“ปุดๆ!”
เสียงกาน้ำชาเดือด กลิ่นหอมฟุ้งกระจาย
เ้าเกาะทั้งสามตรวจสอบจั๋วอวิ๋นเซียนอยู่เงียบๆ จั๋วอวิ๋นเซียนก็เทียบข้อมูลของเ้าเกาะทั้งสามอยู่ในใจเงียบๆ เช่นกัน ทั้งเื่นิสัย ประสบการณ์ และพลังของพวกเขา
‘เซียนเฒ่าซางหัว’ เหมยซิ้งหง ภายนอกเป็มิตร แต่เด็ดเดี่ยวรอบคอบ ไม่ว่าเื่อะไรมักมีแผนสำรองและทางหนีทีไล่ไว้ให้ตัวเองเสมอ เป็จิ้งจอกเฒ่าที่มีนิสัยใจเย็น มีแผนการลึกซึ้ง
‘เซียนเฒ่าอวี่หัว’ กงหยางอวี่ซ่าน นิสัยเงียบขรึม เ็า ใจดำ โเี้ เห็นแก่ตัว อีกทั้งยังใจร้อนหัวรุนแรง เื่ที่ต้องใช้กำลัง เขาไม่แม้แต่จะเสียเวลาพูด
‘เซียนเฒ่าิหัว’ จวงซวี่เหยา นิสัยขี้สงสัย เป็คนระมัดระวัง ทว่ากลับโลภมาก ไม่เปิดเผยความคิดของตัวเองง่ายๆ ทุกเื่ล้วนให้เหมยซิ้งหงกับกงหยางอวี่ซ่านเป็คนตัดสินใจ อย่างน้อยต่อหน้าผู้อื่นก็เป็เช่นนี้
สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ ทั้งสามคนมาจากสำนักเดียวกันมีอาจารย์คนเดียวกัน รู้จักกันั้แ่เด็ก ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน เติบโตมาด้วยกัน เป็ทั้งศัตรูเป็ทั้งสหาย ต่อมาพวกเขาร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้กับคนนอก จนได้สืบทอดเกาะสามเซียนดังใจปรารถนา พวกเขาวางแผนใส่กันเองและร่วมมือกันเอง เป็ความสัมพันธ์ซับซ้อนไม่น้อย
……
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เ้าเกาะทั้งสามถึงค่อยๆ สงบใจลง
จวงซวี่เหยาหรี่ตากล่าวด้วยความสนใจ “จั๋วอวิ๋นเซียน เ้าเมืองหวู่บอกว่า เ้าอยากจะยอมจำนนต่อเกาะสามเซียนของเราหรือ? หรือเ้าวางแผนจะทำอะไร?”
แรงกดดันของระดับเปิดชีพจร
เผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับเปิดชีพจรสามคนในเวลาเดียวกัน แม้แต่หวู่อันถงก็ััได้ถึงแรงกดดันอันน่าหวาดกลัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจั๋วอวิ๋นเซียนที่เป็เพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง แรงกดดันที่ต้องแบกรับมิอาจจินตนาการได้
หากเป็คนธรรมดา เมื่อโดนแรงกดดันเช่นนี้เข้าไปต้องจิตใจพังทลาย สติแตกซ่าน แต่จิตของจั๋วอวิ๋นเซียนผ่านการขัดเกลาจากสายฟ้ามาแล้ว จึงมิได้รู้สึกอะไร
“ข้ารู้ว่าท่านเ้าเกาะทั้งสามคนสงสัยในตัวข้า และข้าก็รู้ว่าพวกท่านอยากจะถามอะไร”
จั๋วอวิ๋นเซียนกล่าวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “เช่นนั้นข้าขอแนะนำตัวเองก่อน จากนั้นค่อยเปิดอกพูดคุยกับเ้าเกาะทั้งสาม หวังว่าเ้าเกาะทั้งสามจะััได้ถึงความจริงใจของข้า และยอมรับข้า”
“ข้ามีนามว่าจั๋วอวิ๋นเซียน อายุสิบหกปี เป็นายน้อยของตระกูลจั๋วแห่งเมืองตงหลิง สามิญญาขาดหนึ่งมาั้แ่เกิด เป็คนไร้พร์ บิดาของข้าคิดหาหนทางมากมายเพื่อรักษาข้า จึงไม่ระวังไปตกหลุมพรางผู้อื่น จากนั้นยังถูกคนใส่ร้าย…”
“หลังจากหนีจากตระกูลจั๋วมา ข้าไหว้วานอาจารย์ในสถาบันเซียนให้ช่วยเหลือพี่สาวข้า และข้าได้ให้ป้ายพิเศษกับนาง ช่วยนางเข้าสำนักเซียนเทียนซู ส่วนตัวข้าพาลุงเยี่ยนซึ่งเป็พ่อบ้านหนีมาถึงท่าเรือหลงหยา…”
