ในขณะนี้ มีเงาร่างสองสามร่างเดินออกมาจากจวนตระกูลชุย นำโดยชุยซั่ว ความเย่อหยิ่งในอดีตของเขาเปลี่ยนไป เดินเข้ามาตรงหน้าฉินจ้านด้วยใบหน้าที่อดสงสารไม่ได้ และพูดจาเสียงดัง “ท่านอาลุกขึ้นเถอะ ข้ากับฉินอวี่แค่แลกเปลี่ยนความรู้กัน ระดับการฝึกตนของข้าสูงกว่าเขา ข้ามีความได้เปรียบอยู่แล้ว แม้ว่าข้าจะโกรธที่ถูกฉินอวี่ลอบโจมตี ส่วนตัวท่านก็ทำไปเพราะอยากจะปกป้อง เป็ที่เข้าใจได้ หากข้าทำร้ายฉินอวี่จริงๆ ข้าเองก็คงรู้สึกผิดไปด้วย” พูดจบ ชุยซั่วก็เตรียมจะประคองฉินจ้านลุกขึ้น
ฉินจ้านยังคงนิ่งไม่เคลื่อนไหว ไม่ว่าจะปล่อยให้ชุยซั่วทำเช่นไรก็ไม่เป็ผล เพราะยังไม่ครบเวลา
เมื่อผู้คนและผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ ได้ยินคำพูดของชุยซั่ว พวกเขาต่างมองชุยซั่วแตกต่างกันออกไป
“สมแล้วที่เป็อัจฉริยะแห่งตระกูลชุย หาได้ยากยิ่งในโลก หากเป็ข้านะ ถูกคนทำร้าย และยังถูกหักแขนแบบนี้ คงจะยากจริงๆ ที่จะอภัยให้ได้”
“ทั้งหมดนี้เป็เพราะความผิดพลาดที่ไร้ยางอายของฉินอวี่นั่น สู้ไม่ชนะก็เลยคิดจะลอบโจมตี”
“นี่คือความอดทน นี่คงเป็สิ่งที่แม่ทัพชุยสอนลูกชายสินะ”
เสียงสรรเสริญชุยซั่วดังขึ้น และเริ่มมีคำตำหนิปรากฏขึ้นบ้าง แต่ในขณะเดียวกัน เสียงที่ดูอ่อนโยนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “คนต่ำช้าที่ทำตัวน่ารังเกียจคนหนึ่ง ช่างมีวาจาคมคายจริงๆ ช่างเป็คนต่ำช้าที่ไร้หลักการจริงๆ ก็เห็นชัดอยู่ว่าตนเองไม่ได้เื่ สู้ไม่ชนะก็ยังจะหาโอกาสลอบโจมตี จนถูกผู้นำตระกูลฉินเข้าขัดขวาง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็ฉินอวี่เป็คนลอบโจมตีเ้าเสียแล้ว”
สีหน้าของชุยซั่วเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อมองไปที่องค์หญิงสิบสามหลงอวี่ที่เดินออกมาจากฝูงชน ดวงตาก็พร่ามัวและกล่าวว่า “องค์หญิงสิบสาม แม้ว่าในตอนแรกข้าจะทำให้ท่านาเ็โดยไม่ได้ตั้งใจ แม้แต่ท่านอาฉินก็ยังจำได้ ว่าเ้ากดดันคนอื่นเขาอย่างไร จะย้อมผิดเป็ถูกหรือ? จะว่าไปแล้ว ข้าที่อยู่ในขั้นปราณเสถียรจะไปพ่ายแพ้ให้ฉินอวี่ได้อย่างไรกัน? ทุกคนว่าจริงหรือไม่?”
“ใช่ๆ แม้ว่าองค์หญิงจะสูงศักดิ์ แต่ก็ไม่สามารถพูดจาให้ร้ายต่อคุณชายชุยได้นะ”
“มิน่าล่ะฉินอวี่ถึงได้กล้าโจมตี ที่แท้ก็มีองค์หญิงสิบสามคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง
“ถึงจะเป็องค์หญิง แต่จะขัดต่ออาญาแผ่นดินได้หรือ?”
