เพราะต้องเข้าไปในป่าสายหมอกค้นหาสัตว์ร้ายที่มีกู่ปรสิต นอกจากมู่จื่อหลิงและเสี่ยวไตกูที่มีปฏิกิริยาต่อกู่ปรสิตแล้ว ก็ไร้ซึ่งหนทางจะแยกค้นหาได้
ถ้านำคนเข้าไปมาก รังแต่จะทำเสียเื่ ถ่วงรั้งความคืบหน้าในการสืบหา ดังนั้นครั้งนี้มู่จื่อหลิงจึงได้แต่ให้เสิ่นซือหยางพาทหารติดตามที่ฝีมือค่อนข้างดีไปไม่กี่คน
ไม่นาน คนกลุ่มเล็กๆ เช่นพวกเขาก็เคลื่อนขบวนมาถึงป่าสายหมอก
แค่เข้าใกล้ป่าสายหมอก มู่จื่อหลิงก็ได้รับแจ้งเตือนจากระบบซิงเฉินอย่างรุนแรง
ระบบซิงเฉินมีการแจ้งเตือนที่รุนแรงเช่นนี้ได้ ก็หมายความว่าหมอกควันตรงหน้าพวกเขาปกคลุมไปด้วยพิษในปริมาณไม่น้อย
มู่จื่อหลิงมองอย่างละเอียด พบว่าพิษนี้มิอาจเคลื่อนไหวตามสายหมอกได้ และไร้หนทางสลายไป เพียงจับกลุ่มอยู่ที่ระดับความสูงเศษหนึ่งส่วนสองของร่างกายท่อนบนในมนุษย์่วัยผู้ใหญ่
เศษหนึ่งส่วนสองของร่างกายท่อนบนของมนุษย์วัยผู้ใหญ่ อ้างอิงจากความสูงของคนวัยผู้ใหญ่ทั่วไป คงอยู่ใน่หน้าอกถึงยอดศีรษะโดยประมาณ
มู่จื่อหลิงมองป่าสายหมอกตรงหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพูดเสียงขรึมว่า “ใต้เท้าเสิ่น หมอกเบื้องหน้าพวกเรามีบางส่วนที่คละคลุ้งไปด้วยพิษ เพียงสูดเข้าไปในปอด ทั่วทั้งกายก็จะกระตุกราวกับเป็ลมชัก น้ำลายฟูมปาก จากนั้นก็จะตายลง”
ทหารติดตามไม่กี่คนนั้นลอบพูดไม่ออก
พวกเขาไม่คิดว่าฉีหวางเฟยไม่จำเป็ต้องเข้าไปตรวจสอบใกล้ๆ มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าลักษณะพิษ และอาการของพิษในป่าสายหมอก
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้พวกเขาก็ได้เห็นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งตายลงต่อหน้าพวกเขาในชั่วพริบตาเพราะสูดหมอกพิษเข้าไป สภาพการตายเหมือนกับที่หวางเฟยพูดไม่ผิดเพี้ยน
ได้ยินมู่จื่อหลิงพูดด้วยความมั่นใจเช่นนี้ เสิ่นซือหยางที่สุขุมมาั้แ่ต้นก็รู้สึกทึ่งในความสามารถวิเคราะห์พิษของมู่จื่อหลิง
เด็กสาวร้ายกาจผู้นี้มีคุณสมบัติของการไม่ถ่อมตนดังคาด!
บนใบหน้าของเสิ่นซือหยางมีแววประหลาดใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ “หวางเฟย เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว สัตว์ร้ายในป่าจะตายลงด้วยพิษนี้หรือไม่?”
