"ญาติผู้พี่ รีบเดินสิเ้าคะ ฉวยโอกาสที่ฟ้ายังไม่มืด ไปเดินเที่ยวในเมืองกับพวกเรา"
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางกวักมือไปด้านหลัง หลายวันมานี้ยามอยู่ต่อหน้าท่านหญิงหย่งเจีย เธอมักจะเรียกเขาว่าญาติผู้พี่บ่อยขึ้นจนเริ่มชิน
ท่านหญิงหย่งเจียคล้องแขนเซวียเสี่ยวหรั่น พวงแก้มแดงระเรื่อ
นางไม่สวมหมวกม่านเลียนแบบเซวียเสี่ยวหรั่น ถอดชุดที่หรูหราเกินไปรวมถึงเครื่องประดับราคาแพงออก ยามเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชนจะได้ไม่สะดุดตาเกินไป
ผูหยางชิงหลันทำสีหน้าบูดบึ้ง เดินตามอยู่ด้านหลังท่าทางอิดๆ ออดๆ
"ญาติผู้พี่ พาสาวใช้กับองครักษ์เป็ขบวนไปเดินตลาดจะสนุกตรงไหน ท่านออกไปกับพวกเราเถอะ มีท่านอยู่ ไม่ต้องใช้องครักษ์ติดตาม มีอิสระกว่ากันตั้งเยอะ" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางเดินเข้ามาใกล้
ผูหยางชิงหลันปฏิเสธโดยไม่ลังเลล้อเล่นอันใด ใครจะไปเดินเล่นกับพวกนาง
"เฮ่อ ญาติผู้พี่ ท่านทำกับสหายร่วมเล่นผู่เค่อของท่านเช่นนี้หรือ เช่นนั้นวงผู่เค่อวันพรุ่งนี้คงขาไม่ครบแล้วล่ะ"
ผูหยางชิงหลันหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกไปชั่วขณะ หน็อยแน่... ยายเด็กคนนี้ถึงขนาดเอาเื่นี้มาขู่เขาเชียวหรือ พรุ่งนี้ก็ถึงเมืองหลวงแล้ว คิดหรือว่าเขาจะหลงกล
จากนั้นก็ส่ายหน้าอย่างหนักแน่น
"ฮึ ญาติผู้พี่ไม่มีคุณธรรมเอาเสียเลย จะปล่อยให้สตรีสองคนอย่างพวกเราออกไปเดินเล่นกันเองหรือ ดูท่าไพ่แข็งชุดใหม่ที่ทำออกมาคงไม่ต้องส่งไปให้ท่านแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นถอนหายใจ
ผูหยางชิงหลันรู้สึกปวดหัวขึ้นมารำไร ไยเขาถึงมองไม่ออกว่าญาติผู้น้องที่ดูเหมือนจะเฉลียวฉลาดและแสนดี จะมีด้านเ้าเล่ห์แสนกลขนาดนี้
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเขายังคงไม่รับปาก ก็เดินกลับไปข้างท่านหญิงหย่งเจีย จากนั้นก็ทำตาปริบๆ กับดวงหน้าตกตะลึงของนาง "จวิ้นจู่ ท่านจะไม่สวมหมวกม่านออกไปจริงๆ หรือ ถ้าเกิดไปเจอพวกเติงถูจื่อมาหลงใหลความงามของท่านจะทำอย่างไร"
"เอ้อ เื่นี้..." ท่านหญิงหย่งเจียยังอึ้งงัน ที่แท้ยังสามารถข่มขู่คนแบบนี้ได้ด้วย พอได้ยินนางพูดประโยคนี้ ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรจริงๆ
หงโฉวซึ่งอยู่ไม่ไกลนักมุมปากกระตุก องครักษ์มากมายเพียงนั้นมีไว้ตั้งแสดงหรือไร?
