เสี่ยวเมิ่งมองหยวนจุนที่เดินอยู่ข้างหน้าพลางนึกถึงสิ่งที่เขากล่าวกับคนตระกูลหลิว ซึ่งทำให้ในใจของนางมีความสุขขึ้นมาทันที จนมุมปากยกขึ้นเหมือนดั่งพระจันทร์เสี้ยว
เมื่อทั้งสองถึงหน้าประตูของโรงประมูล เสี่ยวเมิ่งดึงผ้าโปร่งสีดำขึ้นมาปิดบังใบหน้างามอีกครั้ง ก่อนที่ลักษณะท่าทางของนางจะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเทียบกับคนก่อนหน้าที่ดูร่าเริงและฉลาดหลักแหลม ตอนนี้ราวกับมิใช่คนเดียวกัน
ชุดสีดำเข้ารูปที่มีคอปกตั้งเพิ่มความเย่อหยิ่งและสูงศักดิ์นั้นทำให้ผู้คนไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่ในขณะเดียวกันกลับมีเสน่ห์อันน่าดึงดูด
ขณะที่กำลังพาหยวนจุนเข้าไปในห้องโถงของโรงประมูล เสี่ยวเมิ่งเห็นผู้จัดการฉางกำลังสนทนาบางอย่างกับผู้ประมูล ก่อนจะเดินมาหาพวกนางด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเขาเหลือบมองหยวนจุน ใบหน้าปรากฏความประหลาดใจออกมาเล็กน้อย
ครั้งที่แล้วเขาเห็นหยวนจุนมากับหลิวหรูเยียนด้วยตาของตนเอง แต่วันนี้กลับเดินมากับนักสร้างในสังกัดของเขา เื่นี้ทำให้ผู้จัดการฉางถึงกับประหลาดใจในเส้นสายของหยวนจุน ในขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะสนใจในตัวเขา
“แม่นางกวน ที่เ้าบอกว่าจะไปหาคนผู้หนึ่ง คนผู้นั้นคือเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ นี้หรือ?”
ผู้จัดการฉางยกมือคำนับทั้งสองพร้อมทั้งแสดงรอยยิ้มจางๆ ดวงตาคู่นั้นดูเป็มิตร ทั้งยังไม่ปรากฏท่าทีที่ไม่ให้เกียรติออกมาอีกด้วย
การที่เขาสามารถเดินมากับนักสร้างอาวุธระดับสองได้ เขาต้องมีสิ่งใดที่แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างแน่นอน อย่างน้อยทั้งเมืองเทียนอวิ่นก็ไม่มีผู้ใดที่สามารถทำเช่นนี้ได้!
“ถูกต้อง เขาคือหยวนจุน เป็สหายของข้า”
“หยวนจุน!” รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้จัดการฉางหุบลงในทันที สายตาที่ดูเหมือนใเล็กน้อยมองมายังหยวนจุน
สองวันมานี้ เื่ที่ตระกูลหลิวได้สิทธิ์ในการูเาสองแดนกลับคืนมาอีกครั้งหลังจากผ่านไปหกปีได้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองเทียนอวิ่น เมื่อเขารู้เื่นี้ยังอดไม่ได้ที่จะชื่นชมพี่น้องตระกูลหลิว
จากคำกล่าวอ้างของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เขาบอกว่าหลิวซินไห่กับหลิวหรูเยียนที่คิดว่าจะทำได้ดี กลับถูกเมืองลั่วฝานจัดการ สุดท้ายทั้งคู่ก็พ่ายแพ้ให้แก่เมืองลั่วฝาน
และผู้ที่ชนะการประลองทั้งสองรอบเพื่อตระกูลหลิว คือวีรบุรุษที่มีนามว่าหยวนจุน!
