“ไม่ต้องหรอก มันแค่ดูน่ากลัวเท่านั้น ก่อนหน้านี้ก็โดนแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ทาแค่ทิงเจอร์นิดหน่อยก็หายแล้ว” เจาเยี่ยพูด พลางเอื้อมมือออกไปหยิบถุงที่ใส่ยาไว้ กู้หลานอันเอามือเขาออก “ฉันช่วยนายทาเอง” พูดเสร็จก็เปิดเสื้อเขาออก ทาอย่างเบามือ ทาไปก็พูดไปด้วยว่า “เจาเยี่ย คราวหลังตอนถ่ายทำนายต้องระวังตัวหน่อยนะ นายบอกว่าโดนแบบนี้มาหลายครั้งแล้วแต่นายก็ไม่แจ้งตำรวจ นายโง่รึเปล่า? แต่นายวางใจได้ ครั้งนี้ฉันจะต้องลากตัวคนร้ายออกมาให้ได้ ให้เขาเข้าไปกินข้าวในคุกหลายๆ ปีสักหน่อย จะได้ไม่ทำให้นายต้องตกอยู่ในอันตรายแบบนั้นอีก”
“ไม่ต้อง” เจาเยี่ยเม้มปากแล้วพูดว่า “กู้หลานอัน เื่ครั้งนี้นายไม่ต้องเข้ามายุ่งได้ไหม? นี่เป็เื่ส่วนตัวของฉัน เดิมทีก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนายอยู่แล้ว ฉันไม่อยากให้เพื่อนธรรมดาๆ คนหนึ่งต้องยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวมากเกินไป”
มือกู้หลานอันที่ทายาให้เขาอยู่หยุดชะงักไปพักหนึ่ง ดวงตาหมองลง พยายามฝืนยิ้มแล้วถามเขาว่า “ก็ฉันเป็ห่วงนาย แต่ถ้านายไม่อยากให้ฉันเข้าไปยุ่งฉันก็จะไม่ยุ่ง แต่ว่า ขอบอกก่อนนะว่านายต้องยืนยันกับฉันก่อนว่านายจะไปตรวจสอบเื่นี้จริงๆ ”
“อืม” เจาเยี่ยรับปากและไม่ได้พูดอะไรอีก กู้หลานอันหุบรอยยิ้มลงและไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะพูดเหมือนกัน ทันใดนั้นบรรยากาศก็ดูเงียบสงบอย่างประหลาด มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งสองที่สอดประสานไว้ด้วยกัน เดาว่ากู้หลานอันอาจจะโกรธอยู่ เจาเยี่ยขยับนิ้วไปมา รับรู้ได้ถึงความร้อนที่แผดเผาของนิ้วมือคนข้างหลัง กำลังคิดอยู่ว่าจะพูดอะไรดี กู้หลานอันก็พูดออกมาพร้อมกันกับเขาพอดี
“เจาเยี่ย...”
“กู้หลานอัน...”
“นายพูดก่อนสิ” เจาเยี่ยกล่าว
“เจาเยี่ย เดี๋ยวพวกเราไปกินข้าวด้วยกันนะ! ” กู้หลานอันรออย่างใจจดใจจ่อ เจาเยี่ยกัดริมฝีปากล่างแล้วปฏิเสธว่า “ไม่ได้หรอก ฉันมีนัดแล้ว”
“มีนัดแล้ว ใครเหรอ? ” กู้หลานอันรู้สึกผิดหวังทันใด โทรศัพท์มือถือของเจาเยี่ยอยู่ที่หลี่เสียวเหม่ยตลอดเวลา หลี่เสียวเหม่ยเพิ่งจะเอาให้เขาตอนที่เขาเปลี่ยนชุด ั้แ่ที่เขาออกจากกองถ่ายละครจนถึงตอนนี้ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเจาเยี่ยไม่ได้จับโทรศัพท์เลย
“หลินเซวียน” เจาเยี่ยตอบ
“ไปนัดกันตอนไหนเหรอ? ” กู้หลานอันไล่ถามอย่างอารมณ์เสีย พอถามเสร็จ มือถือของเจาเยี่ยก็ดังขึ้นพอดี เจาเยี่ยหยิบออกมาดู แล้วบอกกับกู้หลานอันว่า “ตอนนี้” พูดจบ ก็ไม่ได้มองกู้หลานอันอีกเลย หันสายตากลับไปอีกด้านแล้วกดรับโทรศัพท์
“เจาเยี่ย ฉันได้ยินมาว่านายาเ็ ไม่เป็ไรใช่ไหม? ” พอรับสายแล้วหลินเซวียนก็ถามอย่างเป็ห่วง
“ไม่เป็ไร” เจาเยี่ยตอบเสียงเ็า หลังจากทางโน้นตอบกลับมาว่าไม่เป็ไรก็ดีแล้ว เขาก็พูดต่อว่า “หลินเซวียน นายว่างรึเปล่า? อีกเดี๋ยวฉันอยากเจอนาย”
