ดาบเล่มนั้นที่ลอยเหนือคัมภีร์์ เป็ดาบแห่งการทำลายล้างสีดำ
แม้จะเป็เพียงเงาภาพ แต่เมื่อหลินเฟิงมองไปที่ดาบเล่มนี้ ก็ทำให้หัวใจเขาต้องเต้นระรัวขึ้นมา
ถึงดาบเล่มนี้จะแหลมคม ลึกลับ เปี่ยมไปด้วยเจตจำนงดาบที่สามารถทำลายทุกสิ่งลงได้ ราวกับว่าไม่มีใครสามารถหยุดดาบเล่มนี้ได้
หลินเฟิงไม่คิดมาก่อนเลยว่า เงาของดาบเล่มนี้จะทำให้หัวใจเต้นระรัวได้ ราวกับว่าดาบเล่มนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายล้าง
“หากข้าสามารถหยั่งรู้ถึงเจตจำนงของดาบเล่มนี้ได้ มันจะต้องหลอมรวมคนและดาบเป็หนึ่งเดียวกันอย่างแน่นอน มนุษย์ก็คือดาบและสามารถทำลายได้ทุกสิ่งทุกอย่าง”
หลินเฟิงคิดในใจ ความคิดของเขานั้นถูกต้อง เขาในตอนนี้แม้จะใช้ดาบ และคนส่วนใหญ่คิดว่าเขาเป็ผู้เชี่ยวชาญดาบ แต่เมื่อหลินเฟิงตระหนักได้ว่าเขายังห่างไกลจากคำว่า ‘เชี่ยวชาญ’ ถ้าหากหลินเฟิงพัฒนาได้ เขาถึงจะเป็นักดาบที่แท้จริง
หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนลมหายใจ ถ้าเอ่ยสิ่งที่คิดออกมาจากใจก็คงยาว อย่างไรก็ตามในความคิดของหลินเฟิง ทุกอย่างล้วนอยู่ในสมองของเขา เพียงพริบตามันก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
คนอื่นๆ เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงในตอนนี้กำลังหลับตาและไม่เคลื่อนไหวไปไหน ท่าทางดังกล่าวทำให้พวกเขาคิดอีกว่าหลินเฟิงได้รับาเ็สาหัสและกำลังพยายามฟื้นตัวอยู่
ทุกคนล้วนอยากเห็นว่าหลินเฟิงจะต่อสู้กับเฮยม่อต่อไปอย่างไร
ไม่มีใครสงสัยในความมุ่งมั่นของหลินเฟิง เพราะในตอนนั้นเขาได้ปลดปล่อยอำนาจดาบที่แหลมคมออกมา สิ่งที่ทำให้ฝูงชนประหลาดใจมากยิ่งขึ้นคือเจตจำนงการต่อสู้ของหลินเฟิงเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ
นอกเหนือจากเจตจำนงการต่อสู้แล้ว ยังมีเจตจำนงแห่งการทำลายล้างด้วย
“ช่างดื้อรั้นยิ่งนัก!”
ฝูงชนต่างประหลาดใจ แม้หลินเฟิงจะอยู่ในสภาพนี้แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นที่จะสู้ต่อไป
แต่บนอัฒจันทร์ในขณะนั้น อวี่โฉวและผู้นำตระกูลเนี่ยกลับขมวดคิ้วแน่น เป็ไปไม่ได้… เจตจำนงการต่อสู้ของหลินเฟิงไม่น่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ นอกจากจะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว เมื่อครู่นี้ทั้งเจตจำนงการต่อสู้และเจตจำนงการทำลายล้างก็ยังแข็งแกร่งขึ้น
“เขากำลังหยั่งรู้!”
จู่ๆ ทั้งสองคนก็นึกถึงบางอย่าง ดวงตาของพวกเขาพลันแข็งทื่อ การต่อสู้เมื่อครู่นี้ คาดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะหยั่งรู้แล้ว?
