“กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ในเมื่อฝ่าาทรงออกราชโองการไปแล้วย่อมไม่กลับคำ” แม่ทัพใหญ่โหรวหย่งคุนกล่าว สนับสนุนฮ่องเต้เื่การแต่งหญิงของขุนนาง
“ข้ามีหยางพร่องั้แ่กำเนิด แต่งกายเป็หญิงได้ ทุกคนก็สามารถแต่งได้เช่นกัน ถ่ายทอดคำสั่งลงไปจงประกาศราชโองการให้ ปวงประชาชายทุกคนทุกชนชั้น หากมีหยางไม่บริสุทธิ์สามารถแต่งกายเป็หญิงได้ ผู้ใดขัดขวางหรือกล่าวร้ายให้ลงโทษตามกฏหมาย” ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“แต่ว่าไม่เคยมีธรรมเนียมปฏิบัติเยี่ยงนี้มาก่อน” มหาเสนาบดีเหยากล่าวแทรกขึ้นมา
“ข้าจะเป็ผู้กำหนดเอง ไม่ต้องมีแต่อะไรทั้งนั้น เื่ที่สำคัญตอนนี้คือหาพระสวามีดีๆ ให้องค์หญิงทั้ง 3 พระองค์ ถ่ายทอดคำสั่งลงไปให้ออกราชโองการให้ ชายสูงศักดิ์เข้ารับการคัดเลือกพระสวามีองค์หญิง” ฮ่องเต้ตรัสสั่งการ ให้ราชเลขาออกราชโองการ
“ฝ่าาทรงพระปรีชา ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี” เหล่าขุนนางกล่าวพร้อมกัน มีทั้งคนที่สนับสนุน คนคล้อยตาม และคนที่ต่อต้านแต่ไม่กล้าแสดงออก บ้านเมืองมั่นคงสงบสุขร่มเย็นไม่แตกแยก นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
“เลิกประชุม” ฮ่องเต้ตรัส และให้ขันทีไปบอกให้ใต้เท้าเริ่นรั้งอยู่ต่อและตามเสด็จไปยังห้องทรงอักษร
“ฝ่าาทรงรั้งกระหม่อมไว้้าสั่งการใดพ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้าเริ่นกล่าวถาม
“ข้าอยากให้เ้าช่วยวาดแปลนหอตำราหมื่นอักษร ข้าอยากได้ห้องเก็บตำราที่สามารถบรรจุตำราอันมีค่าได้เยอะๆ และมีโต๊ะเยอะๆ ให้ผู้ที่อยู่ในวังหลังได้มาใช้โยชน์กับหอนี้” ฮ่องเต้ตรัส พร้อมกับยื่นพู่กันให้เขา เพื่อให้เขาเดินเข้ามาใกล้ๆ จะได้ดมกลิ่นที่อก ว่าซ่อนถุงหอมของพระองค์ไว้ที่นั่นหรือไม่
“ทูลฝ่าา กระหม่อมพึ่งเข้ามาทำงานเป็วันแรก ยังต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อน ส่วนแปลนหอตำรา กระหม่อมจะให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเป็ผู้วาด ให้พวกเขาวาดหลายๆ แบบให้ฝ่าาเลือกพ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้าเริ่นกล่าวปฏิเสธการเข้าไปวาดใกล้ๆ
“แต่ข้าอยากให้เ้าวาดตอนนี้” ฮ่องเต้ตรัส
“โต๊ะั หาใช่สิ่งที่ขุนนางจะอาจเอื้อมเข้าไปใช้ได้ ฮ่องเต้กับขุนนางฐานะต่างกัน ขอฝ่าาทรงอย่าทำให้กระหม่อมลำบากใจเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ได้ ในเมื่อเ้า้าเวลาในการเตรียมงานก็จงออกไปทำงานของเ้าเถิด” ฮ่องเต้ตรัส
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้าเริ่นกล่าวแล้วคำนับและเดินออกไป
“หรือว่าเขาไม่ได้ชอบข้า จึงไม่แม้แต่จะเข้าใกล้” ฮ่องเต้ตรัสด้วยความวุ่นวายใจ
“ฝ่าาอย่าพึ่งใจร้อนเลย เขาพึ่งมาทำงานวันแรก ใต้เท้าเริ่นเขาเป็คนจริงจังกับงาน คงอยากให้งานออกมาดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ” เซียกงกงกล่าว
งานราชกิจรัดตัวไม่มีเวลาให้ฮ่องเต้ได้คิดมาก เนื่องจากฮ่องเต้ต้องทรงงานเองทั้งราชกิจวังหน้า และก็งานในวังหลัง
เวลาผ่านไป 1 เดือน ชายสูงศักดิ์ทั่วทั้งต้าฮั่วที่จะคัดเลือกเป็พระสวามีขององค์หญิงก็เดินทางมาถึงครบทุกคนแล้ว
“บุรุษรูปงามทั้งนั้นเลย น้องหญิง” ฮ่องเต้ตรัสด้วยความตื่นเต้นที่จะได้คัดเลือกพระสวามีให้น้องๆ
