“ฟู่ว ฟู่ว!”
เืสดในกระดูกสัตว์ที่แข็งตัวหยดนั้น หลังจากจิติญญาของเนี่ยเทียนแทรกซึมเข้าไปมันก็พลันลุกไหม้ขึ้นทันที
จิติญญาเส้นหนึ่งของเนี่ยเทียนที่อยู่ท่ามกลางหยดเืเห็นชัดเจนว่าเปลวไฟแต่ละเส้นอยู่ๆ ก็รัดพันกันบิดเบือนก่อร่างกลายมาเป็ลายสัตว์ที่มหัศจรรย์ลายหนึ่ง
ลายสัตว์นี้คือรูปร่างของั มันเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่องเต็มไปด้วยความลึกลับ
“เอ๊ะ!”
เนี่ยเทียนอุทานเบาๆ หนึ่งครั้ง พยายามปล่อยให้จิติญญาจมดิ่งลงไป
คล้ายได้ัักับจุดลึกลับบางอย่าง กระดูกสัตว์ชิ้นนั้นก็พลันบินออกมาจากกลางฝ่ามือของเขาลอยอยู่ตรงหน้าอกของเขาอย่างสงบจากนั้นก็ลุกไหม้เกิดเป็ประกายไฟ
และบัดนี้จิติญญาของเขาก็ออกมาจากกระดูกสัตว์กลับคืนสู่จุดหลิงไถ[1]
เขามองกระดูกสัตว์ชิ้นนั้นตาไม่กะพริบ
“ฟู่ว ฟู่ว!”
ประกายแสงเส้นแล้วเส้นเล่าบินล้อมกระดูกสัตว์ กระดูกสัตว์ค่อยๆ หมุนวนคล้ายเกิดแรงดึงดูดที่น่าหวาดกลัวบางอย่าง
หลายวินาทีต่อมาถ้ำแห่งเปลวเพลิงก็พลันเกิดขึ้นมาจากการเปลี่ยนแปลงของกระดูกสัตว์และเปลวเพลิงเ่าั้
“คึ่ก คึ่ก!”
เมื่อถ้ำแห่งเปลวเพลิงก่อตัวขึ้นสำเร็จ อากาศรอบด้านก็มีเสียงแปลกประหลาดดังลอยมา และเกิดเป็รอยแตกกลางอากาศหลากสีสันเปล่งแสงกะพริบพราวขึ้น
ในห้องชุดชาที่อยู่บนโต๊ะหิน อาภรณ์ในตู้เสื้อผ้าได้รับการดึงรั้งจากแรงดึงดูดพลันบินเข้าไปในรอยแตกกลางอากาศเ่าั้พริบตาเดียวก็หายวับไป
แวบเดียวแม้แต่โต๊ะหินกระดานหินที่อยู่บนพื้นก็ยังถูกดูดเข้าไปในรอยแยกเ่าั้ด้วย
“แกรก แกรก!”
เตียงที่อยู่เบื้องล่างเนี่ยเทียนตัวนั้นก็ทนรับแรงดึงดูดมหาศาลไม่ไหวเช่นกัน ทำท่าราวกับจะพาเขาบินเข้าไปในรอยแตกกลางอากาศนั่น
ทันใดนั้นเขาก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวอย่างรุนแรงราวกับรู้ว่าหากถูกกระชากเข้าไปในรอยแตกกลางอากาศแปลกประหลาดนั่นจะไม่มีวันได้พบเจอกับท่านตาและเนี่ยเฉี่ยนอีกแล้ว
ขณะที่เขากำลังหวาดกลัวคิดจะะโร้องดังๆ เพื่อขอความช่วยเหลือถ้ำเปลวเพลิงแห่งนั้นราวกับกลายมาเป็ปากขนาดั์ของสัตว์ร้ายเขมือบกลืนเขาเข้าไปในคำเดียว
ถ้ำแห่งแสงไฟที่กำลังลุกโชน ่นาทีนี้ได้หดเล็กลงอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวก็กลายมาเป็จุดไฟเล็กขนาดเท่าเม็ดข้าว
ประกายแสงไฟกะพริบสองครั้งจากนั้นก็หายไปกลางอากาศในห้องของเขา
“อู้ อู้!”
