หนิงมู่ฉือยิ้มพร้อมกับควงมีดในอากาศ ก่อนจะแล่ตับหมูเป็ชิ้นบางๆ แล้วนำไปใส่ในจาน นางก้มลงไปสูดดมกลิ่นของมัน “ตับหมูนี่สดใหม่ดีจริงๆ”
หญิงรับใช้ในชุดสีชมพูอ่อนผู้หนึ่งเปิดประตูห้องครัวเข้ามา ครั้นเห็นหนิงมู่ฉือกำลังทำอาหารอยู่จึงเอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “แม่นางหนิงกลับมาแล้วหรือเ้าคะ!”
นางพยักหน้าขณะมองตับหมูที่ถูกแล่เป็แผ่นบางๆ ซึ่งวางอยู่ในจานอย่างพออกพอใจพร้อมกับตบไม้ตบมือ “กลับมาแล้ว หน้าตาของเ้าดูไม่คุ้นเลย เพิ่งเข้ามาใหม่หรือ”
หญิงรับใช้ผู้นั้นพยักหน้าก่อนจะเดินหาบางอย่างไปรอบๆ ห้องครัวพลางเอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “น่าแปลกจริงๆ เมื่อครู่ข้าวางตับหมูเอาไว้ตรงนี้นี่นา เหตุใดตอนนี้ถึงไม่เห็นแล้วเล่า”
นางมีสีหน้ากระอักกระอ่วน ก่อนจะชี้ไปที่ตับหมูที่วางอยู่ในจาน “เ้าหมายถึงตับหมูอันนี้ใช่หรือไม่”
หญิงรับใช้ผู้นั้นมองตับหมูที่ถูกแล่เป็ชิ้นบางๆ ในจานอย่างตกตะลึง “แม่นางหนิง ท่านแล่เองหรือ ฝีมือการใช้มีดของท่านยอดเยี่ยมจนน่าใเหลือเกินเ้าค่ะ”
แม้นางจะรู้สึกภาคภูมิใจที่มีคนชม ทว่ากลับตอบออกไปอย่างถ่อมตัว “เ้าชมเกินไปแล้ว”
“เพียงแต่แม่นางหนิงจะนำตับหมูไปทำอะไรหรือเ้าคะ ตับหมูพวกนี้คาวมาก รสชาติก็ไม่อร่อย เดิมทีข้าคิดจะเอามันไปเป็อาหารให้แมวที่อยู่นอกตำหนัก” หญิงรับใช้ถามอย่างสงสัย
นางยังคงมีสีหน้ากระอักกระอ่วนขณะตอบออกไป “ข้าจะเอาตับหมูพวกนี้มาทำเป็โจ๊กตับหมูให้ท่านอ๋องทาน ท่านอ๋องร่างกายอ่อนแอ จำต้องบำรุงร่างกายให้ดี”
หญิงรับใช้ผู้นั้นมีสีหน้าตกตะลึง ก่อนจะรีบดึงตัวหนิงมู่ฉือไปอีกด้าน” แม่นางหนิงไม่ทราบใช่หรือไม่ว่าท่านอ๋องไม่ชอบทานเครื่องในพวกนี้”
นางยิ้ม “เ้าเพิ่งมาใหม่คงยังไม่รู้ฝีมือการทำอาหารของข้า ที่ท่านอ๋องไม่ชอบทาน เพราะคนครัวทำไม่อร่อย เ้าคอยดูข้าก็แล้วกัน”
นางนำข้าวมาล้างในน้ำจนสะอาด ใส่น้ำลงไปในหม้อ ตามด้วยข้าวและเกลืออีกเล็กน้อย หญิงรับใช้ผู้นั้นที่มองอยู่ด้านข้างเห็นแล้วก็รู้สึกสงสัย “แม่นางหนิงทำเช่นนี้เพื่อที่ตับหมูจะได้มีรสชาติอร่อยขึ้นหรือเ้าคะ”
“อย่าเพิ่งใจร้อน การทำอาหาร วัตถุดิบหรือพวกเครื่องปรุงต้องพิถีพิถันและเหมาะสม”
นางปิดฝาหม้อ หยิบกระทะขึ้นมา ใส่น้ำมันลงไป ตามด้วยตับหมู รอจนตับหมูเปลี่ยนสีถึงค่อยยกขึ้นมา จากนั้นก็รอให้มันสะเด็ดน้ำมันออกจนหมด
นางนำแป้งใส่ในถ้วย ตามด้วยสุราเล็กน้อย ก่อนจะนำตับหมูลงไปคลุกในแป้ง เมื่อข้าวในหม้อสุกพอประมาณ นางใส่ตับหมูลงไป ก่อนจะปิดฝาหม้ออีกครา