มีการต่อว่าอย่างรุนแรงดังขึ้น ความโกรธของหลงอวี่ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จนแทบอยากจับพวกเขาทั้งหมดไปคุมขังไว้ในคุก
ในเวลานี้ ฉินจ้านลุกขึ้นอย่างช้าๆ และหลือบมองชุยซั่ว ก่อนจะพูดอย่างใจเย็น “ข้าหวังว่าเ้าจะช่วยไปบอกแม่ทัพชุยว่าข้าได้ทำสำเร็จแล้ว และข้าหวังว่าเขาจะสามารถปฏิบัติตามข้อตกลงได้เช่นกัน”
ชุยซั่วยิ้มอย่างมีพลังมากขึ้นเมื่อได้ยินเื่นี้ เขาจ้องไปทางฉินจ้านด้วยดวงตาที่แผดเผาและพูดเสียงดัง “พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน พวกเ้าว่าข้าหรือท่านอาฉินกันแน่ที่พูดจาไร้สาระ?”
ใบหน้าของฉินจ้านกระตุกและกล่าวว่า “ขอบใจเ้าที่เป็ห่วง ความผิดของเื่นี้อยู่ที่ตัวข้าฉินจ้าน”
หลงอวี่ที่เดินฝ่าออกมาจากฝูงชนด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม หน้าอกของนางยกขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง
“ข้าบอกไปแล้วนะ คุณชายชุยจะทำเื่ไร้ยางอายเช่นนั้นได้อย่างไร? หรือองค์หญิงสิบสามคงจะสนใจในตัวฉินอวี่ขึ้นมา?” มีคนส่งเสียงแปลกๆ ออกมาจากฝูงชน
“ชุยซั่ว อีกห้าเดือนครึ่งในภายหน้า และครึ่งเดือนก่อนเริ่มงานชุมนุม เ้ากล้ากลับไปดวลกับข้าในสนามต่อสู้ทางตะวันตกของเมืองหลักเทียนอู่หรือไม่?” ในตอนนี้ ฉินอวี่เดินออกมาข้างหน้า และพูดอย่างคมชัดด้วยน้ำเสียงที่ชวนตะลึง
หัวใจของชุยซั่วเต้นแรง และเมื่อเขาเห็นฉินอวี่กำลังเดินมาช้าๆ ในใจของเขาก็รู้สึกชามากขึ้น ความแปลกประหลาดของฉินอวี่ซึ่งมีความกล้าหาญมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ชุยซั่วหวาดกลัวอย่างยิ่ง เขาจะกล้าต่อสู้กับฉินอวี่อีกที่ไหน? แต่ถ้าปฏิเสธ มันจะไม่เป็การพลิกสิ่งที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ใช่หรือ? เช่นเดียวกับที่ชุยซั่วยังลังเลในใจ และพูดออกไปเบาๆ “พอได้แล้ว คนต่ำช้าที่ลอบทำร้ายคนอื่นมีสิทธิ์อะไรท้าประลอง? ฉินจ้านรีบพาลูกชายที่แสนดีของเ้าออกไปเถอะ? ความขายหน้าที่ตระกูลฉินสร้างขึ้นนี้ ตระกูลชุยคงไม่อาจแบกรับไว้ได้”
ภาพที่เห็นตอนนี้คือชุยหงค่อยๆ เดินจากออกไป แม้ว่าจะมีแสงสว่างที่น้อยนิด แต่ย่างก้าวที่เดินไปกลับมีพลังดั่งเสือ เขาส่งสายตาดุร้ายมองไปยังฉินจ้านเป็คำเตือน
ชุยซั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก จ้องไปทางฉินอวี่ พูดด้วยความเสียใจและอดกลั้น “น้องฉินอวี่ ทำไมเ้าถึงต้องลำบากเช่นนี้? ตอนนี้เ้าไม่สามารถเอาชนะข้าได้ เ้าจะสามารถชนะได้ภายในห้าเดือนครึ่ง? เ้ามีจิติญญาการต่อสู้ที่ดีเยี่ยม แต่ทำไมเ้าจึงดึงดันที่จะไม่ยอมรับผิดด้วย?”
