ฟิ้ว!
ทันใดนั้นเองก็มีลูกธนูอันแหลมคมพุ่งทะลวงผ่านอากาศตรงเข้ามา สีหน้าของมู่เฟิงพลันเปลี่ยนไปทันใด เขารีบผลักร่างของศิษย์ตระกูลมู่ผู้นั้นออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ลูกธนูดอกนั้นพุ่งผ่ากลางระหว่างพวกเขาไป
“ระวัง รีบหลบเร็วเข้า ฝ่ายตรงข้ามมีพลธนู”
มู่เฟิงะโลั่น จากนั้นทุกคนก็วิ่งหลบออกไปอย่างรวดเร็ว
ฉับพลับนั้นเสียงหวีดหวิวของลูกธนูอันแหลมคมที่แหวกผ่านอากาศก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลูกธนูจำนวนมากพุ่งเข้ามาราวกับห่าฝน
พวกมู่เฟิงสามารถวิ่งเข้าไปหลบหลังกำแพงได้ทันเวลาทำให้ไม่มีใครได้รับาเ็จากคมธนู แต่ศิษย์ตระกูลมู่อีกคนที่เพิ่งมาส่งข่าวไม่อาจหนีได้ทัน เขาถูกลูกธนูยิงเข้าที่กลางหลัง จากนั้นจึงส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา แต่เพียงไม่นานในที่สุดเขาก็เสียชีวิตลงอย่างรวดเร็ว
หากวรยุทธ์ยังไม่บรรลุถึงระดับหนิงกัง ย่อมไม่สามารถแสดงชั้นพลังออกมาเพื่อปกป้องตัวเองได้ ดังนั้นต่อให้เป็ลูกธนูธรรมดาก็สามารถเป็ภัยคุกคามถึงชีวิตได้
ในตอนที่เด็กหนุ่มทั้งสามกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังนั้น พวกเขาก็มองเห็นฉากที่ศิษย์ของตระกูลมู่ถูกยิงเสียชีวิตไปด้วย ภายในใจของพวกเขาจึงรู้สึกชาหนึบขึ้นมา
ท่ามกลางความมืดมิดในยามค่ำคืน เวลานี้พลธนูทั้งสี่คนกำลังแอบย่องเข้ามาจากระยะไกล พวกเขาวางคันธนูและชักดาบออกมาแทน
“พวกเ้าสองคนไปทางนั้น เราจะแยกกันสังหารคนพวกนั้นกัน”
มู่เฟิงดึงดาบออกมาก่อนจะชี้ดาบไปยังลานบ้านด้านนอก เมื่อคมดาบกระทบแสงจันทร์ก็พลันเกิดแสงสะท้อนสาดส่องไปยังทิศทางหนึ่ง เผยให้เห็นเงาตะคุ่มของคนหลายคนที่กำลังเคลื่อนไหว และยังทำให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าทางฝั่งนั้นมีจำนวนคนเท่าไร
มู่ขวงและไป๋จื่อเยว่พยักหน้าก่อนจะรีบะโข้ามกำแพงไปยังอีกฝั่งในทันที ในขณะที่มู่เฟิงก็รีบะโไปยังกำแพงอีกฝั่งเช่นกัน
ชายฉกรรจ์ทั้งสี่รีบตรงเข้ามาทางประตูลานบ้าน แต่เมื่อมาถึงพวกเขากลับไม่พบใครเลย แต่ทันใดนั้นเอง ประกายแสงอันเย็นะเืก็พลันส่องลงมาจากบนกำแพงที่อยู่ไม่ไกล
ฉัวะ!
มู่เฟิงะโลงมาจากกำแพงพร้อมกับดาบที่ฟันไปยังร่างของมือสังหารผู้หนึ่ง และในเวลาเดียวกันนั้น กระบี่ของไป๋จื่อเยว่ก็พุ่งทะลวงลงมาจาก้า เจาะทะลุศีรษะของมือสังหารผู้หนึ่ง ส่วนมู่ขวงก็ลงมือจัดการมือสังหารอีกผู้หนึ่งไปพร้อมกัน
ตอนนี้จึงเหลือมือสังหารอีกแค่คนเดียวเท่านั้น อีกฝ่ายใกับสถานการณ์ที่พลิกผันไปอย่างรวดเร็ว เขารีบหลบหนี ในขณะที่สายตาก็มองย้อนกลับมายังเด็กหนุ่มทั้งสามคนอย่างระแวดระวังไปด้วย ส่วนปากก็ะโขึ้นมาด้วยเสียงดังลั่นว่า “เร็วเข้า มู่เฟิงอยู่ทางนี้!”