“เสด็จพี่ หม่อมฉันยังไม่อยากแต่งงานเลยเพคะ” องค์หญิงฮุ่ยเหอกล่าว นางเป็องค์หญิงสาม ที่วันๆ เอาแต่แต่งตัว รักสวยรักงาม
“หม่อมฉันสามารถเลือกได้เลยไหมเพคะเสด็จพี่” องค์หญิงอู่ชางกล่าว นางคือองค์หญิงรอง ที่มีความสามารถด้านการทหาร แต่ด้วยแผ่นดินที่สงบสุข นางจึงไม่เคยออกรบแม้แต่ครั้งเดียว
“ใจเย็นๆ เพคะ พี่หญิง ให้เหล่าบุรุษแนะนำตัวก่อน” องค์หญิงซินมี่กล่าว นางเป็องค์หญิงสี่ เป็คนนิสัยเ้าระเบียบ ที่ปฏิบัติตามตำรามารยาทหญิงอย่างเคร่งครัด
“หม่อมฉันตื่นเต้นแทนพี่หญิงที่จะได้แต่งงานเพคะ” องค์หญิงตงซีกล่าว นางเป็องค์หญิงห้า ซึ่งแสร้งเป็บุรุษหยางไม่บริสุทธิ์ จึงต้องแต่งกายเป็หญิงจนถึงทุกวันนี้ แม้จิตใจจะเป็ชายชาตรีที่ชอบหญิงงามก็ตาม
“พวกเ้าไม่ต้องพูดมาก วันนี้พวกเ้าทั้ง 4 คนจะต้องเลือกพระสวามี” ฮ่องเต้ตรัส
“รวมหม่อมฉันด้วยหรือเพคะ” องค์หญิงตงซีกล่าว
“ใช่ เ้าก็เป็องค์หญิงเหมือนกัน จะไม่มีการเลือกปฏิบัติ” ฮ่องเต้ตรัส
“ถ้าได้ยินขานชื่อให้ชายสูงศักดิ์ผู้นั้นเดินออกมา หากองค์หญิงพอพระทัยจะเลือกเป็พระสวามีโดยการมอบถุงหอมแก่คนนั้น แต่หากผู้ใดไม่ได้รับถุงหอม จะได้รับดอกไม้กับเงินอีก 500 ตำลึงแทน และออกจากวังได้” เซียกงกงประกาศ ซึ่งเป็รับสั่งของฮ่องเต้ที่้าใช้ธรรมเนียมเดิมในการเลือกคู่
“รับด้วยเกล้าพ่ะค่ะค่ะ” เหล่าชายสูงศักดิ์กล่าวพร้อมกัน
“ให้ประกาศรายชื่อครบทุกคนก่อน แล้วองค์หญิงค่อยเลือก” ฮ่องเต้ตรัสเน้นย้ำ
“ชายคนแรก ท่านชายเร่อเจี้ยนเจ๋อ เป็โอรสลำดับที่ 4 และเป็โอรสสายตรงของชิวเต๋อชินอ๋อง” เซียกงกงประกาศ และเขาก็ก้าวเดินออกมาหน้าแถว
“เ้านำทัพออกรบเป็หรือไม่” องค์หญิงอู่ชางกล่าวถาม
“กระหม่อมสามารถออกรบได้พ่ะย่ะค่ะ เคยเรียนคัมภีร์พิชัยาั้แ่เด็ก กลยุทธ์และอุบายการศึกล้วนเชี่ยวชาญ แต่ด้วยบ้านเมืองสงบสุข ไม่มีามานาน กระหม่อมจึงไม่เคยออกรบสักครั้ง” ท่านชายเจี้ยนเจ๋อกล่าว
“ข้าขอเลือกคนนี้เพคะ ข้าชอบในความสามารถของเขา” องค์หญิงอู่ชางกล่าว
“เ้าอย่างพึ่งใจร้อน ให้ชายสูงศักดิ์แนะนำตัวให้ครบทุกคนก่อน ต้องทำตามกฏ” ฮ่องเต้ตรัส
“คนถัดไป องค์ชายอูยางกา อันตัล แห่งเผ่ากังกุย โอรสลำดับที่ 3 และเป็โอรสสายตรงของท่านข่านเตลู” เซียกงกงประกาศ และเขาก็ก้าวเดินออกมาหน้าแถว
“คนนี้ไม่ต้องบอกข้าก็รู้ว่า ถนัดการต่อสู้ และศึกา สามารถขี่ม้ายิงธนูได้” ฮ่องเต้ตรัส ซึ่งเป็เอกลักษณ์ของคนในเผ่ากังกุย
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ และกระหม่อมยังถนัดการทำอาหาร แกะย่าง แพะตุ๋น หมักเหล้านมม้า กระหม่อมล้วนทำเป็ทั้งหมด” องค์ชายอันตัลกล่าว เขาเกิดในยุคไร้า ชนเผ่ากังกุยส่วนใหญ่จึงหากิจกรรมอื่นๆ ทำ
ทั้งพระมารดา และพระอัยยิกา (ย่า) ขององค์ชายเป็หญิงสูงศักดิ์จากต้าฮั่ว ดังนั้นรูปโฉมของเขาจึงมีความหล่อเหลาและคมเข้ม อีกทั้งยังผิวเนียนละเอียด
“คนนี้ก็สามารถออกรบได้เช่นกัน เ้าชอบเขาหรือไม่” ฮ่องเต้ตรัสถามองค์หญิงอู่ชาง
“คนนี้หม่อมฉันก็ชอบเช่นกันเพคะ” องค์หญิงอู่ชางกล่าว ด้วยคำตอบของนาง ทำให้เหล่าเชื้อพระวงศ์และขุนนางอมยิ้มในความซื่อตรงขององค์หญิง
ชายสูงศักดิ์ที่ถูกเชิญมาล้วนเป็บุรุษที่ว่างงาน ส่วนใหญ่เป็บุตรคนรองหรือบุตรที่มีลำดับลงมา ไม่ใช่บุตรคนโตที่แบกภาระของผู้สืบทอด แต่ผู้ที่มาต้องมีคุณสมบัติเป็บุตรสายตรงด้วย เพราะฮ่องเต้้าชายชั้นสูงมาเป็พระสวามีแต่งเข้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้