ผ่านไปไม่นานนักภายในลานเรือนมีเสียงร้องด้วยความใของอวี๋เฉียวซานดังขึ้น “พวกเ้าจะทำอะไร? หยุดเดี๋ยวนี้!”
ตามมาด้วยเสียงสิ่งของตกแตกกระจาย อวี๋เจียววางพู่กันลงเอ่ยพลางขมวดคิ้วว่า “ข้าจะออกไปดูสักหน่อย”
อวี๋ฉี่เจ๋อหยัดกายลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอกห้องพร้อมกับนาง
ภายในลานเรือนเละเทะไปหมดบุรุษร่างกำยำจำนวนเจ็ดถึงแปดคนกำลังทุบทำลายข้าวของภายในลานเรือนอวี๋เฉียวซานถูกผลักและกุมตัวไว้อีกด้าน อ่างน้ำตรงมุมกำแพงถูกทุบจนแตกละเอียดราวเชือกตากผ้าถูกกระชากลงบนพื้นเช่นกัน
สตรีแซ่ซ่งออกมาจากห้องหุงต้มทันทีที่เห็นสภาพการณ์เช่นนี้พลันใจนได้แต่ยืนเหม่อลอยโดยไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
อวี๋หรูไห่กับอวี๋ฮั่นซานรีบเดินออกมาจากห้องโถงครั้นเห็นในลานเรือนมีสภาพเละเทะจึงเอ่ยถามด้วยความใกลัวว่า “พวกเ้าคือผู้ใดบุกเข้าจวนมาทำลายข้าวของในยามกลางวันแสกๆ ยังมีกฎบ้านกฎเมืองอยู่หรือไม่!”
บุรุษผู้เป็หัวหน้าสบถวาจาใส่อวี๋หรูไห่ “ถุ้ย!ตาแก่ทำร้ายผู้อื่น เขาเป็คนทำร้ายนายท่านของพวกเรา จัดการเขา!”
อวี๋หรูไห่เพิ่งรู้ว่าบุรุษผู้นี้คือเด็กรับใช้ที่ติดตามข้างกายเหอตงเซิงในวันนั้นเขายังไม่ทันเอ่ยสิ่งใดบุรุษร่างกำยำไม่กี่คนที่กำลังทุบข้าวของในลานเรือนพลันย่างสามขุมเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางดุดัน
หนึ่งในนั้นถลกแขนเสื้อแล้วคว้าคอเสื้อของอวี๋หรูไห่จากนั้นง้างหมัดขึ้นเตรียมยกขึ้นปะทะใบหน้าของเขา
อวี๋ฮั่นซานที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนี้ถึงกับใกลัวจนขาอ่อนเขาไปหลบอยู่ด้านหลังสตรีแซ่จ้าวเสียแล้ว
อวี๋เมิ่งซานอยู่ใกล้ที่สุดครั้นเห็นว่ากำปั้นกำลังพุ่งเข้าหาอวี๋หรูไห่อย่างรวดเร็วเขาจึงเอาตนเองเข้าไปรับหมัดแทน
อวี๋เฉียวซานมีพละกำลัง เมื่อเห็นคนเหล่านี้ต่อยตีบิดาของเขาอย่างคาดไม่ถึงจึงใช้พละกำลังทั้งหมดสะบัดคนที่กดร่างเขาเอาไว้ออกไปมือคว้าจอบตรงมุมกำแพงขึ้นมาตามด้วยร้องตะคอกและกวัดแกว่งจอบในมือด้วยท่าทางน่าเกรงขามทำให้คนไม่กี่คนต่างถอยหลังออกไปในทันใด
เขาบังอวี๋หรูไห่ไว้ข้างหลัง ร้องตะคอกเสียงดังว่า “มีอะไรก็พูดจากันดีๆพวกเ้าเข้ามาทำร้ายผู้อื่นและทำลายข้าวของเช่นนี้อยากจะเข้าไปในศาลาว่าการหรืออย่างไร? หากสกุลอวี๋ของพวกเราทำอะไรให้เ้าหมางใจก็จงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา!”