ถ้าสัตว์ร้ายถูกพิษตาย เช่นนั้นคงง่ายขึ้นมาก พวกเขาหาซากศพของสัตว์ร้ายได้เลย เท่ากับเื่นี้ทำสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว
เพียงแต่
มู่จื่อหลิงส่ายหน้าด้วยความเสียใจ “ไม่ พิษนี้ไปไม่ถึงสัตว์ร้าย บริเวณที่หมอกมีพิษนั้นคือ่ที่เหนือไหล่ของหวางเฟยขึ้นไปเท่านั้น หมอกในบริเวณต่ำจากไหล่ลงไปไม่มีพิษ”
ถ้าสัตว์ร้ายตายเพราะพิษ พวกเขาคงลดเื่วุ่นวายไปได้ไม่น้อย
มู่จื่อหลิงลอบบ่นอย่างอดไม่อยู่ ฮองเฮาไม่ธรรมดาสามัญจริงๆ สามารถละเอียดอ่อนจนคิดลูกไม้นี้ออกมาได้ ไม่ให้สัตว์ร้ายตาย
อันที่จริงแล้ว ทันทีที่ฮองเฮาคิดแผนร้ายขึ้นมาได้ ก็ยังคงรอบคอบ ระแวดระวัง และไร้ช่องโหว่
ฮองเฮาไม่เพียงใช้หนอนกู่ที่ร้ายกาจในร้ายกาจ ยังใช้พิษที่แปลกประหลาดขึ้นไปอีก ทำให้น่าสะท้านใจไม่หยุด!
เื้ัฮองเฮามีอำนาจนิรนามมากน้อยเพียงใดกัน
เดิมมู่จื่อหลิงยังคิดอยู่ว่าถ้าป่าสายหมอกถูกวางยาพิษ สัตว์ร้ายข้างในต้องตายเป็แน่
ไม่คิดว่าฮองเฮาจะมาไม้นี้
“บริเวณเหนือหัวไหล่ขึ้นไป?” เสิ่นซือหยางขมวดคิ้วน้อยๆ เจือแววไม่เข้าใจ
มู่จื่อหลิงชะงักไป ยื่นออกทำท่าประกอบ พูดอย่างชัดเจนอีกครั้ง “อ้างอิงจากความสูงที่กำหนด ส่วนที่มีพิษนั้นอยู่ในบริเวณนี้ขึ้นไปเท่านั้น เช่นนี้แล้วจึงได้แค่ทำให้คนที่ยืนอยู่สูดดมเข้าไป ดังนั้นจึงมีเพียงคนที่โดนพิษจนตายเท่านั้น แต่ปลิดชีวิตสัตว์สี่ขามิได้ นอกเสียจากว่าสัตว์สี่ขาจะยืนสองขาขึ้นมา”
ทันทีที่คำพูดนี้ของมู่จื่อหลิงออกมา คนทั้งหมดก็ตื่นตะลึง!
ไม่เพียงตื่นตะลึงในความสามารถของมู่จื่อหลิง แต่ยังตื่นตะลึงต่อความยอดเยี่ยมของพิษด้วย
ที่แท้ก็เป็เช่นนี้! เสิ่นซือหยางลูบเครา ลอบตกตะลึงในใจ
แผนการละเอียดรอบคอบ พิษที่แสนแปลกประหลาด วิธีที่ลงมือที่แสนร้ายกาจ!
ทำให้พิษลอยในอากาศเพียงครึ่งเดียว!
ไร้ข้อติเช่นนี้ ไม่ปล่อยโอกาสให้คนอื่นฉกฉวย ลงมือราวกับอาภรณ์์ไร้ตะเข็บ [1] ทั้งฉลาดและเหมาะสม
เฮยชียิ้มแหยก้าวขึ้นไปข้างหน้า พูดอย่างอวดฉลาด “หวางเฟย ในเมื่อเป็เช่นนี้ ตอนนี้พวกเราก้มเอวเข้าไปสืบ เช่นนี้ก็จะไม่สูดหมอกพิษเข้าไปแล้ว”
มู่จื่อหลิงกลอกตาใส่เขาอย่างอารมณ์เสีย “ก้มเอว? เอวเ้าจะไม่เมื่อยหรือ หากเผชิญกับการโจมตีของสัตว์ดุร้าย รับมือไม่ได้ เ้าก็จะไม่ใจนยืดเอวขึ้น ไม่ระวังเล็กน้อยชีวิตก็สูญสิ้นแล้ว?”
เฮยชีเกาท้ายทอยอย่างกังวล ถามอย่างไม่เข้าใจ “เช่นนั้นควรทำอย่างไร?”
