เหอชูซานที่กำลังก้มหน้าเหม่อลอยอยู่เงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง “หือ?”
“หนิวจ๋า!”
“ดึกขนาดนี้แล้ว ยังจะมีที่ไหนขายหนิวจ๋าอยู่อีก?” เหอชูซานถามด้วยความสงสัย ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปเห็นร้านอาหารเล็กๆ ฝั่งตรงข้ามของถนนที่เปิดขายตอนกลางคืน หน้าร้านมีกลุ่มเด็กหนุ่มสาวนั่งกินอาหารมื้อดึกอยู่
—— ไม่อย่างนั้นนายคิดว่าทำไมลูกพี่ชย่าถึงยืนยันที่จะขับเลยไปอีกหลาย่ตึกแล้วมาจอดรถตรงนี้กันล่ะ?
เขาหันตัวเตรียมจะลงจากรถอย่างว่าง่าย แต่ชย่าลิ่วอีก็เรียกเขาไว้พร้อมกับโยนกระเป๋าเงินหนังสีดำเก่าๆ ใส่เขา “เอากระเป๋าเงินฉันไป แล้วก็ซื้อโค้กมาด้วยกระป๋องหนึ่ง”
“ผม…” เหอชูซานกำลังจะพูดว่าเขามีเงิน แต่ก็นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ลูกพี่ชย่าโกรธจนคว่ำหม้อไฟจีเปา... ไม่คุ้มที่จะเถียงกับเศรษฐีคนนี้เื่เงิน
เขาลงจากรถด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจขณะถือกระเป๋าเงินของชย่าลิ่วอีไว้ในมือ เขาทำตามที่ชย่าลิ่วอีบอก ตรงไปยังร้านอาหารเล็กๆ เพื่อซื้อหนิวจ๋าชามใหญ่และโค้กหนึ่งกระป๋อง ขณะรอ เขาแอบหันกลับไปมองรถที่อยู่อีกฝั่งของถนน ชย่าลิ่วอีกำลังพิงเบาะที่นั่งฝั่งคนขับและสูบบุหรี่โดยไม่ได้มองมาที่เขาเลย
เหอชูซานถอนหายใจในใจ รู้สึกเสียใจกับการแสดงออกที่ไม่เหมาะสมของตัวเอง
ใช่ เขาชอบชย่าลิ่วอี ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวและฝังรากลึกลงไปในหัวใจเขาแล้ว คืนนั้นที่หน้าบ้านพักริมทะเล เขาอดไม่ได้ที่จะโอบกอดชย่าลิ่วอี เขารู้ตัวแล้วว่าเขามีใจให้ชย่าลิ่วอี การที่เขาชอบผู้ชาย แล้วผู้ชายคนนั้นยังเป็มาเฟียไม่ได้ทำให้เขารู้สึกใอะไรมากมายนัก—— ตอนที่เขาฟังชย่าลิ่วอีเล่าเื่ราวระหว่างเขากับชิงหลง เหอชูซานก็พบว่าตัวเองไม่ได้ต่อต้านความรักระหว่างเพศเดียวกันนี้เลย
แต่เขายังไม่พร้อมที่จะต้องเผชิญหน้ากับชย่าลิ่วอีในตอนนี้ เขาเป็เพียงนักศึกษาที่ไม่มีทั้งเงินทองและความสามารถ จะเอาอะไรไปสัญญากับเ้าพ่อแก๊งมาเฟียได้ อีกทั้งเขามีสิทธิ์อะไรที่จะฝันว่าอีกฝ่ายจะล้างมือจากวงการเพื่อมาอยู่กับเขาได้ หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลและเขาก็รู้ดีว่าตัวเองยังไม่มีคุณสมบัติที่จะเริ่มต้นอะไรได้ตอนนี้ เขาเพียงแค่อยากจะอยู่ใกล้ชิดกับชย่าลิ่วอีมากขึ้น อยากดูแลชีวิตที่วุ่นวายของเขา ไม่อยากเห็นเืและสภาพที่อ่อนแอของเขาอีก เหอชูซานไม่สามารถปิดบังความรู้สึกของตัวเองได้ ชย่าลิ่วอีเองก็เป็คนที่เฉียบแหลมและช่างสังเกต จึงสามารถมองทะลุใจเขาได้อย่างง่ายดายจนทำให้เขาหนีไปไหนไม่ได้
ตอนนี้เขาควรทำอย่างไรดี?
