หลิงมู่เอ๋อร์ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ถูกเขาจูงไป ระยะสามก้าวย่อเหลือสองก้าว “มีอะไรหรือ เกิดเื่ใดขึ้นแล้วใช่หรือไม่?”
“องค์ชายเจ็ดถูกคนลอบสังหารในงานเลี้ยง าเ็สาหัส” ซั่งกวนเซ่าเฉินน้ำเสียงราบเรียบ หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน เห็นได้ชัดว่าเื่นี้รับมือยากเป็อย่างมาก
“เหตุใดจึงเป็เช่นนี้?” หลิงมู่เอ๋อร์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึงอย่างยิ่ง เป็ผู้ใดที่ใจกล้าถึงเพียงนี้ กล้าลงมือในงานแต่งงานขององค์ชาย? อีกทั้ง โจวฉี่เยี่ยนบอกว่าองค์ชายเจ็ดฝีมือไม่ธรรมดา ยามนั้นก็มีองครักษ์มากมายอยู่ที่นั่น “เช่นนั้น แม้แต่พี่ใหญ่ก็ต่อสู้ไม่ได้หรือ?”
ซั่งกวนเซ่าเฉินประคองนางขึ้นม้าก่อน จากนั้นพลิกกายอย่างคล่องแคล่วไปนั่งอยู่หลังของหลิงมู่เอ๋อร์ เมื่อบังเหียนม้าสะบัด ม้าก็ควบตะบึงไปบนท้องถนน
“มือสังหารมาอย่างกะทันหัน อาศัยที่พวกเราไม่ทันระวัง แต่เื่นี้บังเอิญเกินไป”
ราวกับซั่งกวนเซ่าเฉินเพิ่งจะพูดเื่นี้เสร็จ พวกเขาก็มาถึงทิงหลันสุ่ยเซี่ย นอกจากเหล่าองค์ชายและองค์หญิง บัดนี้ มิได้มีแขกคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่ในงานแล้ว สถานการณ์ที่รื่นเริงก็กลายเป็เงียบสงัดขึ้นมา
“แม่นางเซียนแพทย์ เชิญท่านทางนี้เ้าค่ะ” เมื่อเห็นหลิงมู่เอ๋อร์ ย่อมมีสาวใช้มานำทาง อ้อมผ่านห้องโถงหน้า จากนั้นได้ผ่านเรือนไปอีกสองหลัง จึงได้มาถึงเรือนหลัก
จากที่ไกล นางเห็นองค์หญิงเหลียนเอ๋อร์กำลังชะเง้อชะแง้อย่างเบื่อหน่าย เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ที่นางมีต่อองค์ชายเจ็ดธรรมดาเป็อย่างมาก หากมิใช่เพราะฐานะ เกรงว่าบัดนี้คงจากไปนานแล้ว
เหลียนเอ๋อร์เมื่อเห็นนางก็ตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน “เหตุใดจึงเป็เ้า?” เมื่อมองซั่งกวนเซ่าเฉินที่อยู่เื้ัหลิงมู่เอ๋อร์ เหลียนเอ๋อร์หลันะโไปอยู่เบื้องหน้าของเขาทันที คิดอยากไปเกาะแขนเขา “พี่ซั่งกวน?”