เสิ่นซือหยางถลึงตาใส่เฮยชีราวกับมองคนโง่ด้วยสีหน้าคาดไม่ถึง “ในเมื่อหวางเฟยมองพิษออกได้อย่างง่ายดายเพียงนี้ ย่อมมีวิธีคลี่คลาย เ้าจะกังวลไปเปล่าๆ ทำอันใด?”
“นั่นน่ะสิ” เฮยชีตบศีรษะตนเองราวกับได้สติขึ้นมา เหตุใดเขาถึงไม่นึกถึงสิ่งนี้ หวางเฟยผู้นี้ร้ายกาจย่อมมีวิธี
มู่จื่อหลิงพยักหน้า มุมปากยกเป็รอยยิ้มบาง “เ้ารออยู่กับที่ก่อนสักครู่ วันนี้เปิ่นหวางเฟยนำล่วมยามาด้วย ข้างในมีตัวยาที่เหมาะกับพิษชนิดนี้อยู่พอดี”
แม้พิษนี้จะร้ายกาจ แต่นางก็สามารถถอนได้ และยังต้องทำให้พิษในป่าสายหมอกไม่มีอยู่อีกต่อไป
ล่วมยาเป็เพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้น นางยังต้องเข้าไปในรถม้า จากนั้นเข้าไปคิดค้นยาถอนพิษในระบบซิงเฉิน
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง
มู่จื่อหลิงก็ออกมาจากรถม้า
นางยื่นขวดยาในมือให้แก่เฮยชี สั่งเสียงเบา “ขวดนี้เป็ยาถอนพิษที่ต้านพิษได้ แจกให้ทุกคนคนละหนึ่งเม็ด หลังจากกินเข้าไปก็สามารถเดินตัวตั้งตรงเข้าไปได้แล้ว”
“ขอรับ” เฮยชีรับขวดยาไปอย่างแข็งขัน ยังไม่วายเอ่ยชื่นชมอย่างประจบ “หวางเฟยร้ายกาจยิ่งนัก ครู่เดียวก็สกัดยาถอนพิษออกมาได้แล้ว”
มู่จื่อหลิงยิ้มแย้ม ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา หยิบธูปกันยุงออกมาจากแขนเสื้อ
นางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ธูปพวกนี้ แจกให้ถือคนละมือ ประเดี๋ยวจุดไฟ ถือเข้าไปรมควัน พิษที่อยู่ในหมอกก็จะถูกกำจัดไป”
หลังจากที่เฮยชีแจกยาแก้แพ้หมดก็วิ่งดุ๊กดิ๊กกลับมา ถามอย่างไม่เข้าใจ “หวางเฟย มิใช่ว่ามียาถอนพิษแล้วหรือ เหตุใดยังต้องใช้ควันธูปกำจัดพิษด้วยขอรับ?”
มู่จื่อหลิงไม่คิดจะอธิบายอีก บัณฑิตพบทหาร มีเหตุผลก็พูดได้ไม่ชัดเจน
ยามที่นางมาก็อธิบายแล้ว เฮยชีผู้นี้เป็ผู้ที่ฝีมือดีที่สุดในบรรดาทหาร แต่สมองเขามิได้สดใสเท่าใดนัก ดูโง่งม ยามปกติล้วนใช้กำลังพูดคุย
มู่จื่อหลิงยิ้มพลางมองเสิ่นซือหยาง หมายให้เขาตอบคำถามไร้สาระของเฮยชีนี้
เฮยชีไม่เข้าใจทว่าเสิ่นซือหยางเข้าใจ
เขาชำเลืองมองเฮยชีอย่างจนปัญญา พูดด้วยสีหน้าที่เจือแววไม่ยินดี “หากไม่กำจัดหมอกพิษให้หมด วันหน้าถ้าคนไม่รู้เื่ราวมาทีู่เาด้านหลัง จะไม่สูญสิ้นชีวิตไปเปล่าๆ หรือ”
“อ้อ! ที่แท้ก็เป็เช่นนี้เอง ยังเป็หวางเฟยที่คิดอย่างรอบคอบ!” เฮยชีรู้แจ้งขึ้นมาอีกครั้งในทันที
เสิ่นซือหยางแสดงออกว่าปวดศีรษะนัก มีลูกน้องไม่มีสมองเช่นนี้ เขารู้สึกขายขี้หน้าอย่างยิ่ง
“ต่อให้ถอนพิษแล้วหลังจากพวกเราเข้าไปก็มิอาจเบาใจ เอาล่ะ ไปเถิด” มู่จื่อหลิงพูดอย่างเรียบเฉย
สิ้นเสียงพูด นางก็เดินเข้าไปในป่าสายหมอกก่อนหนึ่งก้าว
พวกเสิ่นซือหยางจึงได้สาวเท้าตามไปโดยไว......
