ฮั่วเสี่ยวเหวินพาจางอิ่นเซิงเข้าไปในบ้านตัวเอง บอกให้เขาพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ค่อยคิดเื่ไปทำงานรับจ้าง
ฮั่วเสี่ยวเหวินโมโหมากจริงๆ เธอตรงไปยังบ้านของจางอิ่นเซิง ผลักประตูเข้าไป เห็นหญิงวัยกลางคนที่ป่วยเป็โรคตาแดงกำลังกวาดพื้นอยู่คนเดียว
สอบถามแล้วจึงได้รู้ว่าพวกจางอิ่นปินทั้งสามคนไปทำงานที่นาแล้ว
นาของครอบครัวจางอิ่นเซิงอยู่ห่างจากบ้านไม่ไกล อยู่แถวคลองน้ำเย็น ฮั่วเสี่ยวเหวินรู้จักพอดี
ใช้เส้นทางูเาเดินมาถึงคลองน้ำเย็น ฮั่วเสี่ยวเหวินเห็นพวกจางอิ่นปินกำลังขุดดิน ภาพฉากอันเรียบง่ายที่ปรากฏเป็ครอบครัวเล็กๆ กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นเช่นนี้น่าจะทำให้คนที่ไม่รู้เื่รู้ราวมาก่อนรู้สึกอิจฉา
“โอ้ ราชินีเต้าหู้มาแล้ว” จางอิ่นปินเท้าเอวด้วยมือทั้งสองข้าง เขาพูดอย่างเอ้อระเหยลอยชาย ไม่เปลี่ยนไปสักนิด
หลินเข่อเอ๋อร์โยนจอบลงบนดินที่เพิ่งขุด “เสี่ยวเหวิน ได้ยินว่ากิจการของเธอทำเงินได้ไม่น้อยเลย”
ฮั่วเสี่ยวเหวินเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหลินเข่อเอ๋อร์เป็ ‘คนค้าขาย’ เช่นกัน หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายตระเวนขายเมล็ดพันธุ์ไปทั่วก็คงไม่ได้เจอจางอิ่นเซิงกระมัง
“ฉันมาหาคุณเพราะอยากหารือเื่วิธีหาเงินก้อนใหญ่ด้วยกัน”
หลินเข่อเอ๋อร์รีบวิ่งมาหาทันที พื้นที่เพิ่งกลับหน้าดินขึ้นมาถูกเธอเหยียบเละไปหมด
จางอิ่นปินทำท่าจะตามมาด้วย เขายิ้มหน้าระรื่นบอกว่า บอกวิธีหาเงินให้ฉันรู้ด้วยคนสิ
ชายวัยกลางคนยกเท้าเตะเขา ดินโคลนเหนียวๆ เกาะเต็มขา “ตั้งใจขุดดินไปเถอะ แกไม่มีหัวด้านนั้น”
กลิ่นจากต้นไม้สดชื่นมาก ความโกรธที่สะสมในใจของฮั่วเสี่ยวเหวินเบาบางลงไม่น้อย เธอเด็ดต้นหญ้ามาถือไว้ในมือ
เธอถามขึ้นว่า “เหตุใดจึงทำเช่นนี้กับจางอิ่นเซิง?”
หลินเข่อเอ๋อร์หน้าเปลี่ยนสี จากนั้นสีหน้าก็กลับไปเป็ปกติ “เธอไม่ต้องมายุ่งเื่ของพวกเรา” นึกไม่ถึงว่าเธอจะพูดได้แบบไม่สะทกสะท้านเช่นนี้ หรือจะไม่รู้สึกผิดเลยหรือที่ทำร้ายจางอิ่นเซิงหนักขนาดนี้?
ฮั่วเสี่ยวเหวินยิ้มเยาะ “เหยียบเรือสองแคม คงมีแค่คนหน้าหนาไร้ยางอายแบบคุณที่ทำได้”
หลินเข่อเอ๋อร์มองฮั่วเสี่ยวเหวิน “จางอิ่นเซิงไม่ได้เื่เอาเสียเลย กล้าเอาเื่เช่นนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟังไปทั่ว” พูดแล้วก็เดินกลับไปหาจางอิ่นปิน เธอไม่มีอารมณ์มาคุยเื่พวกนี้กับเด็กผู้หญิง
“จางอิ่นปินมีอะไรดีกัน?”
