เล่มที่ 3 บทที่ 89
พวกเขายืนอยู่บริเวณลำธารบนูเา ยามได้แหงนหน้ามองกิ่งไม้หนาทึบ จิตใจพลอยรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นฉับพลัน “ท่านพี่ ท่านพี่แน่ใจหรือว่าจะดูดาวที่นี่?”
ท้องฟ้ายามค่ำคืนถูกกิ่งไม้ขวางกั้น มีเพียงแสงจันทร์พร่างพรายที่โปรยเข้ามาในป่า อยู่ที่นี่จะมองเห็นดวงดาวได้ที่ไหนหรือ?
“มีดวงดาว ข้าจำได้ว่าลึกเข้าไปจากตรงนี้จะมีดวงดาวมากมาย” เขาจับมือของมู่หรงฉิงและเดินลึกเข้าไปในส่วนลึกของป่าอย่างระมัดระวัง
ไม่รู้ว่าดวงดาวที่เฉินเทียนหยูกำลังพูดถึงคืออะไร? แต่เพราะอารมณ์คึกคักของเขา นางจึงถูกลากให้เดินตามแสงจันทร์
“ดวงดาวที่นั่นสวยงามมาก คราวก่อนจ้าวจื่อซินพาข้ามา จากนั้นเขาก็ไม่พามาอีกเลย แต่หลังจากนั้นข้าก็ลอบมาอย่างลับๆ สองสามครั้ง ข้าถึงได้จำสถานที่ได้”
ระหว่างที่พูดก็ได้เดินออกจากป่าแล้ว นางมองสภาพแวดล้อมรอบๆ ซึ่งเป็พื้นที่ทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ มีแม่น้ำสายเล็กๆ หนึ่งสายข้างทาง นางมองเห็นหิ่งห้อยบินอ้อยอิ่ง แม่น้ำไหลผ่าน แสงจันทร์ส่องลงมาในแม่น้ำ ผิวน้ำเป็ประกาย ทอดมองดูปราดหนึ่งถึงกับทำให้คนรู้สึกสบายใจขึ้นมาก
“น้องหญิง น้องหญิงดูดวงดาวสิ มันออกมาแล้ว”
เมื่อมองตามทิศทางนิ้วมือของเฉินเทียนหยู จะได้เห็นจุดแสงเรืองรองขนาดเล็กที่ค่อยๆ ลอยขึ้นเหนือผืนหญ้า จากนั้นจุดแสงจึงเพิ่มมากขึ้นจนในที่สุดก็ครอบคลุมผืนหญ้า
หิ่งห้อย ปรากฏว่าดวงดาวที่เฉินเทียนหยูพูดถึงคือหิ่งห้อยจำนวนมาก
“น้องหญิง ดวงดาวเหล่านี้สวยมากหรือไม่?” ครั้นเห็นมู่หรงฉิงยิ้มออกมาในที่สุด เฉินเทียนหยูจึงเข้าหานางอย่างเอาใจ “ข้าสามารถทำให้พวกมันร่ายรำได้ด้วย”
“ร่ายรำหรือ?”
