“กับหม่อมฉัน? หมู่เฟยหมายความว่าอย่างไรเพคะ? อีกไม่นานฮ่องเต้ิก็จะกลับซีฟานแล้วองค์หญิงมิกลับไปด้วยหรือเพคะ?”
หลินเมิ้งหยาแสร้งทำทีไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของพระสนมเต๋อเฟยดวงตาทั้งสองข้างฉงนงงงวย
พระสนมเต๋อเฟยกลับไม่คิดอะไรมาก มุมปากหยักยกขึ้นเผยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ฮ่องเต้ิมีความประสงค์ให้องค์หญิงิเยว่หาตระกูลที่เหมาะสมแล้วแต่งงานต่อมานางชอบพออวี้เอ๋อร์ ข้ารู้ว่าพวกเ้าเพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นานเื่นี้ดูจะเป็การไม่สมควร แต่เพราะอีกฝ่ายเป็ถึงฮ่องเต้แห่งซีฟานข้าเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้”
โชคดีที่หลินเมิ้งหยาเตรียมใจไว้ก่อนแล้วดังนั้นคำพูดของพระสนมเต๋อเฟยจึงเสมือนการปรึกษากันเสียมากกว่า
“เื่นี้...หย๋าเอ๋อร์คิดว่าต้องถามความสมัครใจจากท่านอ๋องก่อนเพคะหม่อมฉันเป็เพียงภรรยาเท่านั้น หม่อมฉันคงไม่อาจตัดสินใจเื่นี้ได้”
นางรู้จักอุปนิสัยใจคอของหลงเทียนอวี้ดี ถ้าหากเขาไม่อยากทำไม่ว่าใครก็มิอาจบีบบังคับเขาได้
เมื่อถึงเวลานั้น ขอเพียงนางพูดเอาชนะหลงเทียนอวี้ได้องค์หญิงิเยว่จะไม่มีทางย่างกรายเข้ามาในจวนได้อีกเลย
พระสนมเต๋อเฟยย่อมรู้จักลูกชายของตนเองดี
ด้วยอุปนิสัยของเขา หากมิใช่เพราะตอนนั้นฮองเฮานำชีวิตของตนเองมาข่มขู่หลงเทียนอวี้
เกรงว่า เด็กคนนั้นคงไม่มีวันยอม
“เฮ้อ เ้าพูดก็ถูก เหตุใดข้าจึงลืมเื่นี้ไปได้นะ จริงสิ เ้าช่วยหมู่เฟยได้หรือไม่?”
ใช่ว่านางจะมองไม่เห็นความรู้สึกระหว่างอวี้เอ๋อร์และหย๋าเอ๋อร์
ตอนนั้นระหว่างนางและฮ่องเต้เองก็มีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกันเช่นนี้
ดังนั้น อวี้เอ๋อร์จะต้องฟังคำพูดของหย๋าเอ๋อร์อย่างแน่นอน
“หมู่เฟยอยากให้หย๋าเอ๋อร์ช่วยพูดโน้มน้าวท่านอ๋องหรือเพคะ?”
หลินเมิ้งหยาแสดงท่าทีลำบากใจ หลังจากไตร่ตรองดูแล้ว จึงพยักหน้าลง
“แม้หย๋าเอ๋อร์จะไม่อาจรับปากได้ว่าจะสำเร็จหรือไม่แต่หย๋าเอ๋อร์จะลองพยายามดูเพคะ”
เก็บซ่อนความรู้สึกของตนเองเอาไว้ในใจหลินเมิ้งหยาแอบเชื่อว่าหลงเทียนอวี้ไม่มีทางตอบตกลงอย่างแน่นอน
“เฮ้อ หากเป็หลินหลางก็คงดี อวี้เอ๋อร์ฟังคำพูดของนางน่าเสียดายเหลือเกิน”
คำพูดของพระสนมเต๋อเฟยทำให้หลินเมิ้งหยาผงะ
พยายามสะกดกลั้นความหึงหวงและเ็ปในหัวใจและแสดงท่าทีเป็ปกติก่อนจะลองไถ่ถามเื่เกี่ยวกับหลงเทียนอวี้
“หมู่เฟย ท่านหญิงหลินหลางคือใครหรือเพคะหม่อมฉันเคยได้ยินท่านอ๋องพูดถึงเช่นเดียวกัน”
พระสนมเต๋อเฟยชำเลืองมองนางเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า
“หลินหลางเติบโตมาพร้อมกับอวี้เอ๋อร์ ต่อมา.....ช่างเถิดเื่นี้คงพูดไม่จบเพียงประโยคสองประโยค เอาล่ะ เ้าออกไปก่อนเถิดข้าเหนื่อยแล้ว”
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง กลับออกไปอย่างว่าง่าย
ทว่า ชื่อหลินหลางนี้กลับยังคงทิ่มแทงหัวใจของนาง
แม้แต่พระสนมเต๋อเฟยยังเอ่ยว่าหลงเทียนอวี้เชื่อฟังเพียงคำพูดของหลินหลางเท่านั้นเกรงว่าความรักในวัยเยาว์ของทั้งสอง......