แต่ไรมาซั่งกวนเซ่าเฉินก็เป็พวกสงวนตัว นอกจากหลิงมู่เอ๋อร์แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยใกล้ชิดสตรีนางใดมาก่อน ในยามที่ร่างขององค์หญิงเหลียนเอ๋อร์กำลังะโลงมานั้น เขาก็หลบออกอย่างไร้ร่องรอย “องค์หญิงโปรดสงวนองค์ด้วย”
เมื่อได้ยินคำนี้ หลิงมู่เอ๋อร์ก็พ่นหัวเราะออกมา ใบหน้าร้อนๆ นี้ไปแนบกับบั้นท้ายเย็นๆ ช่างเชื่องเชื่อเหลือเกิน
“เ้าหัวเราะอะไร หลิงมู่เอ๋อร์? หากมิใช่เห็นแก่ที่เ้ายังพอมีความสามารถอยู่บ้าง เ้าคิดว่าสามารถมาโอหังอยู่ที่ทิงหลันสุ่ยเซี่ยแห่งนี้หรือ? เหอะ”
ถูกคนทำให้เสียหน้า องค์หญิงเหลียนเอ๋อร์โทโสเป็อย่างมาก นำความโกรธทั้งหมดมาระบายลงบนตัวหลิงมู่เอ๋อร์
ช่วยคนเร่งด่วนกว่า ี้เีจะไปเอาเื่กับนาง หลิงมู่เอ๋อร์อ้อมตัวของนางเข้าไปยังห้องด้านใน
ยามนี้ องค์ชายเจ็ดนอนอยู่บนเตียงใบหน้าซีดขาว แขนซ้ายและหน้าอกล้วนมีเืจำนวนมาก แม้จะถูกพันไว้แล้ว แต่คนได้ตกอยู่ในอาการหมดสติแล้ว
“แม่นางเซียนแพทย์ รับดูอาการน้องเจ็ดของข้าเถิด มือสังหารผู้นี้ช่างโอหังเหลือเกิน ถึงกับกล้าลงมือในทิงหลันสุ่ยเซี่ย รอจนเปิ่นหวางจื่อจับเขาได้จะต้องไม่ปรานีอย่างแน่นอน!” หลังองค์ชายหกเห็นหลิงมู่เอ๋อร์ ก็เป็คนแรกที่เดินเข้ามา ความเป็ห่วงที่เต็มใบหน้าราวกับเป็ห่วงองค์ชายเจ็ดอย่างมาก
มีผู้ใดไม่รู้ว่า นอกจากองค์ชายเจ็ดแล้ว องค์ชายหกคือผู้ที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาเหล่าองค์ชาย หากไม่มีองค์ชายเจ็ดอยู่ เกรงว่าตำแหน่งของรัชทายาทในอนาคตก็จะเป็ของเขาแล้ว น่าเสียดายที่คนผู้นี้ขี้ระแวงเกินไป ครั้งนี้ที่เป็ห่วงองค์ชายเจ็ดถึงเพียงนี้ ก็เป็เพราะอยากได้รับชื่อเสียงดีงามว่ามีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับพี่น้องกระมัง
“ขอองค์ชายหกโปรดทรงวางพระทัย มู่เอ๋อร์จะต้องพยายามสุดกำลังแน่เพคะ”
นำกล่องยาวางลงพื้น หลิงมู่เอ๋อร์จะก้าวเข้าไปตรวจชีพจรให้กับองค์ชายเจ็ด แต่พึ่งก้าวออกไปได้สองก้าว ร่างกายก็ถูกแขนยาวข้างหนึ่งขวางไว้
“รอก่อน หลิงมู่เอ๋อร์ เ้าดื่มสุรามา?” องค์หญิงเหลียนเอ๋อร์จงใจเข้าใกล้ร่างนาง สูดดมกลิ่น เมื่อมั่นใจว่าเป็กลิ่นสุรา นางก็ขมวดคิ้วมองทุกคน “ทุกคนรีบดู นี่ก็คือแม่นางเซียนแพทย์ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วเมืองหลวง นางจะดื่มสุราได้อย่างไร? ดื่มสุราแล้วยังมาตรวจอาการให้พี่เจ็ดอีก นี่หากเกิดสิ่งใดขึ้นมา นางรับผิดชอบไหวหรือ?”