“เ้าไม่กล้ารับใช่หรือไม่?” หลงอวี่ที่กำลังโกรธมากส่งเสียงะโดัง
“แม่ทัพชุย ในเมื่อลูกชายของข้ายืนกรานที่จะรนหาที่ตายเช่นนี้ ก็ปล่อยให้เขาทำไปเถอะ ในเมื่อเขาอยากจะท้าประลอง ก็ให้เขาได้ต่อสู้อย่างสุดกำลังกับคุณชายชุยสักครั้ง ขอแม่ทัพชุยโปรดอนุญาตด้วย” ฉินจ้านจ้องไปทางชุยหงอย่างเ็าและพูดในทันที
ฉินอวี่ที่กำลังเดินมาตกตะลึง และมองไปทางฉินจ้านด้วยความประหลาดใจ เขาไม่นึกเลยว่า ฉินจ้านจะทราบเจตนาของเขา ด้วยเหตุนี้ ตระกูลฉินอาจสามารถรักษาไว้ได้ไม่เกินห้าเดือนครึ่ง หลังจากห้าเดือนครึ่งแล้ว ไม่ว่าจะเป็ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ ตระกูลฉินก็จะถูกทำลายโดยตระกูลชุยแน่นอน แต่หากเขาไม่เห็นด้วย ฉินอวี่ก็คงไม่อาจจะทนไว้ได้แม้เพียงหนึ่งเดือน
ดวงตาที่พร่ามัวของชุยหงหดตัวอย่างรวดเร็ว และความโกรธในดวงตาของเขาแทบจะะเิออกมา เขาไม่นึกเลยว่าฉินจ้านจะทำอะไรเช่นนี้ ถ้าเขายอมรับ เช่นนั้นแล้วชุยซั่วจะเอาชนะฉินอวี่ได้จริงหรือ? ถ้าเขาไม่ยอมรับ จะไม่เท่ากับกำลังตบหน้าตัวเองอย่างรุนแรงในที่สาธารณะหรือ?
“แม่ทัพชุย ในเมื่อฉินอวี่รนหาที่ตาย โปรดอนุญาตเขาด้วยเถิด!”
“ข้าไม่อาจไว้ชีวิตเขาได้ ในเมื่ออยากตายเช่นนั้นก็ให้สมปรารถนาเถอะ!”
มีเสียงะโอย่างโกรธเคืองดังขึ้นมากมาย ผู้คนและผู้ฝึกตนที่อยู่รอบข้างต่างพูดเสียงดังด้วยความขุ่นเคือง
ชุยหงโกรธจนแทบจะกระอักเืออกมาเต็มปาก มีผู้คนนับร้อยในฝูงชนที่เขาจัดหามาเพื่อย้อนข้อเท็จจริง แต่เขาไม่เคยนึกถึงเลยว่าคนเหล่านี้ล้วนแต่ไม่เคยรู้เื่ราวทั้งหมด พวกเขาจึงรู้สึกเหมือนตระกูลชุย้าสังหารฉินอวี่ และตอนนี้เมื่อฉินอวี่รนหาที่ตาย พวกเขาจึงรีบเติมเชื้อไฟในทันที
แต่สีหน้าของชุยซั่วเปลี่ยนไปเล็กน้อย และมองไปทางชุยหงอย่างใ
“ข้าขอร้องให้แม่ทัพชุยอนุญาตให้ฉินอวี่ทำตามที่้าด้วย” หลงอวี่ยังคงใช้โอกาสนี้ใส่ไฟเพิ่มเข้าไปและะโเสียงดัง
“ให้เขาได้ตาม้า!”
“ให้เขาได้ตาม้า!”
ทันใดนั้น เสียงต่างๆ ก็โหมกระหน่ำ และเสียงะโอย่างโกรธเคืองก็ดังขึ้นไปบนท้องฟ้า สะท้อนอยู่บนท้องฟ้าเหนือเมืองหลักเทียนอู่
ชุยหงจ้องไปทางฉินจ้านด้วยท่าทางเคร่งขรึม รังสีอำมหิตที่แฝงอยู่ในดวงตาของเขาไม่สามารถระงับไว้ได้ ชุยซั่วจะสู้ได้หรือไม่ได้เป็เื่รอง แต่หากตอบรับไป เช่นนั้นแล้ว ภายในระยะเวลาห้าเดือนนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรฉินอวี่ได้ แต่ถ้าสังหารฉินอวี่เสียเลย ทุกคนก็อาจโยนข้อกล่าวหามาให้ตระกูลชุย ซึ่งทำให้ชุยหงรู้สึกเศร้าใจ ไม่นึกเลยว่าสุดท้ายก้อนหินแห่งปัญหาจะตกใส่เท้าของเขาเสียเอง
“เป็อุบายที่ลึกซึ้งยิ่งนัก ถ้าชายคนนี้ไม่ถูกกำจัด ตระกูลชุยของข้าต้องตกอยู่ในอันตราย!” ชุยหงเหลือบมองฉินอวี่ และด้วยความใอยู่ในใจ ตอนนี้ แม้ชุยหง้าปฏิเสธก็คงไม่ได้ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดว่า “ตกลง! ข้ารับมันไว้แทนชุยซั่วแล้ว ในเมื่ออยากตายนัก ข้าก็สนองให้!”
