ฉินเหยาเหยาถอนหายใจเบาๆ มือเล็กๆของเธอตบบริเวณหน้าอก “ถ้าอย่างนั้นเราก็วางใจแล้วล่ะ”
ขณะที่พูดก็ถลึงตาใส่หลินเยว่พร้อมพูดต่อ“ถ้าพูดอย่างนี้ก็แสดงว่าเราที่มีความงามตามธรรมชาติก็ลดตัวมาเป็ของนายที่ใครใครก็ไม่รักน่ะสิ”
“แน่นอนอยู่แล้วไม่อย่างนั้นจะมีสาวซื่อบื้อคนไหนมาสนใจเราล่ะ”
หลินเยว่พูดพร้อมหัวเราะ
“นายนั่นแหละสาวซื่อบื้อ!”
……
พวกเขาทั้งสองคุยเล่นหยอกล้อกันตลอดทางและการอวดความหวานของพวกเขาก็ทำให้คนแถวๆ นั้นรู้สึกอิจฉาไปตามๆ กันแต่ละคนมองพวกเขาด้วยสายตาชื่นชมและอิจฉา
เมื่อมาถึงอำเภอชาง พวกเขาจึงลงจากรถไฟและมุ่งหน้าไปยังถนนย่านธุรกิจเพื่อซื้อของให้กับผู้ใหญ่ทั้งสอง หลินเยว่ไม่ได้กลับบ้านมาสามปีแล้วดังนั้น เขาจึงไม่มีทางกลับบ้านด้วยมือเปล่าอย่างแน่นอน
นอกจากจะซื้อของให้กับบิดามารดาแล้วเขายังซื้อของขวัญให้กับบรรดาคุณลุงและคุณอา รวมทั้งเด็กๆที่กำลังเรียนหนังสือเ่าั้อีกด้วย
สามปีแล้วไม่รู้ว่าบ้านเกิดของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง?
เส้นผมตรงขมับของบิดามารดาจะขาวเพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่า?
หลินเยว่และฉินเหยาเหยาเดินจูงมือกันบนถนนของอำเภอชางพวกเขาทั้งสองมีความผูกพันกับที่นี่อย่างลึกซึ้ง เพราะที่นี่เป็สถานที่ที่บ่มเพาะความรักความรู้สึกของพวกเขาและพวกเขาก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ด้วยกันมาหลายเดือน อีกทั้งที่นี่เป็สถานที่ที่ทำให้หลินเยว่มีพลังพิเศษได้รู้จักท่านเฮ่อฉางเหอ และยังเป็สถานที่ที่ทำให้ชีวิตของเขาเกิดการพลิกผันมากที่สุด
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะย้ายออกไปจากที่นี่เป็ระยะเวลาสั้นๆเพียงหนึ่งเดือนกว่าๆ แต่ทว่าหนึ่งเดือนกว่าๆ นี้ก็ทำให้พวกเขารับรู้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป
หลังจากซื้อของเยอะแยะมากมายแล้วหลินเยว่และฉินเหยาเหยาจึงเรียกรถแท็กซี่แล้วมุ่งหน้าไปยังบ้านเกิดของหลินเยว่
บ้านของหลินเยว่อยู่ในหมู่บ้านบนูเาที่แสนห่างไกลแห่งหนึ่งการเดินทางลำบากยิ่งนัก อีกทั้งมีบาง่ที่ไม่สามารถเดินทางด้วยรถ
ด้วยความจำเป็เช่นนี้หลินเยว่และฉินเหยาเหยาจึงต้องลงจากรถั้แ่อยู่ห่างจากหมู่บ้านถึง 5 ลี้ พวกเขามองูเาที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าอันเขียวชอุ่มเบื้องหน้าสายตาของตนเองในมือมีของถุงเล็กถุงใหญ่เต็มมือไปหมด เวลานี้ พวกเขาพลันรู้สึกหมดเรี่ยวแรงทั้งๆที่มีพลังชีวิตเต็มเปี่ยมไปชั่วขณะ
โชคดีที่พวกเขาเจอคุณตาคนหนึ่งขับรถม้าผ่านมาพวกเขาจึงขอติดรถคุณตาเข้ามาในหมู่บ้าน จึงสามารถมาถึงบ้านของหลินเยว่ในตอนกลางวัน