เหอชูซานเงยหน้าขึ้นครุ่นคิด ก่อนจะถูกเ้าของร้านเรียกให้จ่ายเงิน เขาเปิดกระเป๋าสตางค์หนังเพื่อหยิบเงินออกมาจ่าย ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นรูปถ่ายใบหนึ่ง รูปนั้นคือรูปของชย่าลิ่วอีและชย่าเสี่ยวหม่านที่กำลังยิ้มให้กล้องอย่างมีความสุข
เขาเหลือบมองรูปถ่ายแวบหนึ่ง ก่อนจะหยิบเงินออกมาแล้วปิดกระเป๋าสตางค์ แต่เพียงไม่นานเขาก็อดใจไม่ไหว ต้องเปิดกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาดูรูปอีกครั้ง
เขาเห็นมุมเล็กๆ ของรูปถ่ายที่โผล่ออกมาจากด้านหลังของรูปคู่ใบนั้น เขาจึงใช้นิ้วค่อยๆ เขี่ยมันให้โผล่ออกมามากขึ้น แล้วดึงมันออกมาอย่างระมัดระวัง
—— สิ่งที่ซ่อนอยู่นั้นคือรูปถ่ายเดี่ยวของชิงหลง รูปถ่ายใบนั้นมีสีซีดจาง ชายคนนั้นหันศีรษะไปด้านข้างเพื่อพ่นควันซิการ์ ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาซ่อนอยู่ในเงามืด ดูเหมือนว่าจะเป็ภาพที่แอบถ่าย
ปลายนิ้วของเหอชูซานสั่นเทาจนเกือบทำรูปถ่ายหล่นลงพื้น จากนั้นเขาก็ตั้งสติอย่างรวดเร็วแล้วกำรูปใบนั้นไว้แน่น!
ในรถที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน ชย่าลิ่วอีกำลังสูบบุหรี่ด้วยท่าทางนิ่งเฉย เมื่อเหลือบมองเหอชูซานด้วยหางตาก็เห็นเด็กหนุ่มหยิบรูปถ่ายที่เขาซ่อนไว้ออกมาแล้วดูมันครู่หนึ่งด้วยสีหน้าเหม่อลอย ก่อนจะสอดมันกลับเข้าไปในกระเป๋าสตางค์อย่างเงียบ ๆ
ชย่าลิ่วอีค่อยๆ พ่นควันออกมาอย่างเชื่องช้า เขายกมือที่พันผ้าพันแผลขึ้นมาบังหน้าผากไว้
ไอ้เด็กเวรนี่มันน่ารำคาญจริงๆ! ถ้ารู้จักประมาณตัวเองหน่อยก็ถอยไปซะ! ดูรูปเสร็จก็รีบกลับบ้านไปนอนได้แล้ว!
ไม่นานนักเหอชูซานก็กลับมาขึ้นรถพร้อมกับชามหนิวจ๋าร้อนๆ ชย่าลิ่วอีคาบบุหรี่อยู่ในปาก เขานอนเอนหลังพิงเบาะอย่างเกียจคร้านและเ็า เมื่อได้ยินเสียงเหอชูซานเปิดประตูเข้ามาในรถ เขาจึงยื่นมือขวาออกไปรับชามหนิวจ๋า
“ผมช่วยถือให้นะครับ” เหอชูซานพูด
ชย่าลิ่วอีเงยหน้ามองเขา เหอชูซานมีสีหน้าสงบนิ่งและไร้เดียงสา ไม่แสดงพิรุธใดๆ ออกมาให้เห็น
ชย่าลิ่วอีคิดในใจ “แม่งเอ๊ย!” รูปถ่ายศัตรูหัวใจก็ให้ดูแล้ว ยังไม่ยอมตัดใจอีกหรือ!
