ทวีปชี่อู่ อาณาจักรชูอวิ๋นจวิ้น เมืองหลวงอวิ๋นเฉิง
ผืนธงที่โบกสะบัดราวกับชายผ้าของเทพธิดาลอยอยู่เต็มผืนฟ้า กลีบดอกไม้ที่ถูกพัดกระจายไปทั่วทุกสารทิศตอบรับกับสีหน้าและท่าทางอันลิงโลด และเต็มไปด้วยความสุขของฝูงชนในเมืองอวิ๋นเฉิง
บนถนนที่ยาวนับสิบลี้นี้เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากมายมหาศาล ส่งเสียงดังราวกับเสียงเกลียวคลื่นในมหาสมุทรโดยที่ทุกคนต่างพร้อมใจกันส่งเสียงเรียกนามของคนผู้หนึ่ง ผู้ที่ถูกกำหนดให้ได้รับการสรรเสริญจากประชาชนชาวชูอวิ๋นจวิ้นทุกคนนามนั้นคือ หลินหยาง
หลินหยาง ได้พลัดหลงกับองค์จักรพรรดิหลินเฮ่ายวนแห่งอาณาจักรชูอวิ๋นจวิ้นในเขตเมืองของสามัญชนเมื่อ13 ปีก่อน แต่คงเป็เพราะ์คุ้มครองอยู่ บัดนี้เขาได้กลับมาอยู่เคียงข้างผู้เป็บิดาอีกครั้งหนึ่งอย่างน่ามหัศจรรย์
องค์จักรพรรดินั้นดีใจเป็อย่างมากจึงได้จัดงานฉลองทั่วทั้งอาณาจักรขึ้น จักรพรรดิหลินเฮ่ายวนได้พาลูกชายออกมาท่องเที่ยวด้วยตัวเองพร้อมกับประกาศไปทั่วอาณาจักรว่า นับจากวันนี้เป็ต้นไป หลินหยางจะกลายเป็เด็กที่มีความสุขมากที่สุดในอาณาจักรแห่งนี้
เมืองอวิ๋นเฉิง ณขณะนั้น ทั้งเมืองเต็มไปด้วยความเร่าร้อนราวกับทะเลเพลิงอันร้อนแรงโดยเฉพาะบริเวณถนนที่องค์จักรพรรดิและองค์ชายผู้เป็โอรสเดินผ่านจะเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ยืนเบียดเสียดกันอย่างวุ่นวาย บ้างก็ยืนเขย่งเท้าบ้างก็ผลักคนข้างหน้าทำทุกวิถีทางเพียงเพื่อที่จะได้เห็นหน้าตาที่แท้จริงขององค์ชาย
แต่ในตอนนั้นไม่มีใครสังเกตเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนเลยเด็กหนุ่มคนนี้มีลักษณะผอมแห้ง ดูไร้เรี่ยวแรง แต่กลับมีหน้าตาหล่อเหลา คมคายกำลังยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางฝูงชนอันแสนสับสนวุ่นวายนี้
แววตาของเขาดูเ็าและเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ราวกับว่ามีเปลวไฟแห่งความแค้นกำลังลุกโชนอยู่ภายในจิตใจของเขาเป็ความแค้นที่ไม่ว่าจะเผาไหม้ไปมากแค่ไหนก็ไม่มีวันมอดดับ
เขาเกลียดเกลียดองค์ชายที่กำลังจะปรากฏตัวขึ้นนี้
“เฉินเฉาเกอเ้าคนโกหก! เ้าหลอกเอาสัญลักษณ์ของข้าไป เ้าแย่งตัวตนของข้า...ข้า...ข้าต่างหากที่ชื่อหลินหยาง! ข้าต่างหากที่ต้องได้เป็องค์ชาย!!"
ทุกครั้งที่หลินหยางคิดถึงเื่นี้ก็จะรู้สึกโมโหจนตัวสั่น
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาบังเอิญไปเห็นร่องรอยน่าสงสัยแถวๆบ้านพักของตระกูลเฉินเข้า เลยหาวิธีแอบหนีออกมา มันก็ไม่มีทางที่จะเกิดเื่บ้าๆอย่างนี้ขึ้นในเวลาแค่ไม่กี่วันนี้ได้
เป็ถึงเ้าชายของอาณาจักรแต่กลับถูกคนอื่นเอาสัญลักษณ์ประจำตัวไปแอบอ้างใช้ได้ตามใจชอบแบบนี้หรือ?