หัวใจ...ว่างเปล่า เสมือนถูกใครเข้ามาขุดหลุมไว้
อันที่จริง แต่ก่อนนางมิใช่คนที่จะสนใจอะไรเช่นนี้
“เป็อะไรหรือเ้าคะนายหญิง?”
ป๋ายจื่อกระตุกแขนเสื้อหลินเมิ้งหยาด้วยท่าทางเป็ห่วง
“ไม่เป็ไร ข้าแค่กำลังคิดว่าอีกเดี๋ยวจะพูดกับท่านอ๋องเช่นไรดี”
ล้วนคิดว่านายหญิงของตนเองกำลังยุ่งวุ่นวายใจกับเื่ขององค์หญิงิเยว่
“อันที่จริงหนู่ปี้คิดว่าท่านอ๋องไม่มีทางรับองค์หญิงิเยว่เข้ามาเป็ชายารองหรอกเ้าค่ะนายหญิงอย่าโศกเศร้าไปเลย”
ป๋ายจื่อสนิทสนมกับหลินเมิ้งหยาที่สุดดังนั้นนางจึงออกหน้าแทนหลินเมิ้งหยาทุกเื่
ป๋ายจีและป๋ายซ่าวสบตากัน
ในตระกูลของชนชั้นสูง โดยเฉพาะในจวนขององค์ชายส่วนมากมักจะมีชายาหรือนางสนมเล็กน้อยอยู่เต็มไปหมด
แต่เพราะนายหญิงเพิ่งแต่งงานมาได้ไม่นาน หากมีภรรยาอนุเพิ่มเข้ามาเกรงว่าวันเวลาแห่งความสุขจะเปลี่ยนไป
“ข้าไม่เป็ไรจริงๆ พวกเ้าอย่าได้กังวลไปเลย”
ฝืนยิ้ม เพียงเพราะแค่คนชื่อหลินหลางกลับทำให้นางปวดใจมากถึงเพียงนี้แล้วแบบนี้นางจะยังมีเวลาสนใจเื่ขององค์หญิงิเยว่อย่างนั้นหรือ
อันที่จริงหลินเมิ้งหยามีความคิดชั่วร้ายนางอยากให้ิเยว่แต่งงานเข้ามาอยู่ที่นี่เพราะสุดท้ายแล้วตัวนางเองก็ต้องจากไปอยู่ดีสู้ปล่อยให้หญิงสาวร้ายกาจเข้ามาอยู่ที่นี่หลายๆ คนพอถึงเวลานั้นท่านหญิงหลินหลางอะไรนั่นจะได้ปวดหัวตายไปเลย!
ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดก่อนจะเดินออกจากตำหนักหลิวซินไปพร้อมอารมณ์คุกรุ่น
เพียงก้าวข้ามประตูเข้ามา นางได้เห็นหลงเทียนอวี้ในชุดฉางฝูกำลังประลองดาบกับเสี่ยวอวี้ที่เพิ่งกลับมาเงียบๆ
ร่างสูงโปร่ง แต่กลับเคลื่อนไหวอย่างมั่นคง
ท่วงท่ามิได้ดุดันเหมือนอย่างวันที่ฟาดฟันศัตรูแต่ถึงกระนั้นก็สามารถรับดาบของเสี่ยวอวี้ได้ทุกครั้ง
แผ่นหลังยืดตรงอย่างทะนงตนราวกับเขามั่นใจเหลือเกินว่าไม่มีผู้ใดจะสามารถทำอะไรเขาได้
เส้นผมตรงยาวพลิ้วไหวไปตามการเคลื่อนไหว ทั้งหลบหลีก ะโขึ้นลงท่วงท่าหล่อเหลาสง่างาม
หลงเทียนอวี้ที่เป็แบบนี้เสมือนหอกดาบที่พุ่งเข้ามาปักกลางหัวใจของนาง
อีตานี่ ทำไมต้องหล่อขนาดนี้ด้วยนะ!