องค์ชายรองต้วนหวู่หยาและหลงติ่งกำลังจ้องมองหลินเฟิง และรู้สึกได้ว่าเจตจำนงการต่อสู้เริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ
การหยั่งรู้ คาดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะสามารถหยั่งรู้ได้ในเวลานี้
“เยี่ยนเอ๋อร์ รีบสังหารมันซะ”
ขณะนั้นผู้นำตระกูลเนี่ยได้เอ่ยขึ้นมา ทำให้เฮยม่อที่กำลังจ้องหลินเฟิงด้วยแววตาประหลาดใจ เริ่มเคลื่อนที่เข้าหาหลินเฟิงอีกครั้ง
“ตูม!!!”
ลมปราณที่น่าหวาดกลัวได้ปะทุจากร่างกายของหลินเฟิง และเจตจำนงการต่อสู้กับเจตจำนงการทำลายล้างที่รุนแรงนั้น ในตอนนี้กำลังหลอมรวมกับลมปราณของหลินเฟิงอยู่ เพียงชั่วพริบตาเดียว ลมปราณที่ดุเดือดก็ได้ปลดปล่อยออกจากร่างของหลินเฟิง และรอบตัวเขานั้นกำลังบ้าคลั่งราวกับมีพายุโหมกระหน่ำ และเสื้อผ้าที่ฉีกขาดของหลินเฟิงกระพืออยู่ในสายลม
“ทะลวงขอบเขตแล้วหรือ”
ฝูงชนต่างเบิกตากว้างเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น หลินเฟิงได้ปลดปล่อยลมปราณออกมา ซึ่งเป็ลมปราณของผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 และไม่ใช่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 5 อีกทั้งในตอนนี้การหยั่งรู้ในการต่อสู้ของหลินเฟิงก็ยิ่งแข็งแกร่งมากกว่าเดิม
เมื่อเฮยม่อเห็นฉากนี้แล้วถึงกับหน้าถอดสี ในขณะนั้นแต่ละก้าวของเขาเริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อเขามาถึงหน้าหลินเฟิง เขาก็ได้เหวี่ยงหมัดเพลิงทมิฬไปที่หลินเฟิงทันที
ในขณะนั้นเปลือกตาของหลินเฟิงก็ได้เปิดขึ้น และมีแสงสว่างวาบออกมา ทำให้เฮยม่อต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย เมื่อเขาลืมตาขึ้น ร่างเงาของหลินเฟิงก็ได้อยู่ห่างไปสิบเมตรแล้ว
เมื่อมองไปที่ั์ตาของหลินเฟิง ในใจของเฮยม่อก็กระสับกระส่าย แล้วความมุ่งมั่นเมื่อครู่นี้ก็ได้อันตรธานไปแล้ว
ตอนที่หลินเฟิงยังอยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 5 ก็ว่าแข็งแกร่งแล้ว และยังเกือบคร่าชีวิตของเขา หลังจากที่หลินเฟิงทะลวงผ่านขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 แล้ว เขาจะน่ากลัวขนาดไหนกัน?