ต่อให้สัญลักษณ์แสดงตัวอันนั้นจะเป็สมบัติที่ท่านแม่ให้มาก็เถอะแต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนนั้น กลับไม่มีวิธีอื่นใช้ตรวจสอบหาว่าใครคือลูกชายแท้ๆของตัวเองเลยหรือ?
ช่างน่าขันยิ่งนัก!
ภายในใจของหลินหยางยิ่งรู้สึกโกรธรู้สึกสมเพชผู้เป็พ่อ พ่อที่เขาไม่เคยได้เห็นหน้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่เขายังไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆแค่นี้
เดินทางมาถึงเมืองอวิ๋นเฉิงได้พบกับผู้เป็พ่อ นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของแม่เขา ถึงแม้ว่าภายในใจของหลินหยางจะเต็มไปด้วยความโกรธและความไม่เต็มใจแต่เขาก็อยากจะทำตามความ้าก่อนตายของแม่เขาให้สำเร็จ นั่นก็คือได้พบกับพ่อและมีชีวิตอยู่ต่อไป
“หึ เ้าเฉินเฉาเกอนั่น...คิดว่าตัวเองจะได้กินข้าวร้อนนอนสบายแล้วอย่างนั้นรึ ? ฝันไปเถอะ!”
หลินหยางวางแผนเอาไว้แล้วว่าขอแค่รอจังหวะที่องค์จักรพรรดิและองค์ชายเดินมาถึง หลังจากนั้นก็แหวกฝูงชนออกไปถึงแม้มันอาจจะทำให้เกิดเื่ชุลมุนขึ้นบ้างแต่ขอเพียงองค์จักรพรรดิผู้เป็พ่อของเขาได้เห็นหน้าของหลินหยางก็พอ อีกทั้งยังมีโอกาสได้เผชิญหน้ากับเ้าเฉินเฉาเกอนั่นด้วย
ด้วยความที่เขาเริ่มฝึกท่องจำหนังสือั้แ่เด็กๆทำให้เขามีทักษะการพูดที่ยอดเยี่ยม พูดจาฉะฉาน เสียงดังฟังชัดขอแค่มีโอกาสได้ไปเผชิญหน้าละก็เขามั่นใจว่าจะสามารถฉีกหน้ากากไร้ยางอายนั่นออกมาได้แน่นอน
ต้องรอ...
ต้องอดทน...
ขอแค่รอจนขบวนเสด็จของจักรพรรดิมาถึงเท่านั้น!
หลินหยางพยายามกดความโกรธของเขาเอาไว้ไม่แสดงอาการออกมาสายตาจ้องเขม็งไปตรงสุดถนนใหญ่
ในที่สุดท่ามกลางฝูงชนอันแสนวุ่นวายนี้เบื้องหน้าของหลินหยางพลันปรากฏกลุ่มองครักษ์หุ้มเกราะสีทองโบกธงสูงสง่ากำลังห้อมล้อมคุ้มกันรถม้าที่ประดับตกแต่งอย่างหรูหราสง่างาม
มาแล้ว!!
หลินหยางพลันรู้สึกตื่นเต้นจนตัวสั่น
เขาพยายามฝ่าฝูงชนออกไปต่อให้ต้องถูกด่าทอ ถูกเหยียดหยาม และถูกฉุดกระชากจนเสื้อขาดเขาก็ต้องดิ้นรนต่อสู้สุดชีวิตเพื่อโชคชะตาของตัวเอง
ข้า!
ข้าเอง!
ข้าต่างหากหลินหยาง!
แต่ว่า...
ในตอนที่เขาอุตส่าห์แหวกกลุ่มคนออกไปได้ประมาณ10 เมตร จังหวะที่เขากำลังจะฝ่ากลุ่มคนออกไปได้แล้วนั้นก็มีฝ่ามือสีดำขนาดใหญ่ยื่นออกมาอุดปากเขาไว้
และมีอีกฝ่ามือหนึ่งสับเข้าที่หลังคออย่างรุนแรงสติของหลินหยางพลันดับวูบและสลบไป
ผู้คนในขณะนั้นที่กำลังสนุกสนานและตื่นเต้นไปกับการเฉลิมฉลองอยู่ไม่มีใครรับรู้ถึงเื่ที่เกิดขึ้นนี้เลย
ไม่มีใครรู้ว่าหลินหยาง องค์ชายที่แท้จริงของพวกเขาได้ถูกลักพาตัวออกไปจากสถานที่ที่เขาควรอยู่แล้ว ตลอดกาล
..................................
