“ปัง ปัง ปัง…” ลูกบอลเล็กที่จ้านอู๋มิ่งขว้างไปกระทบพื้น ะเิปล่อยเป็ม่านหมอกสีดำหนาแน่นออกมาทันใด ม่านหมอกสีดำกระจายตัวขยายออกอย่างรวดเร็ว เวลาเดียวกับที่จ้านอู๋มิ่งมุดเข้าป่าหินไป ป่าหินที่วุ่นวายสับสนค่อยๆ ถูกม่านหมอกสีดำปกคลุมไว้ หนานกงพั่วไฮว่ลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ดูจากภายนอกม่านหมอกนั้นหนาแน่นมาก ไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดๆ ภายในนั้น นอกจากนี้ม่านหมอกนี้ครอบคลุมบริเวณพื้นที่รัศมีร่วมพันวา จากนั้นค่อยๆ หยุดลงไม่ขยายกว้างเพิ่มขึ้นอีก
“ไอ้หนู เ้าคิดว่าหมอกพิษเล็กๆ นี่จะสามารถช่วยเ้าได้หรือ?” หนานกงพั่วไฮว่แค่นเสียงเ็าคราหนึ่ง ระมัดระวังตัวขึ้นมา มันกลับไม่สามารถมองเห็นเงาร่างของจ้านอู๋มิ่ง ด้วยฐานบ่มเพาะจักรพรรดิาของมัน กลับมองเห็นได้ไกลเพียงไม่กี่วาเท่านั้น
ไอ้หนูนี่เล่ห์เหลี่ยมลูกไม้แพรวพราว นำสัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวเข้ามาในนี้โดยตรง คงไม่มีการดักซุ่มโจมตีกระมัง?
หนานกงพั่วไฮว่มิอาจไม่ระมัดระวังค่อยๆ รุกคืบไปเบื้องหน้า ตนเองที่เป็จักรพรรดิาผู้สง่างามหากพลาดท่าถูกไอ้หนูลงมือจัดการละก็ ต้องอับอายขายหน้ามากแล้ว?
หนานกงพั่วไฮว่ชะงักเท้าลง แผ่ประสาทััออกไป เขตแดนพลังจิติญญาการต่อสู้แผ่ขยายออก สายตามองไม่เห็นกลับไม่ส่งผลต่อการควบคุมพื้นที่บริเวณนี้ ขอเพียงไม่มียอดฝีมือในขอบเขตระดับเดียวกัน มันไม่กลัวการลอบโจมตีของจ้านอู๋มิ่งเลยแม้แต่น้อย แม้แต่สัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียว ขอเพียงเข้ามาอยู่ภายในเขตแดนของมันไม่มีทางหนีพ้น ขณะที่ประสาทััแผ่ออกไป สีหน้ามันเริ่มไม่น่าดูขึ้นมาแล้ว ม่านหมอกนี้ไม่มีพิษรุนแรงร้ายกาจใดๆ แต่มันมีประสิทธิภาพในการกัดกร่อนประสาทััรุนแรงแข็งแกร่งยิ่งนัก
พิษที่ขัดขวางการตรวจจับของประสาทััโดยเฉพาะ มีน้อยอย่างยิ่งจริงๆ โดยเฉพาะพิษในสภาพอย่างม่านหมอกชนิดนี้ นี่ย่อมเป็สมบัติวิเศษที่ประเสริฐที่สุดใช้ในการหลบหนีอย่างแน่นอน ขณะที่ประสาทััเ็ปเหมือนดั่งถูกไฟแผดเผา มันได้แต่เก็บประสาทััถอยกลับคืนมา ถนนในป่าหินวุ่นวายสับสนแห่งนี้ไม่ใช่เป็เส้นตรง เลี้ยวซ้ายครั้งหนึ่งเลี้ยวขวาคราหนึ่ง ทัศนวิสัยเดิมก็ไม่ดีอยู่แล้ว หนานกงพั่วไฮว่ได้แต่รุดหน้าอย่างระมัดระวัง มันไม่้าให้จ้านอู๋มิ่งซ่อนตัวในที่นี้รอคอยสำนักบริบาลเดรัจฉานมาช่วย มันจะต้องสังหารหรือจับเป็ไอ้หนูนี่ให้ได้ก่อนที่ยอดฝีมือสำนักบริบาลเดรัจฉานเร่งเดินทางมาถึง มิฉะนั้นก็จะยุ่งยากมากแล้ว
