เ้าจิ้งจอกเฒ่านี่คงไม่ได้สงสัยนางหรอกใช่ไหม “องค์ชายสาม หม่อมฉันยังมีธุระอยู่ ขอทูลลานะเพคะ”
“อืม” จี๋โม่หานพยักหน้าน้อยๆ แล้วก็ไม่ได้รั้งนางไว้
ซูิเยว่พาเสี่ยวอวี่เดินออกมาได้สักพัก ความตื่นเต้นที่อัดอั้นเอาไว้ถึงได้ผ่อนคลายลง
จี๋โม่หานหรือองค์ชายสามเป็ที่เลื่องลือด้านความเก่งกาจทางวิชาการและการต่อสู้ของเมืองหลวง แถมยังเขาฉลาดเื่แผนการมากอีกด้วย วันนี้นางได้ประสบกับตัวเองแล้ว
เบื้องหน้าของจิ้งจอกเฒ่าดูสบายๆ แต่แท้จริงแล้วยากแท้หยั่งถึง ทุกประโยคที่พูดออกมาล้วนกำลังทดสอบอีกฝ่าย เวลาคุยกับเขาก็มักจะให้ความรู้สึกเหมือนโดนมองออก บางครั้งซูิเยว่ก็สงสัยว่าเขาตาบอดจริงๆ หรือไม่
จี๋โม่หานที่นั่งอยู่บนรถเข็นหันไปทางที่ซูิเยว่จากไป ผ่านไปสักพักถึงได้พูดขึ้นเสียงเบาเหมือนพึมพำกับตัวเอง “น่าสนใจ น่าสนใจ”
หลิงชวนมองเ้านายอย่างไม่เข้าใจ เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อย “อะไรน่าสนใจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
จี๋โม่หานไม่ได้อธิบาย จากนั้นน้ำเสียงที่เจือเสียงหัวเราะเอาไว้ก็ถามกลับ “เื่เมื่อตอนเที่ยงเ้าคิดว่าอย่างไร?”
“ท่านถามถึงเื่คุณหนูจ้าวหรือพ่ะย่ะค่ะ? คนที่อยู่เื้ัเื่นี้รอจิ่งฉือตรวจสอบกลับมาแล้วก็คงจะรู้พ่ะย่ะค่ะ”
“หาไม่เจอหรอก” จี๋โม่หานพูดอย่างมั่นใจ “คนพวกนั้นคือทหารพลีชีพ ไม่มีทางทิ้งข้อมูลเอาไว้อยู่แล้ว”
หลิงชวนขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าใจคำถามที่จี๋โม่หานเพิ่งจะถามทันที
“องค์ชายสาม หมายความว่าเื่เมื่อตอนเที่ยงนี้เดิมทีเป้าหมายของพวกเขาคือคุณหนูซู เพียงแต่ไม่รู้ว่าคุณหนูซูเปลี่ยนห้องกับคุณหนูจ้าวได้อย่างไร ดังนั้นคนที่ถูกลวนลามแทนก็เปลี่ยนมาเป็คุณหนูจ้าวใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
จี๋โม่หานไม่ได้ตอบแต่ออกคำสั่ง “เ้าไปหาดูในห้องว่ามีเบาะแสหรือไม่”
“พ่ะย่ะค่ะ” หลิงชวนรับคำแล้วหมุนตัวเข้าไปตรวจสอบในห้อง
หลังจากผ่านไปหนึ่งแก้วน้ำชา [1] หลิงชวนก็ออกมา “องค์ชายสาม หาเจอแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ในมือของเขาถือกาน้ำชาใบหนึ่งออกมา เมื่อครู่กาน้ำชาใบนี้วางไว้อยู่ด้านข้าง และไม่มีใครััมัน แต่ที่หูของกาน้ำชากลับเปื้อนผงขาวๆ อยู่หลายจุด หากมองไม่ละเอียดก็จะไม่เห็น
