“ทัณฑ์สายฟ้า!” นอกสมรภูมิรบกระดูกขาว เหล่าบรรดาจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์รีบถอยห่างอย่างรวดเร็ว ไม่มีผู้ใดสักคนยินยอมไปผ่านทัณฑ์สายฟ้าก่อนกำหนด ยกเว้นแต่จะเป็พวกที่สุดวิสัยจริงๆ มิฉะนั้นคงเป็ใครสักคนที่มิมีสิ่งใดกระทำ ในขณะที่ยังมิใช่เวลาผ่านทัณฑ์สายฟ้าเพื่อบรรลุเทพเ้าา ไปตอแยอสนีสายฟ้าอย่างมักง่ายเลินเล่อ
ควรทราบว่า หลังจากแผ่นดินแห่งนี้ถูกผนึกปิดลง นักฝึกฌานบ่มเพาะที่ไปผ่านทัณฑ์สายฟ้าก็ลดน้อยลงมากเช่นกัน ตำนานเล่าขานบนแผ่นดินนี้เมื่อหลายแสนปีก่อน แม้แต่ปรมาจารย์นักยุทธ์สูงสุดทะลวงด่านบรรลุขอบเขตราชันาก็ยังต้องรับการผ่านทัณฑ์สายฟ้าเช่นกัน แน่นอน ทัณฑ์สายฟ้าเล็กๆ เช่นนี้ไม่น่าเป็ห่วง โดยทั่วไปล้วนสามารถผ่านไปอย่างง่ายดาย แต่ราชันาทะลวงด่านบรรลุจักรพรรดิาโดยการขัดเกลาร่างกายด้วยอสนีสายฟ้า ผ่านพระนิพพานทางกายภาพ อสนีสายฟ้าของจักรพรรดิาช่างอันตรายยิ่งนัก คนส่วนใหญ่ไม่กล้าลองกันง่ายๆ ส่วนใหญ่ใช้โอสถจิติญญาขัดเกลาร่างกายเพื่อบรรลุพระนิพพาน ทุกระดับขอบเขตใหญ่ล้วนจำเป็ต้องผ่านทัณฑ์สายฟ้า แน่นอนว่าก็มีผู้โชคร้ายบางคนเช่นกันที่ตนเองไม่จำเป็ต้องผ่านทัณฑ์สายฟ้า แต่กลับเดินเข้าไปภายในบริเวณทัณฑ์สายฟ้าของผู้อื่น พลอยฟ้าพลอยฝนผ่านทัณฑ์สายฟ้าไปด้วย ทัณฑ์สายฟ้าประเภทนี้สอดคล้องกับระดับขอบเขตของตนเอง ถ้าสภาพการณ์ไม่ดี ก็ต้องสังขารดับสูญ มรรคาเต๋าสลาย กลายเป็เถ้าธุลีจากสายฟ้าเช่นกัน
ในตอนนี้ ทัณฑ์สายฟ้าในสมรภูมิรบกระดูกนั้นรุนแรงยิ่งนัก จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มิได้เตรียมพร้อมเพื่อผ่านทัณฑ์สายฟ้าแต่อย่างใด การผ่านทัณฑ์สายฟ้าท่ามกลางฟ้าดินที่พลังแก่นแท้จิติญญาขาดแคลนแห่งนี้ ไม่มีใครสามารถถอยได้โดยสภาพร่างกายสมบูรณ์ แน่นอน ยามที่จักรพรรดิาทะลวงด่านบรรลุมหาจักรพรรดิา ตลอดจนจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ทะลวงด่านบรรลุเทพเ้าา นั่นเป็เื่ที่ช่วยไม่ได้ หากไม่ทะลวงด่านแล้วผงาดขึ้น ก็จะไม่สามารถมีความรุดหน้าใดๆ ได้
“ไฉนจึงมีทัณฑ์สายฟ้าขึ้นมาได้ ใหญ่โตมโหฬารขนาดใหญ่ ที่คือทัณฑ์สายฟ้าของจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์…” มีคนพูดเบาๆ
“อสนีสายฟ้านับพันลี้ ดุจดั่งสายธารซัดกระหน่ำ…เป็ทัณฑ์สายฟ้าที่รุนแรงยิ่งนักจริงๆ ผู้ใดกันที่หาญกล้าฝืนฟ้าขนาดนี้?”