กลางดึกของวันเดียวกันนั้นเมืองอวิ๋นเฉิงที่คึกคักมาทั้งวันก็กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
ท้องฟ้าสีดำสนิทปกคลุมไปทั่วบริเวณในขณะเดียวกันก็ปกคลุมความชั่วร้ายทั้งหลายของเมืองนี้เอาไว้ด้วย
ณ วัดเก่าๆแห่งหนึ่งในเขตชานเมือง ทั้งที่เป็วัดที่ถูกทิ้งร้างจนเงียบสงบ ไม่มีคนใช้งานมาเป็เวลานานแล้วกลับมีเงาของคนๆ หนึ่งยืนอยู่ข้างใน สวมชุดสีดำ กำลังแบกกระสอบทรายเอาไว้หลังจากนั้น คนผู้นั้นก็เปิดปากถุงออก และโยนกระสอบทรายลงพื้นอย่างไม่ปรานี
สิ่งที่อยู่ภายในกระสอบคือชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งก็คือองค์ชายที่ถูกซัดจนสลบอยู่บนถนนเมื่อเช้านี้ หลินหยางนั่นเอง
เมื่อหลินหยางหลุดออกมาจากกระสอบทรายแล้วภาพที่เขาเห็นยังคงพร่ามัว รู้สึกแค่ว่าข้างหน้าเขาเหมือนมีูเาตั้งอยู่ลูกหนึ่งเป็เงาสีดำขนาดใหญ่ บรรยากาศของมันดูน่ากลัวจนทำให้รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว
ภายในหัวของเขายังคงมึนงงอยู่จึงถามไปอย่างอ่อนแรงว่า “เ้า...เ้าเป็ใคร?”
“หึหึ...”ชายชุดดำหัวเราะตอบกลับมา ซึ่งหลินหยางกลับรู้สึกคุ้นกับเสียงนั้นอยู่บ้าง“คุณชายหลิน คงทำให้ท่านใสินะ”
กล่าวจบชายชุดดำผู้นั้นก็ค่อยๆ ถอดผ้าคลุมบนใบหน้าออก ใบหน้าที่ปรากฏออกมานั้น สร้างทั้งความประหลาดใจและความโกรธแค้นให้กับเขาเป็อย่างมาก “พ่อบ้านเฉินเ้าเองเรอะ!”
หลินหยางมองดูใบหน้าที่เคยดูใสซื่อและอ่อนโยนนั้นใบหน้าที่ทำให้นึกแต่ความทรงจำอันแสนเ็ปและน่าโมโห
''เป็มันกับเฉินเฉาเกอพวกมันรวมหัวกันหลอกข้า พวกมันขโมยสัญลักษณ์ของข้าไป ขโมยตัวตนของข้า เ้าพวกปลิ้นปล้อนพวกนี้แหละเ้าพวกโจรชั่ว พวกมันต้องไม่ตายดี!''
ภายในใจของหลินหยางกำลังคำรามอย่างเกรี้ยวกราดแต่บนใบหน้าเขากลับดูเยือกเย็น ในขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงลางร้ายที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้เขาถูกตระกูลเฉินจับตัวเอาไว้เกรงว่าจะได้เจอเื่ร้ายมากกว่าเื่ดี
พ่อบ้านเฉินยิ้มเยาะอย่างดูแคลน
เหมือนกับแมวจรจัดที่กำลังเล่นอยู่กับหนูใกล้ตายเขากล่าวอย่างช้าๆ ว่า
“เป็ข้าน้อยเองคุณชายหลิน... องค์ชายท่านทรงเมตตากลัวว่าพี่ชายร่วมสาบานอย่างท่านจะหาทางกลับบ้านไม่เจอเลยฝากให้ข้ามาส่งท่านโดยเฉพาะ”
“กลับบ้านหรือ? เหอะ กลับบ้านเก่าละสิ” หลินหยางตอบกลับอย่างเ็า
“ฉลาดมาก!!”พ่อบ้านเฉินผงกหัว “องค์ชายมักจะบอกกับพวกข้าน้อยว่าท่านเป็คนที่ฉลาดหลักแหลมตอนนี้ข้าน้อยเชื่อแล้ว หึหึ กว่าจะล่อให้ท่านติดกับได้ เล่นเอาพวกข้าน้อยเสียแรงไปไม่น้อยเลยเชียว”
เหอะ!