ฉึก!
แต่ฉับพลันนั้น มู่เฟิงก็ตวัดดรรชนีนิ้วไปยังอีกฝ่ายในทันใด ลำแสงสีทองเปล่งประกายพร่างพราวในยามค่ำคืน มือสังหารผู้นั้นนำดาบออกมาปัดป้องลำแสงดรรชนีอย่างรวดเร็ว
ชิ้ง!
ทว่าในเวลาเดียวกัน มู่เฟิงก็กระโจนร่างเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมกับคมดาบอันดุดันแล้ว ดาบในมือของชายผู้นั้นถูกแรงกระแทกจากการปะทะผลักกระเด็นไปอีกทาง แน่นอนว่ามู่เฟิงย่อมไม่พลาดโอกาสนี้ เขาปล่อยหมัดอันทรงพลังออกมาโจมตีอย่างรุนแรง
“ะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยา!”
หมัดนี้ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเปลวไฟสีแดงเพลิง ความร้อนระอุของมันแผดเผาได้แม้กระทั่งอากาศที่เคลื่อนผ่าน หมัดนี้ทุบทำลายศีรษะของชายผู้นั้นจนมีสภาพไม่ต่างจากผลแตงโมเน่า
ในระยะที่ไกลออกไป เวลานี้หัวหน้าหน่วยลับจางกำลังต่อสู่พัวพันอยู่กับมู่ไห่ มู่ฝู มู่จงและเหล่าผู้าุโตระกูลมู่ที่มีวรยุทธ์ระดับหนิงกังอีกหลายคน พลังการโจมตีระหว่างพวกเขาสาดซัดอย่างไร้ทิศทางไปทั่วบริเวณ ทำให้พื้นหินและก้อนอิฐบนกำแพงถูกทำลายไปไม่น้อย
“ฝ่ามือผ่าศิลา!”
พลังปราณสีเหลืองที่กำลังพลุ่งพล่านพวยพุ่งออกมาจากร่างของหัวหน้าหน่วยลับจาง ปราณฝ่ามือปรากฏออกมาพร้อมกับเสียงคำราม ปราณฝ่ามือขนาดใหญ่นี้ได้กวาดออกไปเบื้องหน้าของคนทั้งสาม
คนทั้งสามจึงร่วมมือกันปลดปล่อยปราณกระบี่ ปราณดาบและปราณหมัดออกมาพร้อมกัน
ปัง! ปัง! ปัง!
แต่ท้ายที่สุดการโจมตีของพวกเขาสามคนก็ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นปราณฝ่ามืออันทรงพลังนี้ก็ได้พุ่งโจมตีพวกเขาต่อในทันที
อัก!
คนทั้งสามต่างก็กระอักเืออกมา ร่างของพวกเขาลอยกระเด็นออกไปกระแทกพื้นราวกับกระสอบทราย แรงกระแทกนี้รุนแรงเป็อย่างมาก พวกเขาทำได้เพียงมองไปยังหัวหน้าหน่วยลับจางด้วยความหวาดหวั่น
พวกเขาสามคนล้วนมีวรยุทธ์อยู่ในระดับหนิงกังขั้นเจ็ดถึงขั้นเก้า แต่ถึงแม้พวกเขาจะร่วมมือกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหัวหน้าหน่วยลับจาง
ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธ์ระดับหยวนตานนั้นเป็สิ่งที่อยู่เหนือจินตนาการ
“หึ ไม่รู้จักประมาณตน”
หัวหน้าหน่วยลับจางตวาดออกมาอย่างเ็า
“ท่านอาจง ท่านอาไห่ ท่านลุงฟู่”
ทันใดนั้นเอง มู่เฟิงและเด็กหนุ่มอีกสองคนก็รีบวิ่งเข้ามาช่วยประคองพวกทั้งสามอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของมู่จงพลันเปลี่ยนไปทันที เขารีบร้อนกล่าวขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “คุณชาย ให้ท่านรีบหนีไปก่อนไม่ใช่หรือ เหตุใดท่านยังไม่ไปอีก คนเหล่านี้มาเพื่อสังหารท่าน ท่านรีบหนีไปเร็วเข้า พวกข้าจะขวางพวกเขาไว้เอง”
“ถูกต้อง เสี่ยวเฟิง พวกเ้ารีบหนีไปเร็วเข้า”
มู่ไห่หยัดกายลุกขึ้น มือของเขากุมหน้าอกเอาไว้แน่นขณะกล่าวขึ้นอย่างเป็กังวล
“หนี? เ้ายังคิดว่าเขาจะหนีไปที่ใดได้อีก?”
