“เมื่อครู่หนูปีก็แค่ใไปหน่อยเท่านั้น อย่างไรพวกท่านก็คบกันกะทันหัน แต่ว่าองค์ชายสามเป็คนดี ดีกับคุณหนูมาก ไม่เหมือนกับคนที่เข้าถึงยากอย่างที่เขาลือกัน อีกทั้งยังหน้าตาดี คุณหนูได้คนดีๆ เช่นนี้ หนูปีก็วางใจเ้าค่ะ”
จากนั้นซูิเยว่ก็หันไปมองหนิงหยวน เขาเองก็เงยหน้าขึ้นแล้วพยักหน้า “ใช่ขอรับ เสี่ยวหยวนปากไม่ค่อยดีก็เลยไม่พูดอะไร แต่ขอแค่คุณหนูมีความสุข เสี่ยวหยวนก็ดีใจแล้วขอรับ”
ซูิเยว่ยกยิ้ม ในใจก็พลันโล่งใจขึ้นมา ถึงแม้นางจะคบกับใครก็ไม่จำเป็ต้องให้ใครมายุ่ง แต่ตอนนี้คนข้างกายที่นางสนิทที่สุดก็คือพวกเสี่ยวอวี่ ถึงพวกเสี่ยวอวี่จะเป็ลูกน้องของนาง แต่สำหรับนางแล้วก็เหมือนเป็เพื่อนมากกว่า เมื่อได้รับคำอวยพรจากเพื่อนก็ทำให้ซูิเยว่ดีใจ
“เอาล่ะ ต่อไปพวกเ้าก็จะเจอคนที่ตัวเองชอบแน่นอน” ซูิเยว่ยิ้มแล้วลูบหัวเสี่ยวอวี่
เสี่ยวอวี่พอถูกนางพูดเช่นนี้ก็รู้สึกเขินเล็กน้อย นางก้มหน้าพูดเสียงเบา “คุณหนู ท่านไม่ต้องมาหยอกข้าเลย หนูปีจะไม่แต่งงาน ต่อไปคุณหนูอยู่ที่ไหน ข้าก็จะอยู่ที่นั่นเ้าค่ะ”
“ข้าเองก็ด้วยขอรับ” หนิงหยวนพูดเสริมอย่างหนักแน่นขึ้นมาโดยไม่คิด “เสี่ยวหยวนเกิดมาเป็คนของคุณหนู ตายก็จะเป็คนของคุณหนู คุณหนูอยู่ที่ไหน ข้าก็จะอยู่ที่นั่นขอรับ”
ซูิเยว่ยิ้มอย่างจนใจ “เอาล่ะๆ พวกเราไม่คุยเื่นี้กันแล้ว ตกลงนะ”
ถึงแม้ตอนนี้จะคิดวิธีแก้ไขเื่ของจี๋โม่หานได้แล้ว แต่ต่อจากนี้ก็ยังมีเื่อีกมากมายที่ต้องจัดการ จะผ่อนคลายไม่ได้เด็ดขาด
โดยเฉพาะซูิเยว่ที่รู้ว่าที่องค์ชายห้าลงมือทำเช่นนี้ก็เพราะว่าแผนลอบฆ่านางครั้งที่แล้วล้มเหลว เขาถึงได้ไปลงความโกรธที่จี๋โม่หาน
ซูิเยว่พอคิดถึงเื่นี้ แววตาก็เย็นเยียบขึ้นมา นางกำหมัดแน่น องค์ชายห้าลอบฆ่านางมาสามสี่ครั้งแล้ว แถมตอนนี้ยังเปลี่ยนความคิดมาเล่นงานคนข้างกายของนางแทน แค้นนี้จะช้าหรือเร็วก็ต้องคิดบัญชีกับเขาให้ได้
เื่ข่าวลือที่จี๋โม่หานก่อฏนั้นก็ได้ลือกันตลอดทั้งวัน ทุกคนสนุกที่จะพูดคุยเื่นี้กันอย่างไม่มีเหนื่อย แต่ละคนมีความคิดเป็ของตัวเอง มีทั้งเชื่อเื่นี้ไปตามคนอื่นๆ แล้วก็พวกที่มีสติปัญญาวิเคราะห์เื่นี้อย่างใจเย็น
อย่างไรตอนนั้นจี๋โม่หานก็ไปทำาในทุกๆ ที่ สามารถบอกได้ว่าครึ่งหนึ่งของฉู่ชวนล้วนเป็จี๋โม่หานที่ไปตีมา เพียงแต่ต่อมาก็สูญเสียไปตอนทำาที่ตงฉือ อีกทั้งยังตาบอดขาหัก หากไม่ใช่เพราะเกิดเื่นี้ขึ้นหลังจากฮ่องเต้เสียไป คาดว่าตำแหน่งฮ่องเต้ก็คงไม่มาถึงมือฮ่องเต้ในตอนนี้ ถึงแม้ตอนนี้จี๋โม่หานจะกลายเป็คนพิการไปแล้ว เมื่อพูดกันตามความจริง การที่เขาจะก่อฏนั้นก็มีความเป็ไปได้ไม่มาก