“ว่างสิ ว่าง ให้ฉันไปหานายหรือนายจะมาหาฉัน? ” หลินเซวียนถาม
“ฉันไปหานายเอง เจอกันที่ร้านกาแฟใต้ออฟฟิศนายก็แล้วกัน” เจาเยี่ยพูดจบก็วางสาย เขาพูดกับกู้หลานอันสั้นๆ ว่า “ต้องขอโทษด้วย” ก็ดึงเสื้อให้เรียบร้อยลุกขึ้นเตรียมตัวจะไป
“ไม่เป็ไร เอาอันนี้ไปด้วย ก่อนร่วมงานเย็นนี้ก็นวดๆ สักหน่อย” กู้หลานอันพูด ปิดฝาขวดยาที่อยู่ในมือเรียบร้อยแล้วก็ยื่นให้เขา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่กลับดูเหี่ยวเฉาเล็กน้อย หลังจากเจาเยี่ยลาลับสายตาไปแล้ว ทันใดนั้นราวกับว่าทุกอย่างดูมืดมนทันที เหมือนแสงจากดวงไฟถูกปิด เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วนั่งลงบนโซฟา กู้หลานอันยกมือกุมศีรษะแล้วหัวเราะ “กู้หลานอันนายไม่สบายใจเื่อะไร? ก่อนหน้าพวกนายยังเป็แค่คนแปลกหน้า ตอนนี้กลายเป็เพื่อนกันแล้วมันไม่ดีเหรอ? สามารถเป็เพื่อนกันได้ระยะทางก็ไม่ไกลจากการเป็คู่รักแล้ว นายรู้รึเปล่า? นายควรดีใจสิถึงจะถูก”
พูดจบเขาก็เงียบไปสักครู่ แล้วพูดอย่างใจสลายว่า “เจาเยี่ย จะให้ฉันโอบกอดความทรงจำที่นายรักฉันไว้ แล้วมาเผชิญกับความจริงที่ว่านายไม่รักฉันเลย ฉันทรมานเหลือเกิน แต่ว่าฉันจะทำอะไรได้ ทั้งหมดเป็เพราะฉันทำตัวเองทั้งนั้น เป็เพราะฉันเอง”
ออกจากโรงพยาบาล เจาเยี่ยกำลังเตรียมจะเรียกรถ หลิวฉู่ก็ขับรถมาจอดตรงหน้าเขาพอดี บอกว่ากู้หลานอันให้เขาขับรถไปส่งเจาเยี่ยที่จุดหมายปลายทาง พอคิดว่าเขามีรถแค่คันเดียวเจาเยี่ยก็เตรียมจะปฏิเสธ แต่พอคิดดูอีกทีถ้าปฏิเสธอีก ก็จะเป็การทำร้ายจิตใจกันเกินไป จึงขึ้นรถไป
เมื่อถึงร้านกาแฟที่นัดกันไว้ หลินเซวียนก็นั่งรออยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อเห็นเจาเยี่ยเขาก็รีบลุกขึ้นแล้วถามว่า “าเ็ตรงไหน? ร้ายแรงมากรึเปล่า? ”
“หัวไหล่ ไม่ร้ายแรงหรอก” เจาเยี่ยตอบเสร็จก็นั่งลง
หลินเซวียนมองหัวไหล่เขาแวบหนึ่ง พลางนั่งลงแล้วพูดว่า “ทำไมถึงาเ็ที่หัวไหล่ได้ ทำไมถึงเป็แบบนี้? ”
เจาเยี่ยไม่ได้ตอบเขาในทันที แต่มองเขาอย่างเงียบๆ อยู่สักพัก มุมปากก็ยกสูงขึ้นเล็กน้อยและพูดว่า “ทำไมถึงเป็แบบนี้นายไม่รู้จริงๆ เหรอ? ”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง? เจาเยี่ยนี่นายหมายความว่ายังไง? ” หลินเซวียนมองไปรอบๆ ท่าทางดูโกรธและก็มีความลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย
“ฉันหมายความว่ายังไงนายรู้อยู่แก่ใจ” สายตาเจาเยี่ยลู่ต่ำลง มองรูปแบบกาแฟที่วางอยู่บนโต๊ะ ถึงแม้จะห่างไกลจากของจริงแต่ก็ยังััได้ถึงความขม