“จ้านอู๋มิ่ง…” พลันเสวียนเสวียนจื่อคล้ายดั่งเข้าใจสิ่งใดขึ้นมาแล้ว นึกถึงจ้านอู๋มิ่งเคยบอกว่าโม่ฉางชุนจะต้องตายวันนี้อย่างแน่นอน ความเชื่อมั่นของเขามาจากที่ใด บางทีมันอาจเกี่ยวข้องกับทัณฑ์สายฟ้าในวันนี้ก็ได้เช่นกัน และเมื่อครู่นี้ััได้ว่าพลังธาตุของสมรภูมิรบกระดูกขาววุ่นวายโกลาหลยิ่งนัก พลังเหนือธรรมชาติฟ้าดินะเิออก เห็นได้ชัดว่าเกิดเื่ที่น่ากลัวอย่างยิ่งขึ้นแล้ว ตามการคาดเดาของเสวียนเสวียนจื่อ โม่ฉางชุนจะต้องได้รับาเ็ส่วนหนึ่งจากพลังแก่นแท้จิติญญาวุ่นวายโกลาหลนี้ บวกกับได้ต่อสู้กับกลุ่มจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ ไม่ได้ฟื้นฟูสภาพสมบูรณ์สูงสุดแต่แรกแล้ว เช่นนั้นก็สามารถกล่าวได้เช่นกันว่า ถ้านี่เป็ทัณฑ์สายฟ้าจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ของโม่ฉางชุน เช่นนั้นโม่ฉางชุนจะต้องสิ้นชีวิตอย่างแน่นอนไร้ข้อกังขา!
ไม่ใช่แค่เสวียนเสวียนจื่อเท่านั้นแล้วที่คิดถึงผลสุดท้ายเช่นนี้ เหล่าจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์คล้ายดั่งล้วนมีความกระจ่างแจ้ง มีคนอดที่จะลอบสะท้อนใจ ชื่นชมการจัดการของจ้านอู๋มิ่งไม่ได้ การคาดคำนวณของคนผู้นี้ คนธรรมดาสามัญทั่วไปเทียบไม่ได้เลยจริงๆ ผู้คนเล่าขานกันว่าจ้านอู๋มิ่งเลื่องชื่อมาจากพลังของกายเนื้อ หากเผชิญกับทัณฑ์สายฟ้าของราชันาบางทีอาจผ่านได้ไม่ยาก แต่ที่โม่ฉางชุนเผชิญกลับเป็ทัณฑ์สายฟ้าของเทพเ้าา ภัยพิบัติของทัณฑ์สายฟ้านี้สอดคล้องกับระดับขอบเขตฐานบ่มเพาะ ระดับฐานบ่มเพาะยิ่งสูง ทัณฑ์สายฟ้าฟาดกระหน่ำยิ่งรุนแรงมากขึ้น…กล่าวอีกนัยหนึ่งคือความจริงแล้วโม่ฉางชุนก็วิ่งอยู่บนเส้นทางเดียวกับจ้านอู๋มิ่งเช่นกัน แน่นอน...จ้านอู๋มิ่งเองก็ต้องได้รับผลกระทบจากทัณฑ์สายฟ้าของโม่ฉางชุนไม่มากก็น้อยเช่นกัน กล่าวถึงที่สุดแล้วเขตทัณฑ์สายฟ้าของโม่ฉางชุนเป็บริเวณวงกว้าง หากจ้านอู๋มิ่งอยู่ในระยะใกล้ละก็ มีโอกาสมากที่จะถูกโจมตีโดยทัณฑ์สายฟ้าของเทพเ้าา เมื่อเป็เช่นนั้น จ้านอู๋มิ่งเองก็ต้องดับสูญเช่นกันอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ว่า...ทัณฑ์สายฟ้าของสมรภูมิรบกระดูกขาวยังไม่ยุติ ไม่มีผู้ใดหาญกล้าล่วงล้ำเข้าไปง่ายๆ เพราะนั่นไม่แตกต่างจากการแสวงหาความตาย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มิว่าผู้ใดก็ช่วยจ้านอู๋มิ่งไม่ได้เช่นกัน ทุกอย่างได้แต่ปล่อยให้เป็ไปตามโชคชะตา แม้แต่เยว่หลิงซานเองก็ได้แต่รู้สึกเป็ห่วงจ้านอู๋มิ่งเท่านั้นแล้ว