เพียงไม่นานกลิ่นหอมอ่อนๆ ของโจ๊กก็ลอยโชยขึ้นมาจากหม้อ ผสมกับกลิ่นตับที่ถูกต้มจนสุก ทั้งสองกลิ่นผสานเข้าด้วยกันก่อเกิดเป็กลิ่นหอมที่รุนแรงยิ่งกว่าอาหารใดๆ ทั้งห้องครัวตอนนี้อวลไปด้วยกลิ่นหอมของอาหาร
หญิงรับใช้ผู้นั้นมองหนิงมู่ฉืออย่างนับถือ “แม่นางหนิง โจ๊กมีกลิ่นหอมเหลือเกินเ้าค่ะ ทำจนข้าท้องร้องไปหมดแล้ว”
กลิ่นหอมลอยจากห้องครัวโชยไปทั่วทั้งตำหนัก แม้แต่ท่านอ๋องที่นอนป่วยอยู่บนเตียงยังอดไม่ได้ที่จะชะเง้อคอมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะหันมากล่าวกับจ้าวซีเหอด้วยท่าทางอ่อนแรง “เ้าไปดูสิว่านางหนูหนิงทำอาหารเลิศรสใดอยู่”
จ้าวซีเหอพยักหน้าก่อนจะเดินไปที่ห้องครัว เมื่อเปิดประตูเข้าไป พบว่าหนิงมู่ฉือกำลังอยู่กับหญิงรับใช้ผู้หนึ่ง
หญิงรับใช้ผู้นั้นเห็นจ้าวซีเหอเดินเข้ามา ใบหน้าขึ้นสีแดงเข้ม เคลิ้มไปกับความหล่อเหลาของจ้าวซีเหออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบก้มหน้า ยอบกายคำนับด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “บ่าวคารวะซื่อจื่อเ้าค่ะ”
จ้าวซีเหอพยักหน้ารับ ก่อนจะส่งสัญญาณให้หญิงรับใช้ผู้นั้นออกไปจากห้องครัวได้แล้ว กลิ่นหอมของโจ๊กที่ลอยโชยมาทำให้ท้องเขาอดส่งเสียงโครกครากไม่ได้
หญิงรับใช้ผู้นั้นพยักหน้า นางเคยได้ยินเื่ความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาระหว่างหนิงมู่ฉือกับจ้าวซีเหอมาบ้าง นางมองทั้งสองคนผาดหนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไป พร้อมทั้งปิดประตูให้ด้วย
“ฉือเอ๋อร์ เ้ากำลังทำอาหารใดอยู่หรือ หอมมากทีเดียว”
“ก็แค่โจ๊กธรรมดาเท่านั้น หากซื่อจื่ออยากทานก็มาตักไปเถอะเ้าค่ะ” หนิงมู่ฉือเอ่ยตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ ขณะเปิดฝาหม้อ ก่อนจะใช่กระบวยอันใหญ่ตักโจ๊กขึ้นดู “ใช้ได้แล้ว”
นางเติมน้ำมันงาลงไป คนอีกสักครู่ ขณะกำลังจะตักขึ้นมา จ้าวซีเหอกลับเข้ามาคว้ามือนางเอาไว้เสียก่อน พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หนิงมู่ฉือ เ้าทำให้ข้าโมโหยิ่งนัก!”
“โมโห? ด้วยเหตุใดเ้าคะ ข้ายังไม่ได้ยั่วโมโหท่านเลยนะเ้าคะ” หนิงมู่ฉือขมวดคิ้ว แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
จ้าวซีเหอดึงหญิงสาวเข้ามากอด ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไป
หนิงมู่ฉือที่ถูกจูบ ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำ ขณะผลักอกจ้าวซีเหอออก “ซื่อจื่อ ท่านได้โปรดให้เกียรติข้าด้วย!”
