“ฉินเว่ย!”
เสียงแซวจากผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นลั่วเสี่ยวซีหันไปมองตามเสียง ก็เห็นสายตาหยอกเย้าของชายแปลกหน้าคนหนึ่ง
สาวๆ ในสังกัดของฉินเว่ยนั้นมีเยอะแยะมากมายสงสัยเธอจะโดนเพื่อนของเขาเข้าใจผิดว่าเป็หนึ่งในนั้นแน่ๆว่าแล้วเธอจึงเตะเขาไปหนึ่งที
“ไปไกลๆ เลยไป”
“คนใจร้าย!”เขารู้ดีลั่วเสี่ยวซีกำลังกลัวอะไร จึงเดินออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก
ลั่วเสี่ยวซีเดินกลับไปหาซูอี้เฉิงเขายืนถือแก้วไวน์แดงพูดคุยอยู่กับแขกคนอื่นในงานท่าทางของเขาในตอนนี้สามารถฆ่าผู้ชายทั้งงานได้ในพริบตา
น่าแปลกที่เธอรู้จักกับเขามาก็นานหลายปีแล้วแต่ทำไมยิ่งมองก็ยิ่งชอบกันนะ
เมื่อคนที่คุยอยู่กับเขาแยกตัวออกไปลั่วเสี่ยวซีจึงเดินยิ้มร่าเข้าไปหา แววตาของซูอี้เฉิงเย็นเยียบลงทันทีสายตาที่มองเธอนั้นเหมือนฉาบไปด้วยน้ำแข็ง ราวกับเป็คนละคนกับเมื่อครู่
ชิท!ลั่วเสี่ยวซีเริ่มเซ็ง เธอยังไม่ทันทำอะไรเลยนะ เป็อะไรของเขาเนี่ย?
หรือว่าท่าเดินของเธอมันไม่ดีไม่งาม?
แต่ยังไม่ทันได้หาคำตอบเสียงฮือฮาก็ดังมาจากทางหน้าประตู ตามด้วยเสียงกดแฟลชนับร้อยที่ดังไม่หยุด
“รั่วซีนี่คือเื่บังเอิญเหรอคะ”
“รั่วซีคุณรู้อยู่แล้วหรือเปล่า? ดาราคนอื่นมักจะระวังไม่ให้เกิดเื่แบบนี้ขึ้นนี่คะคุณคิดยังไงกับเื่นี้คะ”
“รั่วซี...”
การมาของหานรั่วซีเป็เื่ปกติแต่...คำถามของพวกนักข่าวนี่สิ ดูแปลกๆ นะ
เนื่องด้วยตำแหน่งที่เธอยืนอยู่ทำให้ลั่วเสี่ยวซีมองไม่เห็นทางหน้าประตู แต่เธอรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างไรก็ไม่รู้ว่าแล้วจึงดึงมือซูอี้เฉิงให้วิ่งออกไปดูด้วยกัน
“ไปดูกันเถอะ”
พวกการ์ดกำลังล้อมหานรั่วซีเพื่อรักษาความปลอดภัยเธอแต่งหน้าอย่างงดงาม และเดินดั่งนางพญาเครื่องประดับที่สวมใส่ต่อให้ทอประกายแค่ไหนก็ถูกความงามของเธอกลบเอาไว้อย่างลงตัว สมแล้วที่เป็ดาราสาวเบอร์หนึ่งของ Lu Media ที่กำลังก้าวสู่วงการบันเทิงระดับโลก
เธอมักจะเป็จุดรวมสายตาของทุกคนที่ไม่ว่าปรากฏตัวที่ไหนเมื่อไร ก็มักจะมีข่าวใหม่ๆ ออกมาเสมอ ซึ่งในครั้งนี้สิ่งที่ดึงความสนใจของพวกนักข่าว ก็คือชุดราตรียาวสีขาวของเธอนั่นเอง
ลั่วเสี่ยวซีจ้องจนตาแทบถลน
“WTF!” ทำแบบนี้ก็ได้เหรอเนี่ย!