“กฎบ้านกฎเมือง? ทำให้นายท่านของพวกเราต้องตายการทุบตีคนที่ทำให้ผู้อื่นต้องตายเพื่อชดใช้ด้วยชีวิตก็คือกฎบ้านกฎเมืองของสกุลเรา!”แท้จริงแล้วเด็กรับใช้ในอาภรณ์ชุดยาวก็คือพ่อบ้านเขายกมือขึ้นชี้หน้าอวี๋หรูไห่พลางเอ่ยด้วยความเศร้าโศกเสียใจ
อวี๋หรูไห่ใจนหนังศีรษะมึนชาเอนกายพิงอวี๋เมิ่งซานด้วยกายสั่นสะท้าน จิตใจตื่นตระหนก เมื่อได้ฟังคำกล่าวของบุรุษผู้นี้ภายในใจพลันรู้ในทันทีว่าไม่ได้การเสียแล้วแสดงว่านายท่านสกุลเหอที่มาให้เขารักษาโรคแผลพุพองบนศีรษะเมื่อไม่กี่วันก่อนถูกเขารักษาจนตายเสียแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนี้อวี๋หรูไห่ยิ่งตื่นตระหนกใและเย็นเยียบไปทั่วทั้งแผ่นหลัง
คนในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยเข้ามาล้อมอยู่นอกเรือนเพราะได้ยินเสียงดังเดิมทีคนในหมู่บ้านเดียวกันควรจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันแต่เมื่อเห็นว่าในเรือนมีบุรุษร่างกำยำยืนอยู่เจ็ดถึงแปดคนภายในใจล้วนพึมพำว่าสกุลอวี๋สร้างเื่หมางใจกับคนสกุลใหญ่ท่านใดอีกทั้งยามนี้ยังได้ยินว่าอวี๋หรูไห่รักษาคนจนตายพวกเขาจึงยิ่งไม่กล้าลุยน้ำขุ่นในครั้งนี้
ครั้นคนสกุลอวี๋ได้ยินคำว่าสกุลเหอสองคำนี้ภายในใจต่างเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเสียแล้วเพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนคนจากสกุลที่จ่ายเงินอย่างใจคอกว้างขวางเพื่อขอให้ช่วยรักษานั้นแซ่เหออวี๋เฉียวซานยืนถือจอบอย่างเลื่อนลอย ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยสิ่งใด
สตรีแซ่อวี๋โจวรีบหันหลังเดินเข้าไปในห้องฝั่งตะวันออกรีบเอาเงินสามสิบตำลึงที่เป็ค่ารักษาของสกุลเหอออกมาจากหีบทั้งหมดเอ่ยกับผู้นำท่านนั้นที่โกรธจนยับยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่ด้วยเสียงสั่นเทาว่า “นี่คือเงินค่ารักษาที่พวกเ้าจ่ายมาในวันนั้นพวกเราไม่ได้แตะต้องแม้แต่อีแปะเดียว ยามนี้เอามาคืนในจำนวนเท่าเดิมขอใต้เท้าท่านนี้ได้โปรดเข้าใจและละเว้นนายท่านของพวกเราด้วยเถิดเ้าค่ะ”
พ่อบ้านสกุลเหอปรายตามองเงินในมือสตรีแซ่อวี๋โจวก่อนจะฉวยเอาไปพลางแค่นหัวเราะเสียงเย็น
สตรีแซ่อวี๋โจวถอนหายใจโล่งอกอยู่ภายในใจแต่ผู้ใดจะรู้ว่าพ่อบ้านสกุลเหอผู้นั้นกลับเอ่ยตามหลังว่า“เงินแค่สามสิบตำลึงก็คิดจะซื้อชีวิตนายท่านของพวกเราแล้วงั้นหรือ? ต่อให้เอาชีวิตต่ำต้อยของคนทั้งสกุลอวี๋ของพวกเ้ามารวมกันก็ยังเทียบไม่ติดกับความล้ำค่าของนายท่านสกุลพวกข้า!ไปจับตัวเ้าหมอกำมะลอที่ทำร้ายท่านผู้เฒ่าของพวกเรามา!”
