“อืมใช่ หลังจากนั้นโลกก็ค่อนข้างดูสงบ ทั้งที่ ิญญาพยาบาทก็เพิ่มมากขึ้น ใน่คุณชายเ้าวั่งซูรุ่นที่6 นั้นดูเหมือนความสามารถที่มีมาและโดดเด่นคือการใช้เคียวสู่ภพ และ การเยียวยาและซ่อมแซม คุณชายรุ่นที่6 ใช้เวลาทั้งชีวิตในการตรวจสอบหารอยรั่วและทำการอุดรอยรั่ววที่รุ่นก่อนหน้าทำไว้ทั้งหมด ทำให้ไม่มีเวลามากพอที่จะค้นหาิญญาที่หลุดลอยมาก่อนหน้า และส่งกลับสู่ภพเดิม จึงตกไปเป็หน้าที่ของรุ่นถัดไป
เ้าวั่งซูรุ่นที่7และ8 เป็ครั้งแรกที่มีการเกิดซ้อนทับของ เ้าวั่งซู และทั้งสองรุ่นเกิดเวลาเดียวกันซ้อนทับกัน และ ถือเคียวมาคนละอัน สามารถนับได้ว่าเป็่เวลาที่ตระกูลเ้าแข็งแกร่งที่สุดถัดจากสมัยเ้าวั่งซูรุ่นที่1และองค์ชายัออกร่วมสู้กัน แต่ก็เป็่เวลาที่ภพเกิดรอยกระแทกและรอยร้าวมากที่สุด เนื่องด้วยพลังที่มากเกินไปจากเคียวสู่ภพสองอันที่เฉิดฉายใน่เวลาเดียวกัน และเนื่องด้วยว่าคุณชายเ้ารุ่นที่7และ8 ล้วนเกิดมามีจิติญญาแห่งหมาป่าดำทัง้คู่ ทั้งสองจะอารมณ์รุนแรงและไม่ลงรอยกัน แต่ยามออกสู้ศัตรูก็ต่างออกฟาดฟันกันอย่างรุนแรง ไร้การวางแผน ไร้ความสามัคคี ด้วยความใจร้อนและบ้าพลัง ออกแนวเน้นฟาดฟันศัตรูให้พังราบเป็หน้ากองแต่โลกก็พังไปด้วย ครั้งหนึ่ง เ้าวั่งซูทั้งสองรุ่นต่างร่วมฟาดฟันพลังเคียวพร้อมมนต์ทำลายขั้นสุดพร้อมกัน เคียวสู่ภพคือศาตราที่พลังทำลายรุนแรงที่สุดในโลก และด้วยพลังทำลายที่มากมายขนาดนั้น รวมถึงการฟาดฟันพร้อมกันถึงสองอันในคราเดียวกัน เกิดแรงสั่นะเืมากมายเกินไป ะเืไปทั้งภพ เหมือนโลกทั้งโลก ภพทุกภพจะพังลง แม้นจะไม่รุนแรงเท่าสมัยที่เกิดการะเิที่จตุรัสเฟิงสุ่ย แต่ด้วยพลังมหาศาลของเคียวสู่ภพภึงสองอันย่อมทำให้เกิดการเคลื่อน และร้าวขึ้นอีกรอบหนึ่งของรอยเชื่อมแต่ละภพ และก็แน่นอนเสียงกร่นด่าว่าสกุลเ้านั้นเกิดมาเพื่อทำลายมากกว่ามาปกป้องผู้คน อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นยังเกิดการต่อสู้ที่รุนแรงมากมายใน่ยุคสมัยที่ทั้งสองรุ่นนี้เกิดมาพร้อมกัน หลังจากที่หมดอายุขัย โลกนั้นสงบ และดวงิญญาที่ข้ามภพมามากมายก็หายสาบสูญไปคืนสู่ภพตน แต่รอยร้าวรอยรั่วระหว่างภพก็เกิดขึ้นมากมายเช่นกัน” ผู้เฒ่าเล่ายาวต่อมา