“ฉันรู้อยู่แก่ใจอะไร! เจาเยี่ย นี่นายสงสัยว่าการาเ็ของนายฉันเป็คนทำใช่รึเปล่า? ฉันชอบนายขนาดนั้นฉันจะกล้าทำร้ายนายได้ยังไง? พวกเรารู้จักกันมาสิบสองปีแล้ว ทำไมนายถึงสงสัยฉันแบบนี้? ในใจของนายคิดว่าฉันเป็คนแบบนั้นจริงๆ เหรอ? ” หลินเซวียนโกรธจนแผดเสียงดัง ทันใดนั้นเจาเยี่ยก็หัวเราะออกมา ดวงตาสงบนิ่ง คำพูดที่เอ่ยออกมาก็ไร้ความรู้สึก ถ้าจะให้พูดแฉหลินเซวียน สู้เขาสาธยายเื่ราวไม่ดีกว่าเหรอ “หลินเซวียน ั้แ่ที่ฉันเริ่มรู้จักนาย ขอแค่มีคนที่แสดงท่าทีกับฉันดีหน่อย หรือว่ามีคนชอบฉันและคิดเลยเถิดกับฉัน ฉันก็จะต้องได้รับาเ็เล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงหนักมาก จนกว่าคนคนนั้นจะจากฉันไปโดยสมัครใจ หรือไม่ก็เกือบจะพิการจนไม่มีทางเข้าใกล้ฉันได้อีก เหตุการณ์ทุกอย่างถึงจะดีขึ้นมา นายนึกว่าฉันไม่สังเกตเห็นอะไรเลยหรือไง”
“นาย...” หลินเซวียนหน้าเปลี่ยนสีทันที ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร
เจาเยี่ยเงยหน้ามองเขา แต่ไม่ได้รอให้เขาเอ่ยปากยอมรับหรือว่าแก้ตัว เจาเยี่ยก็บอกเขาว่า “หลินเซวียน ฉันกับกู้หลานอันไม่ได้มีอะไร ฉันจะถอยห่างจากเขาให้ไกล นายไม่จำเป็ต้องตักเตือนฉันแล้ว และไม่ต้องไปทำร้ายเขาอีก”
“ไม่มีอะไร? เจาเยี่ยปากนายบอกว่าไม่มีอะไร งั้นในใจของนายล่ะ? ถ้าพวกนายไม่มีอะไรกันจริงๆ ตอนนี้นายคงไม่มาแฉฉันเพื่อเขาจนฉันหาทางลงไม่เจอแบบนี้หรอกใช่ไหม? เจาเยี่ย ฉันเป็คนที่อยู่ข้างนายมาตลอดสิบสองปี งั้นเขาเป็อะไร ทำไมถึงทำให้นายมาสร้างความขุ่นเคืองกับฉันครั้งแล้วครั้งเล่า นายทำไปเพื่อไปปกป้องเขา? ” ยังไงเขาก็ถูกเปิดโปงหมดแล้ว หลินเซวียนก็ี้เีเกินกว่าจะเสแสร้งต่อ เขาจับมุมโต๊ะไว้แล้วพูดอย่างโเี้
“บางทีฉันอาจจะเคยคิดทำเพื่อเขาจริง แต่ที่ฉันเปิดโปงนาย ส่วนใหญ่เป็เพราะฉันทนดูไม่ไหวแล้ว หลินเซวียนนายรู้ดีกว่าใคร ฉันเป็คนที่ไม่กล้ารักใคร ดังนั้นนายไม่จำเป็ต้องทำอะไรโง่ๆ เพียงเพราะกลัวว่าของเล่นของนายจะถูกใครแย่งไป ไม่อย่างนั้นมันอาจจะได้ผลที่ตรงข้ามกับที่คาดหวังไว้นะ” เมื่อเจาเยี่ยพูดจบเขาก็ลุกขึ้น หมุนตัวกลับแล้วก็จากไป
“ข่มขู่ฉันเหรอ? ” หลินเซวียนจ้องเขม็งไปที่ด้านหลังของเจาเยี่ย กาแฟที่อยู่ข้างมือถูกปัดทิ้งลงไป เขาฟังเสียงแก้วแตกอย่างโกรธเกรี้ยว “นายนึกว่าฉันจะกลัวเหรอ? นายนึกว่าตัวเองมีสิทธิ์มาพูดกับฉันว่าเื่ราวอาจจะกลับตาลปัตรได้งั้นเหรอ? ”
“นายอยากจะปกป้องเขานักใช่ไหม? ได้เลย งั้นฉันก็จะทำลายเขาซะ! ”
หลังออกจากประตู เจาเยี่ยไม่ได้รีบเรียกแท็กซี่ เขาเดินเลี้ยวไปที่ร้านสะดวกซื้อ ซื้อหมวกหน้ากากปิดปากแล้วเดินไปตามถนนอย่างไร้จุดหมาย ในใจเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่ดวงตาเขากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มันเริ่มขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ขอแค่เป็สิ่งที่เขาให้ความสนใจ ขอแค่เป็สิ่งที่เขารู้สึกว่าเขาเก็บมันมาใส่ใจ หลินเซวียนก็จะทำให้ตัวเองมีาแไปทั่วทั้งตัว เืที่แดงฉานไหลหยด; หลินเซวียนจะคิดหาทางออกเพื่อพาตัวเองลงไปในนรกที่ลึกลงไปอีกขั้น ทำให้ใครก็ตามไม่กล้าที่จะเข้ามาในใจเขาอีก เขาไม่กล้าแม้แต่จะปฏิสัมพันธ์กับใครอย่างลึกซึ้ง สภาวะความกลัวทางอารมณ์? เจาเยี่ยคิดว่าตัวเองคือผู้ป่วยที่อยู่ในอาการขั้นรุนแรง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้