เขาบ่มเพาะถึงแค่ระดับวงแหวนใหญ่ขั้นสี่ แต่สามารถเอาชนะระดับวงแหวนใหญ่ขั้นห้าได้ด้วยสองฝ่ามือ เขาได้รับชัยชนะอย่างง่ายดายจนทุกคนในที่นั้นถึงกับแปลกใจ
เหตุผลที่หยวนจุนมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อยๆ มิใช่เพราะเขาสามารถเอาชนะต้วนเชียนได้ แต่เพราะเขาสามารถเอาชนะเซียวหานได้ต่างหาก
การประลองนั้นทำให้ทุกคนตกตะลึง แม้เซียวหานจะพยายามป้องกันทุกวิถีทางแล้ว แต่นางก็ไม่สามารถชิงความได้เปรียบมาจากหยวนจุนได้
ในเมืองเทียนอวิ่นนั้นรู้ดีว่านางเป็หญิงงามที่เก่งกาจ สามารถจัดการกับหลิวซินไห่ได้ แต่สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ให้แก่หยวนจุน
เื่นี้เป็ที่รู้กันทั่วเมืองเทียนอวิ่น หลิววั่นซานจึงได้ถ่ายทอดคำสั่ง ตัดสินใจว่าจะให้หยวนจุนกับหลิวหรูเยียนเข้าพิธีสมรสในวันที่ตระกูลหลิวขึ้นูเาสองแดนอย่างเป็ทางการ
ในสายตาของผู้คนส่วนใหญ่ เช่นนี้เหมือนได้รับสิ่งของที่ฟากฟ้าประทานให้หล่นลงมา มิรู้ว่ามีบุรุษมากมายเท่าไรที่ใฝ่ฝันอยากหญิงงามอย่างหลิวหรูเยียน
แม้แต่เจียงเฮ่อ มู่เฟิง หรือคนอื่นๆ ก็ยังไม่สามารถเอาชนะใจหลิวหรูเยียนได้ แต่หยวนจุนที่ไม่รู้เป็ใครมาจากไหนกลับได้รับโอกาสนี้ไป
เมื่อผู้จัดการฉางได้สติกลับมาจากเื่ที่กำลังแพร่กระจายอยู่ เขารีบโค้งคำนับให้หยวนจุนอย่างสุภาพ และปราศจากท่าทีดูแคลน
ผู้จัดการฉางรู้ว่า แม้ตอนนี้หยวนจุนจะยังมิใช่นักยุทธ์ระดับจันทรา แต่วันหนึ่งชื่อของเขาจะต้องดังกึกก้องไปทั่วทุกแห่งในมหาภพหลิงเทียนอย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับจักรพรรดิของหนึ่งในเก้าแดนิญญา จักรพรรดิหยวนจุนแห่งดินแดนิญญาจุน ที่ได้รับการเคารพนับถือจากผู้คน!
ซึ่งทั้งสองยังบังเอิญมีชื่อที่เหมือนกันอีกด้วย
“กล่าวตามตรง เื่ที่ข้าแซ่ฉางได้ยินมากที่สุดในขณะนี้ คงเป็เื่การประลองระหว่างเมืองเพื่อชิงสิทธิ์ในการูเาสองแดน ข้าไม่คิดเลยว่า หยวนจุนที่ผู้คนกำลังกล่าวถึงอยู่นั้น แท้จริงคือบุรุษที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าข้า!”
เหตุผลที่หยวนจุนไม่ถูกเชื่อมโยงกับบุรุษที่มากับหลิวหรูเยียนในวันนั้น เพราะผู้จัดการฉางััถึงพลังปราณดาราที่อยู่ในตัวเขาไม่ได้แม้แต่น้อย
หากมิใช่เพราะเสี่ยวเมิ่งเอ่ยปากบอกว่าบุรุษที่อยู่ตรงหน้านี้คือหยวนจุน เขาคงจะไม่สงสัยสิ่งใด
ผู้จัดการฉางผายมือเชิญทั้งสองคน เพื่อเป็นัยบอกให้พวกเขาเดินตรงไปข้างหน้า
ขณะที่กำลังนำทาง เขาก็ไม่ลืมที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เป็วีรบุรุษที่อายุน้อยเสียจริง แม้สหายน้อยหยวนจุนจะอายุเพียงแค่สิบหกสิบเจ็ดปี แต่สามารถบ่มเพาะพลังมาจนถึงระดับนี้แล้ว คาดว่าอีกไม่นานคงต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน!”
