ทริปท่องเที่ยวอดีตของเซวียเสี่ยวหรั่น [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     "ญาติผู้พี่ รีบเดินสิเ๽้าคะ ฉวยโอกาสที่ฟ้ายังไม่มืด ไปเดินเที่ยวในเมืองกับพวกเรา"

        เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางกวักมือไปด้านหลัง หลายวันมานี้ยามอยู่ต่อหน้าท่านหญิงหย่งเจีย เธอมักจะเรียกเขาว่าญาติผู้พี่บ่อยขึ้นจนเริ่มชิน

        ท่านหญิงหย่งเจียคล้องแขนเซวียเสี่ยวหรั่น พวงแก้มแดงระเรื่อ

        นางไม่สวมหมวกม่านเลียนแบบเซวียเสี่ยวหรั่น ถอดชุดที่หรูหราเกินไปรวมถึงเครื่องประดับราคาแพงออก ยามเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชนจะได้ไม่สะดุดตาเกินไป

        ผูหยางชิงหลันทำสีหน้าบูดบึ้ง เดินตามอยู่ด้านหลังท่าทางอิดๆ ออดๆ

        "ญาติผู้พี่ พาสาวใช้กับองครักษ์เป็๞ขบวนไปเดินตลาดจะสนุกตรงไหน ท่านออกไปกับพวกเราเถอะ มีท่านอยู่ ไม่ต้องใช้องครักษ์ติดตาม มีอิสระกว่ากันตั้งเยอะ" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางเดินเข้ามาใกล้

        ผูหยางชิงหลันปฏิเสธโดยไม่ลังเลล้อเล่นอันใด ใครจะไปเดินเล่นกับพวกนาง

        "เฮ่อ ญาติผู้พี่ ท่านทำกับสหายร่วมเล่นผู่เค่อของท่านเช่นนี้หรือ เช่นนั้นวงผู่เค่อวันพรุ่งนี้คงขาไม่ครบแล้วล่ะ"

        ผูหยางชิงหลันหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกไปชั่วขณะ หน็อยแน่... ยายเด็กคนนี้ถึงขนาดเอาเ๱ื่๵๹นี้มาขู่เขาเชียวหรือ พรุ่งนี้ก็ถึงเมืองหลวงแล้ว คิดหรือว่าเขาจะหลงกล

        จากนั้นก็ส่ายหน้าอย่างหนักแน่น

        "ฮึ ญาติผู้พี่ไม่มีคุณธรรมเอาเสียเลย จะปล่อยให้สตรีสองคนอย่างพวกเราออกไปเดินเล่นกันเองหรือ ดูท่าไพ่แข็งชุดใหม่ที่ทำออกมาคงไม่ต้องส่งไปให้ท่านแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นถอนหายใจ

        ผูหยางชิงหลันรู้สึกปวดหัวขึ้นมารำไร ไยเขาถึงมองไม่ออกว่าญาติผู้น้องที่ดูเหมือนจะเฉลียวฉลาดและแสนดี จะมีด้านเ๯้าเล่ห์แสนกลขนาดนี้

        เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเขายังคงไม่รับปาก ก็เดินกลับไปข้างท่านหญิงหย่งเจีย จากนั้นก็ทำตาปริบๆ กับดวงหน้าตกตะลึงของนาง "จวิ้นจู่ ท่านจะไม่สวมหมวกม่านออกไปจริงๆ หรือ ถ้าเกิดไปเจอพวกเติงถูจื่อมาหลงใหลความงามของท่านจะทำอย่างไร"

        "เอ้อ เ๹ื่๪๫นี้..." ท่านหญิงหย่งเจียยังอึ้งงัน ที่แท้ยังสามารถข่มขู่คนแบบนี้ได้ด้วย พอได้ยินนางพูดประโยคนี้ ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรจริงๆ

        หงโฉวซึ่งอยู่ไม่ไกลนักมุมปากกระตุก องครักษ์มากมายเพียงนั้นมีไว้ตั้งแสดงหรือไร?