สายตาเย็นเยียบของซูอี้เฉิงตวัดมามองลั่วเสี่ยวซีในทันทีเธอยิ้มแห้งก่อนจะเอ่ย
“ฉันพูดถึงนาฬิกาๆ i-watch น่ะ”
ตอนนั้นเองเสิ่นเยว่ชวนก็รีบเดินเข้ามาหาพวกเธอ
“เจี่ยนอันกับลู่เป๋าเหยียนอยู่ที่ห้องรับรองชั้นสิบ จะไปบอกเธอไว้ก่อนดีไหม”
“เดี๋ยวก่อน”ลั่วเสี่ยวซีเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปยืนอยู่หน้าสุดก่อนจะกวาดสายตามองหานรั่วซีอย่างคนที่อยู่ในวงการแฟชั่น เธอจะลูบคางอย่างใช้ความคิดและเดินกลับไป
เสิ่นเยว่ชวนเอ่ย“ผมพาคุณขึ้นไปเอง”
“ขอบคุณค่ะ”
ลั่วเสี่ยวซีลากซูอี้เฉิงขึ้นไปแจ้งข่าวพร้อมกัน
ขณะทีู่เี่อันกำลังพักผ่อนอย่างเป็สุขในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนหวาน
เธอถามลู่เป๋าเหยียน
“นายอยู่ที่นี่จะไม่เป็ไรเหรอ”
ลู่เป๋าเหยียนมองนาฬิกาก่อนตอบ
“อีกเดี๋ยวฉันคงต้องลงไปแล้วเธอนั่งพักอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้ ฉันจะเรียกลั่วเสี่ยวซีขึ้นมาอยู่เป็เพื่อน”
“ไม่ต้องหรอก”ูเี่อันขยับเท้าเล็กน้อย “เสี่ยวซีคงอยู่กับพี่ชายฉันถ้าโดนเรียกขึ้นมาตอนนี้เธอคงโกรธฉันแน่ๆ เดี๋ยวฉันลงไปกับนายดีกว่า”
“ไม่เหนื่อยเหรอ”
“ไม่เหนื่อย”ูเี่อันยิ้มตอบ “อย่างที่นายบอก ฉันควรทำตัวให้ชิน”
ปีศาจน้อยวันนี้ดูว่านอนสอนง่ายกว่าปกติจนลู่เป๋าเหยียนเริ่มรู้สึกไม่ชิน เขามองเธอนิ่ง เธอจึงเอียงคอถามอย่างสงสัย
“มองอะไรหรือกำลังคิดว่าฉันดูขึ้นกล้องกว่าพวกดาราในสังกัดบริษัทนาย?”
“ก็จริง”ลู่เป๋าเหยียนยิ้มมุมปาก
“หา?” ูเี่อันยิ้มกว้างขึ้นอีก“งั้นฉันเซ็นสัญญาเป็ดารากับบริษัทนายได้ไหมฉันจะได้เข้าวงการพร้อมกับลั่วเสี่ยวซี ดีไม่ดีพวกเราอาจจะดังในชั่วข้ามคืนเป็ดาวดวงใหม่...”
“ไม่ได้”ลู่เป๋าเหยียนพูดตัดบท
“ทำไมอ่ะ?” ูเี่อันไม่เข้าใจ“ปกติให้ตายฉันก็ไม่ยอมทิ้งอาชีพแพทย์นิติเวชนะ แต่ถ้าได้เป็ดาราแล้วล่ะก็...ฉันยอมลาออกก็ได้!”
“เป็ดาราก็เหมือนถูกผู้คนจับตามองตลอดเวลาเพราะยิ่งคนรู้จักมากก็ยิ่งดี” ลู่เป๋าเหยียนช่วยเธอใส่รองเท้าก่อนจะลุกขึ้นยืนพลางอธิบายด้วยเสียงทุ้มต่ำมีเสน่ห์
“ส่วนเธอให้ฉันมองคนเดียวก็พอ”
สายตาคมเข้มของเขามองเธออย่างลึกซึ้งน้ำเสียงสุดเซ็กซี่ที่เอ่ยออกมาเหมือนจะสื่อความนัยบางอย่าง หัวใจของูเี่อันเต้นแรงไม่เป็จังหวะราวกับสาวน้อยที่เพิ่งรู้ตัวว่าชายที่เป็รักแรกพบก็ชอบตัวเองเหมือนกัน
ถึงอย่างนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งทำเป็ไม่พอใจ
“คนเผด็จการ...พวกเราควรจะลงไปได้แล้วหรือเปล่า”
ลู่เป๋าเหยียนกุมมือเธอก่อนจะเข้ามาโอบเอวเธออย่างชิดใกล้ และพากันเดินออกไปด้านนอก
“ถ้าเหนื่อยแล้วก็บอกฉัน”
“อืม”
ทั้งสองคนยืนรอลิฟต์อยู่ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออกพร้อมกับคนสามคนที่อยู่ในนั้น
ลั่วเสี่ยวซี ซูอี้เฉิงและเสิ่นเยว่ชวน
สีหน้าของลั่วเสี่ยวซีดูแปลกๆส่วนเสิ่นเยว่ชวนก็ดูมีอะไรผิดปกติ ูเี่อันชักจะสงสัย
“ทำไมพวกเธอถึงขึ้นมาพร้อมกันได้?”