จ้าวซีเหอได้ยินเช่นนั้นรู้สึกไม่ยินยอมอย่างยิ่ง เดินเข้าไปหาหญิงสาวด้วยความโกรธเกรี้ยว “หนิงมู่ฉือ ก่อนหน้านี้ข้าก็ขอโทษเ้าไปแล้วไม่ใช่หรือ!”
หนิงมู่ฉือมีสีหน้าหม่นเศร้าพร้อมกับถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันไปมองจ้าวซีเหอด้วยท่าทางน่าสงสาร “ซื่อจื่อ ระหว่างพวกเราคาดว่าน่าจะมีเื่เข้าใจผิดกัน”
จ้าวซีเหอชะงักนิ่ง “เข้าใจผิด? ความจริงใจที่ข้ามีต่อเ้า เ้าไม่เห็นเลยแม้แต่เศษเสี้ยวเลยหรือ ไม่เห็นความจริงใจของข้าเลยแม้แต่น้อยเลยหรือ”
นางมองเขาตาโตอย่างตกตะลึง ก่อนจะก้มหน้าลง ชุดสีฟ้าน้ำทะเลที่สวมใส่ยิ่งขับให้ตัวนางดูงดงามมากยิ่งขึ้น “ข้าขอโทษ”
นางตักโจ๊กหมูใส่ถ้วย ก่อนจะเดินผ่านจ้าวซีเหอออกไปด้านนอกห้องครัว ตรงไปยังเรือนของท่านอ๋อง
ท่านอ๋องรอทานโจ๊กตับหมูที่หนิงมู่ฉือเป็คนทำอยู่นานแล้ว เมื่อได้กลิ่นหอมค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ท่านอ๋องรีบลุกขึ้นมานั่งอย่างกระตือรือร้น
หนิงมู่ฉือเปิดประตูเข้ามา ครั้นเห็นสีหน้าท่านอ๋องดูสดใสขึ้นมาก นางยิ้มอย่างดีใจ “ท่านอ๋องดูดีขึ้นนะเ้าคะ ยังเจ็บคออยู่หรือไม่เ้าคะ”
ท่านอ๋องยกมือลูบที่คอ เมื่อรับรู้ได้ถึงความเจ็บก็พยักหน้า แม้เวลาพูดจะยังรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง แต่ก็ยังดีที่มีเสียงพูดได้แล้ว “นางหนู เ้าทำอาหารใดมาหรือ กลิ่นหอมเชียว”
หนิงมู่ฉือยิ้มอย่างเ้าเล่ห์ก่อนจะกระพริบตาให้ท่านอ๋องอย่างซุกซน “ท่านอ๋องทานเดี๋ยวก็รู้เองเ้าค่ะ นี่เป็โจ๊กบำรุงร่างกายที่ข้าทำให้ท่านโดยเฉพาะ ท่านต้องทานให้เยอะๆ นะเ้าคะ”
ท่านอ๋องพยักหน้าอย่างพึงพอใจ รับถ้วยโจ๊กมาก่อนจะตักเข้าปากหนึ่งคำ กลิ่นหอมของโจ๊กอวลอยู่ในปาก ข้าวนุ่มลื่น ยังไม่ทันได้เคี้ยวข้าวก็ลื่นไหลลงไปที่ลำคอเลย
“สุดยอดไปเลย! นานแล้วที่ข้าไม่ได้ทานอาหารฝีมือเ้า ข้าคิดถึงอาหารฝีมือเ้าเหลือเกิน นับั้แ่เ้าจากไป ที่ตำหนักก็ เปลี่ยนพ่อครัวไปหลายคน แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดมีฝีมือเทียบเ้าได้เลยสักคน” ท่านอ๋องตักโจ๊กเข้าปากอย่างอดใจไม่ไหวอีกต่อไป
หนิงมู่ฉือเห็นท่านอ๋องทานอย่างเอร็ดอร่อยก็ไม่อยากรบกวน ยืนมองท่านอ๋องทานโจ๊กที่นางทำด้วยความภาคภูมิใจ