เมื่อคนในหมู่บ้านเห็นหลินเยว่และหญิงสาวหน้าตาสวยงามคนหนึ่งถือถุงเล็กถุงใหญ่เต็มมือเดินอยู่บนเส้นทางที่กลับเข้าบ้านพวกเขาก็ถึงกับตกตะลึง หลินเยว่ออกไปเรียนมหาวิทยาลัยเป็เวลา 4 ปี แล้วเขาก็ไม่ได้กลับบ้านมา 3 ปีแล้ว จนทำให้หลายๆ คนจำหน้าเขาไม่ได้ นึกได้เพียงเค้าโครงหน้าจากความทรงจำอันเลือนรางแต่ทว่ากลับไม่มีใครกล้ายืนยันว่าเป็เขาจริงๆ
และสิ่งที่พวกเขารู้สึกคาดไม่ถึงที่สุดก็คือ หลินเยว่ที่ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกมานานสามปีเมื่อเขากลับมา กลับพาสะใภ้คนสวยคนหนึ่งกลับมาด้วย
นี่ยังเป็หลินเยว่คนทื่อมะลื่อคนนั้นอยู่หรือเปล่า?คนที่วันๆ เอาแต่สวมแว่นตาหนาเตอะคนนั้นใช่ไหม?
แล้วแว่นตาหนาเตอะหายไปไหนล่ะ?
แล้วยังไม่ได้ดูทื่อมะลื่อเหมือนแต่ก่อนอีกด้วย?
และเวลานี้จึงมีบางคนได้วิ่งมุ่งหน้าไปยังเส้นทางหนึ่ง
เมื่อมาถึงหมู่บ้าน หลินเยว่จึงพบว่าหมู่บ้านที่เขาเติบโตขึ้นมาก็ยังคงมีสภาพเหมือนแต่ก่อนการคมนาคมที่ไม่สะดวกยังคงเป็อุปสรรคในการพัฒนาหมู่บ้านอยู่หากเทียบกับโลกภายนอกแล้ว ที่นี่ยังล้าหลังยิ่งนักแต่ทว่าที่ที่ดูเสื่อมโทรมแห่งนี้กลับสร้างความคิดถึงและความอบอุ่นให้กับหลินเยว่
เมื่อเข้ามาถึงในหมู่บ้านฉินเหยาเหยาจึงเริ่มรู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่รู้ตัว
หลินเยว่ส่งยิ้มให้กับเธอเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น“ไปกันเถอะ ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกนะ”
“อืม”
ฉินเหยาเหยาพยักหน้าหนักแน่นสายตาของเธอเริ่มมีความมั่นใจ เพราะสักวันเธอก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์นี้อยู่แล้ว
ขณะที่พวกเขาสองคนจับมือกันเดินมุ่งหน้าไปทางบ้านของหลินเยว่นั้นที่บ้านของหลินเยว่ที่อยู่อีกด้านของหมู่บ้านก็ได้มีคนเดินไปถึงแล้ว
“ซ้อใหญ่หลิน ซ้อใหญ่หลิน ลูกชายของซ้อกลับมาแล้วนะ!”
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้หญิงวัยกลางคนที่มีผมขาวบริเวณขมับอยู่ไม่น้อยถึงกับสะท้านะเืไปทั้งร่างหลังจากนั้นเธอจึงได้แต่ฝืนยิ้มออกมา “ซานหยาจื่อพูดล้อเล่นอีกแล้วเสี่ยวเยว่จะกลับมาได้อย่างไรกันล่ะ”
“จริงๆ นะ เขากลับมาจริงๆแล้วยังพาหญิงสาวที่สวยมากคนหนึ่งกลับมาด้วย”
ชายวัยกลางคนอายุประมาณ 30 ปีที่ชื่อซานหยาจื่อพูดขึ้นอย่างร้อนใจ เพราะเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อในคำพูดของตนเองมือของเขายังวาดไปมาอีกด้วย
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของซานหยาจื่อดูไม่ได้ล้อเล่นท่าทางของซ้อใหญ่หลินจึงเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา “ตอนนี้เสี่ยวเยว่อยู่ที่ไหนล่ะ?”