พูดจบเธอก็เดินเข้าไปในลิฟต์ก่อนที่ลิฟต์จะค่อยๆ เคลื่อนตัวลงไปที่ชั้นล่าง
ลั่วเสี่ยวซีรู้ดีว่าเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้งเพื่อนเธอจะต้องเผชิญหน้ากับอะไร จึงตัดสินว่าจะบอกเพื่อนไปตามตรง
“เจี่ยนอันเธอต้องเตรียมใจไว้นะ หานรั่วซีมาแล้ว เธอใส่ชุด...”
ติ้ง!
ลั่วเสี่ยวซียังพูดไม่ทันจบประตูลิฟต์ก็เปิดออกพร้อมแสงแฟลชที่สาดเข้ามาไม่ยั้ง ูเี่อันตะลึงงันไปเธอกำลังยืนอยู่หน้ากล้องให้พวกนักข่าวถ่ายภาพเธอและชุดราตรีของเธอ
ก่อนหน้าที่งานเลี้ยงจะเริ่มทางโรงแรมอนุญาตให้พวกนักข่าวทำการสัมภาษณ์แขกในงานแถมยังจัดโซนพักผ่อนให้พวกเขาโดยเฉพาะถึงพวกนักข่าวจะไม่กล้าเข้ามาขวางทางของูเี่อันไว้แต่พวกเขาก็รุมถามคำถามไม่ยั้ง
“คุณนายลู่คะคุณกับหานรั่วซีใส่ชุดซ้ำกัน คุณคิดยังไงกับเื่นี้คะ”
ชุดซ้ำ? สมองของูเี่อันขาวโพลนไปชั่วขณะแต่เพียงเสี้ยววินาที เธอก็หันไปมองหานรั่วซี
หานรั่วซีสวมชุดราตรียาวเรี่ยพื้นสีขาวซึ่งนอกจากตัวกระโปรงที่ถูกผ่าสูงอย่างเซ็กซี่แล้วการดีไซน์จุดอื่นเหมือนกับชุดของเธอทุกอย่าง
หากมองไกลๆจึงเหมือนพวกเธอกำลังใส่ชุดราตรีแบบเดียวกันไม่มีผิด
มิน่าพวกนักข่าวถึงได้ตื่นเต้นกันขนาดนี้อย่าว่าแต่ในวันที่สื่อทุกสำนักมารวมตัวกันแบบนี้เลย ต่อให้เป็สถานการณ์อื่นหากพวกเธอปรากฏตัวพร้อมกันในชุดแบบเดียวกัน ก็คงหนีไม่พ้นจากการถูกเปรียบเทียบ
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหานรั่วซีแต่เดิมก็ไม่ปกติอยู่แล้วการใส่ชุดซ้ำกันในครั้งนี้ ยิ่งทำให้เป็ข่าวใหญ่
นักข่าวถามจี้ไม่หยุด“คุณนายลู่ คุณคิดว่าเื่นี้หมายความว่ายังไงคะ คุณไม่พอใจหรือเปล่าคะ”
ูเี่อันรู้ดีว่าพวกนักข่าวอยากได้ยินคำพูดแรงๆจากเธอ แต่ถ้าทำแบบนั้น คนที่ต้องขายหน้าคือลู่เป๋าเหยียน
อีกอย่างตอนที่เธอลองชุด หานรั่วซีก็ไม่เห็นชุดของเธอสักหน่อยดังนั้นเธออาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ได้
“เื่นี้อาจเป็เพราะฉันกับคุณหานมีรสนิยมคล้ายกันก็ได้มั้งคะ”เธอยิ้มพลางตอบ “ฉันจะไม่พอใจได้ยังไงกัน ทุกคนมีอิสระในการเลือกนี่คะจริงไหม”
พวกนักข่าวนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำตอบแสนอ่อนโยนแบบนี้จึงยิงคำถามเพิ่มอย่างไม่ลดละ
“คุณนายลู่คะแล้วคุณคิดว่าคุณกับหานรั่วซีใครสวมชุดนี้แล้วสวยกว่ากันคะ”