“สำหรับเื่ต่อจากนั้น คิดว่าเ้าเกาะทั้งสามคงเคยได้ยินมาหมดแล้ว ข้าจะไม่อธิบายอีก”
“หลังจากเข้ามาทะเลล่วนซิงแล้ว ข้ามาที่เกาะสามเซียน แต่เพื่อหลีกเลี่ยงเื่ยุ่งยากข้าจึงรักษาตัวที่ชุมชนฝานเหริน จนเมื่อไม่กี่วันก่อนถึงออกมา”
จั๋วอวิ๋นเซียนค่อยๆ อธิบายสถานการณ์ของตัวเอง มิได้พูดจาน่าสงสาร มิได้คุยโวโอ้อวด และมิได้ปิดบัง
เ้าเกาะทั้งสามคนสบตากันพลางพยักหน้า พวกเขาค่อนข้างพอใจ
ความจริงแล้วข้อมูลของจั๋วอวิ๋นเซียนพวกเขาดูมาหลายรอบแล้ว อีกทั้งยังละเอียดมาก แต่การได้ยินมาจากคนอื่นกับได้ฟังจากปากเ้าตัว กลับให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน
สมจริงและจริงใจ!
นี่ทำให้จั๋วอวิ๋นเซียนมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของเ้าเกาะทั้งสาม นับว่าผลลัพธ์ไม่เลวเลย
……
ในเวลานี้จวงซวีเหยากล่าวด้วยสีหน้าเฉยเมย “สหายน้อยจั๋ว ได้ยินว่าหลังจากตราประทับของเ้าแตกสลายแล้วยังสามารถรักษาได้ นับว่าเป็เื่มหัศจรรย์มาก ไม่รู้ว่าเป็เื่จริงหรือไม่?”
สายตาของเหมยซิ้งหงกับกงหยางอวี่ซ่านเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสนใจความลับของจั๋วอวิ๋นเซียน
“ที่จริงแล้วมิได้ซับซ้อนอย่างที่ทุกคนคิด…”
จั๋วอวิ๋นเซียนกล่าวอย่างไม่อ้อมค้อม “ตอนแรกิญญาและตราประทับของข้ายังมิได้แตกสลายอย่างสมบูรณ์ ต่อมาข้ากินผลหยินหยางเข้าไปผลหนึ่งเพื่อประคองอาการาเ็ของข้า แต่ตราประทับเสียหายต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูนานมาก บวกกับที่ข้าเผาผลาญพลังชีวิตตัวเอง ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง ข้าจึงกลายเป็เช่นทุกวันนี้”
เมื่อกล่าวจบจั๋วอวิ๋นเซียนก็จับที่เก้าอี้รถเข็นด้วยความรู้สึกเฉยชา
เมื่อเ้าเกาะทั้งสามได้ยินก็รู้สึกโศกเศร้า ชายหนุ่มที่เคยเป็อัจฉริยะ ตอนนี้กลับต้องนั่งรถเข็น ทำให้รู้สึกปลงตกกับสัจธรรมของโลก
ถึงแม้พวกเขามิได้เชื่อคำพูดของจั๋วอวิ๋นเซียนทั้งหมด แต่ก็มิได้สงสัย สิ่งที่ฟังอาจไม่จริง แต่สิ่งที่ตาเห็นเป็ของจริง อาการาเ็เจียนตายของจั๋วอวิ๋นเซียนมิใช่ของปลอมแม้แต่น้อย อีกทั้งในโลกนี้จะมีโอกาสกับความลับมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร
กล่าวตามตรง ก่อนหน้านี้เ้าเกาะทั้งสามยังปรึกษากันว่าจะจับจั๋วอวิ๋นเซียนเลยดีหรือไม่ จากนั้นค่อยบังคับข่มขู่ แต่ตอนนี้ดูท่าพวกเขาอยากให้จั๋วอวิ๋นเซียนมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น มิเช่นนั้นหากอีกฝ่ายตายไป พวกเขาจะได้ไม่คุ้มเสีย
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เ้าเกาะทั้งสามก็มิได้พูดต่อ ถึงอย่างไรเ้าตัวก็อยู่กับพวกเขาแล้ว หากอีกฝ่ายมีความลับอะไร ไม่ช้าก็เร็วจะกลายเป็ความลับของพวกเขา
……
เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดของเ้าเกาะทั้งสาม จั๋วอวิ๋นเซียนเป็ฝ่ายเอ่ยปากว่า “คิดว่าเ้าเกาะทั้งสามน่าจะสนใจเื่มรดกสืบทอดของสำนักเทียนกงกระมัง?”