จะอย่างไรก็ไม่อาจให้หลิงมู่เอ๋อร์มีหน้ามีตาในสถานการณ์เช่นนี้ได้
หลิงมู่เอ๋อร์ดื่มสุราเป็เพื่อนเซิงเอ๋อร์ไปไม่น้อย บนร่างมีกลิ่นสุราย่อมเป็เื่ที่แน่นอนอยู่แล้ว แต่วันนี้ผู้ที่อยู่ในงาน มีผู้ใดบ้างที่ไม่ได้ดื่มสุรากัน? หากมิใช่เหลียนเอ๋อร์กล่าวเตือนเช่นนี้ คนทั้งหมดก็คงไม่ใส่ใจเช่นกัน
องค์ชายจะอย่างไรก็คือองค์ชาย หากหมอผู้หนึ่งเป็เพราะดื่มสุราทำให้การรักษาองค์ชายจนล่าช้า หรือกล่าวว่า เป็เพราะดื่มสุราทำให้ใช้ยาผิด จับชีพจรผิด ผู้ที่อยู่ที่นี่ล้วนไม่อาจหลีกเลี่ยงความเกี่ยวข้องได้
คนผู้หนึ่งค่อยๆ สาวเท้าเข้ามา “แม่นาง ท่านมีความมั่นใจที่จะช่วยเหยียของข้าหรือไม่? เหยียได้รับาเ็สาหัส อาการหนักหนาอย่างมาก หากท่านไม่มีความมั่นใจแล้วละก็…”
คำพูดของหญิงสาวยังไม่ทันพูดจบ ดวงตาที่กระจ่างใสเจิดจ้าดวงหนึ่งก็จ้องมายังนาง
หลิงมู่เอ๋อร์จำได้แล้ว ท่านนี้ ก็คือพระชายาขององค์ชายเจ็ดผู้ถอดมงกุฎหงส์และเครื่องประดับออกแล้ว เห็นนางใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ไม่คล้ายเสแสร้ง ริมฝีปากของหลิงมู่เอ๋อร์แย้มออกเล็กน้อย “ข้าย่อมมีความมั่นใจแน่นอน”
“เหอะ ความมั่นใจของเ้ามีผู้ใดสามารถพิสูจน์ได้? ข้าขอบอกเ้าหลิงมู่เอ๋อร์ ที่นี่เป็จวนขององค์ชายเจ็ด ไม่เหมือนพวกชาวบ้านชั้นต่ำด้านนอกพวกนั้น หากเ้าทำให้พี่เจ็ดของข้าได้รับาเ็แล้วละก็ เ้ามีสิบหัวก็ไม่พอให้ตัด” องค์หญิงเหลียนเอ๋อร์เชิดศีรษะ เปล่งความดุร้าย ความดูแคลนในดวงตาชัดเจนถึงเพียงนั้น
“ในเมื่อท่านไม่เห็นคุณค่าของมู่เอ๋อร์ เช่นนั้นพวกเราจากไปก็พอแล้ว” หลิงมู่เอ๋อร์กล้ำกลืนความโกรธครั้งนี้ลงไปได้ แต่ซั่งกวนเซ่าเฉินกลับไม่อาจกลืน
จับข้อมือของหลิงมู่เอ๋อร์ได้ก็จากไป แม้วันหลังฝ่าาจะทรงตำหนิ เขาก็จะรับผิดชอบไว้เอง ผู้หญิงของเขาตัวเขาเองยังทำใจรังแกไม่ลง คนพวกนี้กลับกล้า!