“ส่วนรุ่นที่9 และ รุ่นที่10 นั้นข้ากลับมาทัน หลังจากที่ข้ากลับคืนสู่ใต้ทะเลลึกคล้ายการหลับไหลลงอีกครา ข้าได้ท่องเที่ยวอยู่ในความฝันที่ข้าสร้างขึ้น ความฝันที่ข้าและวั่งซูได้อยู่ร่วมกัน เดินทาง สู้รบ ปกป้องผู้คน จนวันหนึ่งข้าตื่นขึ้นจากการนิทราอันยาวนานลอยขึ้นเหนือน้ำ และได้ยินเสียงคนจากเรือประมงที่แล่นผิวน้ำพูดกันถึงคุณชายตระกูลเ้า ข้าพยายามคืนร่างมนุษย์ขึ้นปะปนคนบนเรือ ทุกคนต่างพากันเล่าถึงความบ้าระห่ำของคุณชายรุ่นที่7และ8 และพากันกร่นด่าสาปแช่งมากกว่าชื่นชมที่กำจัดิญญาร้ายต่างๆได้ ข้าเลยพึ่งรับรู้ว่ามีการเกิดรุ่นใหม่ของเ้าวั่งซูในทุกๆหนึ่งร้อยปี ตอนนั้นพลังจักราข้าฟื้นกลับ และร่างกลับมาแข็งแรง ข้านึกในใจ “แสดงว่าที่วั่งซูสัญญาว่าจะกลับมาอีกครานั่นเป็ความจริง” ข้าได้สติเลยรีบเร่งเดินทางมายังหมู่บ้านชุนเทียน และได้เฝ้าดูอยู่ที่คฤหาสถ์จันทร์มืด เ้าวั่งซูคนแรกที่ข้าได้พบคือรุ่นที่9 หน้าตาท่าทางสง่างามแต่ไม่ใช่เ้า ข้าคอยตามสังเกตการต่อสู้ และการใช้ชีวิตของเค้า ก็พอสรุปได้ว่าเค้าไม่ใช่เ้าวั่งซูที่ข้ารอคอยแน่นอน แต่สิ่งที่ข้าค้นพบคือ เ้าวั่งซูคนนั้นปัญญาเฉียบแหลม น่าจะเฉียบแหลมกว่าในบรรดาทุกรุ่นที่ผ่านมา อันนี้น่าจะมาจากเทพธิดาแห่งแสงจันทร์ ครั้งนึงที่ท่านอยู่บน์นอกจากความงามที่เป็ที่โจษจันก์แล้ว ก็มีเื่ปัญญานี่แหล่ะที่ยากหาผู้ใดเปรียบ แม้แต่เทพโจววังซือ หรือ เทพแห่งปัญญา และ ..........” ฮวาเฟยฟายังเล่าไม่จบก็โดนแทรก
“หรือแม้แต่ข้า เทพดวงตา์ ก็ยังไม่สู้นาง แต่คงมีหนึ่งคนที่พอจะสู้ได้ในเื่ปฏิภาณก็คือท่านองค์ชายั ฮ่าๆๆ!” ผู้เฒ่ารั่วเจี๋ยพูดพลางหัวเราะในลำคอ
“ท่านกล่าวชมข้าเกินไป” ฮวาเฟยฟาโค้งรับและเริ่มเล่าต่อ
“เ้าวั่งซูคนที่9 นั้นใช้ชีวิตใน่สงบสุขส่วนใหญ่ไปกับการใช้ปัญญาสอนคน ข้าเห็นว่าเค้านอกจากเป็มือปราบมารที่สำนักแล้วยังเป็อาจารย์สอนที่สำนักคุ้มภัยเก้าจักยุตกราเกี่ยวกับการป้องกันตัว และ เื่ราวจิปาถะของทุกภพ และรายละเอียดเกี่ยวกับบรรดาปีศาจิญญาที่เคยพบเจอมา บั้นปลายชีวิตเค้าตายอย่างสงบในวัยชรา เนื่องจากรุ่นที่9 มีชีวิตอยู่อย่างยาวนานทำให้รอยต่อมารุ่นที่10 ถือว่าเป็่สั้นๆก็ถือกำเนิด
เ้าวั่งซูคนนั้นข้าเห็นแวบแรกก็รับรู้ได้เลยว่าไม่ใช่เ้าอย่างแน่นอน แววตาเ็า แข็งทื่อ ไม่มีมนุษสัมพันธ์ เค้าคือคนเก็บตัว และไม่คบค้าสมาคมกับใคร แต่ในยามต่อสู้นั้นเฉียบคมหลักแหลม รุ่นที่10 เป็คนที่เข้าถึงยากแต่หน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่อง เค้ากำจัดศัตรูส่งกลับภพ และซ่อมแซมรอยรั่วระหว่างภพ พลังจักราเค้าแข็งแกร่ง