ชย่าลิ่วอีไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกโมโหขึ้นมา จึงยืนกรานแล้วคว้าชามหนิวจ๋ามาถือเอง แต่เพราะมันร้อนเกินไป อีกทั้งมือขวาของเขาก็ยังไม่มีแรง ชามหนิวจ๋าจึงเกือบจะคว่ำหกใส่กางเกง โชคดีที่เหอชูซานตาไวคว้ามันไว้ได้ทันเสียก่อน
“ให้ผมถือให้เถอะครับ พี่ลิ่วอี” เหอชูซานพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง
ชย่าลิ่วอีขมวดคิ้ว เขาไม่พูดอะไรอีก ทำเพียงใช้ส้อมจิ้มเนื้อจากชามที่เหอชูซานถือให้มากินเท่านั้น
เหอชูซานเฝ้ามองเขาอย่างเงียบๆ จนกระทั่งกินเสร็จ จากนั้นก็ยื่นโค้กให้เขา
หลังจากกินอิ่มและดื่มจนพอใจโดยไม่พูดอะไรสักคำ ชย่าลิ่วอีก็เริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย เขาเอนหลังพิงเบาะและหยิบบุหรี่ออกมาเตรียมจะจุดสูบ ทันใดนั้นเหอชูซานก็ยกมือขึ้นมาเช็ดมุมปากของเขาเบาๆ
ชย่าลิ่วอีเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความใ
“ตรงนี้เลอะซุปครับ” เหอชูซานพูด
“…”
“บทพูดโคตรจะเชย... เชยจนน่าจะตายๆ ไปซะ! ไอ้เด็กเวรนี่ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!” —— ชย่าลิ่วอีประเมินคำพูดและการกระทำของเขาในใจ
เขาขบฟันแน่นแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ก่อนจะทำเป็ไม่สนใจแล้วหันหน้าหนี ชย่าลิ่วอีเข้าเกียร์รถ จากนั้นก็เหยียบคันเร่งอย่างแรง!
เหอชูซานถูกสายเข็มขัดนิรภัยดึงเอาไว้ ทำให้มีเพียงศีรษะของเขาที่พุ่งไปข้างหน้า ก่อนที่เขาจะกลับมาตั้งตัวตรงและมองไปข้างหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน เมื่อรับรู้ถึงความโกรธและความอัดอั้นของชย่าลิ่วอีเขาก็อดไม่ได้ที่จะแอบยกยิ้มมุมปาก
ในขณะที่ชย่าลิ่วอีหันไปมองถนน เขาก็ก้มศีรษะลงแล้วแตะริมฝีปากเข้ากับปลายนิ้วที่เปื้อนซุปหนิวจ๋าและน้ำโคล่าอย่างแ่เบา
เขายื่นลิ้นออกมาเลียเบาๆ ที่มุมปาก รสชาติของความหวานปนเค็มเล็กน้อยทำให้เขารู้สึกถึงความสุขที่แฝงอยู่
ชย่าลิ่วอีไม่ได้ไล่เขา แม้จะรับรู้ถึงความรู้สึกของเขาและรู้สึกหงุดหงิดกับเขาก็ตาม แต่เ้าพ่อมาเฟียคนนี้ก็ยังคงปล่อยเขาไปเรื่อยๆ ในวันหยุดที่หาได้ยาก ชย่าลิ่วอียังคงเลือกที่จะมีเขาอยู่เป็เพื่อน สอนเขาเล่นสนุกเกอร์ สอนทำอาหาร กินข้าวที่เขาทำ และตอบรับคำเชิญให้ไปดูหนังสองคนด้วยกัน พร้อมทั้งปกป้องเขาโดยไม่สนใจอันตรายและอดทนยอมรับความใกล้ชิดที่เขาเรียกร้องอย่างไม่รู้จักพอ... เขารู้ดีว่าตัวเองแตกต่างออกไป
แม้ว่าเหอชูซานจะยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับเงาในภาพที่หม่นหมองใบนั้นได้ แต่เหอชูซานรู้ว่าตัวเองก็มีความพิเศษในแบบของเขา...
ยังไม่ทันที่เหอชูซานจะได้ััความหวานเค็มแบบที่เขา้าอีกครั้ง รถก็หยุดลงข้างทางอีกครา
เหอชูซานมองไปยังป้ายใหญ่ของ ‘หอถานเซียง’ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็แข็งทื่อ เืที่เคยเดือดพล่านในอกเย็นเฉียบลงทันที!