“หืม น้องหญิง น้องหญิงดูสิ”
หลังจากนั้นเขาได้หักกิ่งไม้หนึ่งกิ่ง พลางกระโจนจากตำแหน่งที่ยืนไปหลอมรวมอยู่ตรงกลางแสงระยิบระยับ
เฉินเทียนหยูเข้าไปอยู่ท่ามกลางแสงไฟ มือขวาของเขาถือกิ่งไม้พร้อมร่ายรำเพลงดาบ ขณะเคลื่อนไหวจะทำให้อากาศไหลเวียนซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่าจะสามารถดึงดูดฝูงหิ่งห้อยมารวมกันกลายเป็ภาพหนึ่ง คล้ายกับนางฟ้ากำลังโบกแขนเสื้ออยู่เหนือ์ทั้งเก้าชั้น
นางไม่คาดคิดมาก่อนว่า หิ่งห้อยจะปรากฏตัวพร้อมกันมากมายถึงเพียงนี้ และสิ่งที่ไม่คาดคิดมากกว่านั้นคือ เฉินเทียนหยูรู้วิธีใช้กระบวนท่าในการนำทางหิ่งห้อย ความงดงามของทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าพูดตามความเป็จริง คงจะคล้ายกับ์บนฟ้า
ใครว่าคนโง่งมไม่มีสติปัญญาเป็ของตัวเอง? ใครว่าคนโง่ไม่รู้จักรักผู้อื่น? อย่างน้อย คนโง่งมของนางคนนี้ ก็รักนาง รู้ที่จะห่วงใยนาง และมองนางเป็สมบัติล้ำค่า เมื่อเห็นนางไม่มีความสุข เขาก็คิดแต่จะทำให้นางมีความสุข เมื่อเห็นนางเศร้าเสียใจ เขาก็พลอยเศร้าโศกและร้องไห้ไปด้วย
เพียงแต่ถ้าเขาไม่คลุ้มคลั่งคงจะดีกว่านี้
ในใจคิดตรึกตรอง หัวใจที่มืดมนของมู่หรงฉิงพลอยสงบลงยามได้เห็นหิ่งห้อยจำนวนหลายพันตัวก่อร่างกลายเป็ภาพที่แตกต่างกันบนพื้นหญ้า
หลังจากได้รู้ความจริง ความหวั่นกลัวและความขุ่นเคืองในใจของนางเกือบทำให้นางถึงกับหายใจไม่ออก นางไม่นึกไม่ฝันเลยว่า แท้ที่จริงแล้วท่านแม่ของนางและเฉินเทียนหยูรู้จักกันเป็เวลานานแล้ว และสิ่งที่ไม่นึกไม่ฝันมากไปกว่านั้นคือ ทั้งเฉินเทียนหยูและท่านแม่ของนางต่างถูกโยงเข้าไปข้องเกี่ยวในการสมรู้ร่วมคิด
บางทีองค์ชายรัชทายาทแห่งราชวงศ์ก่อนยังไม่สิ้นพระชนม์ บางทีพลังมืดที่ท่านแม่กล่าวถึงในจดหมายฉบับนั้นถูกควบคุมโดยองค์ชายรัชทายาทแห่งราชวงศ์ก่อน หลังจากที่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันบังคับให้ลงจากตำแหน่ง เขาก็ขึ้นครองบัลลังก์ได้สำเร็จแต่กลับปล่อยให้องค์ชายรัชทายาทราชวงศ์ก่อนหนีไปได้และไม่เห็นตราประทับหยกในราชวงศ์ก่อน
บัลลังก์นั้นไม่ได้มาโดยง่าย คิดว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องใช้ความพยายามในการแย่งชิง คงจะสูญเสียพละกำลังอย่างมาก องค์ชายรัชทายาทราชวงศ์ก่อนพ่ายแพ้ และแม้ว่าจะไม่เต็มใจ ถึงกระนั้นเขาก็จำต้องซ่อนตัวและค่อยๆ สะสมพละกำลัง ครั้นรู้เื่ตราประทับหยกของราชวงศ์ก่อน เขาย่อมมองหามันอย่างลับๆ โดยธรรมชาติ เขาย่อมต้องป้องกันการตามหาตราประทับหยกของราชวงศ์ก่อนจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบันทุกวิถีทาง
การต่อสู้เพื่อครองบัลลังก์ทำให้ผู้คนที่เดิมเป็คนไม่ที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามามีเอี่ยวด้วย ซ้ำร้ายท่านแม่ก็เป็เหยื่อของการต่อสู้ในคราวนี้