“รอก่อน หลิง แม่นางหลิง…” เสียงที่ลำบากอย่างมากดังมาจากด้านหลัง หลิงมู่เอ๋อร์และซั่งกวนเซ่าเฉินรีบหันสายตากลับไปทันที
องค์ชายเจ็ดฟื้นแล้ว
ผู้เป็แพทย์ดวงจิตดุจบิดามารดา องค์ชายเจ็ดาเ็สาหัสถึงเพียงนั้น นางมีฐานะเป็หมอ หากเป็เพราะเื่เล็กเพียงนี้ก็สะบัดศีรษะจากไป จึงจะเป็การเสียทีที่มีทักษะติดกายเช่นนี้
เพียงแต่ ในยามที่นางผ่านข้างกายขององค์หญิงเหลียนเอ๋อร์ไปนั้น ในมุมที่ผู้อื่นมองไม่เห็น ก็แอบวางยานางเล็กน้อย
ถึงอย่างไร ก็เป็องค์หญิงเหลียนเอ๋อร์ที่วางยานางก่อน นางก็เพียงแต่ตอบแทนกลับตามมารยาทเท่านั้น
“องค์ชายเจ็ดโปรดวางใจ แม้ข้าจะดื่มสุราไป แต่จะไม่กระทบต่อการตรวจอาการให้ท่านแน่นอน แน่นอนว่าหากข้าไม่สามารถทำได้จริงๆ ก็จะจากไปในทันที จะไม่ทำให้อาการป่วยของท่านชักช้าแน่นอน” นางกล่าวเช่นนี้เพียงแต่ถ่อมตนเท่านั้น ในโลกแห่งนี้ ยังไม่มีโรคที่นางรักษาไม่ได้จริงๆ เพียงแต่ไม่อยากให้ในบรรดาองค์ชายองค์หญิงพวกนี้มีเหลียนเอ๋อร์จอมปัญญาอ่อนคนที่สองขึ้นมาอีก ทำให้เสียเวลาในการตรวจอาการของนาง
“รบกวนแม่นางแล้ว” คำง่ายๆ เพียงสี่คำ ราวกับใช้เรี่ยวแรงหมดทั้งร่างขององค์ชายเจ็ด หลังพูดจบเขาก็อ่อนแรงจนกึ่งหมดสติไปอีกครั้ง
หลิงมู่เอ๋อร์ตรวจดูาแของเขาก่อน จากนั้นจึงตรวจชีพจรให้เขา ไม่นานก็หยิบลูกกลอนอีกเม็ดหนึ่งขึ้นมาให้เขากินลงไป เมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงได้หันศีรษะกลับมา ยังคงตัดสินใจวางสายตาไปที่ร่างพระชายาขององค์ชายเจ็ด “าแที่แขนและหลังขององค์ชายเจ็ดเพียงแต่บาดิัเท่านั้น พวกท่านห้ามเืให้พระองค์ได้ดีมาก แต่กระบี่ที่หน้าอกนี้ขาดไปเพียงระยะเส้นขนก็จะถูกจุดสำคัญ ร้ายแรงเป็อย่างมาก อีกทั้งปลายดาบยังถูกคนทายาพิษไว้ หากไม่กำจัดให้ดี ิับริเวณนี้จะเน่าเปื่อย กระทั่งเป็เหตุให้อวัยวะภายในได้รับความเสียหาย บัดนี้ ข้าจะช่วยทำความสะอาดาแอย่างละเอียด มิทราบว่าพระชายาขององค์ชายเจ็ดสามารถให้คนทั้งหมดจากไปก่อนได้หรือไม่เพคะ?”