จ้านอู๋มิ่งขุ่นข้องหงุดหงิดอย่างยิ่ง ทัณฑ์สายฟ้านี้ช่างรุนแรงยิ่งนัก ทัณฑ์สายฟ้าของตนคล้ายดั่งได้รับผลกระทบจากโม่ฉางชุนอย่างมากมาย พลังของทัณฑ์สายฟ้าแต่ละครั้งล้วนโจมตีจนเขาถลอกปอกเปิก หนึ่งระลอกสายฟ้าโจมตีเก้าสาย สามระลอกแล้วยังคงไม่ยุติ นี่มิใช่ทัณฑ์สายฟ้าของราชันาที่ว่าแล้ว โดยทั่วไปทัณฑ์สายฟ้าของราชันาไม่เกินสองระลอกอสนีสายฟ้า ทั้งหมดสิบแปดสาย สามระลอกคือทัณฑ์สายฟ้าของจักรพรรดิาแล้ว แต่ว่าทัณฑ์สายฟ้าคล้ายดั่งยังไม่มีทีท่าจะหยุด…
พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาโคจรอย่างคลุ้มคลั่ง พลังธาตุวายุและวารีสองชนิดอัดเข้าสู่ภายในร่างของจ้านอู๋มิ่งอย่างต่อเนื่องจากั์ตาของคุนเผิงใต้ฝ่าเท้า กำลังขัดเกลาเส้นชีพจรทุกตารางนิ้วของเขาอย่างดุเดือด ทำให้ธาตุแห่งชีวิตเขาเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ถ้ำนภาธาตุวารีในจิติญญาแห่งชีวิตเริ่มปรากฏกระแสสายธารขึ้น และถ้ำนภาธาตุวายุก็เริ่มค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเช่นกัน ยามนี้สิ่งที่จ้านอู๋มิ่งอุดมสมบูรณ์มากที่สุดก็คือพลังแห่งธาตุ มีพลังธาตุวายุและพลังธาตุวารีคอยเสริมเติมเต็ม พลังความแข็งแกร่งในการฟื้นฟูร่างกาย แทบสามารถจะตามทันการาเ็จากทัณฑ์สายฟ้านั้น นอกจากนี้แต่ละครั้งที่ฟื้นฟู สมรรภาพของร่างกายก็เปลี่ยนเป็แข็งแกร่งขึ้นส่วนหนึ่ง เพียงแต่สิ่งที่ทำให้จ้านอู๋มิ่งหงุดหงิดกลับเป็อสนีสายฟ้านี้ฟาดกระหน่ำจนเ็ปลึกเข้าไปถึงหัวใจและยิ่งเสริมเติมเต็มมากขึ้น ธาตุวารีและวายุภายในร่างของตนก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น พลังของธาตุอื่นๆ คล้ายดั่งยิ่งถูกละเลยมากขึ้น หากขืนมันเป็เช่นนี้ต่อไป ความไม่สมดุลของพลังธาตุภายในร่างกายก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จวบจนท้ายที่สุด จ้านอู๋มิ่งไม่ค่อยกล้าคิดถึงเื่นี้อยู่บ้าง หากวันใดเกิดความไม่สมดุลจนถึงจุดที่พังทลายลงจริงๆ เช่นนั้นเกรงว่าร่างกายของเขาจะต้องแตกสลายยับเยินกลายเป็ชิ้นๆ แล้ว…
แต่เวลานี้จ้านอู๋มิ่งกลับมิอาจไม่ดูดซับพลังธาตุวายุและวารีอย่างสุดชีวิต มิฉะนั้นเกรงว่าเขาจะต้องถูกทัณฑ์สายฟ้าที่รุนแรงผิดปกติฟาดกระหน่ำจนพิการแล้ว ยามนี้เขาก็คิดถึงเช่นกันว่าอาจสืบเนื่องเพราะ "คัมภีร์เทพอนัตตา" ย้อนทวนฝืนฟ้าเกินไป ฟ้าเฒ่านี้ก็้าลงโทษเขาให้หนักมากขึ้นเช่นกัน
“ตูมมม……” ถ้ำนภาวายุในจิติญญาแห่งชีวิตของจ้านอู๋มิ่งเปิดขึ้นในพริบตา ธาตุวายุไร้สิ้นสุดอัดเข้าไปภายในถ้ำโดยตรง ธาตุวายุและวารีสองชนิดในร่างกายกำลังขัดเกลาเส้นชีพจรอย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณสมบัติทางกายภาพของตนผันแปรไปทางวายุและวารีมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ในจิติญญาแห่งชีวิตยังคงมีถ้ำนภาธาตุทองและธาตุอัคคีสองชนิดเช่นเดิม ยามนี้ราวกับถูกเบียดไปอยู่อีกด้านหนึ่ง ถ้ำนภาของวายุและวารีสองชนิดกำลังขยายตัวขึ้น…