หัวหน้าหน่วยลับจางยิ้มเยาะ
“ท่านอาจง ท่านอาไห่ ต่อให้ต้องตายบิดาของข้าก็ไม่มีทางปล่อยให้กองทัพของตระกูลมู่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูเพียงลำพัง เช่นนี้แล้วข้าจะปล่อยให้พวกท่านเผชิญหน้าหน้ากับศัตรู ส่วนตัวข้าหนีเอาชีวิตรอดไปเพียงลำพังได้อย่างไร”
มู่เฟิงส่ายหน้า
“ฮึ่ม คุณชาย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาพูดเื่ความภักดีนะขอรับ ท่านคือความหวังของตระกูลมู่ ฉะนั้นท่านรีบหนีไปซะ!”
มู่จงร้อนรน
“เลิกพูดได้แล้ว ข้าไม่หนี”
มู่เฟิงไม่ยอมรับฟัง เขายังคงกล่าวอย่างหนักแน่น
“เ้าหนุ่ม ข้าเคยได้ยินเื่เกี่ยวกับเ้ามาเหมือนกัน กล่าวกันว่าเ้าเป็อัจฉริยะที่มีพร์ระดับกระดูกิญญา วันนี้ข้ารู้สึกเป็เกียรติมากที่จะได้สังหารอัจฉริยะเช่นเ้า”
หัวหน้าหน่วยลับจางมองไปทางมู่เฟิงขณะกล่าวขึ้นอย่างเย้ยหยัน ในสายตาของเขา มู่เฟิงในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากชิ้นเนื้อที่วางอยู่บนเขียง ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่สามารถรอดพ้นเงื้อมมือของเขาไปได้
“จางจวี ข้าเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงของเ้ามาเช่นกัน สุนัขรับใช้ที่หนานหาวเลี้ยงเอาไว้”
มู่เฟิงจ้องมองไปยังหัวหน้าหน่วยลับจางอย่างไม่ยอมแพ้ คาดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มจะกล่าวเรียกชื่อของอีกฝ่ายออกมา
หัวหน้าหน่วยลับจางนั้นเป็ยอดฝีมือที่ผู้คนในเมืองหลวงรู้จักกันดี ดังนั้นมู่เฟิงย่อมเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน
“โอ้ ดีมาก ในเมื่อเ้าเคยได้ยินชื่อเสียงของข้า เช่นนั้นก็จงยอมแพ้แต่โดยดีเถอะ หรือไม่ก็ใช้คมดาบปาดคอตัวเองไปเสีย อย่าให้เปิ่นจั้วต้องเปลืองแรงลงมือ”
หัวหน้าหน่วยลับจางกล่าวเสียงเย็น
“เ้าคิดว่าตัวเองจะสามารถชนะได้แน่หรือ?”
ความเหี้ยมโหดฉายชัดในดวงตาของมู่เฟิง จากนั้นก็พบว่ามีลำแสงสีโลหิตสายหนึ่งพุ่งออกมาจากตัวของเขา เพียงไม่นานมันก็ควบแน่นขึ้นเป็ดาบสีโลหิตเล่มหนึ่ง ดาบโลหิตชูร่า
เมื่อหัวหน้าหน่วยลับจางเห็นดาบของมู่เฟิง ดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย เผยให้เห็นถึงความโลภที่้าจะในทันที
ดาบเล่มนี้ต้องเป็สมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน!
“ฆ่ามัน!”
มู่เฟิงแผดเสียงคำราม ก่อนจะใช้ดาบโลหิตชูร่าโจมตีหัวหน้าหน่วยลับจางอย่างรวดเร็ว เพียงเขาตวัดดาบออกไป พลังปราณครึ่งหนึ่งในร่างของเขาก็หลั่งไหลเข้าไปในตัวดาบ
ปราณดาบสีโลหิตกวาดออกไปเบื้องหน้าพร้อมกับแผ่รังสีสังหารออกมา มันมุ่งจู่โจมไปยังหัวหน้าหน่วยลับจางโดยตรง
หัวหน้าหน่วยลับจางเพียงแสยะยิ้มและยืนตั้งรับการโจมตีของมู่เฟิงอยู่ในตำแหน่งเดิม
แต่ฉับพลันนั้นสีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าปราณดาบสีโลหิตเล่มนั้นจะสามารถทะลวงผ่านชั้นป้องกันและพุ่งตรงเข้ามายังร่างของเขาได้
“ฝ่ามือผ่าศิลา!”