ก็น่าจะเสียกันไม่น้อยจริงๆ!
ถ้าไม่ใช่เพราะเ้าเฉินเฉาเกอนั่นทำตัวซื่อสัตย์จริงใจ ตอนที่เขามาถึงเมืองอวิ๋นเฉิงก็คอยดูแลเอาใจใส่เป็อย่างดีเขาคงไม่ยอมบอกความลับที่สำคัญที่สุดให้อีกฝ่ายและคงไม่สาบานตนเป็พี่น้องร่วมสาบานกันด้วย!
ก่อนหน้านี้หลินหยางเคยคิดว่าเฉินเฉาเกอคือเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวในโลกนี้ที่เขาไว้ใจได้แต่สุดท้ายแล้วมันกลับกลายเป็คนที่ทรยศเขาได้อย่างร้ายกาจที่สุด!!
มันช่างเ็ปราวกับโดนมีดกรีดก็ไม่ปานเขาโกรธเสียจนแทบจะกัดฟันตัวเองจนแหลกละเอียด
แต่เขากลับแสร้งทำหน้าเหมือนคนที่กำลังยอมแพ้เพราะไร้ทางสู้
“เอาเถอะ...พ่อบ้านเฉิน ข้าหลินหยางแพ้แล้ว กลายเป็คนไร้ค่า ข้าไม่เหลืออะไรอีกแล้วข้าขอแค่ท่านไว้ชีวิตข้าก็พอ ข้าสัญญาว่าจากนี้ไปข้าจะไม่กลับมาเหยียบที่แห่งนี้อีก แล้วก็ ข้ายังมีสัญลักษณ์ที่ใช้ยืนยันตัวตนของข้าอยู่อีกชิ้นท่านเอาไปมอบให้เฉินเฉาเกอเสีย ทีนี้แผนของมันก็ไม่มีทางล้มเหลวอีกเด็ดขาด”
“โอ๋? คุณชายหลินนี่เข้าใจง่ายเกินคาด...” พ่อบ้านเฉินเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมา
“ข้ายังมีทางเลือกอื่นหรือ?”หลินหยางยิ้มอย่างหมดหวัง
เขาส่ายหัวถอนหายใจพลางเดินหน้าเข้าไปหาพ่อบ้านหลินมือขวาล้วงเข้าไปในอกเสื้อเพื่อจะหยิบสัญลักษณ์นั้นออกมา
ในจังหวะที่ระยะห่างระหว่างเขาและพ่อบ้านหลินห่างกันไม่ถึงเมตรแววตาของหลินหยางพลันเปลี่ยนไปเป็แววตาที่แสดงให้เห็นถึงความเคียดแค้นอาฆาตที่ปะทุออกมาอย่างรุนแรงสิ่งที่มือขวาของเขาหยิบออกมา หาใช่สัญลักษณ์แสดงตนไม่ แต่มันคือมีดสั้นอันคมกริบเขาใช้มันจ้วงแทงใส่อย่างเต็มแรงโดยเล็งไปที่หน้าอกของพ่อบ้านเฉิน
“ตายไปซะไอ้ชาติชั่ว”
นี่คือการจู่โจมแบบสุดชีวิตของหลินหยาง
เขาใช้พละกำลังทั้งหมดไปกับการลงมือครั้งนี้แต่น่าเสียดาย กลอุบายของเขาไม่อาจใช้ทดแทนช่องว่างความแตกต่างของพลังได้
''ปังง''
ในเสี้ยวพริบตาที่เขากำลังจะลงมือฝ่าเท้าขนาดใหญ่ก็กำลังง้างรอไว้อยู่แล้ว พอสบโอกาสก็ถีบเข้าใส่หน้าอกของหลินหยางอย่างรุนแรง แรงกระแทกนั้นส่งให้เขากระเด็นไปไกลนับสิบเมตร
''ผุดด''
ภายในปากของหลินหยางตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเืแค่ลูกถีบลูกเดียวนี้ก็แทบจะบดขยี้หัวใจของเขาไปแล้ว
“คุณชายหลินนี่สินะอาวุธที่ท่านใช้สังหารคนใช้ของตระกูลเรา? ท่านเปลี่ยนเอาชุดของมันมาใส่แล้วก็แอบหนีออกมา ขนาดข้าน้อยยังอดที่จะชื่นชมท่านไม่ได้เลย”
รอบกายของพ่อบ้านเฉินเต็มไปด้วยจิตสังหารอันรุนแรงเขาแผดเสียงหัวเราะออกมาอย่างน่าสยดสยอง พลางกล่าว “เอาละ การละเล่นแบบเด็กๆคงต้องให้มันจบลงแต่เพียงเท่านี้ ท่านไม่ได้โง่เลยจริงๆ ท่านแค่ซื่อตรงมากเกินไปถ้าจะโทษ ก็โทษตัวท่านเอง ที่บังเอิญเกิดมาคล้ายกับนายน้อยเฉาเกอของพวกเรามากขนาดนั้นเสียเถิดคงต้องโทษตัวท่าน ที่มีบุญได้เกิดมาเป็ถึงเชื้อพระวงศ์แต่กลับไม่มีวาสนามากพอที่จะไปเสพสุขกับชีวิตเช่นนั้น”
“ข้าข้าเกลียดเ้า… ข้าเกลียดพวกเ้าที่สุด!!”