รูม่านตาของชุยซั่วหดตัวอย่างรวดเร็ว กลืนน้ำลายไปหนึ่งอึก หวนนึกถึงความดุร้ายของฉินอวี่ เขาก็ใขึ้นมาทันที
“เยี่ยมมาก พวกเราไปกันเถอะ” ฉินอวี่กชำเลืองตาไปมองชุยซั่ว พร้อมการเยาะเย้ยที่มุมปากของเขา จากนั้นเขาเหลือบมองฉินจ้านที่เปรอะเปื้อนไปทั้งร่างและกำลังมองตนเองอยู่ ฉินอวี่รู้สึกว่าสายตานี้ดูขัดหูขัดตาเขา จนไม่อยากจะมองไปตรงๆ จากนั้นจึงหันหลังกลับออกไป
ตระกูลฉิน
“ทำไมถึงต้องคุกเข่า? ตระกูลชุยจะยอมไว้ชีวิตเพียงเพราะยอมคุกเข่าน่ะหรือ? หรือหลายปีมานี้ท่านรู้สึกว่าเงียบเหงาเกินไป การคุกเข่าจะช่วยให้ทุกอย่างก็จบหรือ?” ฉินอวี่มองฉินจ้านอย่างเ็า พลางส่งเสียงะโออกไป
ฉินจ้านไม่รู้สึกหงุดหงิดกับคำกล่าวของฉินอวี่ มีแต่ความปลาบปลื้มใจ เขาเฝ้าดูฉินอวี่มาโดยตลอด ราวกับไม่อยากเชื่อว่านี่คือลูกชายที่แสนธรรมดาของเขาจริงๆ จากนั้นไม่นาน เขาจึงพูดขึ้น “หากข้าไม่คุกเข่า ตระกูลชุยไม่มีวันไว้ชีวิตเ้าแน่นอน หากไม่คุกเข่า ก็มองไม่เห็นความหวังอะไรเลย แต่เมื่อข้าคุกเข่ากลับมองเห็นความหวังอันริบหรี่นั้นได้”
“จริงหรือ? ถ้าคิดว่ามีความหวังริบหรี่ ทำไมท่านจึงขอให้ชุยหงยอมรับคำท้า นี่ไม่ยิ่งทำให้ความหวังอันริบหรี่ของท่านหมดลงไปหรอกหรือ?” ฉินอวี่กล่าวอย่างประชดประชัน
“อย่างน้อย สิ่งนี้จะปกป้องเ้าจากการถูกลอบสังหารก่อนงานชุมนุม ตระกูลชุยไม่ได้กระจอกอย่างที่เ้าคิด” ฉินจ้านถอนหายใจ
“แล้วหลังงานชุมนุมล่ะ? ข้ากลัวว่าตระกูลฉินจะถูกตระกูลชุยทำลาย ท่านทนดูตระกูลฉินที่ท่านต้องทำงานหนักมานานกว่าสิบปีถูกทำลายได้หรือ?” ฉินอวี่กล่าว
“ตระกูลฉิน? ข้านึกถึงวันนี้ั้แ่เริ่มก่อตั้งตระกูลฉิน ตระกูลฉินเป็เพียงเครื่องมือสำหรับข้าในการเก็บเงิน ในอีกห้าเดือนครึ่งข้างหน้า เ้ามั่นใจแค่ไหนกับชุยซั่ว?” ฉินจ้านถามโดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงของเขาสงบลงราวกับพูดคุยกับรุ่นพี่ที่อายุเท่ากัน แทนที่จะพูดคุยกับลูกชายของเขาเอง
“ข้ารู้อยู่แก่ใจ” ฉินอวี่กล่าว
“อย่าประมาท ตระกูลชุยไม่ธรรมดาอย่างที่เ้าคิด เื้ัพวกเขายังได้รับการสนับสนุนจากตระกูลใหญ่ ในอีกห้าเดือนครึ่ง ชุยหงจะต้องทำทุกทางเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของชุยซั่ว” ฉินจ้านกล่าวเตือน
“ตระกูลชิงเหลียนชุยหรือ?” ฉินอวี่กล่าวเบาๆ
ม่านตาของฉินจ้านหดตัวเล็กน้อย และมองไปยังฉินอวี่อย่างสงสัย ราวกับว่าเขากำลังตรวจสอบดูอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดขึ้นเบาๆ ว่า “เ้ารู้ได้อย่างไร?”