และแบ่งกึ่งหนึ่งได้รับมาจากเสด็จพ่อเ้า และกึ่งหนึ่งจากสเด็จแม่เ้าอย่างลงตัว และที่สำคัญข้ายังเห็นอีกอย่างหนึ่งที่เค้าทำได้ แต่รุ่นอื่นๆที่ผ่านมาทำไม่ได้ นั่นคือใช้เคียวสู่ภพหยุดเวลา และที่น่าประหลาดใจไปกว่านั้นคือ เค้าใช้เคียวสู่ภพหยุดเวลาในยามที่ทุกคน ทุกอย่างรอบกายนั้นวุ่นวาย เค้าจะปลีกวิเวกนอนเงียบๆ ชมนกชมไม้ และคุยกับสัตว์น้อยใหญ่ ในมุมที่ข้าไม่เคยเห็นเค้าเป็ และไม่เคยมีใครในชีวิตเค้าได้เห็นอย่างแน่นอน” ฮวาเฟยฟาเล่า
“นี่การหยุดเวลามาทำได้ในรุ่นก่อนหน้าข้าอีกทีหรอ แต่ปกติการหยุดเวลาเป็เื่ใหญ่และเื่ต้องห้ามหนิ เพราะหยุดเวลาทีจะกระทบเวลาแต่ละภพจะเคลื่อนผิดทิศผิดจังหวะ ท้ายสุดจะนำไปสู่รอยแยก และผิดแผกต่อการเวียนว่ายของดวงิญญา แต่ข้าก็รู้แต่เพียงว่าั้แ่อดีตมีการหยุดเวลาเพียงครั้งเดียวก็คือท่านปู่ทวด ที่หยุดเวลาในการสู้รบครานั้น และแม้นั่นดูเป็เหตุจำเป็ก็ยังโดนประนามมาจนทุกวันนี้ บรรพบุรุษข้ารุ่นที่10 นี่ถือเป็ยอดคนโดยแท้ที่เอาความสามารถในการหยุดเวลามาใช้เพื่อความสงบที่แท้จริงแม้เพียงชั่วยามก็ถือว่าได้คุณค่าที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่คืนมา ยอดเยี่ยมจริงๆ แล้วหลังจากนั้นเค้าเป็อย่างไร” เ้าวั่งซูเอ่ย ถามต่อ
“เค้าใช้ชีวิตแบบนั้นสงบเยือกเย็นสันโดษ แต่รับผิดชอบหน้าที่ครบถ้วน และหยุดเวลาหาความสงบเป็ครั้งคราจนสิ้นชีวิตยามชรา หลังจากที่ข้าสืบย้อนหลังจนมาถึงวั่งซูรุ่นที่10 ทำให้ข้าแน่ใจว่ารุ่นต่อไปต้องเป็เ้าแน่นอน” ฮวาเฟยฟาเอ่ยยิ้มอ่อนโยน
“ทำไมหล่ะ ทำไมเ้าถึงแน่ใจเช่นนั้น” เ้าวั่งซูหันมองเฟยฟาค้างและเอ่ยปากถามออกไป
“เพราะเ้าสัญญากับข้าไว้แล้วไง ซูซู ส่วนเื่การกลับมาในรุ่นที่11 นั้นข้าเข้าใจว่า ทุกรุ่นที่ผ่านมาล้วนรวมทุกอย่างที่เป็เ้าวั่งซูที่แข็งแกร่งที่สุดไว้ โดยแบ่งกันไปคนละสัดส่วน เด่นบ้าง ด้อยบ้าง ในแต่ละรุ่น แต่เมื่อเอาทั้งสิบรุ่นที่กำเนิดมารวมกันเป็หนึ่งจะกลายเป็เ้าวั่งซูที่ครบถ้วน และสมบูรณ์แบบที่สุดเหมือนรุ่นที่1 อย่างแน่นอน ข้ามั่นใจและมันก็เป็อย่างันั้นจริงๆ ว่าในที่สุดท่านก็ถือกำเนิดขึ้นมาในฐานะเ้าวั่งซูรุ่นที่11ตามที่ข้าเฝ้ารอคอยมาตลอดหลายร้อยปี” ฮวาเฟยฟายิ้มอ่อนโยน
“และก็ตามที่ข้าสัญญา ว่าจะกลับมาหาเ้าอย่างแน่นอน เ้ารอข้านะ” เ้าวั่งซูยิ้มรับอ่อนโยนเช่นกัน
“ท่านผู้เฒ่า แล้ววิธีแก้ไขที่พระแม่แห่งจิติญญาให้มาถามท่าน แท้จริงแล้วคือสิ่งใด” ฮวาเฟยฟาเอ่ยถามต่อ