หลินหยางที่นอนอยู่บนพื้นตอนนี้ภายในปากเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเืที่ทั้งเหม็นทั้งคาวถ้าหากว่าสามารถใช้สายตาฆ่าคนได้
เกรงว่าพ่อบ้านเฉินคงแหลกสลายกลายเป็ชิ้นเนื้อไปนานแล้ว
“วางใจเถอะท่านจะได้ไปสบายแล้ว”
พ่อบ้านเฉินยืดตัวขึ้น จ้องมองหลินหยางอย่างเ็าง้างฝ่าเท้าของเขาขึ้นอีกครั้งจากนั้นจึงกระทืบลงบนหน้าอกของหลินหยางอีกครั้งอย่างไร้ความปรานี
ครั้งนี้พ่อบ้านเฉินใช้พลังระดับของผู้ฝึกยุทธ์หน้าอกของหลินหยางพลันแหลกละเอียดไปตามแรงเหยียบนั้น เืสดๆพุ่งทะลักออกจากปากของเขาอีกครั้ง เขาเสียโอกาสที่จะเอาชีวิตรอดครั้งสุดท้ายไปแล้ว
“ชาติหน้าอย่ากลับมาเกิดเป็เชื้อพระวงศ์อีกเลย”
พ่อบ้านเฉินยกเท้าออกแบกเอาร่างของหลินหยางกลับไปโยนทิ้งไว้ตรงซากวัดเก่าที่พังไปแล้วเกือบครึ่งจากนั้นก็หยิบเอาอุปกรณ์จุดไฟ(หั่วเจ๋อจื่อ)ขึ้นมา โยนออกไปตามแรงลมเมื่อมันถูกลมพัดก็ติดไฟขึ้นจนกลายเป็เหมือนลำแสงเส้นหนึ่งบินไปตกใส่ส่วนที่เป็ประตูไม้ของวัดเก่าหลังนี้
หลังจากเวลาผ่านไปไม่นานวัดเก่าทั้งหลังก็ถูกเผาไหม้จนกลายเป็ทะเลเพลิง ต่อให้เป็เซียนจาก์ก็ไม่อาจช่วยให้หลินหยางรอดพ้นจากชะตาชีวิตอันแสนขมขื่นนี้ไปได้
เมื่อมาถึงจุดนี้เงาร่างของพ่อบ้านเฉินถึงหายไปจากจุดเดิมที่เขาเคยอยู่...
..................................
“นี่ข้า...จะต้องมาตายแบบนี้หรือ”
ภายในวัดที่กำลังพังถล่มลงมานี้หลินหยางที่อยู่ในสภาพล่อแล่ได้สูญเสียประสาทััทั้งหมดไปแล้ว
สิ่งที่เขามองเห็นในตอนนี้มีแต่ความสิ้นหวังอันแสนดำมืด
ภายในใจเขายังคงเต็มไปด้วยไฟแค้นที่ลุกโหมอย่างรุนแรงเขายังไม่อยากยอมรับความตายแบบนี้
เขายอมรับว่าตัวเองซื่อตรงเกินไป
ทั้งยังอ่อนแอ่ไร้พลัง
เขาเกลียดเหลือเกิน!
เกลียดทั้งพ่อบ้านเฉินเกลียดทั้งเฉินเย่เซิง และที่เกลียดที่สุดก็คือเ้าเฉินเฉาเกอนั่น!