“บัดซบ ขืนเป็แบบนี้ต่อไป ต่อให้พี่ชายนับว่าสามารถผ่านทัณฑ์สายฟ้าไปได้ก็เกรงว่าต้องพิการแล้ว” จ้านอู๋มิ่งด่าเสียงต่ำไปคราหนึ่ง พลังวายุและวารีช่างรุนแรงเกินไป อุดมสมบูรณ์มากเกินไปแล้ว ท่ามกลางความท้อแท้ พลันดวงตาเขาเป็ประกายทันใด เขานึกถึงของวิเศษที่อยู่ในสมบัติวิเศษพื้นที่มิติของตัวเองขึ้นมาได้ พลันประสาทััก็เชื่อมโยงเข้ากับไข่ั์คุนเผิงที่อยู่ในสมบัติวิเศษพื้นที่มิติทันที
“วิ้งงง…” ไข่ั์คุนเผิงคล้ายดั่งตื่นเต้นขึ้นมาทันใด ธาตุวายุและวารีที่เอ่อล้นออกมาจากธาตุแห่งชีวิตของจ้านอู๋มิ่ง เป็สิ่งที่โปรดปรานที่สุดของไข่ั์คุนเผิง
“ได้ผลจริงๆ!” จ้านอู๋มิ่งยินดีขึ้นมาทันใด ธาตุวายุและวารีนี้ เขาไม่้าจะดูดซับเพิ่มมากขึ้นอีก หากทำให้พลังธาตุภายในจิติญญาแห่งชีวิตขาดความสมดุลมากจนเกินไป นั่นหมายถึงความหายนะอย่างแน่นอน และเวลานี้มีไข่ั์คุนเผิงฟองนี้ ในที่สุดเขาก็พบช่องทางระบายพลังจิติญญาวายุและวารีสองชนิด จ้านอู๋มิ่งเชื่อมโยงจิตสมาธิแก่นแท้จิติญญาปฐมภูมิของตนเข้ากับไข่ั์คุนเผิง ธาตุวายุและวารีที่อัดเข้าไปภายในจิติญญาแห่งชีวิต ถูกอัดเข้าไปในไข่ั์คุนเผิงโดยตรง ผ่านแก่นแท้จิติญญาปฐมภูมิที่เชื่อมโยงถึงกัน ยามที่ธาตุวายุและวารีเหล่านี้ผ่านร่างกายจ้านอู๋มิ่ง ยังคงสามารถฟื้นฟูอาการาเ็ได้อย่างรวดเร็วเช่นเดิม ตอนนี้กลายเป็สิ่งที่ดีพร้อมทั้งสองฝ่ายแล้ว
“เปรี้ยง…” เสียงอสนีบาตคำรามกึกก้องขึ้นครั้งหนึ่ง ท่ามกลางความตะลึงงันของจ้านอู๋มิ่ง พบว่าขณะที่แก่นแท้จิติญญาปฐมภูมิของเขาเชื่อมโยงกับไข่ของคุนเผิง อสนีสายฟ้าของทัณฑ์สายฟ้ากลางนภากาศนั้น กลับกระหน่ำโจมตีใส่สมบัติวิเศษพื้นที่มิติของเขาโดยตรง ฟาดใส่ลงบนไข่ของคุนเผิงอย่างหนักหน่วง…
“บัดซบ ไม่เอาแบบนี้สิ นี่เท่ากับจะทำลายของวิเศษข้าแล้วนะ” จ้านอู๋มิ่งรู้สึกว่าสมบัติวิเศษพื้นที่มิติของตนสั่นสะท้านคราหนึ่ง กล่าวถึงที่สุดแล้วสมบัติวิเศษพื้นที่มิติระดับไม่สูงมากนัก ทัณฑ์สายฟ้าของฟ้าดินแห่งนี้มิใช่สิ่งที่สมบัติวิเศษพื้นที่มิติของเขาสามารถต้านทานไว้ได้ทั้งหมด
“ยังคงออกมาผ่านทัณฑ์สายฟ้าพร้อมกับข้าเถิด ข้าไม่้าให้ของวิเศษของข้าถูกทำลายหรอกนะ” จ้านอู๋มิ่งคิดๆ แล้ว พลันหยิบไข่ั์คุนเผิงออกมาจากสมบัติวิเศษพื้นที่มิติ สำหรับไข่ั์คุนเผิงจะสามารถต้านทานผ่านพ้นทัณฑ์สายฟ้าได้หรือไม่ นั่นก็ต้องได้แต่ดูความโชคดีของไข่ฟองนี้เองแล้ว