ท่านผู้เฒ่ารั่วเจี๋ย นำมือที่เป็กรงเล็บัมารองรับการคายยออกบางสิ่งจากบริเวณปากที่เต็มไปด้วยหนวดมากมาย ดวงตาดำมืดมิดยาวแข็งแรงเหล็บยาวแหลม และภายในช่องปากยามอ้าอออกที่มืดมิดนั้น เปล่งแสงสีขาวสว่างจ้า พร้อมกับการคายลูกแก้วสีใสเปล่งประกายและมีพลังสายฟ้าล้อมรอบ เคลื่อนออกมาจากลำคอ สู่ปาก และลอย เด่นกลางอากาศ พร้อมกับกรงเล็บของรั่วเจี๋ยัดินที่เข้าช้อนรับไว้
“หัวใจบริสุทธิ์แห่งุ์ พวกเ้าจงรับไป และนำมันไปใส่ในตัวุ์หุ่นกระบอก” รั่วเจี๋ยพูดกับทั้งสี่พร้อมมอบหัวใจบริสุทธิ์ดวงนั้นให้
“ทำไม หัวใจดวงนี้ถึงสว่างไสวและทรงพลังขนาดนี้ และ ข้าก็รู้สึกถึงพลังจักราที่หายไปของท่าน อันนี้มันคือวิธีการปกติที่ท่านสร้างและมอบหัวบริสุทธิ์ใหุ้์หรอ” ฮวาเฟยฟาเอ่ยถาม เมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างกับพลังจักราของัดิน เพราะมันไม่ใช่แค่ลดเพื่อรอเพิ่ม แต่มันหายไปทั้งหมดพร้อมพลังการมีอยู่ของดวงจิตก็ริบหรี่แบบน่าใจหาย
“คล้ายๆกัน แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้ ปู้จื๋อเต๋อ นั้นเค้าละทิ้งหัวใจบริสุทธิ์แห่งุ์มานานเกินไป นานหลายร้อยปี อีกทั้งมีดวงจิตและร่างกายถูกดูดกลืนผนวกเข้ากับร่างหุ่นกระบอกนั้นมากมายเหลือคณานับ ดังนั้น ร่างุ์ของเค้านั้นเปรียบเสมือนะเิเวลาที่รอะเิออก หัวใจบริสุทธิ์ธรรมดาในแบบที่ข้าสร้าง และมอบให้กับบรรดาสหายุ์นั้นไม่เพียงพอที่จะชะล้างความดำมืดนั้นออกและเอาแสงสว่างนี้เข้าไปแทน
มีสิ่งที่ข้าไม่ได้เล่าไปเมื่อตอนต้น จริงๆแล้วตามชะตาข้า และจื๋อเต๋อต้องเกิดมาในร่าง และดวงจิตเดียวกันตามเจตจำนงแห่งการมีอยู่ของพวกเราทั้งสอง “หัวใจดำมืดและหัวใจบริสุทธ์ พลังหยินและพลังหยางแห่งุ์” แต่เพราะทั้งข้าและจื๋อเต๋อล้วนมีความฝันและความ้าในการมีชีวิตอยู่ไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อย่างอิสระเสรี ชีวิตของพวกเราที่โดนทำร้ายในอดีต การก้าวข้ามเื่เลวร้ายที่ไม่สามารถลืมและยากอภัย อีกทั้งความน้อยใจในโชคชะตา ของตุ๊กตาไร้ชีวิตอย่างพวกเรา มันคือทิฐิ และใจที่้าโบยบินออกสู่เสรี พวกเราจึงปฏิเสธที่จะเข้ารวมเป็หนึ่งมาตลอด จนทุกอย่างมันสายเกินไป และเดินกลับยังจุดที่ชะตากำหนดมา และเลี่ยงไม่ได้อีก”