        แม้จะบ่นอุบในใจ แต่กลับก้มหน้านิ่ง ลวี่จิ่นเพิ่งถูกคาดโทษ จึงไม่อยากผิดพลาดซ้ำอีก

        ท้ายที่สุดผูหยางชิงหลันก็ตามออกมา

        แต่แท้จริงแล้วเ๹ื่๪๫ไหนมีผลคุกคามจิตใจเขาก็สุดรู้ได้ อย่างไรเสียเขาก็แบกหน้าบูดบึ้งเดินตามหลังพวกนางมา

        "จวิ้นจู่ ท่านดูสิ มีตุ๊กตาดินปั้นด้วย"

        เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นแผงลอยเล็กๆ มีเด็กสามสี่คนห้อมล้อมอยู่ ก็เกิดความสนใจขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

        เมื่อก่อนเธอเคยเห็นจากในทีวี นี่เป็๲ครั้งแรกที่ได้เห็นขั้นตอนการทำตุ๊กตาดินปั้นเองกับตา

        ดวงตาของท่านหญิงหย่งเจียก็แฝงแววอยากรู้อยากเห็น แม้ว่านางจะไม่ใช่สตรีในห้องหอที่มิย่างกรายออกนอกเรือน แต่ทุกคราที่ออกมา ข้างกายไม่เคยขาดสาวใช้กับหมัวมัว ไหนเลยจะมีโอกาสได้เห็นการปั้นตุ๊กตาดินในตลาดอย่างใกล้ชิดแบบนี้

        หญิงสาวสองนางยืนอยู่กับเด็กๆ จ้องชายชราปั้นตุ๊กตาตาไม่กะพริบ

        หนังหน้าของผูหยางชิงหลันซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลกระตุกอย่างแรง พวกนางยังทำตัวไร้เดียงสาได้มากกว่านี้อีกไหม?

        แต่เซวียเสี่ยวหรั่นก็ไม่สนใจเขา รอจะชายชราปั้นตุ๊กตาเสร็จเรียบร้อย ก็ปรบมือแปะๆ เสียงดังสองสามครั้ง ทำเอาเด็กๆ ๻๠ใ๽หันมามองกันเป็๲แถว

        "พี่สาว ท่านก็ชอบตุ๊กตาดินปั้นเหมือนกันหรือ?" เด็กน้อยตัวเตี้ยหุ่นจ้ำม่ำอายุเจ็ดแปดขวบมองนางพลางหัวเราะคิกคัก

        "ชอบสิ ท่านผู้เฒ่าปั้นได้สวยมาก" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มกับเด็กน้อยคนนั้น

        "ข้าก็ชอบ ท่านปู่จางปั้นได้งามยิ่ง ข้ามาดูทุกครั้งที่เขาตั้งแผง" เด็กน้อยไม่กลัวคนแปลกหน้า ยิ้มแฉ่งเห็นฟันขาวทั้งปาก

        ผู้เฒ่าซึ่งมาตั้งแผงดูจะคุ้นเคยกับเขาอย่างเห็นได้ชัด ยังเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ เผยให้เห็นดวงตาและใบหน้ากร้านแดดสะท้อนถึงชีวิตที่ผ่านความลำเค็ญมามาก ก่อนที่จะก้มหน้าปั้นตุ๊กตาต่อ

        เด็กๆ เหล่านี้ล้วนอยู่อาศัยแถวนี้ ส่วนใหญ่จะมาร่วมสนุก ชายชราก็ไม่คิดจะขับไล่ ปล่อยให้พวกเขายืนล้อมแผงลอยตามสบาย

        เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะเบาๆ หยิบก้อนเงินปลีกจากกระเป๋าสะพายออกมาชิ้นหนึ่ง หลังจากนั้นก็กระซิบถามท่านหญิงหย่งเจีย "จวิ้นจู่ มีตัวที่ชอบหรือไม่ พวกเราซื้อไปสักสองสามตัวเถอะ"

        ท่านหญิงหย่งเจียหวั่นไหวอยู่บ้าง หันไปมองผูหยางชิงหลันซึ่งแสร้งทำเป็๞ไม่รู้จักพวกนาง หลังจากนั้นก็หน้าแดง "จะถูกหัวเราะไหมเนี่ย?"

        ของเหล่านี้มีแต่เด็กๆ เท่านั้นที่ชอบ

        "แล้วจะเป็๞ไรไปเล่า ของที่ชอบยังต้องแบ่งแยกผู้ใหญ่กับเด็กอีกหรือ อย่าไปสนว่าผู้อื่นคิดอย่างไร ชอบก็ซื้อ" เซวียเสี่ยวหรั่นเลือกตุ๊กตาเด็กหญิงตุ้ยนุ้ยหนึ่งคู่ แล้วก็เทพหน้าดำกับเทพธิดาเหลียนฮวา "ข้าเอาสี่ตัวนี้"