มีแค่หน้าตาที่เหมือนจางอิ่นเซิงไม่ใช่หรือ? หลินเข่อเอ๋อร์ไม่ตอบและตรงกลับไปหาจางอิ่นปิน
ฮั่วเสี่ยวเหวินจนปัญญา สุดท้ายตัวเองก็มาเสียเที่ยว อีกฝ่ายไม่คิดเป็จริงเป็จังกับเธอแม้แต่น้อย
เช่นนั้นก็กลับเถอะ เธอรู้สึกไร้ซึ่งกำลังใดๆ เหมือนกับตอนที่เกลี้ยกล่อมจางหวาไม่มีผิด เฮ้อ เมื่อไรตัวเองจะเป็ผู้ใหญ่นะ?
ครั้นกลับถึงบ้านฮั่วเสี่ยวเหวินพบว่าจางอิ่นเซิงไม่อยู่ที่นี่แล้ว ไม่ใช่กระมัง เขาไม่ได้พกสัมภาระอะไรมาเลยนะ
เธอเดาได้ถูกแล้ว จางอิ่นเซิงจากไปแล้วจริงๆ เขาทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งไว้ที่บ้าน
จางอิ่นปินเป็คนเจอจดหมายฉบับนี้ในระหว่างมื้อเย็น เขาคลี่จดหมายออก ในนั้นเขียนไว้ว่า ‘ผมไปทำงานในเมือง ไม่ต้องตามหา ต่อไปคงไม่กลับมาอีก’
ตอนที่เห็นข้อความเหล่านี้หลินเข่อเอ๋อร์เหมือนโดนไฟฟ้าดูด เธอเดินออกไปในจังหวะที่คนอื่นๆ กำลังคุยกันว่าจะไปตามหาจางอิ่นเซิงหรือไม่
เื่เมื่อตอนนั้นปรากฏขึ้นในหัวของเธอ
่มัธยมปลายเธอเห็นเขาอยู่คนเดียวตลอด บางครั้งก็กินข้าวคนเดียว บางครั้งก็เดินคนเดียว แผ่นหลังที่เธอมองเห็นดูโดดเดี่ยวเดียวดายเสมอ
หลินเข่อเอ๋อร์ค่อยๆ เอาตัวเข้าใกล้ด้วยความระมัดระวัง ่แรกจางอิ่นเซิงมีความต่อต้านเล็กน้อย แต่ต่อมาทั้งสองก็อยู่ด้วยกันไม่ห่างเหมือนเงาตามตัว เธอจะรอไปกินข้าวด้วยกันกับเขาหลังเลิกชั้นเรียนทุกวัน
ในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้ามามอบจดหมายรักที่ตัวเองเขียนอย่างสวยงามให้เขา จางอิ่นเซิงรับไปอย่างเขินอาย
แต่ต่อมา เธอกลับไม่ได้เจอจางอิ่นเซิง เสมือนว่าเขาคอยหลบหน้าเธออย่างไรอย่างนั้น
วันหนึ่งหลินเข่อเอ๋อร์ไปดักรอที่หน้าห้องเรียนของเขา จางอิ่นเซิงไม่อาจหลบเลี่ยงได้อีก เธอถามเขาไปว่า “พิจารณาถึงไหนแล้ว?”
เขาตอบกลับมาว่า “ฉันไม่ชอบเธอ”
หลินเข่อเอ๋อร์ทำท่าจะหันตัวจากไป แต่สุดท้ายก็ถามอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “เพราะอะไร?”
“เธอหน้าตาขี้เหร่”
เขาพูดไม่ผิด หลินเข่อเอ๋อร์รู้ตัวมาโดยตลอด แต่เมื่อได้ยินจากปากของเขา เธอกลับรู้สึกรับไม่ได้
เดิมทีเื่นี้ควรจบลงเมื่อการสอบเข้ามหาวิทยาลัยสิ้นสุดลง แต่ใครจะไปคิดว่าตัวเธอที่เร่ขายของไปทั่วจะได้มาเจอกับจางอิ่นปิน
เธอปั้นเื่โกหกเยอะมาก แม้แต่จางอิ่นปินยังเชื่อว่าเธอเดินทางเหน็ดเหนื่อยมาเพื่อพบจางอิ่นเซิง อีกทั้งเธอยังคอยแสดงออกว่าไม่อาจลืมความรักในอดีตอยู่บ่อยๆ
น้อยคนในหมู่บ้านที่จะได้เรียนถึงชั้นมัธยมปลาย ผู้หญิงในวัยเดียวกันที่เขารู้จักมีแต่พูดคุยเื่ไร้สาระ
ด้วยเหตุนี้จางอิ่นเซิงจึงตอบตกลงรับรักเธอ
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เกิดความเปลี่ยนแปลงเพราะการแทรกแซงของจางอิ่นปิน แต่จางอิ่นเซิงถูกปิดหูปิดตามาโดยตลอด
ความคิดของเธอถูกขัดจังหวะด้วยเสียงร้องไห้จากในบ้านและเสียงเกลี้ยกล่อมของจางอิ่นปิน
ไม่ถึงสองวันเื่นี้ก็กระจายไปทั่วหมู่บ้าน ขนาดคุณครูจางอิ่นเซิงยัง ‘เปลี่ยนอาชีพ’ ไปรับจ้าง แล้วยังจะมีใครในหมู่บ้านไม่เชื่ออีกว่าการรับจ้างเป็ลู่ทางที่ดี?