ในพื้นที่รัศมีพันวา สายตาสามารถมองเห็นเพียงกว่าสิบวาเท่านั้น คิดจะค้นหาคนคนหนึ่งในที่นี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ หนานกงพั่วไฮว่เกรงว่าภายในจะมีการดักซุ่มโจมตี ไม่กล้ารีบเร่งค้นหาอย่างรวดเร็วเกรงว่าจะถูกลอบทำร้าย
หลังจากจ้านอู๋มิ่งเข้ามาในป่าหินวุ่นวายสับสนแล้วก็คล้ายดั่งหายสาบสูญไปแล้วก็ปาน เงียบเชียบไร้สุ้มเสียง หนานกงพั่วไฮว่ร้อนรนแล้ว ขืนเป็เช่นนี้ต่อไปไม่ดีแน่ หากไม่กำจัดม่านหมอกดำนี้ออกไปเสีย จ้านอู๋มิ่งเล่นซ่อนหากับมันในป่าหินแห่งนี้ จะต้องใช้เวลาค้นหากันยาวนานแค่ไหนกันเล่า นอกจากนี้มันยังกังวลว่าจ้านอู๋มิ่งจะใช้โอกาสที่มันกำลังมองหาในม่านหมอกสีดำหลบหนีไป มันตัดสินใจไม่ค้นหาอีกต่อไป คำรามเสียงต่ำ “ไอ้หนู เ้าคิดว่าการบดบังสายตาเล็กๆ น้อยๆ นี้สามารถรับมือข้าได้เช่นนั้นหรือ? ” ระหว่างพูดจา คลื่นพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้สายหนึ่งแผ่ขยายออกมาจากร่างของมัน พลังจิติญญารอบด้านพุ่งเข้ามาหาตัวมันอย่างบ้าคลั่ง ก่อตัวขึ้นเป็ลมพายุหมุนลูกหนึ่ง ความเร็วของลมพายุทวีสูงขึ้นเรื่อยๆ ตลอดเวลา
นี่คืออานุภาพมหาวาตะฟ้าทักษะการต่อสู้ระดับฟ้าของตระกูลหนานกง หมอกสีดำถูกฉีกกระชากออกอย่างช้าๆ เปิดออกเป็รอยร้าวสายหนึ่ง รอยร้าวขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ม่านหมอกสีดำรัศมีนับพันวาถูกดูดหมดสิ้นอย่างรวดเร็วภายใต้พายุคลั่งนี้ ในเวลาเดียวกันนี้หนานกงพั่วไฮว่ตะลึงไปแล้ว เนื่องเพราะมันเห็นฉากที่ทำให้มันใยิ่งนักฉากหนึ่ง ส่งผลให้จิตสมาธิมันตื่นตระหนกอย่างใหญ่หลวง
“พี่ใหญ่!” หนานกงพั่วไฮว่ส่งเสียงร้องอนาถขึ้นคราหนึ่ง มันถูกภาพตรงหน้าทำให้ตกตะลึงไปแล้ว ขณะที่มันใช้อานุภาพมหาวาตะฟ้ากำจัดม่านหมอกสีดำออกไปจนหมดสิ้น กลับเห็นไม้กางเขนสูงๆ อันหนึ่งตั้งอยู่ตรงเบื้องหน้าไม่ห่างมากนัก บนไม้กางเขนมีชายคนหนึ่งเปลือยเปล่าสุดแสนอนาถถูกตอกตรึงอยู่
มองจากที่ไกลๆ ภายใต้ม่านหมอกสีดำจางๆ ที่ยังไม่หายจนหมดสิ้น เงาร่างที่พร่ามัวนั้นก็คือหนานกงเจี้ยนเซ่อพี่ชายของมันนั่นเอง
ในเวลานี้หนานกงเจี้ยนเซ่อเือาบทั่วทั้งตัว ร่องรอยาแเต็มไปหมดทั้งตัว ผมเผ้ายุ่งเหยิงกระจายออก สีหน้าดูน่าเกลียดอนาถน่าสมเพชยิ่งนัก หนานกงพั่วไฮว่คิดไม่ถึงว่า ไฉนหนานกงเจี้ยนเซ่อจึงตกเป็เชลยของผู้อื่นในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้