-
ตำหนักคุนหนิง
ฮองเฮาเอนกายอยู่บนตั่งนุ่มที่โอ่อ่าอย่างเกียจคร้าน สีหน้าเจือแววอิดโรย ปิดตางีบหลับ เสพสุขกับการปรนนิบัติของนางกำนัลหญิงสองสามคน
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันนางก็ได้รับข่าวคราวแล้ว มู่จื่อหลิงไปทีู่เาด้านหลังกับพวกเสิ่นซือหยาง หาแมวขาวไม่พบ ไม่ถึงครึ่งวันมู่จื่อหลิงก็จากไปเพียงลำพัง
และพวกเสิ่นซือหยางก็ยังคงไม่ละทิ้งการค้นหาในป่าสายหมอกที่กว้างใหญ่ เดิมทีนั้นนางยังรู้สึกประหลาดใจ
แต่ว่าต่อมา นางเองก็เดาได้ว่าซากของแมวขาวอาจจะถูกสัตว์ร้ายคาบไป สิ่งที่นางคาดเดาได้ไม่ยาก มู่จื่อหลิงเองก็ต้องคาดเดาได้เช่นกัน
ครู่เดียวนางก็เข้าใจขึ้นมา มู่จื่อหลิงให้พวกเสิ่นซือหยางเข้าไปหาสัตว์ร้ายที่มีกู่ปรสิตในป่าสายหมอก
เพียงแต่ นางคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่า เหตุใดมู่จื่อหลิงจึงให้ทหารกลุ่มหนึ่งที่ไม่รู้เื่กู่เข้าไปหาสัตว์ร้ายที่มีกู่ปรสิต
ท้ายที่สุด เพียงอย่างเดียวที่นางสามารถนึกถึงได้ก็คือคางคกม่วง
และเื่ราวที่แท้จริงก็เป็เช่นนั้น ตามคำอธิบายของสายลับ มู่จื่อหลิงมอบคางคกม่วงให้เสิ่นซือหยางเพื่อใช้ค้นหาจริงๆ
แต่ มู่จื่อหลิงมีการคำนวณที่ดี นางก็ยังมีบันได
นางส่งคนไปวางยาพิษในป่าสายหมอกอย่างราบรื่น เดิมคิดว่าพวกเสิ่นซือหยางจะจบชีวิตข้างในด้วยสิ่งนี้
กลับไม่คิดว่า พวกเสิ่นซือหยางจะออกมาได้อย่างสวัสดิภาพ
แม้มิอาจทำให้พวกเสิ่นซือหยางทิ้งชีวิตไว้ในป่าสายหมอกได้ แต่ก็สามารถขัดขวางการสืบค้นของพวกเขาได้อย่างราบรื่น และจากนั้นนางก็ส่งคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปค้นหาสัตว์ร้ายที่มีกู่ปรสิต
ทว่าจวบจนปัจจุบันก็ยังคงไร้เบาะแสโดยสิ้นเชิง
และหลังจากที่มู่จื่อหลิงจากไปในวันนั้นก็มิได้ปรากฏตัวขึ้นอีก
ฮองเฮาส่งคนไปสืบหาร่องรอยของมู่จื่อหลิง แต่อย่างไรก็สืบไม่เจอว่ามู่จื่อหลิงไปที่ใด ราวกับคนทั้งคนหายไปกลางอากาศอย่างไรอย่างนั้น
ความเฉลียวฉลาดและความสามารถที่ยากคาดเดาของมู่จื่อหลิงทำให้ฮองเฮารู้สึกถึงภัยคุกคามเป็อย่างยิ่ง
ไม่กำจัดมู่จื่อหลิงหนึ่งวัน นางก็มิอาจสงบใจได้หนึ่งวัน
ฮองเฮาคลึงหว่างคิ้วที่เหนื่อยล้า ยกมือขึ้นช้าๆ ให้นางกำนัลที่ปรนนิบัติถอยออกไป