“ตูมมม……” อสนีสายฟ้าหลายสายกระหน่ำลงบนไข่ั์ ทันใดนั้นประกายลำแสงสีเขียวเป็ชั้นๆ ก็ปรากฏขึ้นเหนือไข่ั์ กลับดูดซับประกายอสนีสายฟ้าทั้งหมดที่กระหน่ำลงมาจากท้องฟ้าจนหมดสิ้น…
“อา ไข่น้อยฟองนี้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!” จ้านอู๋มิ่งรู้สึกประหลาดใจ แต่เขารู้สึกว่าเวลาที่ประกายอสนีสายฟ้าฟาดลงบนไข่ั์ พลังธาตุวายุและวารีทั้งสองชนิดภายในร่างกายเขาไหลรวดเร็วยิ่งขึ้น เหมือนเช่นสายน้ำลำธารน้อยไหลเอื่อยๆ พลันไหลเทลงจากูเาอย่างกะทันหัน
ชั่วพริบตาแทบจะดูดเอาพลังวายุและวารีภายในร่างกายจ้านอู๋มิ่งไปจนหมดสิ้นในทันที กระทั่งทำให้จ้านอู๋มิ่งไม่ทันได้ฟื้นฟูร่างกายด้วยซ้ำ พลังวายุและวารีสองชนิดนั้นก็ถูกไข่ั์ดูดไปแล้ว ทำให้สีหน้าจ้านอู๋มิ่งดูโกรธเคือง ไข่น้อยฟองนี้ซุกซนเกินไป ทั้งยังเจริญอาหารมากเกินไปแล้ว ้าดูดธาตุของเขาไปจนหมดสิ้นเลยเชียว
จ้านอู๋มิ่งก็ไม่เคร่งเครียดจริงจังอะไรมาก ถึงอย่างไรนี่ก็คือพลังธาตุของบิดาเ้า…อ้อ สมควรเป็มารดาของไข่น้อยฟองนี้ เ้า้าดูดเท่าไหร่ก็ดูดไปเถอะ เมื่อครู่นี้พี่ชายเก็บเอาไว้ส่วนหนึ่งแล้ว ในเมื่อเ้ากินจุขนาดนี้ เช่นนั้นข้าก็ต้องตั้งใจดูดบ้างแล้วเช่นกัน ถึงอย่างไรพลังงานจำนวนมากมหาศาลขนาดนี้ เกรงว่าเ้าก็ไม่สามารถดูดซับได้หมดในเวลาอันสั้นเช่นกัน
พูดว่าจะทำก็ทำทันที ไม่นานนักจ้านอู๋มิ่งก็ค้นพบอย่างเศร้าใจว่า ตนเองกลายเป็สะพานเชื่อมระหว่างั์ตาทั้งสองของคุนเผิงกับไข่น้อยไปแล้ว พลังธาตุวายุและวารีตรงมาแล้วก็ตรงไปทันที ไม่มีหลงเหลืออะไรไว้ในร่างกายเขา แต่ทัณฑ์สายฟ้าที่ไม่จบไม่สิ้นนั้นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อเขาเช่นกัน สิ่งเดียวที่ทำให้จ้านอู๋มิ่งรู้สึกโชคดีก็คือร่างกายของตนเหมือนเปลือกต้นไม้แตกสลาย เปลือกต้นไม้ที่แตกสลายอย่างต่อเนื่องและฟื้นฟูกลับคืนตลอดเวลา าแภายนอกที่กลับไปกลับมา ก่อเกิดเป็สะเก็ดแผลซ้ำแล้วซ้ำเล่า และสะเก็ดนั้นแข็งแกร่งกว่าเปลือกไม้ธรรมดามากมายนัก……
เวลานี้ร่างกายของจ้านอู๋มิ่งก็เป็เช่นนี้เอง เกรงว่าความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นสามารถเทียบได้กับอาวุธจิติญญาระดับกลางอย่างสมบูรณ์แล้ว อาวุธทั่วไปไม่สามารถสร้างความเสียหายแก่เขาได้เลย แม้แต่ิัก็ไม่แน่ว่าจะสามารถทำให้เกิดรอยแผลขึ้นได้ แน่นอนว่ายังมีอีกเื่หนึ่งที่ทำให้จ้านอู๋มิ่งรู้สึกขุ่นข้องหงุดหงิดมาก นั่นคือระหว่างการผ่านทัณฑ์สายฟ้าครั้งนี้ เขาได้ทะลวงด่านบรรลุระดับราชันาอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะสะกดข่มอย่างไร