รอยแยกกลางอากาศหลายเส้นที่เปล่งแสงวาบมีพลังดึงดูดเพิ่มขึ้นหลายเท่า ดูดเอาทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในห้องไปหมด
หลังจากที่รอยแยกแปลกประหลาดกะพริบแวบวับอย่างแปลกประหลาดแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอยห้องเล็กๆ แห่งนี้ก็กลับคืนสู่ความปกติ
เพียงแต่ว่าเนี่ยเทียนและพวกโต๊ะหินเก้าอี้หินและเตียงไม้ที่อยู่ในห้องเ่าั้กลับหายไปไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย
“เสี่ยวเทียนเ้าหลับหรือยัง?” ไม่นานนักนอกห้องก็มีเสียงเรียกของเนี่ยเฉี่ยนดังลอยมา
หลังจากเนี่ยเฉี่ยนบอกความน่ากลัวของกระดูกสัตว์ให้กับเนี่ยตงไห่รู้ แม้ปากของเนี่ยตงไห่จะบอกว่าเชื่อว่าเนี่ยเทียนสามารถควบคุมมันได้ทว่าในใจก็ยังคงไม่วางใจ ดังนั้นเขาจึงมาพร้อมกับเนี่ยเฉี่ยนคิดจะใช้ประสบการณ์และความสามารถของเขาตรวจสอบความมหัศจรรย์ของกระดูกสัตว์ชิ้นนั้นอีกครั้ง
เนี่ยเฉี่ยนเรียกอยู่ครู่หนึ่งเห็นว่าเนี่ยเทียนยังไม่ตอบรับ อดไม่อยู่จนต้องผลักประตูเข้าไปเอง
“หา!”
พอเข้ามาในห้องมองเห็นห้องที่ว่างเปล่าไม่เหลือแม้แต่ของสักชิ้น นางก็ร้องอุทานด้วยความตกตะลึงทันที
เส้นเอ็นบนหน้าผากของเนี่ยตงไห่ปูดโปนขึ้น ไม่ทันคิดอะไรก็เริ่มคำรามเสียงดัง “ตระกูลหยวนช่างกำเริบเสิบสานยิ่งนักบังอาจกล้ามาลักพาตัวเนี่ยเทียนไปจากตระกูลเนี่ย!”
เขาคิดว่าต้องเป็เพราะหยวนชิวอิ๋งพบว่านักฆ่าสองคนนั้นหายตัวไปจึงจัดให้ผู้แข็งแกร่งยิ่งกว่ามาลงมืออีกครั้งอย่างแน่นอน
“ท่านพ่อจะทำอย่างไรดีเ้าคะ? พวกเราจะทำอย่างไรดี?” เนี่ยเฉี่ยนโวยวายอย่างคนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ตระกูลอวิ๋นและตระกูลหยวนต้องปล่อยตัวเนี่ยเทียนมาทันที! ข้าจะไปหาเ้าสองเดี๋ยวนี้ เขาเป็ประมุขคนปัจจุบันของตระกูลเนี่ย เื่นี้หากเขาไม่ลุกขึ้นมาปกป้องเสี่ยวเทียน ข้าไม่มีทางปล่อยเขาเอาไว้แน่!” เนี่ยตงไห่พูดประโยคนี้จบก็พุ่งตัวไปหาเนี่ยเป่ยชวนด้วยไฟโทสะลุกโชน ้าได้ตัวเนี่ยเทียนกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด
“หยวนชิวอิ๋ง! หากเสี่ยวเทียนเป็อะไรไป ข้าจะไม่ขออยู่ร่วมโลกกับเ้า!”เนี่ยเฉี่ยนกล่าวอย่างเศร้าสลด
......
ฟ้าดินลึกลับปราณิญญาเข้มข้นเกินกว่าจะคาดการณ์ได้
กระดูกัแปดหัวลำตัวยาวพันเมตรกระจัดกระจายกันออกเป็รูปแปดเหลี่ยม สถานที่ที่หัวัหันไปคือแท่นบูชาสภาพผุพังแห่งหนึ่ง แท่นบูชาโบราณมีรอยเืเปรอะเปื้อนเซาะกร่อนราวกับผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานไร้ที่สิ้นสุด
แสงไฟหนึ่งจุดพลันเปล่งวาบขึ้นมาจากตรงกลางแท่นบูชาประกายไฟพองตัวขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว
“ตูม!”
ร่างของเด็กคนหนึ่งบินออกมาจากแสงไฟแล้วร่วงลงไปบนพื้นอย่างแรง
“ตุบ!”
วินาทีถัดมาลูกไฟขนาดใหญ่นั้นก็หดตัวลงกลายเป็กระดูกสัตว์เล็กๆ แล้วตกลงมาอยู่ข้างเท้าของเด็กผู้นั้น
เนี่ยเทียนที่หัวสมองมึนงงดวงตาพร่ามัว นอนหงายอ้าซ่าอยู่บนแท่นบูชาเ็ปไปทั้งตัว
“นี่มันสถานที่บ้าอะไรกัน?”