“เ้าพ่ายแพ้แล้ว”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเฉยเมยขณะมองเฮยม่อ ทำให้เฮยม่อต้องประหลาดใจ
“เ้าไม่กล้าเผชิญหน้ากับข้า แม้แต่ความกล้าในการต่อสู้เมื่อครู่ก็ยังหายไป ก่อนหน้านี้เ้ายังทำให้ข้ากลัวขึ้นมาได้บ้าง แต่เ้าในตอนนี้กลับเป็แค่พวกขี้แพ้ เ้าจึงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะต่อสู้กับข้าได้”
ั์ตาของหลินเฟิงเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย เจตจำนงการต่อสู้ของเขา เมื่อไปถึงจุดสูงสุดแล้ว มันจะสามารถบดขยี้ทุกสิ่งได้
หัวใจของเฮยม่อเต้นแรงเมื่อจ้องมองหลินเฟิง เฮยม่อไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่เป็ความจริงอย่างที่หลินเฟิงได้เอ่ยมา ในใจของเขาตอนนี้ถูกครอบงำไปด้วยความลังเล จนทำให้ความทะเยอทะยานเมื่อครู่สูญสลายไป เพียงดาบเดียวของหลินเฟิงสามารถแทงเขาได้ ซึ่งมันได้ทำลายความเชื่อมั่นและความภาคภูมิใจของเขาไปแล้ว
“เยี่ยนเอ๋อร์ เขากำลังจะทำลายเจตจำนงการต่อสู้ของเ้า อย่าปล่อยให้มันทำเช่นนั้นได้”
ขณะนั้นมีคนของตระกูลเนี่ยะโมาจากอัฒจันทร์ ทำให้ใจของเฮยม่อพลันกระตุกเล็กน้อย จากนั้นเฮยม่อก็เหลือบไปเห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยตรงมุมปากของหลินเฟิง
“ไม่ว่าข้าจะทำลายเจตจำนงการต่อสู้ของเ้าหรือไม่ก็ตาม แต่เ้าก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเมื่อครู่นี้หัวใจของเ้ากำลังสั่นคลอน”
เมื่อกล่าวจบหลินเฟิงก็ก้าวออกไปอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็เจตจำนงการต่อสู้หรือเจตจำนงการทำลายล้างก็ยังคงบ้าระห่ำและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
“ดาบ”
หลินเฟิงกล่าวอย่างแ่เบา ทันใดนั้นในมือของเขาก็ปรากฏดาบเงามายาขึ้นมา ดาบเล่มนี้เป็ดาบสีดำที่มีพลังทำลายล้างสูง
“หยวนชี่”
ผู้คนต่างตกตะลึง มันเป็ไปได้อย่างไรกัน? ทำไมหลินเฟิงถึงทำให้หยวนชี่เปลี่ยนรูปร่างได้ มีแต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขอบเขตลี้ลับและสามารถปลดปล่อยเจินหยวนที่ทรงพลังเท่านั้น ถึงจะทำให้หยวนชี่เปลี่ยนรูปร่างได้เพื่อสังหารศัตรูได้
แม้หลินเฟิงจะทะลวงขอบเขตแล้ว แต่ก็ยังอยู่ระดับขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 ไม่มีทางที่เขาจะสามารถทำให้หยวนชี่เปลี่ยนรูปร่างได้แน่นอน
“ไม่ นี่ไม่ใช่การทำให้หยวนชี่เปลี่ยนรูปร่าง แต่นี่คือทักษะประเภทหนึ่งหรือพูดได้ว่า เป็อีกหนึ่งประเภทของการหยั่งรู้”
บนอัฒจันทร์ในขณะนั้นมีผู้ฝึกยุทธ์บางคนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาก็อดตกตะลึงขึ้นมาไม่ได้ แม้จะไม่ใช่การหลอมรวมของหยวนชี่ แต่นี่มันน่ากลัวยิ่งกว่าการพึ่งการหยั่งรู้โดยไม่ต้องอาศัยจิติญญานักรบ และคาดไม่ถึงว่าจะสามารถทำให้ดาบในจินตนาการกลายเป็รูปร่างได้ แม้กระทั่งดาบเงามายาในตอนนี้ก็เปี่ยมไปด้วยพลังของเจตจำนงการต่อสู้และเจตจำนงการทำลายล้างที่ทรงพลัง หากวันหนึ่งหลินเฟิงสามารถหลอมรวมหยวนชี่จากดาบในจินตนาการกลายเป็ดาบที่แท้จริงได้ ถึงตอนนั้นมันจะมีพลังที่น่ากลัวอย่างที่สุด