เขาเพียงสามารถบีบอัดพลังจิติญญาบ้าคลั่งนั้นแค่ระดับราชันาขั้นต้นเท่านั้น นอกจากนี้พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ภายในร่างกาย ได้แปรเปลี่ยนเป็พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาอย่างสมบูรณ์ บีบอัดจนไม่สามารถบีบได้อีกแล้ว…สิ่งนี้ทำให้จ้านอู๋มิ่งขุ่นเคืองใจอย่างมาก สิ่งนี้จะทำให้ไร้วาสนากับอาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียนเลยเชียวนะ แต่ว่า...เื่นี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถควบคุมได้ ล้วนเป็เพราะถูกทัณฑ์สายฟ้านี้ทำร้าย เขาจะไม่ดูดซับพลังธาตุวายุและวารีก็ไม่ได้ พอดูดซับเข้า นี่คือพลังธาตุไม่ใช่พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ ความเข้มข้นของพลังธาตุต่อให้บีบอัดเป็พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตา การบีบอัดก็มีขีดจำกัดเช่นกัน อย่างน้อยด้วยฐานบ่มเพาะปัจจุบันของจ้านอู๋มิ่ง ยังสามารถเพียงแค่ผันแปรเป็พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาเท่านั้น ไม่สามารถผันแปรเป็พลังที่ระดับขอบเขตสูงยิ่งกว่าได้ พลังจิติญญาชีวิตอนัตตา พลังเทพฤทธิ์อนัตตา ตลอดจนพลังโกลาหล…
นี่คือขั้นตอนผันแปรการบ่มเพาะให้แข็งแกร่งมั่นคงอย่างต่อเนื่องของคนผู้หนึ่ง เหมือนเช่นการหล่อหลอมเหล็กดิบเป็เหล็กชั้นดี เหล็กชั้นดีหล่อหลอมเป็เหล็กกล้า เหล็กกล้าหล่อหลอมให้เป็เหล็กกล้าชั้นดีเลิศ…ทีละขั้นทีละตอน สุดท้ายหล่อหลอมเป็อาวุธวิเศษขั้นสุดยอดระดับเทพเ้า แน่นอนว่าถ้าทักษะฝีมือการหล่อหลอมยังไม่สามารถบรรลุถึงจุดนั้น เขาก็แค่สามารถหล่อหลอมแร่เหล็กให้กลายเป็เหล็กชั้นดีเท่านั้น……
แน่นอน สิ่งเดียวที่ยังโชคดีอยู่คือ หลังจากกลิ่นอายจ้านอู๋มิ่งบรรลุระดับราชันาแล้ว คล้ายดั่งฐานบ่มเพาะสามารถซ่อนเร้นได้ง่าย ขอเพียงเขาไม่้าจะแสดง คนนอกไม่อาจเห็นระดับฐานบ่มเพาะของเขาได้ เนื่องเพราะต่อหน้าผู้อื่น เขายังคง้าแสดงตัวเป็อัจฉริยะการบ่มเพาะทางกายภาพผู้หนึ่งมากกว่า
พลังวายุและวารีสองชนิดไหลผ่านร่างจ้านอู๋มิ่งอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ไหลอยู่ระหว่างธาตุแห่งชีวิตและจิติญญาแห่งชีวิตแล้วก็ส่งต่อเข้าไปภายในไข่น้อย ประกายแสงสีเขียวบนเปลือกนอกของไข่น้อยก็แบ่งเป็ประกายแสงสีน้ำเงินออกมาครึ่งหนึ่ง พลังวายุและพลังวารีทั้งสองล้วนแสดงพลังออกมาอย่างเต็มที่ อสนีสายฟ้าฟาดกระหน่ำลงบนมันแล้วกระเซ็นไปรอบทิศทาง เทียบกับจ้านอู๋มิ่งที่ถูกฟาดกระหน่ำจนสีดำไหม้เกรียม แทบจะกรอบนอกนุ่มในแล้ว