และยังมีเื่ที่ฮ่องเต้มาตรวจสอบจวนองค์ชายสามด้วยตัวเอง เมื่อกลับไปก็ถูกลือกันอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง แต่จากที่พูดกันว่าตรวจสอบแล้วไม่พบอะไรเลย นั่นก็หมายความว่าข่าวลือที่จี๋โม่หานฝึกทหารเอาไว้ในจวนนั้นยังรอการพิจารณาอยู่
ในวังยังไม่มีข่าวหรือคำสั่งใดใดออกมา เื่นี้จึงยังไม่มีความจริงออกมา ทุกคนต่างก็ถกเถียงไม่ยอมกัน
เื่นี้ถกเถียงกันจนถึงวันต่อมา จู่ๆ ก็มีข่าวที่น่าใยิ่งกว่านั้นลือกันไปทั่วเมือง
จากที่ได้ยินมาคือคนใช้ที่ทำงานจิปาถะภายในจวนหวังลือกันว่า ความจริงแล้วองค์ชายสามจี๋โม่หานป่วยหนักจนแทบจะไม่รอดชีวิตแล้ว เกรงว่าคงทนไม่พ้นเดือนนี้
ต่อมาหมอที่มีชื่อเสียงภายในเมืองก็ออกมาบอกว่า ตนเคยถูกเชิญไปรักษาองค์ชายสามจี๋โม่หานภายในจวน ซึ่งพบว่าองค์ชายสามป่วยหนักใกล้ตายจริงๆ รักษาไม่หาย มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
เมื่อข่าวนี้ออกไป ภายในเมืองก็เกิดคลื่นใหญ่กระจายออกมา ทุกคนเข้าใจขึ้นมาทันที
ถึงว่ามี่หนึ่งที่องค์ชายสามอยู่แต่ในจวนไม่ออกไปไหน
ข่าวนี้ออกไปได้ไม่นานก็ถูกลือกันไปทั่วเมืองหลวงฉู่ชวน และกลบข่าวเื่ที่จี๋โม่หานฏเมื่อวานในทันที
ก่อนหน้านี้คนที่เชื่อว่าองค์ชายสามฏก็เปลี่ยนความคิด แล้วเริ่มให้การสนับสนุนจี๋โม่หาน
อย่างไรก็ไม่มีอะไรที่เอาชนะใจประชาชนได้เท่าข่าวนี้อีกแล้ว
คนคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแถมยังตาบอดจะก่อฏนั้น พูดออกไปแล้วก็ไม่มีใครเชื่อ
คนที่ใกล้ตายคนหนึ่งก่อฏไปจะมีประโยชน์อะไร ตำแหน่งนี้นั่งไปก็อยู่ได้ไม่นาน อีกทั้งหลายปีมานี้จี๋โม่หานก็ไม่เคยรับชายามาเลยสักคนจึงไม่มีใครสืบทอด อีกทั้งเขายังตัวคนเดียวอีกด้วย จะก่อฏก็เป็อะไรที่ฟังแล้วก็ดูไม่มีเหตุผล
เื่นี้พูดกันั้แ่เมื่อวานจนถึงวันนี้ ทิศทางของข่าวลือก็เปลี่ยนไป
ซูิเยว่ฟังหนิงหยวนที่ไปสอบถามข่าวั้แ่เช้าแล้วกลับมาเล่าให้ฟัง นางพยักหน้าพอใจ หมายความว่าแผนทางด้านจี๋โม่หานนั้นดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ในเื่นี้ ความจริงแล้วคนที่สำคัญที่สุดในนี้ไม่ใช่ฮ่องเต้ แต่เป็องค์ชายห้า