ในขณะเดียวกันหลินเฟิงก็รู้สึกได้ถึงจุดอ่อนของดาบเล่มนี้ มันยังต้องอาศัยการหยั่งรู้ แม้ว่าเขาจะสามารถใช้ดาบลวงตาที่อยู่ในคัมภีร์์ได้ แต่ความแข็งแกร่งและการหยั่งรู้ของเขายังไม่เพียงพอ
จากนั้นหลินเฟิงได้ชักดาบอ่อนที่เอวออกมา แต่ไม่ได้ชักดาบออกมาจริงๆ มันเป็เพียงภาพมายา ซึ่งภาพมายานี้ได้หลอมรวมกับดาบอีกเล่มหนึ่ง เจตจำนงการต่อสู้และเจตจำนงการทำลายล้างที่ลุกโชนได้แผ่ปกคลุมทั่วชั้นบรรยากาศ
“เฮยม่อ เรามาจบการต่อสู้ลงด้วยการโจมตีเดียวเถอะ”
เมื่อหลินเฟิงกล่าวจบ ร่างของเขาพลันสั่นไหวเล็กน้อยก่อนกลายเป็เงามายา
ทักษะระดับพิภพ เงาสังหาร
ไม่มีใครมองเห็นการเคลื่อนไหวบนเวทีประลองได้ทัน พวกเขาเห็นเพียงดาบเล่มนั้นและเจตจำนงดาบที่กำลังลุกโชน
เฮยม่อจ้องเขม็งไปที่ดาบเล่มนั้น ซึ่งเป็ดาบมายารูปร่างคล้ายกับเล่มที่ทำให้เขาได้รับาเ็ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกลับแข็งแกร่งขึ้น ทั้งเจตจำนงดาบ เจตจำนงการต่อสู้ และเจตจำนงแห่งการทำลายล้างต่างแข็งแกร่งมากกว่าเดิม
นอกจากดาบเล่มนี้ได้ผสานกับทักษะเงาสังหารที่เป็ทักษะระดับพิภพแล้ว มันยังผสานการหยั่งรู้ของขอบเขตการผสานของเขา และการหยั่งรู้ของดาบเข้าไป
เมื่อเฮยม่อมองดาบตรงหน้า จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าดาบเล่มนี้ดูเหมือนกับดาบทั่วๆ ไป แต่กลับมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว เพียงพริบตาดาบของหลินเฟิงก็ได้พุ่งเข้ามาใกล้หัวใจเขาแล้ว
“ดอกบัวสีดำ”
เฮยม่อะโเสียงดังก้อง จิติญญานักรบที่ทรงพลังเริ่มบ้าคลั่งอีกครั้ง ดอกบัวสีดำขนาดใหญ่ปรากฏเบื้องหน้าเขาและป้องกันดาบไว้
อย่างไรก็ตามเมื่อดาบของหลินเฟิงมาถึง และทะลวงผ่านดอกบัวสีดำขนาดใหญ่ไป ดาบเล่มนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย
“ไม่ได้การแล้ว เยี่ยนเอ๋อร์กำลังตกอยู่ในอันตราย” ผู้นำตระกูลเนี่ยกล่าวเมื่อเห็นดาบของหลินเฟิง เขาจึงลุกขึ้นยืนและพุ่งไปยังเวทีประลองอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันลมปราณที่รุนแรงได้กดดันและกดทับร่างของหลินเฟิง
ด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขาจะไม่ััได้เชียวหรือว่าดาบของหลินเฟิงนั้นน่าหวาดกลัวขนาดไหน
“ข้าไม่ได้เข้าไปแทรกแซง พวกเ้าก็ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้”
ขณะที่ผู้นำตระกูลเนี่ยจะเข้าไปแทรกแซง เมิ่งฉิงก็ได้ปลดปล่อยปราณน้ำแข็งพุ่งไปที่ผู้นำตระกูลเนี่ย ทำให้อีกฝ่ายถึงกับหน้าถอดสี เยี่ยนเอ๋อร์กำลังตกอยู่ในอันตราย!
“เ้าเด็กโง่ หยุดได้แล้ว!”
ในขณะที่ดาบของหลินเฟิงกำลังทะลุผ่านดอกบัวสีดำ ก็ได้มีเสียงหนึ่งดังเข้าไปในโสตประสาทของเขา ทำให้หัวใจของเขาต้องเต้นเร็วขึ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้