ในเวลานี้เอง ก็มีมามาเฒ่าผู้หนึ่งเดินเข้ามา
มามาเฒ่าผู้นี้ก็คือมามาที่วางแผนออกความคิดต่อหน้าฮองเฮาในยามปกติ เป็คนสนิทของฮองเฮา
มามาเฒ่าเดินไปข้างกายฮองเฮา กระซิบกระซาบข้างหูนางสองสามประโยค
“กลับมาแล้ว? ยามนี้พวกเขาไปสืบหาอีกแล้ว?” ฮองเฮาดีดกายลุกขึ้นในทันที ตบลงไปที่ตั่งนุ่มอย่างแรง ช่างไร้หนทางคาดเดาจริงๆ
“เหนียงเหนียง อย่าเพิ่งกังวลพระทัย พิษของพวกเรามิใช่ว่าคนธรรมดาจะสามารถถอนได้ ต่อให้พวกเขาไปก็ยังคงไร้วิธีจะเข้าไป” มามาเฒ่าเอ่ยปลอบเสียงเบา
ฮองเฮาหรี่ดวงตาลง ั์ตาปรากฏความเป็อริอันเย็นเยียบ “หึ มิได้ง่ายดายเพียงนั้น ในเมื่อมู่จื่อหลิงพาพวกเขาเข้าไปอีกครั้งได้ ก็แสดงว่านางจะต้องมีความมั่นใจว่าแก้พิษนั้นได้”
คนธรรมดา? มู่จื่อหลิง นางมิใช่คนธรรมดาทั่วไป
ก่อนหน้านี้นางดูแคลนมู่จื่อหลิงเกินไป เสียประโยชน์มาไม่น้อย มิอาจพลาดในจุดเดียวกันเป็ครั้งที่สองได้อีก
ความร้ายกาจของมู่จื่อหลิง ฮองเฮานับว่าเข้าใจอย่างถ่องแท้ ยามนี้เป็่เวลาคับขัน โอกาสอันสำคัญ ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจประมาทศัตรูได้อีก
และความจริงก็ได้พิสูจน์ว่าการคาดเดาของฮองเฮานั้นถูกต้อง
ยามนี้เองก็มีสายลับผู้หนึ่งมารายงานว่ามู่จื่อหลิงแก้พิษได้ คนทั้งกลุ่มเข้าไปในป่าโดยราบรื่นพอดี
แม้จะคาดการณ์ไว้แล้ว แต่เมื่อได้ยินข่าวนี้จริงๆ อีกครั้ง ใจฮองเฮาก็ยังเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม เกิดความแค้นเคือง
เหตุใดนางจึงคิดไม่ถึงว่า จะมีวันที่นางสิ้นเปลืองความคิด ใช้ทุกวิถีทางเพราะเด็กหน้าขนผู้หนึ่งแต่ก็ยังไม่สามารถแตะนางได้แม้แต่ปลายก้อย
ั์ตาฮองเฮาปรากฏรอยยิ้มเ็าอันอำมหิต “ให้คนของเราที่ไปสืบค้นล่าถอยให้หมด ในเมื่อมู่จื่อหลิงไม่กลัวตายกล้านำคนเข้าไปสืบหา เช่นนั้นแผนที่มามาพูดไว้ก่อนหน้าก็ดำเนินต่อได้”
มามาเฒ่าพยักหน้าอย่างเข้าใจความหมาย นางเองก็คิดไม่ถึงว่ามู่จื่อหลิงจะเก่งกาจเพียงนี้ ยังดีที่พวกนางเตรียมแผนรับมือไว้แล้ว
--------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] อาภรณ์์ไร้ตะเข็บ หมายถึงการกระทำที่สมบูรณ์แบบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้