นั่นก็ดูดีกว่ามากมายแล้วจริงๆ คุนเผิงตัวน้อยผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย ภายใต้แสงอสนีสายฟ้า ประกายสีเขียวและสีน้ำเงินหมุนวนอย่างช้าๆ ค่อยๆ กลายเป็ลวดลายไทเก๊กสีเขียวและสีน้ำเงินที่สวยงามสุดเปรียบปาน ยามนี้ จ้านอู๋มิ่งพลันรู้สึกว่าไข่น้อยใบนี้กลับมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับชีวิตของตนในทันใด
จ้านอู๋มิ่งรู้สึกถึงการเต้นของพลังชีพจรสายเืชนิดหนึ่งในไข่น้อยนี้ เหมือนเช่นหัวใจดวงน้อยๆ ของทารกแรกเกิดที่กำลังเต้นอยู่ และไข่น้อยที่เดิมก็มีชีวิตอันสดใสอยู่แล้ว กลับหลอมรวมเข้ากับพลังจิติญญาแห่งชีวิตและธาตุแห่งชีวิตของเขา เขาถึงกับรู้สึกว่าจิติญญาของเขาเหมือนจะถูกแบ่งออกครึ่งหนึ่งเข้าไปอยู่ในไข่ฟองนี้…
ความรู้สึกนี้ทำให้จ้านอู๋มิ่งพูดไม่ออกบ้างแล้ว เมื่อครู่นี้เขาเพียงแค่ปล่อยให้ไข่น้อยกลืนกินพลังวายุและพลังวารีทั้งสองอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เตรียมป้องกันไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นแต่อย่างใด ผู้ใดจะไปทราบว่าไข่น้อยนี้กลับไม่ได้เลือกแต่อย่างใด ไม่เพียงแต่กลืนกินพลังวายุและพลังวารีทั้งสองที่ไหลผ่านร่างกายของเขา แม้แต่จิติญญาแห่งชีวิตและธาตุแห่งชีวิตของเขาก็ถูกซึมซับไปอย่างไม่คัดกรองเช่นกัน กลายเป็โศกนาฏกรรมไปแล้ว จิติญญาและสติปัญญาเดิมก็อ่อนแอยิ่งอยู่แล้วของไข่น้อยนี้ จะสามารถย่อยสลายความคิดแก่นแท้จิติญญาปฐมภูมิอันสลับซับซ้อนของจ้านอู๋มิ่งได้อย่างไร เป็ผลให้พลังของแก่นแท้จิติญญาปฐมภูมิของจ้านอู๋มิ่ง กลับกลายเป็ผู้นำภายในจิติญญาและสติปัญญาของไข่น้อยไปแล้ว…พลันสิ่งนี้ทำให้จ้านอู๋มิ่งเกิดความคิดอันบ้าคลั่งขึ้นมาอย่างหนึ่ง……
นี่เป็โอกาสวาสนาฟ้าประทานครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน จ้านอู๋มิ่งนึกถึงตรงนี้ หัวใจอดที่จะเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาไม่ได้ กัดฟันคราหนึ่ง คำรามเสียงต่ำ “พี่ชายจะขอเดิมพันครั้งนี้สักตั้ง ถ้าสำเร็จท้องฟ้าสูงล้ำเวิ้งว้างไร้ขอบเขตจำกัดและมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาลสุดสายตา พี่ชายสามารถท่องทั่วอย่างไร้ผู้เทียมทาน หากล้มเหลว อย่างมากที่สุดพี่ชายก็เริ่มตั้งต้นใหม่หมด ฝึกฝนบ่มเพาะเพิ่มอีกไม่กี่ปีเท่านั้น……”
พูดพลาง จ้านอู๋มิ่งโคจรพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง พลันกระแสวนขนาดใหญ่มหึมาก่อตัวขึ้นเบื้องล่างใต้เท้าทันใด ดูดซับพลังวายุและพลังวารีทั้งสองชนิดอย่างบ้าคลั่งจากภายในั์ตาคุนเผิงอีกครั้ง……