“กำลังเดินมาทางนี้แหละ วันนี้เป็วันดีจริงๆซ้อกับเฮียใหญ่หลินจะได้ไม่ต้องเอาแต่รอลูกชายทั้งวันอีกแล้ว แล้วเขายังพาลูกสะใภ้สาวสวยมาด้วยอีกคนหนึ่ง......”
ซานหยาจื่อยังพูดไม่ทันจบซ้อใหญ่หลินจึงวิ่งไปยังทางเข้าออกทางเดียวของหมู่บ้านแห่งนี้ทันที
เธอไม่ได้เห็นลูกชายของตนเองมา 3 ปีแล้ว เธอ้าเห็นว่าตอนนี้ลูกชายของเธออ้วนขึ้นหรือว่าผอมลงมีชีวิตความเป็อยู่เป็อย่างไรบ้าง?
การกลับมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้หลังจากไม่ได้กลับมา 3ปีก็ทำให้ความรู้สึกของหลินเยว่มีความตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกไม่รู้ว่าบิดามารดาของตนเองเป็อย่างไร ขณะที่เข้ากำลังปล่อยความคิดให้ล่องลอยอยู่นั้นพลันมีร่างที่แสนคุ้นเคยร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอยู่ในสายตาของเขา
หลินเยว่เกร็งไปทั้งตัวทันทีดวงตาพลันรื้นไปด้วยน้ำตา แล้วหลุดปากะโอย่างดีใจ “แม่......”
เมื่อะโออกไปแล้วเขาจึงวิ่งเข้าไปหาอย่างไม่รีรอ
“เสี่ยวเยว่......”
ในที่สุดคุณแม่ของหลินเยว่ก็ได้เห็นลูกชายที่แยกกันมานาน3 ปี เธอจึงตื่นเต้นดีใจจนเนื้อตัวสั่นสะท้านโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสียงเรียกคำว่า “แม่” ที่แต่ก่อนปรากฏขึ้นเพียงในความฝันด้วยความคิดถึงมาตลอดนั้นทำให้เธอน้ำตาไหลอย่างควบคุมไม่ได้
หลินเยว่วางของในมือลง เขาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้ามารดาของตนแล้วคำนับกับพื้น3 ครั้งอย่างตั้งใจ
คุณแม่ของหลินเยว่จึงรีบประคองหลินเยว่ขึ้นมา เธอกวาดตามองใบหน้าของลูกชายของตนเองแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเจือเสียงสะอื้น “กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว”
เมื่อเห็นภาพที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งระหว่างแม่ลูกเช่นนี้ฉินเหยาเหยาจึงน้ำตาไหลอย่างอดไม่ได้
“เหยาเหยา”
หลินเยว่หันหน้าไปมองฉินเหยาเหยาพร้อมเรียกเธอเมื่อรอให้เธอเดินเข้ามาแล้ว เขาจึงพูดขึ้น “นี่คือแม่ของพวกเรา”
ฉินเหยาเหยาคาดไม่ถึงว่าตนเองจะหลุดปากเรียกออกมาว่า“แม่” ได้
เมื่อเรียกออกไปแล้วสองข้างแก้มของเธอจึงแดงก่ำราวกับท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตกดิน
เธอเคยแอบคิดเอาเองว่าครั้งแรกที่เธอเรียกว่าแม่จะเป็อย่างไรตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะต้องรู้สึกแปลกๆ ไม่คุ้นเคย แต่เธอคาดไม่ถึงว่าการเรียกว่า“แม่” ในครั้งนี้จะหลุดออกมาได้เป็ธรรมชาติเช่นนี้
ตอนที่หลินเยว่หันศีรษะไปนั้น คุณแม่ของหลินเยว่ก็เอาแต่กวาดตามองฉินเหยาเหยามาโดยตลอดเมื่อเห็นว่าลูกชายของตนได้พาหญิงสาวที่ทั้งสวยงามและมีบุคลิกโดดเด่นเช่นนี้กลับมาด้วยถึงแม้ว่าคุณแม่ของหลินเยว่จะพอคาดเดาเหตุการณ์ได้แต่เธอก็ยังไม่กล้าที่จะเชื่ออย่างเต็มที่
หรือว่านี่จะเป็แฟนของเสี่ยวเยว่จริงๆ?