        ท่านหญิงหย่งเจียเห็นเช่นนั้น ก็เอื้อมมือไปหยิบตุ๊กตาแพะกับม้าอย่างละตัว ดวงหน้าเผยรอยยิ้มเก้อเขิน "งั้น ข้าเอาสองตัวนี้"

        ผูหยางชิงหลันมองตุ๊กตาในมือของนาง แววตาสีหม่นลงโดยไม่รู้ตัว นางเกิดปีมะแม เขาเกิดปีมะเมีย"

        "หนึ่ง สอง สาม สี่ สหายน้อยทั้งสี่ พี่สาวจะซื้อให้พวกเ๽้าคนละตัว พวกเ๽้าชอบตัวไหนกันนะ?" เซวียเสี่ยวหรั่นทอยิ้มจนเห็นฟัน รอยยิ้มเบิกบานปานบุปผา

        เด็กทั้งสี่อายุมากสุดเจ็ดแปดขวบ อายุน้อยสุดห้าหกขวบ ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มร่า กรูกันเข้าไปเลือกตุ๊กตาที่ตนเองชอบ

        "ขอบคุณขอรับพี่สาว ท่านเป็๲คนดีมากจริงๆ" เด็กชายอ้วนจ้ำม่ำยิ้มกว้างพลางกล่าวขอบคุณ

        เด็กอีกสามคนที่อยู่ข้างเขาก็รีบขอบคุณตาม

        เซวียเสี่ยวหรั่นโบกมือ ถามชายชราว่าเป็๲เงินเท่าไร หลังจากแน่ใจว่าพกเงินมาเพียงพอ ก็ส่งให้และบอกว่าไม่ต้องทอน

        หลังจากนั้นก็คล้องแขนท่านหญิงหย่งเจียเดินไปข้างหน้าต่อ

        "เสี่ยวหรั่น เ๽้าช่างจิตใจดียิ่ง" ท่านหญิงหย่งเจียกล่าวด้วยรอยยิ้ม

        "ดูท่านพูดเข้า ก็แค่ตุ๊กตาดินปั้น ราคาไม่กี่อีแปะเท่านั้นเอง ไหนเลยต้องคิดไปไกลขนาดนั้น" เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะ ก่อนจะเปลี่ยนไปคุยเ๹ื่๪๫อื่น "ดูสิ ตรงโน้นมีขายปลาทองด้วย"

        ทั้งสองเดินไปเที่ยวชมไป ของในมือก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

        รวมถึงรอยยิ้มบนใบหน้าของท่านหญิงหย่งเจีย ผูหยางชิงหลันมองเห็นทุกอย่าง แววตาอ่อนโยนลงมาโดยไม่รู้ตัว

        แม้ทั้งสองจะสวยสะดุดตา แต่เพราะมีผูหยางชิงหลันรูปร่างสูงใหญ่มิหนำซ้ำยังหน้าบึ้งตึงยืนอยู่ใกล้ๆ จึงไม่มีใครกล้าแล่นมาก่อเ๱ื่๵๹

        "ญาติผู้พี่ ช่วยข้าถือหน่อยสิ ข้าจะไปซื้อเกาลัดคั่วสักหน่อย" เซวียเสี่ยวหรั่นส่งตะกร้าใส่ของจุกจิกกองใหญ่ให้ผูหยางชิงหลัน ก่อนหมุนตัววิ่งไปแผงขายเกาลัด

        เวลาแบบนี้นางถึงรู้จักใช้คน ผูหยางชิงหลันเหลือบมองหย่งเจียที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างไม่เป็๲ตัวของตัวเอง

        "นางช่างน่ารักสดใสเต็มไปด้วยชีวิตชีวาแบบสาวรุ่น ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก" ท่านหญิงหย่งเจียเอ่ยเบาๆ

        พอเห็นนางหน้าเศร้า ผูหยางชิงหลันก็พยายามข่มใจแล้วข่มใจอีก แต่ก็ยังอดใจไม่ไหว ทำคอแข็งเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง "เ๽้ากับนางก็อายุพอกันเอง"

        ท่านหญิงหย่งเจียหันกลับมา ดวงตาสุกใสฉายแววประหลาดใจ ก่อนทอยิ้มบางๆ "พอกันตรงไหน นางเพิ่งสิบแปด แต่ข้ายี่สิบสองแล้ว"

        ทั้งสองสบตากัน หัวใจของผูหยางชิงหลันเหมือนถูกบีบอย่างแรง ความละอายและความขื่นขมวาบผ่านก้นบึ้งดวงตา เป็๲เขาที่ผิดต่อนาง