แม้จะบ่นอุบในใจ แต่กลับก้มหน้านิ่ง ลวี่จิ่นเพิ่งถูกคาดโทษ จึงไม่อยากผิดพลาดซ้ำอีก
ท้ายที่สุดผูหยางชิงหลันก็ตามออกมา
แต่แท้จริงแล้วเื่ไหนมีผลคุกคามจิตใจเขาก็สุดรู้ได้ อย่างไรเสียเขาก็แบกหน้าบูดบึ้งเดินตามหลังพวกนางมา
"จวิ้นจู่ ท่านดูสิ มีตุ๊กตาดินปั้นด้วย"
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นแผงลอยเล็กๆ มีเด็กสามสี่คนห้อมล้อมอยู่ ก็เกิดความสนใจขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อก่อนเธอเคยเห็นจากในทีวี นี่เป็ครั้งแรกที่ได้เห็นขั้นตอนการทำตุ๊กตาดินปั้นเองกับตา
ดวงตาของท่านหญิงหย่งเจียก็แฝงแววอยากรู้อยากเห็น แม้ว่านางจะไม่ใช่สตรีในห้องหอที่มิย่างกรายออกนอกเรือน แต่ทุกคราที่ออกมา ข้างกายไม่เคยขาดสาวใช้กับหมัวมัว ไหนเลยจะมีโอกาสได้เห็นการปั้นตุ๊กตาดินในตลาดอย่างใกล้ชิดแบบนี้
หญิงสาวสองนางยืนอยู่กับเด็กๆ จ้องชายชราปั้นตุ๊กตาตาไม่กะพริบ
หนังหน้าของผูหยางชิงหลันซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลกระตุกอย่างแรง พวกนางยังทำตัวไร้เดียงสาได้มากกว่านี้อีกไหม?
แต่เซวียเสี่ยวหรั่นก็ไม่สนใจเขา รอจะชายชราปั้นตุ๊กตาเสร็จเรียบร้อย ก็ปรบมือแปะๆ เสียงดังสองสามครั้ง ทำเอาเด็กๆ ใหันมามองกันเป็แถว
"พี่สาว ท่านก็ชอบตุ๊กตาดินปั้นเหมือนกันหรือ?" เด็กน้อยตัวเตี้ยหุ่นจ้ำม่ำอายุเจ็ดแปดขวบมองนางพลางหัวเราะคิกคัก
"ชอบสิ ท่านผู้เฒ่าปั้นได้สวยมาก" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มกับเด็กน้อยคนนั้น
"ข้าก็ชอบ ท่านปู่จางปั้นได้งามยิ่ง ข้ามาดูทุกครั้งที่เขาตั้งแผง" เด็กน้อยไม่กลัวคนแปลกหน้า ยิ้มแฉ่งเห็นฟันขาวทั้งปาก
ผู้เฒ่าซึ่งมาตั้งแผงดูจะคุ้นเคยกับเขาอย่างเห็นได้ชัด ยังเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ เผยให้เห็นดวงตาและใบหน้ากร้านแดดสะท้อนถึงชีวิตที่ผ่านความลำเค็ญมามาก ก่อนที่จะก้มหน้าปั้นตุ๊กตาต่อ
เด็กๆ เหล่านี้ล้วนอยู่อาศัยแถวนี้ ส่วนใหญ่จะมาร่วมสนุก ชายชราก็ไม่คิดจะขับไล่ ปล่อยให้พวกเขายืนล้อมแผงลอยตามสบาย
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะเบาๆ หยิบก้อนเงินปลีกจากกระเป๋าสะพายออกมาชิ้นหนึ่ง หลังจากนั้นก็กระซิบถามท่านหญิงหย่งเจีย "จวิ้นจู่ มีตัวที่ชอบหรือไม่ พวกเราซื้อไปสักสองสามตัวเถอะ"
ท่านหญิงหย่งเจียหวั่นไหวอยู่บ้าง หันไปมองผูหยางชิงหลันซึ่งแสร้งทำเป็ไม่รู้จักพวกนาง หลังจากนั้นก็หน้าแดง "จะถูกหัวเราะไหมเนี่ย?"