คำถามตรงเฉียบแบบนี้ถ้าตอบไม่ดีอาจจะตกหลุมพรางของคนตรงหน้าได้ลั่วเสี่ยวซีแอบยกมือปาดเหงื่อแทนูเี่อัน แต่เ้าตัวกลับดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรและยิ้มตอบอย่างสดใส
“อืม...เื่นี้คงแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลล่ะมั้งคะ”
เสิ่นเยว่ชวนเห็นว่าแค่นี้ก็คงจะพอแล้วจึงส่งสัญญาณให้รปภ.มาเชิญพวกนักข่าวออกไปพวกนักข่าวเองก็รู้สถานะตัวเองดีว่าไม่ควรถามอะไรไปมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นหากลู่เป๋าเหยียนโกรธขึ้นมาข่าวพวกนี้คงไม่ได้ลงในโลกออนไลน์แน่ ว่าแล้วจึงพากันสลายตัวออกจากงาน
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มก่อนเอ่ยชม
“เก่งขึ้นนะ”
ูเี่อันพยายามฝืนยิ้มก่อนจะพูดอย่างขวัญเสีย
“ที่จริงฉันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพูดอะไรออกไปบ้าง...”เป็ครั้งแรกในชีวิตที่เธอกล้าตอบอะไรไปแบบนั้น
“เธอรับมือกับมันได้ดี”หายากที่ลู่เป๋าเหยียนจะยอมรับในตัวเธอแบบนี้
ูเี่อันถอนหายใจยาว
“ขอบคุณฟ้าดินขอร้องล่ะวันนี้ฉันไม่อยากเผชิญหน้ากับหานรั่วซีอีกแล้ว”
“ไม่ทันแล้วล่ะ”ลู่เป๋าเหยียนกล่าว “พวกเธอคงโดนเปรียบเทียบกันแน่ๆแต่เธอแค่รักษาท่าทีแบบเมื่อกี้ไว้ก็พอ”
ูเี่อันรู้ดีว่าในสถานการณ์แบบนี้ต่อให้ภายนอกพวกเธอจะคุยกันดีแค่ไหน แต่ในใจก็คงไม่มีใครยอมใครเธอเองก็ไม่อยากยอมแพ้หานรั่วซี ส่วนตัวหานรั่วซีเองก็คงหาทางข่มเธอให้ได้ต้องมีใครสักคนเป็ผู้แพ้ในเกมนี้
งั้นก็มาเลยคดียากแค่ไหนเธอยังคลี่คลายมาแล้ว แค่หานรั่วซีคนเดียว เธอกลัวที่ไหนกัน!
“ใช้ได้นี่นาเจี่ยนอัน”ลั่วเสี่ยวซีเดินเข้ามา “ฉันนึกว่าเธอจะใจนทำอะไรไม่ถูกซะแล้ว”
แต่ก่อนทีู่เี่อันจะได้ตอบอะไรออกไปเธอก็หันไปเห็นใครคนหนึ่ง
โอ๊ะโอ...ดูท่าเสี่ยวซีจะมีปัญหาแล้ว
“อี้เฉิงคะ”
จางเหมยในชุดราตรีสีแดงยาวคลุมเข่ากำลังเดินเข้ามาอย่างช้าๆเธอยิ้มอย่างอ่อนโยนและเดินตรงมาหาซูอี้เฉิงราวกับในสายตาของเธอมีแค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้นสีหน้าของเธอในตอนนี้เหมือนผู้หญิงที่กำลังมีความสุขที่สุดในโลก
เธอมีความสุขจริงๆ นั่นแหละเพราะเดิมทีซูอี้เฉิงไม่คิดจะชวนเธอมา แต่จู่ๆ เธอก็ได้รับข้อความจากเขาวินาทีนั้นเธอดีใจจนบอกไม่ถูก ชุดเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับต่างๆ ที่เธอเตรียมไว้ล่วงหน้าจึงได้ถูกนำมาใช้เสียที หลังจากแต่งหน้าแต่งตัวอย่างประณีตคนขับรถของซูอี้เฉิงก็พาเธอมาส่งที่นี่