แต่เมื่อฉินเหยาเหยาหลุดปากเรียกคุณแม่ของหลินเยว่ว่า“แม่” ออกมาแล้ว คุณแม่ของหลินเยว่จึงเกร็งไปทั้งตัวสีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ แล้วจึงรีบเข้าไปกุมมือของฉินเหยาเหยาพร้อมพูดขึ้น“จ้ะ ไปกัน กลับบ้านกันนะ พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
ขณะที่พูดเธอจึงนำของในมือของฉินเหยาเหยาทั้งหมดจับยัดใส่มือของหลินเยว่อย่างตื่นเต้นหลังจากนั้นจึงจูงมือของฉินเหยาเหยาเดินกลับบ้านไปด้วยกัน
หลินเยว่มองของในมือของตนเองที่เต็มมือไปหมดในใจของเขาเกิดความรู้สึกว่าโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม ทำไมโลกนี้จู่ๆ ถึงได้เปลี่ยนไป
แม่... ผมถึงจะเป็ลูกแท้ๆ ของแม่นะ!
และเวลานี้เองฉินเหยาเหยาพลันหมุนตัวกลับมาพร้อมคลี่ยิ้มที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ยที่หลินเยว่ตกกระป๋อง
หึหึ! คอยดูนะคืนนี้เราจะทำให้เธอต้องหายซ่าเลยล่ะ!
หลินเยว่แอบคิดอย่างเ้าเล่ห์ความคิดที่รู้สึกมีชัยชนะอยู่ในใจนั้นกลับไม่ได้สอดคล้องกับความเป็จริงในตอนนี้เพราะเขาต้องเผชิญกับถุงเล็กถุงใหญ่ที่ใส่ของฝากอยู่เป็จำนวนมากนั่นเอง
หลินเยว่จึงได้แต่ถอนหายใจอย่างจำใจแล้วหิ้วถุงเล็กๆ ใหญ่ๆที่เขาวางไว้บนพื้นเมื่อสักครู่ขึ้นมาและเดินมุ่งหน้ากลับบ้านไปอย่างทุลักทุเล
ลูกชายของผู้ใหญ่บ้านที่ไม่ได้กลับบ้านมา 3ปีแล้วได้กลับมาในวันนี้อีกทั้งยังพาสาวสวยราวกับนางฟ้ากลับมาด้วยอีกคนหนึ่งข่าวนี้จึงแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้านในูเาที่ขนาดไม่ค่อยใหญ่แห่งนี้อย่างรวดเร็วและเป็การสร้างบรรยากาศอันแสนคึกคักขึ้นมาในหมู่บ้านอย่างฉับพลัน
นักศึกษามหาวิทยาลัยคนแรกที่ได้เดินทางออกไปสู่โลกกว้างได้กลับมาแล้วอีกทั้งดูเหมือนว่าจะมีชีวิตที่ไม่เลวเสียด้วย
ผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้จึงเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมาอย่างรวดเร็วถึงแม้ว่าการใช้ชีวิตของคนในหมู่บ้านจะเรียบง่ายไม่ซับซ้อน แต่เมื่อมีข่าวให้ซุบซิบกันก็สามารถสร้างความสนใจให้พวกเขาถกขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้