คนที่คุ้นเคยกับหลิงมู่เอ๋อร์ต่างก็ทราบว่า เวลานางทำการรักษามีความเคยชินอย่างหนึ่ง ก็คือในยามเกี่ยวพันถึงาแที่มีความซับซ้อนไม่อาจให้มีคนนอกคอยดูอยู่ด้วย
เหล่าชาวบ้านคิดว่านี่เป็นิสัยพิเศษเฉพาะตัวของนาง ที่จริงแล้ว เป็เพราะว่าในยุคสมัยนี้ หากนางนำเข็มและด้ายขึ้นมาเย็บาแ กลัวว่าพวกเขาจะรับไม่ไหวเท่านั้น
“ได้ ขอเพียงสามารถทำให้เหยียกลับมาดีได้เร็วขึ้น ท่านให้ข้าทำสิ่งใดก็ย่อมได้” ชายาขององค์ชายเจ็ดอ่อนโยนและรู้เหตุผลเป็อย่างมาก หันสายตากลับมากล่าวขอโทษทุกคนทีละคน แม้แต่ซั่งกวนเซ่าเฉินก็ถูกเชิญออกไป ก่อนจากไปก็กล่าวกับหลิงมู่เอ๋อร์ว่าลำบากแล้ว
คนทั้งหมดเป็เพราะเป็ห่วงความปลอดภัยขององค์ชายเจ็ดจึงไม่มีผู้ใดพูดอะไรมาก มีแต่องค์หญิงเหลียนเอ๋อร์ที่ก่อนจากไปยังข่มขู่ด้วยความโมโหอย่างไม่ยินยอมว่า “เหอะ หลิงมู่เอ๋อร์ ทางที่ดีเ้าจงมีความมั่นใจว่าสามารถรักษาพี่เจ็ดของข้าได้ ไม่เช่นนั้น ข้าจะต้องให้เสด็จพ่อปะาเ้าเก้าชั่วโคตรแน่”
หลิงมู่เอ๋อร์ย่อมไม่มีทางไปสนใจว่าเหลียนเอ๋อร์จอมปัญญาอ่อนกล่าวสิ่งใด คิดถึงว่า ภายหน้านางจะไม่อาจโอหังได้อีก นางยังหัวเราะออกมาเบาๆ
ด้านหนึ่งนางช่วยองค์ชายเจ็ดจัดการาแ อีกด้านก็สำรวจผู้ป่วยบนเตียงอย่างละเอียด “องค์ชายเจ็ดมีคำกล่าวใดจงรีบกล่าวเถิดเพคะ ข้ากลัวว่าอีกครู่ องค์หญิงเหลียนเอ๋อร์จะบุกเข้ามาอีก ทำให้แผนการของท่านล่าช้าออกไป”
ไม่ผิด เป็เมื่อครู่ในยามที่นางตรวจชีพจรให้องค์ชายเจ็ดนั่นเอง แขนเสื้อถูกเขาดึงเบาๆ ทีหนึ่ง รวมกับที่ซั่งกวนเซ่าเฉินกล่าวว่าเื่นี้มีความแปลกประหลาด นางจึงได้จงใจบอกอาการให้ดูสาหัส และก็ตั้งใจให้พระชายาขององค์ชายเจ็ดพาคนทั้งหมดออกไป
“ขอบคุณแม่นางหลิงที่ช่วยเหลือ น้ำใจในครั้งนี้ เปิ่นหวางจื่อจดจำไว้แล้ว”
ทั้งที่เป็คนที่หมดสติไปครึ่งหนึ่ง บัดนี้ราวกับไม่มีปัญหา ดวงตาที่เปิดออกยิ่งเปล่งประกายสุกสกาว
“องค์ชายเจ็ด ทรงอย่าได้ขยับไปเรื่อยจะดีกว่าเพคะ แม้จะทรงกับชับอีกฝ่ายไว้แล้วว่าอย่าได้ถูกอวัยวะสำคัญ แต่คำพูดของข้าเมื่อครู่ ก็มิได้เป็เท็จไปเสียหมด ปลายกระบี่นั้น หากคลาดเคลื่อนไปอีกแค่เฟินเดียว ละครปลอมๆ ของพระองค์ก็จะเปลี่ยนเื่จริงแล้ว”
เมื่อครู่ในยามที่เห็นาแ หลิงมู่เอ๋อร์ก็สงสัยเป็อย่างมากว่า ตำแหน่งของาแนี้ไม่มีสิ่งใดน่าสงสัยแม้แต่น้อย แต่หากคนผู้นั้น้าชีวิตขององค์ชายเจ็ดจริงๆ เหตุใดาแจึงได้ตื้นเช่นนี้ อีกทั้ง สามารถกระทำได้อย่างสมบูรณ์แบบจนถึงขั้นปิดฟ้าข้ามทะเลเช่นนี้ กลัวว่าอีกฝ่ายก็คงเป็ยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ
“หากเขาแม้แต่ฝีมือเพียงเท่านี้ก็ไม่มี ก็ไม่จำเป็ต้องอยู่ข้างกายข้าแล้ว ในเมื่อแม่นางหลิงไม่ว่าสิ่งใดก็สามารถคาดเดาได้ ข้า้าขอให้แม่นางช่วยเหลือเื่หนึ่ง”
การลอบสังหารแม้จะเป็เื่เท็จ แต่าเ็เป็เื่จริง ครั้งนี้ องค์ชายเจ็ดยังคงมีอาการอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงอยู่บ้าง น้ำเสียงที่กล่าววาจาก็มิได้แสดงความเหนือกว่าอย่างเช่นในครั้งแรกอีก
“ข้าเป็เพียงหมอคนหนึ่งเท่านั้น เื่ของราชวงศ์คิดว่าข้าคงไม่อาจช่วยสิ่งใดได้” พี่ใหญ่กล่าวแล้วว่า หากสามารถอยู่ห่างจากองค์ชายเจ็ดได้ ก็พยายามอยู่ห่างให้มากหน่อย การต่อสู้ในราชสำนักมิใช่สิ่งที่เขาสามารถเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยได้ หากเกิดถูกบางคนที่มีใจจับจ้องเอา นางจะตายอย่างไรก็ยังไม่รู้
“เซิงเอ๋อร์ได้แวะมาที่นี่ ที่เ้าจากไปก่อนก็เพื่อไล่ตามนาง เื่นี้มีแต่เ้าที่ช่วยได้”
น้ำเสียงขององค์ชายเจ็ดราบเรียบ ดวงตากลับจ้องนางนิ่งไม่ละสายตา มอบความรู้สึกวิงวอนอยู่บางส่วน
หลิงมู่เอ๋อร์อึ้งไป “ดังนั้น ท่านจึงตั้งใจให้ข้ามารักษาอาการให้ท่าน เื่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อพี่เซิงเอ๋อร์”
องค์ชายเจ็ดพยักหน้า “ใช่ มีเพียงเช่นนี้จึงสามารถทำให้พิธีการยุติลงกลางคัน เป็ข้าผิดต่อเซิงเอ๋อร์ ทว่า ข้ามีเพียงแต่ต้องทำเช่นนี้ จึงจะสามารถลดทอนการทำร้ายนางให้ตกต่ำไปมากกว่านี้ได้”
คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคำพูดเช่นนี้ จะออกมาจากปากผู้เป็องค์ชายซึ่งไร้หัวใจมานับแต่โบราณ
หลิงมู่เอ๋อร์พลันอิจฉาเซิงเอ๋อร์ขึ้นมาบ้างแล้ว องค์ชายเจ็ดสามารถทำเพื่อนางได้ถึงเพียงนี้ ใช้ความรักที่ลึกซึ้งถึงเพียงนี้ ก็ไม่เสียทีที่เซิงเอ๋อร์ร้องไห้เพื่อเขาจนตาแดง
“ท่านอยากให้ข้าอ้างการช่วยเหลือท่าน พาพี่เซิงเอ๋อร์มาที่นี่?” หลิงมู่เอ๋อร์คาดเดาอย่างใจกล้า
“บัดนี้ข้าพิ่งแต่งงาน หากเวลานี้ไปหาเซิงเอ๋อร์ มีแต่จะนำภัยไปสู่นาง เซิงเอ๋อร์มีนิสัยสันโดษ ปกติไม่ชอบกล่าวความในใจกับผู้อื่น หากปล่อยให้นางโศกเศร้าแต่เพียงผู้เดียวอยู่ที่อวี้เซิงจี ข้าไม่กล้าคิดเลยว่า จะเกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายเช่นใดขึ้นมาได้” ในดวงตาขององค์ชายเจ็ดเต็มไปด้วยความกังวล “แม่นางหลิงเปี่ยมด้วยสติปัญญา วันหน้าหากมีคำขอร้องใด ข้าย่อมตอบแทน”