ของเหล่านี้มีแต่เด็กๆ เท่านั้นที่ชอบ
"แล้วจะเป็ไรไปเล่า ของที่ชอบยังต้องแบ่งแยกผู้ใหญ่กับเด็กอีกหรือ อย่าไปสนว่าผู้อื่นคิดอย่างไร ชอบก็ซื้อ" เซวียเสี่ยวหรั่นเลือกตุ๊กตาเด็กหญิงตุ้ยนุ้ยหนึ่งคู่ แล้วก็เทพหน้าดำกับเทพธิดาเหลียนฮวา "ข้าเอาสี่ตัวนี้"
ท่านหญิงหย่งเจียเห็นเช่นนั้น ก็เอื้อมมือไปหยิบตุ๊กตาแพะกับม้าอย่างละตัว ดวงหน้าเผยรอยยิ้มเก้อเขิน "งั้น ข้าเอาสองตัวนี้"
ผูหยางชิงหลันมองตุ๊กตาในมือของนาง แววตาสีหม่นลงโดยไม่รู้ตัว นางเกิดปีมะแม เขาเกิดปีมะเมีย"
"หนึ่ง สอง สาม สี่ สหายน้อยทั้งสี่ พี่สาวจะซื้อให้พวกเ้าคนละตัว พวกเ้าชอบตัวไหนกันนะ?" เซวียเสี่ยวหรั่นทอยิ้มจนเห็นฟัน รอยยิ้มเบิกบานปานบุปผา
เด็กทั้งสี่อายุมากสุดเจ็ดแปดขวบ อายุน้อยสุดห้าหกขวบ ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มร่า กรูกันเข้าไปเลือกตุ๊กตาที่ตนเองชอบ
"ขอบคุณขอรับพี่สาว ท่านเป็คนดีมากจริงๆ" เด็กชายอ้วนจ้ำม่ำยิ้มกว้างพลางกล่าวขอบคุณ
เด็กอีกสามคนที่อยู่ข้างเขาก็รีบขอบคุณตาม
เซวียเสี่ยวหรั่นโบกมือ ถามชายชราว่าเป็เงินเท่าไร หลังจากแน่ใจว่าพกเงินมาเพียงพอ ก็ส่งให้และบอกว่าไม่ต้องทอน
หลังจากนั้นก็คล้องแขนท่านหญิงหย่งเจียเดินไปข้างหน้าต่อ
"เสี่ยวหรั่น เ้าช่างจิตใจดียิ่ง" ท่านหญิงหย่งเจียกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"ดูท่านพูดเข้า ก็แค่ตุ๊กตาดินปั้น ราคาไม่กี่อีแปะเท่านั้นเอง ไหนเลยต้องคิดไปไกลขนาดนั้น" เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะ ก่อนจะเปลี่ยนไปคุยเื่อื่น "ดูสิ ตรงโน้นมีขายปลาทองด้วย"
ทั้งสองเดินไปเที่ยวชมไป ของในมือก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
รวมถึงรอยยิ้มบนใบหน้าของท่านหญิงหย่งเจีย ผูหยางชิงหลันมองเห็นทุกอย่าง แววตาอ่อนโยนลงมาโดยไม่รู้ตัว
แม้ทั้งสองจะสวยสะดุดตา แต่เพราะมีผูหยางชิงหลันรูปร่างสูงใหญ่มิหนำซ้ำยังหน้าบึ้งตึงยืนอยู่ใกล้ๆ จึงไม่มีใครกล้าแล่นมาก่อเื่
"ญาติผู้พี่ ช่วยข้าถือหน่อยสิ ข้าจะไปซื้อเกาลัดคั่วสักหน่อย" เซวียเสี่ยวหรั่นส่งตะกร้าใส่ของจุกจิกกองใหญ่ให้ผูหยางชิงหลัน ก่อนหมุนตัววิ่งไปแผงขายเกาลัด
เวลาแบบนี้นางถึงรู้จักใช้คน ผูหยางชิงหลันเหลือบมองหย่งเจียที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างไม่เป็ตัวของตัวเอง
"นางช่างน่ารักสดใสเต็มไปด้วยชีวิตชีวาแบบสาวรุ่น ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก" ท่านหญิงหย่งเจียเอ่ยเบาๆ
พอเห็นนางหน้าเศร้า ผูหยางชิงหลันก็พยายามข่มใจแล้วข่มใจอีก แต่ก็ยังอดใจไม่ไหว ทำคอแข็งเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง "เ้ากับนางก็อายุพอกันเอง"
ท่านหญิงหย่งเจียหันกลับมา ดวงตาสุกใสฉายแววประหลาดใจ ก่อนทอยิ้มบางๆ "พอกันตรงไหน นางเพิ่งสิบแปด แต่ข้ายี่สิบสองแล้ว"
ทั้งสองสบตากัน หัวใจของผูหยางชิงหลันเหมือนถูกบีบอย่างแรง ความละอายและความขื่นขมวาบผ่านก้นบึ้งดวงตา เป็เขาที่ผิดต่อนาง