แล้วแบบนี้นางจะตัดใจได้อย่างไร
หลินเมิ้งหยายืนมองทั้งสองอยู่ทางด้านหลังด้วยสายตาอ่อนโยนสั่งให้ป๋ายจีและป๋ายซ่าวไปเตรียมน้ำอุ่นและผ้าเช็ดหน้า
ในที่สุดการประลองดาบของทั้งคู่ก็สิ้นสุดลงโดยดาบของเสี่ยวอวี้ถูกฟาดจนตกไปไกลหลายเมตร
“พี่สาว ท่านกลับมาแล้ว”
หลังจากเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะแสดงวิทยายุทธ์เลิศล้ำออกมาได้เห็นหลินเมิ้งหยาใบหน้าของเขาพลันปรากฏรอยยิ้มกว้าง
เด็กคนนี้เปลี่ยนไปในทุกๆ วัน
ใบหน้าของเขานับวันยิ่งหล่อเหลามากขึ้นทุกที
เพียงแค่ดวงตาคู่สวยคู่นี้ก็สามารถทำให้หญิงสาวหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว
เฮ้อ นี่ก็ศัตรูร้ายของหัวใจหญิงสาวอีกคนสินะ
“พี่สาว ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน”
เด็กหนุ่มรีบวิ่งเข้ามาหาหลินเมิ้งหยา ดวงตาไร้เดียงสาเปล่งประกาย
หยาดเหงื่อสีใสประพรมอยู่บนหน้าผากสีขาวดั่งหิมะ
หลินเมิ้งหยาหยิบผ้าเช็ดหน้าอุ่นๆ เข้าไปเช็ดหน้าผากให้หลินจงอวี้
“พี่คิดว่าเ้าจะไม่กลับมาแล้วเสียอีกหลายวันที่ผ่านมาเ้าสบายดีใช่หรือไม่?”
ได้ยินป๋ายซูเล่าว่าหลินจงอวี้ถูกคนที่คอยหนุนหลังเขาเอาตัวไป
ความเกลียดชังบางอย่างเผยขึ้นในแววตาของหลินจงอวี้แต่ถึงกระนั้นเขาก็กลับมาเป็เด็กใสซื่อดั่งเดิมอย่างรวดเร็ว
“ก็ดีขอรับ พวกเขาไม่กล้าทำอะไรข้า แต่ข้าคิดถึงพี่สาวเหลือเกิน”
์รู้ดี ตอนที่เขาถูกกักกันตัวอยู่นั้นพี่สาวกลับถูกนักฆ่าแห่งเถาฮวาอู๋เล่นงงาน
ตอนนั้นเขาหยิบดาบขึ้นจ่อคอของตนเองเพื่อบีบบังคับให้คนเ่าั้เข้าไปช่วยเหลือพี่สาว
โชคดีที่พี่สาวไม่เป็อะไร มิเช่นนั้นเขาคงเป็บ้าไปแล้ว
“เช่นนั้นก็ดี เดี๋ยวพวกเราค่อยคุยเื่นี้กันคืนนี้”
หลงเทียนอวี้เองก็สาวยาวๆ เข้ามา สองพี่น้องจึงรีบหยุดบทสนทนา
“หมู่เฟยรั้งตัวเ้าไว้เพราะมีเื่บางอย่างใช่หรือไม่?”
หลงเทียนอวี้รับผ้าเช็ดหน้าจากหลินเมิ้งหยาและเช็ดลงบนใบหน้าของตนเอง
“เพคะ แต่เกรงว่าจะเป็เื่ดีที่หาได้ยากของท่านอ๋อง”
ส่งยิ้มอ่อนโยน ทว่าหลงเทียนอวี้กลับรู้สึกผิดปกติ
เวลาชายาของเขาหยักยิ้มเช่นนี้ มักจะมีเื่ไม่ดีตามมาเสมอ
“หมู่เฟยตำหนิเ้าหรือ?”
ส่ายหน้า หลินเมิ้งหยายังคงยิ้ม ทว่าหลงเทียนอวี้เริ่มรู้สึกหวั่นใจ
“หรือหรูฉินปฏิบัติกับเ้าไม่ดี?”
ส่ายหน้าอีกครั้ง ยิ้ม ทว่าหลงเทียนอวี้เริ่มรู้สึกได้ว่าแผ่นหลังของตนเองกำลังมีเหงื่อผุด
“หรือว่า...”
“ยินดีด้วยเพคะท่านอ๋อง พระองค์กำลังจะได้เป็เขยของพญาัแห่งซีฟาน”
หลินเมิ้งหยาส่งเสียงแสดงความยินดีอันเจือไว้ซึ่งอารมณ์หึงเล็กน้อยออกไปทว่ากลับทำให้หลงเทียนอวี้เหงื่อตก
เกิดอะไรขึ้น? ไร้สาระ!