กลิ่นอายที่ทำให้จิติญญาสั่นสะท้านชนิดหนึ่งแผ่ซ่านออกมาจากร่างหนานกงเจี้ยนเซ่อ มันคล้ายดั่งถูกเทพเ้ามองจากเบื้องบนลงมา นั่นคือการสะกดข่มที่เกิดขึ้นมาจากแก่นแท้ของชีวิต ยามนี้พลังธรรมชาติบนท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็วุ่นวายโกลาหลสุดๆ หนานกงพั่วไฮว่ััรับรู้ถึงความหวาดหวั่นที่บอกอธิบายมิถูกเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มันไม่เคยคิดมาก่อนโลกหล้าจะมีแรงกดดันอันมหาศาลพิเศษถึงเพียงนี้ มันรู้สึกตนเหมือนสามัญชนที่กำลังคืบคลานกับพื้นผู้หนึ่ง แหงนหน้าขึ้นมองเทพแห่งิญญาอันมหึมาอลังการ ตัวสั่นงันงกและศรัทธา ไร้ความคิดดูแคลนและต่อต้านแม้เพียงน้อยนิด หลังจากสติเลอะเลือนไปครู่หนึ่งมันก็สติแจ่มใสขึ้นมา ลอบพูดว่าไม่ได้การ แต่ขณะที่มันได้สติกลับคืนมาก็เห็นศีรษะขนาดั์พุ่งชนลงมาอย่างหนักหน่วงรุนแรง
“ตูมมม!” หนานกงพั่วไฮว่แทบมิทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ร่างมันเหมือนถูกอุกกาบาตพุ่งจากฟากฟ้าลูกหนึ่งกระแทกใส่ ดูเหมือนมันจะได้ยินเสียงของกระดูกแตกหัก มันใช้หางตาเหลือบมองเห็น หนานกงเจี้ยนเซ่อที่ตอกตรึงกับไม้กางเขนกระอักพ่นโลหิตออกมาคำใหญ่คำหนึ่ง เลื่อนตัวลงจากไม้กางเขน ่ระหว่างขั้นตอนการเลื่อนตัวลง ร่างผอมบางก็คลายตัวออกทันที ทันใดร่างก็สูงเหนือกว่าไม้กางเขนหนึ่ง่ศีรษะ หนานกงพั่วไฮว่ได้ยินแต่เสียง "วิ้ง" ในห้วงคำนึงดังขึ้นครั้งหนึ่ง ในจิตใจบังเกิดความเศร้าโศกคับแค้นสำนึกเสียใจไร้สิ้นสุด คายคำพูดสามคำออกมาอย่างดุดัน “จ้านอู๋มิ่ง!”
ถูกต้อง ร่างบนไม้กางเขนหาใช่หนานกงเจี้ยนเซ่อแต่อย่างไรแต่เป็จ้านอู๋มิ่ง จ้านอู๋มิ่งกลับใช้่ระยะเวลาสั้นๆ ปลอมตัวเป็หนานกงเจี้ยนเซ่อ ใช้วิธีการหดกระดูกทำให้รูปร่างของตนผอมบางเหมือนหนานกงเจี้ยนเซ่อ ส่วนรอยแผลเป็และคราบเืทั่วทั้งตัว จ้านอู๋มิ่งมิจำเป็ต้องไปตั้งใจแต่งตัวแต่อย่างไรเลย เดิมร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็และเือยู่แล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็ไปตามที่จ้านอู๋มิ่งคิด หนานกงพั่วไฮว่พอเห็นสภาพสุดอนาถของหนานกงเจี้ยนเซ่อบนไม้กางเขน พลันจิตสมาธิก็วุ่นวายสับสนเกินควบคุม เวลาดังกล่าว จ้านอู๋มิ่งแผ่พลังเที่ยงแท้อนัตตาที่ส่งผลกระทบชีวิตออกอย่างเต็มที่ พลังกดดันจากแก่นแท้ของชีวิตและิญญาสั่นสะท้านทำให้หนานกงพั่วไฮว่สติเลอะเลือนในระยะเวลาอันสั้น ถึงอย่างไรหนานกงพั่วไฮว่ก็คือจักรพรรดิา ความแตกต่างด้านฐานบ่มเพาะของทั้งสองระยะห่างมากเกินไป หากไม่ใช่เพราะสมาธิจิตหนานกงพั่วไฮว่สูญเสียการควบคุมในตอนแรก เกรงว่าพลังเที่ยงแท้อนัตตาที่ส่งผลกระทบชีวิตคงไม่สามารถทำอะไรหนานกงพั่วไฮว่ได้ ต่อให้เป็เช่นนี้พลังสะท้อนจากจิติญญาของหนานกงพั่วไฮว่ก็ทำให้จิตสมาธิของจ้านอู๋มิ่งาเ็
