการฝึกตน อายุขัยของเ้าจะมิใช่เพียงหนึ่งร้อยปีอีกต่อไป” เฉินเทียนซานอธิบาย
เฉินเหลี่ยงอี้มองปู่ของตนนิ่งๆ “ผู้ฝึกตนจะสามารถสร้างแคว้นได้จริงๆ หรือ?”
เฉินเทียนซานหัวเราะออกมา ก่อนเอ่ย “แน่นอน! แคว้นเสินโจว ก็มีผู้ฝึกตนอาศัยอยู่มากมายนับไม่ถ้วน เมืองฟ้าเมือง์ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้น เ้าไม่อาจจินตนาการได้แน่... การมีชีวิตยืนยาวนับหมื่นปี ที่เหมือนจะเป็เพียงคำเล่าลือ แต่นั่นคือเื่จริง”
“อายุยืนยาว? ฮ่องเต้แห่งเมือง์ สามารถมีอายุยืนนานนับหมื่นปีจริงๆ หรือ?” เฉินเหลี่ยงอี้ถามกลับ พลางเบิกตากว้าง
“เอาละ! อย่ามัวแต่พูดคุยถึงเื่ไร้สาระพวกนี้เลย เรียกคนที่เ้าไว้ใจที่สุดมา แล้วทำการส่งมอบอำนาจเสีย” เฉินเทียนซานกล่าวเสียงต่ำ
“อ่า... ขอรับ!” เฉินเหลี่ยงอี้ตอบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้