ความเชื่อมั่นและความจริงใจของเขากลับถูกผู้อื่นใช้เป็เครื่องมือความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อโลกใบนี้ถูกทำลายลงจนแทบจะไม่เหลือ
เขาเกลียด์ที่ไร้ซึ่งความยุติธรรมแบบนี้ไหนว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แล้วทำไมตัวเขาต้องมาประสบเคราะห์กรรมแบบนี้ แต่เ้าเศษสวะอย่างเฉินเฉาเกอกลับได้เสพสุขกับชีวิตในวังหลวง!
ถ้าหากเขารอดไปได้เขาจะไม่มีวันกลับไปเป็หลินหยางผู้ซื่อสัตย์ อ่อนโยนคนนั้นแน่นอน!
ถ้าหากเขามีพลังเขาจะทำให้เ้าสองพ่อลูกตระกูลเฉิน แล้วก็เ้าพ่อบ้านนั้นต้องทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส พวกมันต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกมันทำเืต้องล้างด้วยเื!!
ั้แ่เขาเกิดมาบนโลกจนมาถึงตอนนี้หลินหยางยังไม่เคยเกลียดใครได้มากขนาดนี้มาก่อน แต่ในตอนที่ชีวิตของเขากำลังจะจบลงในตอนที่สติใกล้จะจมลงสู่ความสับสนนั้น ก็เหมือนกับมีพลังงานอะไรบางอย่างถูกปลุกขึ้นมา
ลำแสงสีแดงอ่อนๆผุดออกมาจากระหว่างคิ้วของหลินหยาง มันบินกระจายไปทั่วร่างกายของหลินหยาง เ้าพลังงานมหัศจรรย์นี้นอกจากจะช่วยรักษาาแภายนอกที่เกิดจากการถูกไฟเผาได้แล้วมันยังค่อยๆ ดึงเอาเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชนอยู่รอบข้างให้เข้ามาอยู่ภายในร่างกายของหลินหยางได้อย่างน่าอัศจรรย์
ขณะเดียวกันก็มีน้ำเสียงที่ทรงพลังดังขึ้นในหัวของหลินหยาง
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าจักรพรรดิฟ้าหลีหั่ว รอคอยเวลานี้มานานนับหมื่นปีแล้ว ในที่สุดร่างกายที่เหมาะจะเป็ร่างสถิตของข้าก็ปรากฏขึ้นเสียที! ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ข้าจะได้จุติใหม่อีกครั้งหนึ่งแล้ว”
ต่อจากนั้นหลินหยางก็รู้สึกได้ถึงจิติญญาอันแข็งแกร่งที่ปรากฏขึ้นในร่างกายเขาเขารู้สึกได้ว่าภายในร่างกายตอนนี้มีิญญาสองดวงสถิตอยู่พร้อมกัน
“เ้า...เ้าเป็ใคร?”
หลินหยางเหมือนจะมองเห็นชายหนุ่มใส่ชุดฉางเผาสีแดงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในจิตสำนึกของเขาฉางเผาที่ชายหนุ่มสวมใส่อยู่ตัวนั้นถูกสร้างขึ้นด้วยเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้อย่างโชติ่สายตาของชายหนุ่มผู้นั้น เต็มไปด้วยความหยิ่งทะนงราวกับเทพราชันจาก์ชั้น 9เขาไม่ได้ใส่ใจหลินหยางเลยแม้แต่น้อยทั้งยังแปลงเป็ลำแสงสีแดงสายหนึ่งพุ่งเข้าใส่หลินหยางอย่างรุนแรง
“เ้ามดปลวกเ้าไม่จำเป็ต้องรู้ว่าข้าคือใคร เ้ารู้แค่ว่า การได้เป็ร่างสถิตให้กับข้าจักรพรรดิฟ้าหลีหั่วนั้น นับเป็เกียรติสูงสุดของชีวิตเ้าแล้ว!”
เสียงะเิดังกึกก้อง
สติของหลินหยางถูกกระแทกเข้าอย่างรุนแรงความรู้สึกในตอนนี้เหมือนกับทั้งตัวถูกพันไว้ด้วยผ้าห่มอย่างแ่าไม่สามารถหายใจ ไม่สามารถดิ้นรนและเหมือนมีกระแสจิตและความคิดจำนวนมหาศาลสาดซัดเข้าใส่ราวกับคลื่นน้ำในมหาสมุทรเหมือนกับว่าทั้งตัวของเขากำลังจะถูกกลืนหายเข้าไปในคลื่นเ่าั้