หลังจากที่ท่านแม่รู้ความเป็จริงแล้ว คิดว่าท่านแม่ก็คงจะอับจนหนทาง ท่านแม่ของนางไม่มีคนสนับสนุนอยู่เื้ั ไม่มีคนเข้าใจ และในเวลาเดียวกันนางยังต้องแสร้งทำเป็ไม่รู้ความจริง มิหนำซ้ำท่านแม่ยังต้องดำเนินชีวิตภายใต้คำโกหกที่มู่หรงอั้นคนเ้าเล่ห์หน้าซื่อใจคดสร้างขึ้นมา และเวลาถัดมาก็ได้พบกับเฉินเทียนหยู จากนั้นเมื่อเฉินเทียนหยูรู้ว่าท่านแม่ถูกเกี่ยวโยงร่วมด้วย เขาจึงร่วมมือกับแม่
หลังจากคิดพิจารณาถึงเื่นี้ มู่หรงฉิงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทั้งท่านแม่ของนางและเฉินเทียนหยูต่างก็้ามอบตราประทับหยกให้กับองค์ชายรัชทายาท นั่นก็หมายความว่า ทั้งเฉินเทียนหยูและท่านแม่ต่างก็ภักดีต่อองค์ชายรัชทายาท ทางด้านพี่ชายใหญ่ที่ออกศึกด้านนอก ถึงแม้ว่าระดับตำแหน่งขุนนางจะต่ำต้อยเป็อย่างมากในตอนนี้ แต่ในจดหมายของท่านแม่ สามารถมองออกได้ไม่ยากว่า พี่ชายใหญ่กับองค์ชายรัชทายาทนั้นรู้จักกันดี หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง พี่ชายใหญ่ก็จงรักภักดีต่อองค์ชายรัชทายาทเช่นเดียวกัน
การส่งตราประทับหยกของแผ่นดินให้องค์ชายรัชทายาทจะกลายเป็ความดีความชอบ ทางด้านมู่หรงอั้นและคนอื่นๆ ที่เป็คนสนิทขององค์ชายรัชทายาทราชวงศ์ก่อนย่อม้าแย่งชิงเป็ธรรมดา แต่อนุหนิงหมายจะให้มู่หรงยวี่ได้เป็ชายาเอกขององค์ชายรัชทายาทไม่ใช่หรือ? ก่อนหน้านี้ก็คาดเดาไว้แล้วว่าอนุหนิงและมู่หรงอั้น้าช่วยองค์ชายสามแย่งชิงตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท ถ้าใช่เช่นนั้น ทำไมท่านแม่ถึงบอกว่ามู่หรงอั้นเป็คนสนิทขององค์ชายรัชทายาทแห่งราชวงศ์ก่อน?
ในเมื่อเขาเป็องค์ชายรัชทายาทแห่งราชวงศ์ก่อน เหตุใดเขาถึงรับใช้องค์ชายสาม? พูดได้หรือไม่ว่า การรับใช้นั้นเป็ภาพเท็จและการใช้ประโยชน์ต่างหากที่เป็ความจริงกระนั้นหรือ? แต่ถ้าเป็การใช้ประโยชน์ ทำไมแม่รองเฉินถึงได้เข้าร่วมด้วย? ข้อสรุปดังกล่าวไม่สามารถพิสูจน์ได้ในทุกกรณี
และยังมีประเด็นที่สำคัญที่สุด ทำไมมู่หรงอั้นถึงเลือกใช้ประโยชน์จากท่านแม่? ใน่เวลานั้นท่านแม่รักกันกับอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาท แต่ถูกมู่หรงอั้นและคนอื่นๆ วางกับดัก เป็ไปได้หรือไม่ที่จะพูดว่า อาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทได้เข้าร่วมการบังคับให้องค์ชายรัชทายาทออกจากตำแหน่งในเวลานั้นด้วย?
โดยทั่วไปแล้ว การเข้าร่วมการแย่งชิงบัลลังก์ของฮ่องเต้ ถ้าไม่ใช่คนกล้าตายก็อาจกลายเป็ศพ หากอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทมีส่วนข้องเกี่ยวด้วยจริงๆ เขาย่อมรู้เื่ที่ไม่อาจเปิดเผยให้เห็นมากมาย ฉะนั้นฮ่องเต้เก็บชีวิตของเขาไว้อีกได้อย่างไร? นั่นหมายความว่าการเก็บชีวิตของอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทไว้ย่อมมีประโยชน์ซ่อนอยู่?