หัวหน้าหน่วยลับจางปลดปล่อยปราณฝ่ามือออกมาอย่างรวดเร็ว ปราณฝ่ามือนี้สามารถทำลายปราณดาบลงได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้อานุภาพพลังอันแข็งแกร่งของมันยังสามารถบีบให้ร่างของมู่เฟิงกระเด็นถอยออกไป และพ่นเืออกมา
“ตายเสีย!”
หัวหน้าหน่วยลับจางส่งปราณฝ่ามือออกมาอีกครั้ง แต่ในเวลานั้นมู่เฟิงก็ลงมือตอบโต้เช่นกัน แผ่นยันต์จำนวนมากกว่าสิบแผ่นถูกโยนออกมา ฉับพลันนั้นรูปลักษณ์ของพวกมันก็พลันเปลี่ยนเป็กระบี่สีทองมากกว่าสิบเล่ม และมุ่งเป้าโจมตีไปยังหัวหน้าหน่วยลับจางอย่างรวดเร็ว
“แผ่นยันต์!”
สีหน้าของหัวหน้าหน่วยลับจางเปลี่ยนไปในทันใด เขาเร่งกระตุ้นพลังเพื่อสร้างเกราะป้องกันขึ้นมาสกัดกั้นการโจมตีของปราณกระบี่สีทองเหล่านี้เอาไว้
“ปกป้องคุณชายเฟิง”
มู่จงสั่งการเสียงดัง จากนั้นยอดฝีมือระดับหนิงกังทั้งสามคนก็ผุดลุกขึ้นมาอีกครั้งและพุ่งกระโจนเข้าไปต่อสู้พัวพันกับหัวหน้าหน่อยลับจางทันที
ปัง!
มู่เฟิงล้มกระแทกพื้นอย่างรุนแรง เขากระอักเืออกมาอีกครั้ง และร่างของเขาก็กลิ้งไปตามพื้นอีกหลายตลบกว่าจะสามารถหยัดกายลุกขึ้นมาได้
ระดับชั้นของวรยุทธ์ต่างกันมากเกินไป แม้เขาจะมีอาวุธวิเศษ แต่เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของยอดฝีมือระดับหยวนตาน
“พี่เฟิง!”
มู่ขวงและไป๋จื่อเยว่รีบรุดเข้ามาพยุงร่างของมู่เฟิงทันที
ปัง! ปัง! เปรี้ยง!
ทันใดนั้นกลุ่มของมู่จงก็ถูกหัวหน้าหน่วยลับจางโจมตีจนร่างของพวกเขาลอยกระเด็นออกมาอีกครั้ง จากนั้นหัวหน้าหน่วยลับจางก็ย่างเท้าเข้ามาหามู่เฟิงอย่างใจเย็น ใบหน้าของเขาแสยะยิ้มชวนขนลุกออกมา
“คุณชาย”
ในขณะนั้นมู่จงยังคงกัดฟันและหยัดกายลุกขึ้นมาอีกครั้ง เขากอดขาของหัวหน้าหน่วยลับจางเอาไว้แน่น ก่อนจะะโออกมาว่า “คุณชาย รีบหนีไป!”
หัวหน้าหน่อยลับจางขมวดคิ้ว “รนหาที่ตาย!"
จากนั้นฝ่ามือของเขาก็ตบลงไปยังศีรษะของมู่จงอย่างรุนแรง
อัก!
มู่จงกระอักเืออกมา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ในขณะที่กะโหลกศีรษะแตกจนมีสมองไหลออกมา
ในที่สุดศีรษะของเขาก็ไม่อาจตั้งตรงได้อีก
มู่จงเสียชีวิตแล้ว!
“ท่านอาจง!”
“ท่านอาจงงง!”
เมื่อเด็กหนุ่มทั้งสามเห็นภาพนั้น พวกเขาต่างกรีดร้องออกมาอย่างโศกเศร้า หัวใจของพวกเขาราวกับถูกฉีกเป็ชิ้นๆ
ไป๋จื่อเยว่ร่างกายแข็งทื่อไปชั่วขณะ เขามองร่างไร้ิญญาของมู่จงด้วยน้ำตาที่ไหลนองหน้า
สำหรับเขาแล้ว มู่จงคืออาจารย์ที่เคยสั่งสอนเขา
“อ๊าก!”
มู่เฟิงคุกเข่าลงบนพื้นในทันใด เขาเงยหน้าขึ้นฟ้าก่อนส่งเสียงคำรามออกมา
เขาเกลียด เกลียดความรู้สึกที่ไร้อำนาจ เวลานี้ราวกับว่าเขาได้กลับไปยังสนามรบในตอนนั้นอีกครั้ง ความรู้สึกที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงเฝ้ามองบิดาของเขาตายไปต่อหน้าต่อตา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้