“โอ้!”
เมื่อเหมยซิ้งหงเห็นว่าจั๋วอวิ๋นเซียนฉลาดเช่นนี้ เขาก็อดเผยรอยยิ้มไม่ได้ “ได้ยินว่าพ่อบ้านตระกูลจั๋วเป็ศิษย์สำนักเทียนกง และสหายน้อยจั๋วก็แบกรับมรดกสืบทอดของสำนักเทียนกงเอาไว้ พวกข้าอยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้”
คำพูดนี้มีความนัยแอบแฝง เขากำลังลองเชิงจั๋วอวิ๋นเซียน และเป็การแสดงท่าทีกับจุดยืนด้วย
“ลุงเยี่ยนเป็ศิษย์สำนักเทียนกงจริง แล้วข้าก็ติดตามเรียนศาสตร์วิชาเทียนกงกับลุงเยี่ยนมาไม่น้อย…”
จั๋วอวิ๋นเซียนพยักหน้า แต่เขาส่ายศีรษะอีกครั้ง “แต่มรดกสืบทอดของสำนักเทียนกงนั้นไม่มีจริงๆ ต่อให้มีข้าก็คงไม่มีทางเอาออกมา และข้ารู้คุณค่าของตัวเอง หากข้าไม่มีประโยชน์ต่อพวกท่านเลยแม้แต่น้อย ท่านเ้าเกาะทั้งสามจะยอมรับข้าหรือ?”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ จั๋วอวิ๋นเซียนเปลี่ยนน้ำเสียงแล้วกล่าวว่า “ท่านเ้าเกาะทั้งสามวางใจได้ ในเมื่อข้ามายอมจำนน ผู้น้อยก็จะพยายามทำประโยชน์เพื่อเกาะสามเซียนสุดความสามารถ แน่นอนว่าเพื่อมีชีวิตรอดเป็เื่หนึ่ง แต่อีกเื่คือข้าอยากจะเอาศาสตร์วิชาที่ลุงเยี่ยนสอนข้ามาเผยแพร่”
“เหอะเหอะ สหายน้อยจั๋วเป็คนตรงไปตรงมามากจริงๆ”
จวงซวีเหยากล่าวด้วยใบหน้ากึ่งยิ้ม “หรือว่าเ้าไม่กลัวพวกเราใช้วิธีการบางอย่างมาบีบบังคับเ้า เอาครอบครัวมาข่มขู่เ้าหรือ? ที่จริงั้แ่เ้ามาที่นี่ก็หมายความว่าเ้าเสียคุณสมบัติในการเจรจาไปแล้ว”
“โอ้”
จั๋วอวิ๋นเซียนตอบรับคำหนึ่ง ก่อนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “เช่นนั้นเ้าเกาะทั้งสามคิดว่าข้าเป็พวกกลัวตายหรือ? กลัวถูกทรมานหรือ? หรือผู้าุโคิดว่าข้าจะยอมเชื่อฟังเพื่อคนที่รู้จักกันไม่นานเ่าั้?”
เมื่อลองคิดดูแล้วเ้าเกาะทั้งสามก็มิใช่คนเสียสละ จึงไม่คิดว่าจั๋วอวิ๋นเซียนจะเป็คนเสียสละเช่นกัน
จากนั้นจั๋วอวิ๋นเซียนกล่าวอย่างเ็า “จากสถานการณ์ร่างกายของข้าตอนนี้ เกรงว่าท่านเ้าเกาะทั้งสามคงไม่ต้องลงมือ และอีกอย่างพวกท่านคงตรวจสอบภูมิหลังของข้าไปแล้ว รู้ประวัติของข้าแล้ว เช่นนั้นก็น่าจะรู้จักนิสัยของข้า…”
เ้าเกาะทั้งสามมองหน้ากัน พวกเขานึกถึงบทวิเคราะห์นิสัยของจั๋วอวิ๋นเซียนทันที
จิตใจยึดมั่น ยอมหักไม่ยอมงอ