“มีบันทึกมากมายในหอตำราที่เกี่ยวกับการเริ่มต้นก่อตั้งแคว้นอู่ นอกจากนี้ แม้ตระกูลชุยจะอยู่ในราชอาณาจักรแต่ก็ไม่เคยเห็นอาญาแผ่นดินอยู่ในสายตา เพียงเท่านี้ก็ยืนยันได้ว่าตระกูลชุยนี้มีเื้ัที่ไม่ธรรมดาแน่นอน และตระกูลชิงเหลียนชุยมีอิทธิพลอย่างมากทางตะวันออกของแดนนภาชิงเหลียน โดยสรุปเป็เช่นนี้! อย่างไรก็ตาม ศิษย์ตระกูลชุยส่วนใหญ่ต่างไม่รู้เื่นี้”
“แคว้นอู่แห่งนี้หากจะพูดให้ดีหน่อยก็คือประเทศแห่งหนึ่ง หากพูดให้ไม่น่าฟังก็นับว่าเป็เพียงหุ่นเชิดที่ถูกแบ่งแยกโดยกลุ่มอิทธิพลมากมาย” ฉินอวี่พูดอย่างเรียบเฉย เขาได้เปิดอ่านตำราทุกเล่มที่มีอยู่ในหอตำราั้แ่แรกเริ่ม เขาจึงล่วงรู้ความลับต่างๆ มาจากในนั้น อีกทั้ง เขายังเคยได้ยินจื่อซวินเอ๋อพูดถึงความไม่ปกติของตระกูลชุยอยู่บ่อยครั้ง
“และการที่ท่านสามารถจัดการให้ตระกูลฉินมีความรุ่งเรือง อยู่ภายใต้อิทธิพลจำนวนมากในแคว้นอู่ได้ เกรงว่าคงจะใช้บารมีของตระกูลชุย หรือไม่ก็ตระกูลชุยคงจะติดหนี้บุญคุณของท่านสินะ?” ฉินอวี่เหลือบมองฉินจ้าน พลางกล่าวอย่างช้าๆ
ฉินจ้านไม่ตอบอะไร ด้วยคำพูดของฉินอวี่ สายตาที่เขามองฉินอวี่นั้นแตกต่างไปจากเดิม มันเต็มไปด้วยความคาดหวังและพึงพอใจมากกว่าเดิม
“สถานะของชุยหงในตระกูลชิงเหลียนชุยคงไม่ได้สูงนัก และเหตุผลที่เขาแอบสนับสนุนท่านนั้น ส่วนใหญ่คงเป็เพราะเขาเป็หนี้บุญท่าน บุญคุณนี้คงจะเกี่ยวข้องกับชีวิตของเขา หรืออาจพูดได้ว่า ท่านช่วยชีวิตเขาไว้ และชุยหงมีความทะเยอทะยานมาก อีกทั้งยังดูลึกล้ำซับซ้อน เขายอมสนับสนุนท่านเช่นนี้ ก็คงมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานะของท่านแม่แน่นอน และท่านแม่ก็คงเป็ศิษย์ของสำนักยุทธ์ว่านจ้ง ชุยหงคง้าอาศัยท่านขึ้นไปอยู่ในสายของสำนักยุทธ์ว่านจ้ง แต่เื่กลับไม่เป็ดั่งที่เขา้า แต่เมื่อเื่มันดำเนินไปแล้ว เขาก็กลายเป็พ่อตาของท่านไปแล้ว!”
“ท่านจัดการต่อสู้ให้ข้ากับชุยซั่ว นั่นแสดงว่านพร้อมแล้วที่จะสละตระกูลฉิน เพียงแต่ สิ่งที่ข้ายังไม่เข้าใจคือ ท่านกำลังรออะไร? ท่านอยู่เฉยๆ ที่นี่มาหลายปีแล้ว รออะไรอยู่หรือ? แม้ว่าจะแต่งงานกับตระกูลชุยแล้ว แต่ท่านกลับไม่มีความรู้สึกอะไรกับตระกูลชุย แต่... มีความแค้นบางอย่างอยู่!”