“หัวใจดำมืดจะต้องหลงทาง และหัวใจบริสุทธิ์จะเข้าโอบอุ้ม และรวมเป็หนึ่ง นี่คือคำพูดที่ทิ้งไว้แก่เราทั้งสองจากพระแม่แห่งจิติญญา” พระแม่แห่งจิติญญาเองก็รับรู้ถึงสิ่งนี้ั้แ่แรกเริ่ม และมาจนตอนนี้ ท่านรู้ว่ามีแต่ข้าเท่านั้นที่จะช่วยจื๋อเต๋อได้ และวิธีเดียวในโลกที่จะแก้ไขสิ่งนี้ได้นั้น ไม่หยินก็หยางต้องยอมทิ้งร่างกาย สลาย และหลอมรวมเข้าเป็หนึ่ง ในตอนนี้ก็คงต้องเป็ข้าที่จะต้องสละชีวิตตัวเอง และรวมเข้ากับร่างหุ่นกระบอกนั่น ทีนี้ หัวใจบริสุทธิ์แห่งุ์ และ หัวใจดำมืดแห่งุ์ ก็จะรวมเป็หนึ่งอย่างแท้จริงในร่างเดียว เมื่อพลังหยินและพลังหยางกลายเป็หนึ่งพวกเราก็จะกลายเป็หนึ่งอย่างแท้จริง
ชะตาของพวกเ้าสองคนนั้นคือ “มีคนนึงจากไป คนนึงรอคอยการกลับมา” มันยาวนานมากใช่ไม๊ ใช่ มันยาวนานเหลือเกินชีวิตนี้ ทั้งตัวข้าและจื๋อเต๋อนั้น เราสองคนเป็สหายกันมายาวนาน เค้าเป็ดวงจิตที่ดี และสว่างไม่เคยทำอะไรที่แหกหรือนอกกฏ และความอ่อนโยนในหัวใจของเค้าข้าััได้เสมอ” ท่านผู้เฒ่าพูดเสี่ยงสั่นเศร้า และหยุดชะงักสักพักหนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ
“ข้าฝากพวกเ้าด้วยนะ ปลดปล่อยเค้าแทนข้าที และฝากบอกเค้าว่า ดวงจิตของซินรั่วเจี๋ยจะอยู่กับเค้าเสมอไม่ไปไหน ข้าไม่ได้จากเค้าไปไหน ปู้จื๋อเต๋อหัวใจดำมืดแห่งุ์ และซินรั่วเจี๋ยหัวใจบริสุทธิ์แห่งุ์ จะอยู่ร่วมกันนิรันดร์” สิ้นเสียงผู้เฒ่ารั่วเจี๋ยร่างัดินที่ถูกตรึงไว้ไว้กับโซ่ตรวนขนาดใหญ่กับบัลลังค์ทองคำนั้นก็เริ่มสลายลงเป็เกล็ดผง เมื่อร่างเริ่มสลาย ก็เห็นการปลดปล่อยดวงจิตหมื่นแสนล้านดวงกระจัดกระจายออกจากร่างลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า พร้อมกับการปรากฏตัวขึ้นของกลุ่มผี้เสื้อราตรีนำทางดวงิญญาเหล่าที่พากันเปล่งแสงเกาะกลุ่มโผบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“ช่างสวยงามโดยแท้ ข้าคิดว่าพวกเค้าหลุดจากพันธนาการที่ตรึงพวกเค้ามายาวนานและคงกำลังบินกลับสู่อ้อมกอดแห่งพระมารดาแห่งจิติญญา” เ้าวั่งซูเอ่ยมองตามลำแสงที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ามากมายนั้น
“ใช่ และเวลานี้พวกเค้าก็ล้วนได้เป็จิติญญาอิสระแห่งการใช้ชีวิตที่แท้จริง สักที” ฮวาเฟยฟามองตามวั่งซูไปทางดวงจิตมากมายที่เกาะกลุ่มลอยตามผี้เสื้อแห่งความตายพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า พร้อมกับหลิ่งกวาง และชิงหลงที่เงยหน้ามองตามแสงสว่างระยิบระยับนั้นค่อยๆ เกาะกลุ่มเปล่งประกายลอยห่างออกไปบนฟ้าไกล