ทุกคนกลับมายังห้องโถงแห่งตำหนักหลิวซินใบหน้าของหลินเมิ้งหยายังคงหยักยิ้ม ทว่าหลงเทียนอวี้กลับไม่รู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย
“นี่มันเื่ไร้สาระอันใด! ข้าจะไปหาไท่จื่อและฮ่องเต้ิเดี๋ยวนี้”
หลินเมิ้งหยาไม่คิดเลยว่าหลงเทียนอวี้จะมีปฏิกิริยาเช่นนี้
ตอนแรกคิดว่าหลงเทียนอวี้จะไม่ปฏิเสธ
“เหตุใดต้องทำเช่นนั้นหรือเพคะ? องค์หญิงิเยว่ทั้งอ่อนโยน จิตใจโอบอ้อมอารีเป็ถึงไข่มุกแห่งซีฟาน หากท่านอ๋องได้นางมาเป็ภรรยาเท่ากับว่าท่านอ๋องจะได้ฮ่องเต้ิมาคอยหนุนหลัง นี่เป็เื่ดีมิใช่หรือเพคะ?”
โน้มน้าวหลงเทียนอวี้ด้วยเสียงหวานใสแต่คนในห้องกลับรับรู้ได้ถึงอาการปากไม่ตรงกับใจของนาง
หลงเทียนอวี้เคร่งขรึมลงไป ทว่าสายตากลับจับจ้องใบหน้าของนางนิ่ง
“เ้าหวังให้ข้าแต่งงานกับองค์หญิงิเยว่อย่างนั้นหรือ?”
พยักหน้า ทว่าหลินเมิ้งหยากลับร้องด่าตัวเองในใจ
เหตุใดนางจึงทำการหักหลังหัวใจของตนเองเช่นนี้?
หรือว่า...นางกำลังหึงเขาจริงๆ
“ได้ ข้าแล้วแต่เ้า”
ส่งเสียงเรียบ ราวกับเป็การประกาศการตัดสินใจ
หลงเทียนอวี้ไม่แม้แต่จะส่งเสียงปฏิเสธ เขาตอบรับหลินเมิ้งหยาอย่างง่ายดาย
“เช่นนั้น...ยินดีกับท่านอ๋องด้วยเพคะ”
หลินเมิ้งหยาได้ยินเพียงเสียงแสดงความยินดีของตนเอง
ไม่ใช่แบบนี้! ไม่ใช่แบบนี้! หลินเมิ้งหยากู่ร้องในใจ ทว่านางกลับต้องควบคุมตัวเองมิให้ต่อล้อต่อเถียงกับหลงเทียนอวี้
“อืม พรุ่งนี้ข้าจะไปคุยกับฮ่องเต้ิเื่รายละเอียดการแต่งงานเ้าเองก็เหนื่อยแล้ว พักผ่อนก่อนเถิด”
เหมือนเป็การตัดสินใจดั่งเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาของเขา
แต่ครั้งนี้เขารับฟังการตัดสินใจของหลินเมิ้งหยา
เอาแบบนี้หรือ? แค่นี้อย่างนั้นหรือ?
สมองของหลินเมิ้งหยาว่างเปล่านางพูดเช่นนั้นออกไปเพราะความโกรธเพียงชั่วครู่เท่านั้น
เหตุใดหลงเทียนอวี้จึงไม่ปฏิเสธ?
“พวกเ้าออกไปก่อน ข้าอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว”
ที่แท้ การแต่งงานสำหรับเขาก็เป็เพียงเครื่องมือเท่านั้น
นางไร้เดียงสาเกินไป คิดไปเองฝ่ายเดียวว่าหัวใจของหลงเทียนอวี้จะมีเพียงหลินหลางเท่านั้นเขาไม่มีทางเปิดใจรับใครอีก
ตอนแรกเขายอมแต่งงานกับนางเพื่อความปลอดภัยของพระสนมเต๋อเฟย
เ็ป เ็ปเหลือเกิน
สมองหมุนติ้ว หลินเมิ้งหยาสลบไปในความมืด
“หมอหลวง นายหญิงของข้าเป็เช่นไร?”
“พระชายาทำงานหนักจนเกินไป พักสักหน่อยก็คงหาย อย่ากังวลไปเลยข้าจะจ่ายยาให้ รักษาตัวสักหน่อยคงดีขึ้น”
ภายในความมืด หลินเมิ้งหยาได้ยินเสียงสนทนาเบาๆ