เขาเบิกตากว้างมองท้องฟ้าสีเทาขมุกขมัว สติค่อยๆ กลับคืนมาอย่างชัดเจน
เมื่อวินาทีก่อนเห็นๆ อยู่ว่าเขายังอยู่ในห้องตัวเอง เขาจำได้แค่ว่าถ้ำแสงไฟที่เกิดจากกระดูกสัตว์เขมือบกลืนตัวเขา
วินาทีนี้เขากลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่
เขาที่นอนอยู่บนแท่นบูชาััได้ถึงแรงโน้มถ่วงของสถานที่แห่งนี้อย่างชัดเจน แข็งแกร่งยิ่งกว่าสนามโน้มถ่วงสิบเท่าที่เกิดจากโล่อำพันลึกลับนั่นเสียอีก
ด้านหลังของเขาแนบติดอยู่บนกระดานหินเย็นเฉียบแข็งกระด้าง ต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดเขาถึงจะลุกขึ้นมานั่งตัวตรงได้อย่างเชื่องช้า
“ปราณิญญาฟ้าดินช่างเข้มข้นนัก หนาแน่นยิ่งกว่าที่เขาหลิงอวิ๋นนั่นเป็สิบๆ เท่า!”
ขณะที่สูดลมหายใจเขาััได้ถึงปราณิญญาฟ้าดินที่ซุกซ่อนอยู่กลางอากาศ ซึ่งไหลรวมเข้ามายังมหาสมุทริญญาในจุดตันเถียนของเขาราวกับลำธารเล็กๆ ที่ไหลริน
จิติญญาของเขาฮึกเหิมลิงโลดขึ้นมาทันทีทันใด เริ่มประเมินรอบด้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“หัวั! หัวัขนาดั์แปดหัว!”
มองปราดเดียวเขาก็มองเห็นหัวัขนาดั์แปดหัวราวกับูเาลูกเล็กที่กระจัดกระจายอยู่รอบกายเขา
ัแปดหัวนั้น ไม่มีเืเนื้อแม้แต่นิดเดียวเหลือแค่เพียงกระดูกสีเทาเท่านั้น
ในหัวัไม่มีดวงตาอยู่ รอบดวงตาที่ว่างเปล่านั้นกำลังหันมามองทางเขาราวกับกำลังประเมินเขาอย่างเงียบเชียบทำให้เขาขนลุกขนพอง
เขารีบย้ายสายตามองไปตามหัวั จากนั้นก็ได้เห็นลำตัวของัั์แปดหัวทันทีลำตัวของมันทอดยาวออกไปตามพื้นดินนับพันเมตร
ห่างออกไปไกลเบื้องใต้ท้องฟ้าสีเทามียอดเขาหลายลูกตั้งตระหง่านูเาเ่าั้ทุกลูกใหญ่พอๆ กับเขาหลิงอวิ๋น
เขาตั้งใจมองอย่างละเอียด ร่างก็พลันสั่นขึ้นมา ทั้งร่างกายไร้ซึ้งความรู้สึกและจิติญญา
สิ่งนั้นที่มองครั้งแรกเหมือนูเาทว่าเมื่อมองอย่างละเอียดถึงจะพบว่า...นั่นคือแขนขนาดั์หลายข้าง!
แขนขนาดั์เ่าั้ล้วนเป็สีน้ำตาลแก่ บางข้างกำหมัดชูขึ้นฟ้าคล้ายปลดปล่อยไฟโทสะไร้ที่สิ้นสุด บางข้างกางนิ้วมือทั้งห้าออกราวกับ้าคว้าจับนภาเอาไว้ บางข้างทำมือเป็รูปแบบแปลกประหลาดราวกับแฝงเร้นไว้ด้วยสัจธรรมแห่งฟ้าดิน
แขนั์แต่ละข้างเมื่อมองจากที่ไกลๆ ราวกับยอดเขาขนาดั์ที่เสียบพุ่งเข้าสู่นภา
อีกด้านหนึ่งของลำแขนคล้ายส่วนรากของต้นไม้โบราณที่สูงตระหง่านเสียดฟ้าฝังรากลึกลงไปในพื้นดิน
เหมือนว่าลำตัวที่แท้จริงของเ้าของแขนั์นี้อยู่ใต้ดินคิดจะสลัดให้หลุดพ้นจากผืนดินที่กลบทับพุ่งทะลุเข้าสู่ชั้นเมฆ!
เพียงแค่ลำแขนที่โผล่ออกมาด้านนอกก็ใหญ่ั์ไม่ต่างจากเทือกเขาเนี่ยเทียนไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเ้าของร่างที่แท้จริงที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินนั้นจะมีลำตัวขนาดมโหฬารมากแค่ไหน!
“หนึ่ง สอง สาม... สามสิบสอง!”