จิตสมาธิของจ้านอู๋มิ่งาเ็ทำให้ไม่สามารถควบคุมร่างกายต่อไป จึงต้องกลับคืนสู่ร่างเดิม จ้านอู๋มิ่งหัวเราะแล้ว เนื่องเพราะเขาทำสำเร็จแล้ว การลอบโจมตีของสัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวแทบจะทำให้หนานกงพั่วไฮว่พิการไปครึ่งตัว และพลังต่อสู้ของสัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวไม่ด้อยกว่าจักรพรรดิาทั่วไป เวลานี้ความดุร้ายของสัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวในสภาพสมบูรณ์เต็มที่ หนานกงพั่วไฮว่ไหนเลยจะมีโอกาสต่อกรได้อีก
“เนตรเขียว ฆ่ามันเสีย!” จ้านอู๋มิ่งสั่งเสียงต่ำคำหนึ่ง
หนานกงพั่วไฮว่ฝืนกลืนโลหิตกลับลงไปคำหนึ่งรวบรวมพลังได้ก็หนีทันที ยามนี้ไหนเลยยังจะมาคำนึงถึงหน้าตาอีกต่อไป ไม่หนีก็เท่ากับรอความตายนั่นเอง
สัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวคำรามเสียงต่ำคราหนึ่ง เมื่อครู่ถูกไอ้เฒ่าผู้นี้ไล่ล่าจนต้องวิ่งไปทั่วทั้งูเา มันรู้สึกเสียหน้าอย่างยิ่งเนิ่นนานแล้ว เวลานี้โอกาสมาถึงแล้ว มันจะปล่อยให้ไอ้เฒ่าผู้นี้หนีรอดไปได้อย่างไร สภาพการณ์ตอนนี้พลิกผันแล้ว เนื่องเพราะปีศาจเฒ่าผู้นี้รวดเร็วมากเกินไป การโจมตีเมื่อครู่ของสัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวมีการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ขณะพุ่งชนใส่หนานกงพั่วไฮว่ยังไม่ลืมใช้หางฟาดใส่สองขาของมันคราหนึ่ง พลังหางของสัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวเพียงพอเบิกภูผาป่นศิลาเลยทีเดียว ขณะจิตสมาธิหนานกงพั่วไฮว่สูญเสียการควบคุมอยู่ในสภาพไร้การป้องกันใดๆ ทำให้กระดูกขาแตกหักเป็หลายส่วน คิดจะหลบหนีก็จะต้องมีขาสำหรับวิ่งหนีด้วยนะ
“ต่อสู้รวดเร็วเผด็จศึกฉับไว!” จ้านอู๋มิ่งสั่งเบาๆ ควรทราบว่า ไม่เพียงแต่หนานกงพั่วไฮว่ที่ติดตามไล่ล่าพวกตนมา ยังมีหนานกงเจี้ยนเซ่ออีกคนที่าเ็แล้วั้แ่ตอนอยู่ที่เยี่ยนซานตั้ง เนื่องจากหนานกงเจี้ยนเซ่อาเ็ไม่น้อย ความเร็วช้าจึงลดลงช้ากว่าหนานกงพั่วไฮว่มาก เวลานี้ยังตามมาไม่ถึง หากหนานกงเจี้ยนเซ่อตามมาถึงแล้ว คิดจะฆ่าหนานกงพั่วไฮว่ก็จะไม่ง่ายดายเช่นนี้แล้ว
หนานกงพั่วไฮว่โกรธแค้นนัก จักรพรรดิาที่สง่างามผู้หนึ่งกลับถูกปรมาจารย์นักยุทธ์น้อยๆ ผู้หนึ่งเล่นงานเข้าแล้ว เวลานี้ยังถูกผู้อื่นเรียกร้องให้ต่อสู้รวดเร็วเผด็จศึกฉับไว นี่เท่ากับเห็นมันเป็ผักในจานหมูในอวยไปแล้ว
โกรธแค้นส่วนโกรธแค้น มันจะสามารถทำอะไรได้ เวลานี้มันเหมือนเช่นเสือออกจากป่าสู่พื้นที่ราบโดนสุนัขรังแก มันคิดไม่ถึงว่าไอ้หนูนี่กลับเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมากขนาดนี้!