“กล่าวชมเกินไปแล้ว หยวนจุนมีทักษะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
เมื่อกล่าวถึงทักษะ ผู้จัดการฉางยิ้มแล้วส่ายหัว จากนั้นจึงกล่าวว่า “ไม่ว่าจะมีทักษะมากหรือน้อย นั่นล้วนแต่เป็ความสามารถ แม้แต่เซียวหานผู้หยิ่งผยองแห่งเมืองลั่วฝานก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของเ้า หากเ้าบอกว่าตนเองมีทักษะเพียงเล็กน้อย เช่นนั้นคงมีนักยุทธ์อีกมากมายที่ไม่สามารถลงสนามประลองได้อีกแล้ว ฮาฮา”
แม้ผู้จัดการฉางจะกล่าวหยอกล้อหยวนจุน แต่ก็มิได้มีเจตนาที่จะประชดประชัน ทักษะของหยวนจุนนั้นดีเลิศจนทำให้เขาถึงกับต้องเอ่ยปากออกมา อีกทั้งความสามารถในการซ่อนปราณดาราที่หยวนจุนมีนั้นยังมิใช่สิ่งที่ทุกคนจะสามารถทำได้ด้วย
ทั้งสามเข้าไปในห้องที่หรูหรา ผู้จัดการฉางนั่งตรงข้ามกับพวกเขาก่อนจะค่อยๆ กางแขนออกมา จากนั้นแร่และผลึกอสูรมากมายที่ละลานตาก็ปรากฏอยู่บนโต๊ะ
เมื่อเห็นวัตถุแร่ผลึกที่ใช้ในการกลั่น หยวนจุนอดไม่ได้ที่กลืนน้ำลาย แร่ผลึกทั้งหมดนี้เป็วัตถุที่มีราคาสูง ซึ่งเพียงพอที่จะกลั่นอาวุธระดับิญญาขั้นสองได้มากมาย
“แม่นางกวน ลำบากแล้ว!”
เสี่ยวเมิ่งพยักหน้าเบาๆ มือเรียวเก็บวัตถุแร่ผลึกพวกนั้นลงในแหวนมิติ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “ภายในสิบวัน ข้าจะมอบอาวุธระดับิญญาขั้นสองให้สิบชิ้น”
เมื่อได้ยินนางตอบตกลงด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น ใบหน้าของผู้จัดการฉางจึงเต็มไปด้วยความพอใจ เขากล่าวออกมาอีกไม่กี่ประโยคก่อนจะออกไปอย่างอารมณ์ดี
“เ้าขึ้นบัญชีเป็ผู้าุโของโรงประมูลด้วยหรือ?” หยวนจุนถามเสี่ยวเมิ่งเบาๆ
นางปลดผ้าโปร่งที่ใช้คลุมหน้าอยู่ออกไป จากนั้นจึงบิดร่างกายเพื่อผ่อนคลาย และเอ่ยเสียงเบาๆ ในลำคอ
“โรงประมูลคะยั้นคะยอให้ข้าขึ้นบัญชีเป็ผู้าุโเพื่อที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ข้า และหากข้า้าใช้อำนาจจากโรงประมูลในวันข้างหน้า สิ่งนี้ถือเป็สิ่งที่สำคัญด้วยเช่นกัน”
“ท่านปู่จะต้องไม่ตายเปล่า” เมื่อเอ่ยถึงเื่นี้ ใบหน้าของเสี่ยวเมิ่งก็ดูเศร้าสร้อยในทันที
เพื่อหลีกเลี่ยงการสนทนาเื่นี้ หยวนจุนจึงส่งสายตาแปลกใจไปให้นาง แล้วถามเสียงเบาว่า “ข้าได้ยินผู้จัดการฉางเรียกเ้าว่าแม่นางกวน?”
“แล้วเหตุใดจึงจะเรียกมิได้!? ในเมื่อท่านปู่ของข้าแซ่กวน ข้าก็ต้องแซ่กวนอยู่แล้ว อีกอย่างถ้าเ้าไม่ถามเื่นี้ข้าคงเกือบลืมไปแล้ว! เ้านั้นพรากความบริสุทธิ์ไปจากข้า แต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าแซ่อะไร!”
เมื่อเห็นเสี่ยวเมิ่งยกริมฝีปากสีชมพูขึ้นด้วยความโกรธเคือง หยวนจุนถึงกับยิ้มไม่ออก ก่อนเขาจะกล่าวว่า “ที่เ้ากล่าวมานั้นมิใช่ความจริงเสียหน่อย เมื่อตอนอยู่ในสุสาน เห็นได้ชัดๆ ว่าเ้าพรากความบริสุทธิ์ของข้าไปต่างหาก!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้