หลังจากใจเย็นลง นางก็จัดระเบียบสิ่งที่รู้ในแต่ละเื่ และในท้ายที่สุดก็สรุปได้ว่า ข้อสงสัยที่เหลืออยู่คืออาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทเป็กุญแจสำคัญ หากสามารถรู้เกี่ยวกับความคับข้องใจระหว่างท่านแม่กับครอบครัวหลิงจากปากของอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาท นางก็จะสามารถชี้แจงทุกอย่างและเข้าใจว่าทำไมท่านแม่ถึงได้บอกว่าเป็หนี้ครอบครัวหลิง
เดิมวันนี้ฮูหยินหลิงทำให้ท่านแม่ต้องอัปยศอดสู นางรู้สึกหงุดหงิดเป็อย่างมาก นางยังคงคิดหาวิธีว่าจะคืนความอัปยศกลับไปอย่างไร แต่หลังจากได้อ่านจดหมายของท่านแม่แล้ว นางก็ระงับความคิดนั้นไว้ชั่วคราว ในใจยังคงคิดว่า ยังไม่สายเกินไปที่จะทำการตัดสินใจหลังจากทำความเข้าใจถึงความคับข้องใจ
ความคับแค้นของท่านแม่ย่อมต้องล้างแค้น ใน่เวลาบ่ายแก่ๆ นางยังคงสับสน ต้นเหตุของเหตุการณ์นี้คือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน นางที่เป็สตรีจะล้างแค้นได้อย่างไร? หลังจากที่นางสงบลง นางก็มีแผนการแล้ว ขั้นตอนแรกในการแก้แค้น คือค่อยๆ คืนสิ่งที่ท่านแม่ของนางได้รับแต่ละสิ่งให้กับอนุหนิงอย่างช้าๆ
อนุหนิงหมายจะให้มู่หรงยวี่ได้เป็ชายาเอกขององค์ชายรัชทายาทไม่ใช่หรือ? ถ้าเช่นนั้นนางต้องทำให้มู่หรงยวี่ได้แต่งงานกับองค์ชายสามอย่างแน่นอน เพียงแต่องค์ชายสามจะได้รับการสถาปนาเป็องค์ชายรัชทายาทหรือไม่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่อนุหนิงจะรับรองได้ อย่างไรก็ดีนางไม่เพียงแต่้าให้มู่หรงยวี่แต่งงานกับองค์ชายสามเท่านั้น แต่นางยัง้าให้หนิงสุ่ยรั่วได้แต่งงานกับองค์ชายสามด้วยเช่นกัน ความหึงหวงของผู้หญิงนั้นน่ากลัวมาก ตราบใดที่นางใช้ความริษยาของหนิงสุ่ยรั่ว นางจะสามารถทำให้ด้านหลังตำหนักขององค์ชายสามมีชีวิตชีวาอย่างไม่ธรรมดาเป็แน่
มู่หรงอั้นวางกับดักท่านแม่ของนางและใช้ประโยชน์จากท่านแม่ แต่ในท้ายที่สุด หลังจากพบว่าท่านแม่ของนางไม่มีค่าอะไร เขาจึงปลิดชีพของท่านแม่ของนางอย่างโหดร้าย ผู้เป็พ่อเช่นนี้จะไม่ ‘กตัญญู’ ให้ดีได้อย่างไร?
นอกจากนั้นยังมีประเด็นที่สำคัญที่สุด นางจะต้องไปหาหญ้าชิงโยว ไม่ว่านางจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่นางต้องคลายพิษให้เฉินเทียนหยู และถ้าเฉินเทียนหยูต้องเสียชีวิต นั่นย่อมเป็ความประสงค์ของ์ ทว่าหากเฉินเทียนหยูรอดชีวิตและฟื้นความทรงจำกลับมาได้ก็ถึงเวลาโต้กลับ
นางจะไม่ต่อสู้แย่งชิงกับราชสำนัก นางขอแค่ทำให้ผู้ที่ทำร้ายท่านแม่ของนาง พี่ชายใหญ่ของนาง รวมถึงผู้ที่ทำร้ายนาง ต้องได้รับในสิ่งที่ทำไว้เท่ากัน
เมื่อก่อนนางแพ้ ด้วยสาเหตุที่นางไม่รู้เื่อะไรเลย แต่ตอนนี้นางรู้ความจริง รวมถึงรู้กลอุบายด้วย นางไม่หน้ามืดตามัวอีกต่อไปแล้ว เวลานี้ร่างกายของนางสามารถต้านพิษ ต้านสารพัดคาถาได้ นี่เป็โอกาสอันยิ่งใหญ่ที่์มอบให้กับนางไม่ใช่หรือ?
นางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยดวงดาว ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ท่านแม่อยู่บนท้องฟ้า ท่านแม่จะต้องปกป้องพี่ชายใหญ่ให้กลับมาอย่างปลอดภัย จะต้องปกป้องเฉินเทียนหยูให้รอดชีวิตจากการล้างพิษ หลังจากนั้นท่านแม่ก็แค่ดู... ดูว่าลูกสาวของท่านแม่จะล้างแค้นผู้ที่ทำร้ายท่านและวางกับดักท่านเ่าั้ ทำให้พวกเขาได้รับสิ่งตอบแทนที่สาสม
หิ่งห้อยจำนวนนับพันทำให้โลกสว่างไสวและกลายเป็ภาพอันสวยงามตามกระแสลมที่เฉินเทียนหยูโบกมือ แมลงในป่าในระยะไกลดูเหมือนจะหลงใหลในความงามและพวกมันก็กำลังสนทนาถึงภาพสวยงาม ซึ่งเป็ภาพหายาก
“ไม่คาดคิดว่า เขาจะสามารถหาสถานที่แห่งนี้ได้” จ้าวจื่อซินยืนอยู่ด้านข้างมู่หรงฉิง มองไปทางเฉินเทียนหยูที่พยายามทำให้มู่หรงฉิงพอใจ เขาไม่นึกเลยจริงๆ ว่า เฉินเทียนหยูคนโง่จะรู้วิธีหลอกลวงผู้หญิงเช่นกัน
ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ทั้งสองยืนเคียงข้างกัน โดยมีชิงยวี่ยืนอยู่ด้านหลังจ้าวจื่อซินอย่างเงียบๆ
นางถอนสายตาพลางหันไปมองจ้าวจื่อซิน “เ้ารู้จักฮูหยินหลิงหรือไม่?”
“ผู้หญิงที่มีท่าทีและคำพูดที่คลุมเครือคนนั้นในวันนี้หรือ?” หลังระลึกได้ว่ามู่หรงฉิงถูกผู้หญิงคนนั้นทำให้อับอายขายหน้า จ้าวจื่อซินก็รู้สึกอึดอัดโดยปราศจากเหตุผล
“ข้าอยากจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับนาง” นางอยากจะรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างฮูหยินหลิงกับท่านแม่ของนางว่าเป็อย่างไร? “และนอกจากนี้…”
“นอกจากนี้?” นางขมวดคิ้วแน่นแต่มันต่างจากความสับสนอันจนหนทางเฉกเช่นในยามบ่าย ในเวลากลางคืนสิ่งที่ฉายชัดในดวงตาของนางเป็แผนการซึ่งทำให้ชายหนุ่มด้านข้างโล่งใจในที่สุด นางเช่นที่เป็อยู่ขณะนี้คือตัวจริงของนาง มู่หรงฉิงที่ถามเพียงว่า ‘พวกเราควรจะทำอย่างไร?’ ทำให้เขารู้สึกเวทนา เขาไม่ชอบความรู้สึกนั้น เขาชอบมู่หรงฉิงที่มักจะคิดหาแผนการราวกับจิ้งจอกตัวน้อย
“นอกจากนี้... ความสัมพันธ์ระหว่างฮูหยินหลิงกับหลิงชิงป๋อคืออะไร?” นางมักจะรู้สึกเสมอว่า ชื่อของฮูหยินหลิงไม่ใช่สกุลของสามีของฮูหยินหลิง ยามที่อ่านจดหมายของแม่ที่กล่าวว่ารู้สึกละอายใจต่อชิงชิง นางคิดได้ทันทีว่าชิงชิงและฮูหยินหลิงเป็คนคนเดียวกัน
เพียงแต่ฮูหยินหลิงเป็หนึ่งในสมาชิกของราชวงศ์ ตามลำดับรุ่น ชื่อเต็มของนางควรจะเป็หลี่ซื่อชิง แต่นางกลับรู้สึกว่าชื่อของฮูหยินหลิงไม่ใช่ชื่อนั้น
“เ้าคิดว่าเฉินเทียนหยูโบกมือให้ดวงดาวที่นั่นโดยลำพัง มันจะน่าเบื่อเกินไปหรือไม่” จ้าวจื่อซินไม่ตอบมู่หรงฉิงแต่กลับเลื่อนสายตาไปมองเฉินเทียนหยูผู้ซึ่งยังคงใช้แรงโบกกิ่งไม้ในมือเต็มกำลัง “แทนที่จะดูอยู่ที่นี่ ทำไมไม่ลองเข้าไปมีส่วนร่วมและลองด้วยตัวเองสักครั้งล่ะ?”
“เ้ายังไม่ตอบข้าเลย” เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และนางก็ก้าวไปข้างหน้าเขาหนึ่งก้าว “เ้าเคยพูดว่าจะรับใช้ข้าทุกอย่าง เื่นี้สำคัญมากสำหรับข้า”