เดิมมันยังกังวลว่าไอ้หนูนี่จะดักซุ่มโจมตี ท่ามกลางม่านหมอกสีดำหนาแน่นมันระมัดระวังตัวอย่างยิ่งตลอดเวลา เลยทำให้จ้านอู๋มิ่งมีเวลาเพียงพอในการเตรียมแผนและปลอมตัว ในด้านจิตวิทยาเป็การบอกใบ้ให้ทราบว่า เป็ไปได้อย่างยิ่งที่จะมียอดฝีมือหมอบซุ่มอยู่ในนี้ ดังนั้นชั่วขณะที่มันเห็นสภาพหนานกงเจี้ยนเซ่อสุดแสนอนาถถูกตรึงบนไม้กางเขน มันจึงเชื่อสนิทอย่างไร้ข้อสงสัยใดๆ
สามารถเข้าใจจิตวิทยาของศัตรูได้อย่างแม่นยำเช่นนี้ นี่ก็เป็ความสามารถอย่างหนึ่งเช่นกัน ดังนั้นถึงแม้มันจะสุดแสนเกลียดชังจ้านอู๋มิ่งก็ตาม แต่กลับมิอาจไม่ยอมรับไอ้หนูคนนี้ไม่รวบรัดธรรมดา สิ่งเดียวที่มัน้าทำตอนนี้คือหนี เร่งรีบกลับไปสมทบกับพี่หนานกงเจี้ยนเซ่อ
ในร่างจ้านอู๋มิ่ง มันได้เห็นพลังที่เพียงพอจะทำให้ทั่วทั้งตระกูลหนานกงสนใจขึ้นมา พลังลึกลับที่ทำให้จิติญญาสั่นะเืนั้น นี่เป็ความลับอันยิ่งใหญ่เทียมฟ้าอย่างหนึ่ง ถ้าตระกูลหนานกงสามารถความลับนี้สำเร็จ มีแนวโน้มที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของโลกหล้าเลยทีเดียว ดังนั้นมันจึงละทิ้งความเย่อหยิ่งทระนงตนและเลือกที่จะหนี ก็เพราะ้าส่งข่าวนี้ออกไป
“ะเิ!” จ้านอู๋มิ่งตวาดเสียงเบาคราหนึ่ง
หนานกงพั่วไฮว่เพิ่งจะทะลุผ่านกองก้อนหินวุ่นวายกองหนึ่ง หลบพ้นการโจมตีของสัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียว พลันกองหินวุ่นวายด้านข้างก็ะเิขึ้นมา พลังจิติญญาอัคคีสายหนึ่งะเิใส่หนานกงพั่วไฮว่ทันที
หนานกงพั่วไฮว่แค่นเสียงคราหนึ่ง เป็ะเิหินอัคคีิญญานั่นเอง แม่ว่าพลังสายนี้รุนแรงอย่างยิ่ง แต่สำหรับจักรพรรดิาแล้วยังไม่เพียงพอที่จะส่งผลคุกคามใดๆ แต่ผลกระทบจากแรงะเินี้ทำให้ร่างของมันตีลังการอบหนึ่งอย่างไม่อาจควบคุม แล้วมันก็เห็นกรงเล็บขนาดมหึมาข้างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า
“ตูมมม!” หนานกงพั่วไฮว่แค่รู้สึกดำมืดขึ้นตรงหน้า พลันฟ้าดิน "บึมมม" ะเิออกคราหนึ่ง จากนั้นก็สิ้นสติหมดความรู้สึกไป
การะเิของหินอัคคีิญญาเป็เพียงการลอบลงมือของจ้านอู๋มิ่งโดยมิตั้งใจ คิดไม่ถึงว่าจะถูกหนานกงพั่วไฮว่ที่ดวงซวยกระทบถูก หนานกงพั่วไฮว่ภายใต้อาการาเ็สาหัส ท่าร่างสูญเสียความว่องไวดั้งเดิมไปเนิ่นนานแล้ว เื่ราวเกิดขึ้นกะทันหัน และเนื่องจากเพิ่งหลีกเลี่ยงการโจมตีของสัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวพลังเก่าใช้หมดสิ้นพลังใหม่ยังไม่ก่อเกิด กลับถูกกระแทกด้วยแรงะเิหินอัคคีิญญาส่งกลับมาเบื้องหน้าสัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวพอดี
สัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวถึงแม้ความเร็วไม่เท่าไร แต่กลับฉวยจังหวะโอกาสไว้อย่างดียิ่ง อุ้งเท้ามันเหยียบกระทืบลงบนศีรษะหนานกงพั่วไฮว่คราหนึ่ง แม้ว่าหนานกงพั่วไฮว่จะมีพลังบ่มเพาะระดับจักรพรรดิา แต่ก็ไม่ได้ฝึกปรือจนศีรษะแข็งแกร่งเทียบเท่าอาวุธจิติญญาระดับสูงสุด
การโจมตีที่หนักหน่วงดุจเบิกภูผาดั่งทลายขุนเขาก็มิปาน เฉกเช่นใช้ค้อนเหล็กตอกใส่กระป๋องเหล็กที่บรรจุเต้าฮวย ภายใต้การโจมตีครั้งเดียว แม้ว่ากระป๋องเหล็กจะยังไม่เสียหายก็ตาม เต้าฮวยที่อยู่ภายในก็กลายเป็น้ำเต้าหู้ไปแล้ว
ในที่สุดจ้านอู๋มิ่งก็ถอนหายใจโล่งอกออกมาคำหนึ่ง อาการาเ็บนร่างกายก็ไม่ปวดแล้ว นี่มันคือชัยชนะที่ช่างน่าตื่นเต้นมากเพียงไร ในมือของจักรพรรดิาจะมีของดีน้อยอยู่อีกหรือ? โดยเฉพาะตระกูลหนานกงที่ยังเป็มหาเศรษฐีอีกด้วย การหาเงินรวดเร็วเพียงไรก็เร็วมิสู้หยิบฉวยโดยตรงเช่นนี้หรอกนะ!
มองดูจ้านอู๋มิ่งหยิบฉวยแหวนจักรวาลและข้าวของมีค่าทั้งหมดบนร่างของหนานกงพั่วไฮว่อย่างรวดเร็ว สัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวถึงกับหาวขึ้นคราหนึ่ง มันดูแคลนทรัพย์สมบัติของคนที่ตายแล้วชนิดนี้ แต่มันกลับรู้สึกสนใจร่างกายของหนานกงพั่วไฮว่ยิ่งนัก นี่คือซากร่างของจักรพรรดิาเชียวนะ สำหรับสัตว์อสูรแล้วก็คือเสบียงอันเป็พลังงานที่ส่งเสริมหล่อเลี้ยงระดับขอบเขตของมันเลยทีเดียว
“ซากร่างเป็ของเ้า!” จ้านอู๋มิ่งมั่นใจว่ากวาดทรัพย์สินของหนานกงพั่วไฮว่จนหมดสิ้นแล้ว จึงชี้ไปที่ซากศพพูดอย่างใจกว้าง เขาได้ดูดซับพลังธาตุวายุที่ออกจากซากศพอยู่อากาศเข้าสู่ภายในร่างกาย เสริมธาตุลมในร่างกายให้แข็งแรงขึ้น ทำให้เขารู้สึกว่าร่างกายยิ่งเบาและโล่งมากขึ้น ธาตุวายุในร่างกายของหนานกงพั่วไฮว่แข็งแกร่งกว่าหนานกงฉู่มากมายนัก ถึงอย่างไรมันก็เป็ถึงจักรพรรดิา จ้านอู๋มิ่งรู้สึกว่าร่างกายมีพลังลมอยู่เต็มเปี่ยม หลังการผ่านการผันแปรของพลังปราณอนัตตา พลังธาตุชีวิตของหนานกงพั่วไฮว่กลายเป็พลังธาตุชีวิตของตนเองจนหมดสิ้น เขาค่อยๆ กระจายพลังนี้เข้าออกไปภายในเส้นชีพจรพิเศษทั้งแปดเส้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้