เขาลองนับดูก็พบว่าแขนั์ที่เขามองเห็นมีมากถึงสามสิบสองข้าง
นี่หมายความว่าชีวิตขนาดมหึมาที่ถูกฝังลึกอยู่ใต้ดินอย่างน้อยก็ต้องมีสิบหกตน!
“ัั์แปดหัวจิติญญาขนาดั์ที่น่าหวาดกลัวอย่างน้อยสิบหกตนนี่... คือสถานที่แบบใดกันแน่? ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่?” พอคิดอย่างนี้เขากัดลิ้นของตัวเองอย่างแรงแล้วจึงััได้ถึงความเ็ปอย่างยิ่ง
“ไม่ใช่ความฝัน? ไม่เหมือนเมื่อก่อน นี่ไม่ใช่ดินแดนในความฝัน!”
เขายังคงจำได้ว่าหลังจากที่เขาต่อสู้กับเนี่ยหงขณะที่ตัวร้อนสูงต่อเนื่อง ก็มักจะตกอยู่ในดินแดนแห่งความฝันด้วยความรู้สึกพร่าเลือนเป็ประจำ
ฟ้าดินที่เขาไม่รู้จักซึ่งได้เห็นในดินแดนแห่งความฝันมีส่วนคล้ายกับภาพเบื้องหน้าที่เห็นนี้อยู่เล็กน้อย
เพียงแต่เขารู้มาตลอดว่านั่นคือความฝัน อย่างไรก็เป็เพียงความฝันไม่ใช่ความจริง
ทว่าครั้งนี้เขากลับไม่ได้อยู่ในดินแดนแห่งความฝัน แต่อยู่ในโลกแห่งความเป็จริง อยู่ในโลกที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน!
“ฟู่ว ฟู่ว!”
ข้างเท้าของเขาคือกระดูกสัตว์ที่พาเขาเข้ามาสู่สถานที่แห่งนี้ กำลังเปล่งประกายแสงไฟแวบวับ
เขามองกระดูกสัตว์ชิ้นนั้นโดยไม่รู้ตัว
และก็ไม่รู้ด้วยว่าเหตุใดเพียงแค่มองแสงไฟเ่าั้เขาพลันััได้ถึงความเศร้ารันทดไร้ที่สิ้นสุดระลอกหนึ่ง
แสงไฟที่ส่องแสงแวววาวคล้ายกำลังบอกเล่าอะไรบางอย่าง...
“ัรึ?”
ใจเขาสั่นวาบก็พลันนึกถึงฟ้าดินแปลกประหลาดที่เขาพบท่ามกลางเืสดจากหยดเืที่แข็งตัวขึ้นมาจากกระดูกสัตว์ในเหมืองแร่หมายเลขเจ็ดสิบสามนั้น
พื้นที่ที่เปลวไฟลุกโชนแห่งนั้น เปลวไฟจำนวนนับไม่ถ้วนเข้ามารวมตัวกันกลายเป็ัเปลวเพลิงขนาดั์หัวหนึ่ง
ภายหลังระหว่างทางที่เดินทางกลับเมืองเฮยอวิ๋นตอนที่เขาโยนกระดูกสัตว์ชิ้นนั้นใส่ชายชุดฟ้าสองคนกระดูกสัตว์ก็กลายร่างออกมาเป็เปลวเพลิงรูปัเช่นกัน
คิดอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสติกลับมาตระหนักได้ว่ากระดูกสัตว์ชิ้นนั้น น่าจะมาจากัั์เปลวเพลิงหัวหนึ่ง
ด้านข้างแท่นบูชา ัั์แปดหัวที่หลงเหลือเพียงโครงกระดูกนั่นน่าจะเป็เผ่าพันธุ์เดียวกันกับกระดูกสัตว์ชิ้นนั้น ตอนที่มีชีวิตอยู่ก็ย่อมเป็ัเพลิงั์เช่นกัน
“ข้าควรจะไปดูรอบด้านของโลกลึกลับแห่งนี้ ไม่มีทางใหญ่เพียงแค่ที่ข้ามองเห็นแน่นอน พื้นดินที่ห่างออกไปไกลกว่านี้บางทีอาจจะแฝงเร้นความลึกลับไว้มากกว่าเดิมก็ได้”
เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาจึงเตรียมลุกขึ้นยืน แต่กลับพบว่าแรงโน้มถ่วงที่มาจากส่วนลึกใต้พื้นดินดึงรั้งเขาเอาไว้แน่น
แน่นจนเขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้
------
[1]จุดหลิงไถ(灵台)จุดฝังเข็มบนแนวกึ่งกลางสันหลังอยู่ตรงร่องใต้ปุ่มกระดูกสันหลังอกที่ 6
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้