คนต่างพูดต่อกันว่า อยากได้อำนาจที่สูงที่สุดมา ก็ต้องได้ทั้งฟ้าเสียก่อน และประชาชนคือฟ้า ที่องค์ชายห้าใส่ร้ายจี๋โม่หานโดยการปล่อยข่าวลือออกมาในหมู่ประชาชน ก็เพื่อจะยืมพลังของประชาชนมาปกปิดความจริงแล้วจัดการจี๋โม่หานทิ้งไปเสีย
ตอนนี้ขอแค่จัดการเื่ของประชาชนให้ได้ก่อน เื่ที่เหลือก็จัดการได้ง่ายแล้ว
อย่างไรฮ่องเต้ก็ยังไม่มีหลักฐานในตอนนี้ ทำได้แค่ขังจี๋โม่หานเอาไว้ในจวนก่อน เื่นี้จึงถือว่าเป็การให้เวลาที่เพียงพอกับพวกเขาในการดำเนินแผนขั้นต่อไป
ถึงตอนนั้นขอแค่แผนแรกสำเร็จ ข่าวลือก็จะพ่ายไปเองโดยธรรมชาติ
ส่วนในตอนนั้น ถึงแม้จี๋โม่หานจะแกล้งป่วย แต่เมื่อความจริงเปิดเผยออกมาแล้ว ประชาชนก็จะไม่พูดอะไร
ส่วนทางด้านฮ่องเต้ เขาที่เป็ฮ่องเต้คนหนึ่ง การที่ลูกชายของตัวเองใส่ร้ายพี่ชายของตนนั้น จากทั้งด้านความรู้สึกและเหตุผล ความผิดที่จี๋โม่หานหลอกหลวงต่อกษัตริย์ก็เป็อันเข้าใจในเหตุผลได้
“เอาล่ะ เสี่ยวหยวน ต่อไปรบกวนเ้าไปเฝ้าอยู่นอกจวน คอยสังเกตสถานการณ์อยู่ตลอด หากมีเื่อะไรก็รีบกลับมารายงานข้าทันที รู้หรือไม่?”
“ขอรับคุณหนู”
“แล้วก็” ซูิเยว่สั่งการอีก “จับตาดูทางด้านจิ่นชางเก๋อเอาไว้ หากจวนองค์ชายสามมีข่าวอะไรก็มาบอกข้าทันที”
“ขอรับ”
ตอนนี้ซูิเยว่เป็ห่วงทางด้านฮ่องเต้ ข่าวที่จี๋โม่หานป่วยหนักถูกแพร่ออกไปแล้ว คาดว่าต่อไปก็คงจะมีคนนั่งไม่ติด นางไม่กลัวว่าหมอหลวงในวังจะมาตรวจเจออะไร นางมั่นใจในวิชาแพทย์ของตัวเองมาก นางกลัวก็แต่ฮ่องเต้จิ้งจอกเฒ่านั้นจะแอบทำอะไร
จวนองค์ชายสาม จิ่งฉือถูกสั่งออกไปสืบสถานการณ์ั้แ่เช้า พอกลับมาก็มารายงานสถานการณ์ด้านนอกให้จี๋โม่หานฟังตามความจริง
“องค์ชายสาม ข่าวที่พวกเราปล่อยไปเมื่อเช้า ตอนนี้ได้กระจายไปทั่วทั้งเมือง ประชาชนต่างก็อยู่ฝั่งเรา เป็อย่างที่พระชายาคาดเดาเลย ประชาชนพวกนั้นเปลี่ยนฝั่งรวดเร็วมาก ตอนนี้สถานการณ์ฝั่งเราได้เปรียบพ่ะย่ะค่ะ”
ทั้งหมดนี้อยู่ในการคาดเดาของจี๋โม่หาน เขาจึงไม่ได้ใมาก
“เช่นนั้นต่อไปพวกเราจะทำอะไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”
จิ่งฉือพูดแล้วก็เริ่มถูมือ “ครั้งนี้หากให้ข้าไปจับองค์ชายห้า ข้าจะต้องฆ่าเขาให้ได้”
“ไม่ต้องรีบ รอข่าวของเชียนซวินจือก่อน” จี๋โม่หานทำท่าทางไม่ยี่หระ อย่างไรตอนนี้เขาก็ยังมีเวลา แผนของเขาก่อนหน้านี้คล้ายกับแผนขั้นสองของซูิเยว่