เพราะฉะนั้นการเตรียมพร้อมไว้ก่อนจึงเป็เื่ถูกต้องที่สุด
ซูอี้เฉิงเดินเข้าไปหาเธอจางเหมยยกมือคล้องแขนเขาอย่างใกล้ชิดในทันที
“เราไม่ได้อยู่ที่บริษัทแถมฉันยังมาในฐานะคู่ควงของคุณ งั้นตอนนี้ฉันเรียกคุณแค่ชื่อก็ได้แล้วสินะคะ”
“ได้สิ”
จางเหมยยิ้มอย่างพอใจก่อนจะเดินแยกตัวออกไปพร้อมซูอี้เฉิง
ลั่วเสี่ยวซีมองแผ่นหลังของทั้งสองคนก่อนจะนิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่แล้วจึงสบถออกมา
“ทำแบบนี้ก็ได้งั้นเหรอ?”เธอนึกว่าจางเหมยจะไม่มาแล้วซะอีก
“ฉันบอกข่าวดีเื่หนึ่งให้เอาไหม”
ลั่วเสี่ยวซีทำหน้าสนใจ“ข่าวดีอะไรคะบอส? สามารถรักษาแผลใจของฉันได้หรือเปล่า”
“ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะให้เธอเข้าวงการก่อนกำหนด”ลู่เป๋าเหยียนกล่าว “แต่คงต้องเริ่มจากเวทีเล็กๆ ก่อน ฝึกฝนไปด้วย ทำงานไปด้วยมันคงจะลำบากยิ่งกว่าตอนนี้เสียอีก เธอโอเคหรือเปล่า”
ราวกับถูกชุบชีวิตลั่วเสี่ยวซีตาเป็ประกายพลางมองลู่เป๋าเหยียนอย่างไม่อยากเชื่อ
“ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม? ฉันจะได้เข้าวงการก่อนกำหนดงั้นเหรอ?”
“เธอมีความสามารถมากพอ”ลู่เป๋าเหยียนเอ่ย
ลั่วเสี่ยวซีลืมเื่ที่เธอถูกซูอี้เฉิงทิ้งในทันทีก่อนจะร้องเฮอย่างดีใจและวิ่งออกไป ูเี่อันะโถามเธอว่าจะไปไหนเธอโบกไม้โบกมือพลางตอบว่า
“ไปหาคนร่วมยินดีกับฉันน่ะสิ!”พูดจบเธอก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
“เธอไปหาซูอี้เฉิง?” ลู่เป๋าเหยียนถาม
“ไม่หรอก”ูเี่อันส่ายหน้า “สถานการณ์แบบนี้เธอคงไปป่วนเขามากกว่า ฉินเว่ยน่าจะมาแล้ว”
เป็อย่างทีู่เี่อันคาดไว้ไม่ผิดลั่วเสี่ยวซีวิ่งไปหาฉินเว่ย
ฉินเว่ยเห็นซูอี้เฉิงอยู่กับจางเหมยเขานึกว่าลั่วเสี่ยวซีจะเดินร้องไห้มาหาเขาแต่ที่ไหนได้เธอกลับวิ่งดีใจมาหาเขาอย่างกับคนบ้า
เขายกมืออังหน้าผากเธอ
“ช็อกจนบ๊องไปเลยหรือไง”
“จะบ้าเหรอ”ลั่วเสี่ยวซีผลักฉินเว่ยเบาๆ “ฉันจะได้เข้าวงการก่อนกำหนดล่ะ!ในไม่ช้านายจะได้เห็นฉันเดินแบบแล้วนะ!”
“โหว”ฉินเว่ยรับรู้ได้ถึงสายตาของซูอี้เฉิง เขาโอบตัวลั่วเสี่ยวซีอย่างสนิทสนม
“เจ๋งนี่นางั้นพวกเราไปหาที่ฉลองกันดีไหม”
“อยู่ที่นี่ก็ฉลองได้นี่”ลั่วเสี่ยวซีหยิบแชมเปญมาสองแก้ว ก่อนจะชนแก้วกับฉินเว่ย
“อวยพรให้กับการก้าวสู่วงการนางแบบระดับโลกขอให้ฉันโด่งดัง ปังๆๆ”