ในหมู่บ้านเกิดกระแสการออกไปทำงานที่อื่นขึ้นอีกครั้ง
หลังจากเจอความล้มเหลวมาแบบต่อเนื่อง ฮั่วเสี่ยวเหวินแอบสาบานกับตัวเองว่าต่อไปจะไม่ยุ่งเื่ครอบครัวของคนอื่นอีก ควรหันไปจดจ่อกับกิจการผักดองของตัวเองดีกว่า
เมื่อเดินทางมาถึงตำบลฮั่วเสี่ยวเหวินตรงไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอเตรียมบทโฆษณามาแล้วเรียบร้อย ‘สวัสดีค่ะเถ้าแก่ ฉันชื่อฮั่วเสี่ยวเหวิน ฉันอยากเพิ่มอาหารหนึ่งจานให้กับร้านของคุณ นั่นก็คือผักดองนั่นเองค่ะ ทั้งราคาถูกทั้งอร่อย และยังช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับอาหารในร้านของคุณด้วย’
แต่เมื่อเดินมาถึงหน้าร้านแล้วเธอก็ต้องหันตัวกลับ ก็ได้ เธอยอมรับว่าวิธีส่งเสริมการขายเช่นนี้ไม่สร้างสรรค์เอาเสียเลย เหตุผลฝืนๆ เช่นนี้ คนอื่นคงไม่มีอารมณ์มาฟังเธอพูดต่อด้วยซ้ำ
เช่นนั้นควรพูดอย่างไรดี? เธอนึกถึงวิธีส่งเสริมการขายที่ตลาดเกษตรกร และหัดะโตามหญิงวัยกลางคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน “ผักดองจ้ะ ผักดองอร่อยๆ”
อื้ม ทำแบบนี้แหละ อีกเดี๋ยวเจอเถ้าแก่ค่อยถามว่ารับผักดองหรือไม่
คิดได้ดังนี้ฮั่วเสี่ยวเหวินจึงเดินเข้าไปในร้านอย่างกล้าหาญ แต่แล้วก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินสวนออกมา ดูท่าทางแล้วอายุประมาณสิบห้าสิบหก เพราะร่างกายเพิ่งเจริญพันธุ์ได้ไม่นาน
“ไม่ทราบว่าทานอะไรดี? ร้านเรามีเกี๊ยวไส้เนื้อ มีวุ้นเส้น…”
อีกฝ่ายร่ายชื่ออาหารออกมาหลายอย่าง แต่ฮั่วเสี่ยวเหวินไม่สนใจฟัง เธอรีบพูดว่า “ร้านของพวกคุณรับผักดองหรือไม่คะ?”
เด็กหญิงส่ายหน้า “ไม่รับ”
ฮั่วเสี่ยวเหวินถามแบบสั้นๆ แต่อีกฝ่ายตอบกลับสั้นยิ่งกว่า
ฮั่วเสี่ยวเหวินมองเด็กหญิง ปากเผยอออก ทว่าสุดท้ายกลับไม่ได้พูดอะไร
เหงื่อเย็นซึมบนหน้าผาก ลมเย็นพัดผ่านแล้วรู้สึกหนาว ฮั่วเสี่ยวเหวินเดินออกจากร้านอาหารอย่างห่อเหี่ยว ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกไปเองหรือไม่ เธอเอาแต่รู้สึกว่าหลายคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์เธอ
การเสนอขายครั้งแรกถูกปฏิเสธแบบไปต่อไม่ถูก ฮั่วเสี่ยวเหวินไม่มีความกล้าที่จะไปเสนอขายที่อื่นอีก เธอซื้อซาลาเปามากินสองลูกแล้วกลับหมู่บ้านทันที
เื่ราวไม่ได้ราบรื่นแบบที่เธอคิด ฮั่วเสี่ยวเหวินถึงกับคิดด้วยความสิ้นหวังด้วยซ้ำว่าจะเอาไปขายที่ตลาดเกษตรกรให้จบๆ
ส่วนจางเจียิกลับบ้านมาในสภาพตัวเหม็นเช่นเดิม เขาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างเหน็ดเหนื่อย ฮั่วเสี่ยวเหวินเหนื่อยทั้งกายทั้งใจแต่ก็ยังไปต้มน้ำร้อนให้เขาอาบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้