“องค์ชายสาม กาน้ำชามีผงติดอยู่พ่ะย่ะค่ะ คงจะเป็พวกยานอนหลับ”
“อืม” จี๋โม่หานเหมือนไม่แปลกใจ เมื่อครู่ในเรือนเสียงดังกันขนาดนั้น แต่จ้าวอวี้ถิงที่อยู่ภายในเรือนกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย คนคนหนึ่งจะหลับลึกอย่างไรก็คงไม่หลับลึกเหมือนตายขนาดนี้
“หลิงชวน หลังจากจิ่งฉือกลับมาแล้วให้เขาไปตรวจสอบคุณหนูสกุลโจว”
“พ่ะย่ะค่ะ” หลิงชวนไม่ได้ถามว่าทำไม
ส่วนอีกด้านหนึ่งจ้าวอวี้ถิงกับองค์ชายห้าขึ้นรถม้าไปยังจวนองค์ชายห้าด้วยกัน พอขึ้นรถม้าจ้าวอวี้ถิงก็พุ่งเข้าไปซบอกองค์ชายห้าแล้วร้องไห้ออกมาอย่างทนไม่ไหวอีก
“ฝ่าา ฝ่าา ท่านจะต้องจัดการให้หม่อมฉันนะเพคะ”
องค์ชายห้าโอบจ้าวอวี้ถิงที่อยู่ในอ้อมกอด พอเห็นนางในสภาพนี้ก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อย “เอาล่ะ อย่าทุกข์ใจไปเลย ข้าได้บอกคนพวกนั้นไว้ก่อนแล้ว โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ทำเื่ที่รุนแรงเกินไปกับเ้า”
จ้าวอวี้ถิงร้องไห้จนหน้านองน้ำตาดูแล้วน่าสงสาร นางเงยหน้าขึ้นมององค์ชายห้าด้วยความน้อยใจ ในแววตาซ่อนความเกลียดชังเอาไว้ไม่มิด “ฝ่าา เป็ซูิเยว่เพคะ เป็เพราะนางคนชั่วนั่น ครั้งนี้ท่านจะปล่อยนางไปไม่ได้นะเพคะ ฝ่าา”
องค์ชายห้าขมวดคิ้วแล้วเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของจ้าวอวี้ถิงแ่เบา จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วพูด “เมื่อเที่ยงมันเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่ ข้าวางแผนมาอย่างรัดกุมดีแล้ว เหตุใดถึงผิดพลาดขึ้นมาได้?”
พอพูดถึงเื่นี้จ้าวอวี้ถิงก็ฉุนกึกพลางกำหมัดแน่น
“เมื่อตอนเที่ยงข้าทำตามแผนโดยไปที่ห้องของซูิเยว่แล้ว จากนั้นก็เอายานอนหลับที่ท่านให้มาก่อนหน้านี้ใส่ลงไปในน้ำชาของแม่นางสารเลวนั่น หลังจากนั้นข้าก็จำอะไรไม่ได้เลย”
องค์ชายห้าหรี่ตาครุ่นคิด ั์ตาเข้มขึ้นมาวูบหนึ่ง
ซูิเยว่ปกติแล้วก็เป็คนที่ไม่กล้าออกความเห็นของตัวเองกับใคร เหตุใดจู่ๆ ถึงได้เปลี่ยนมาเฉลียวฉลาดขนาดนี้?
“ฝ่าา” จ้าวอวี้ถิงเงยหน้าขึ้นมององค์ชายห้าด้วยความไม่พอใจ “แม่นั่นต้องอาศัย่ที่ข้าไม่ได้สังเกตแอบสลับแก้วแน่ๆ เป็นางที่ทำลายชื่อเสียงของข้า พวกเราจะปล่อยนางไปไม่ได้นะเพคะ ฝ่าา”
“เ้าวางใจเถิด” แววตาขององค์ชายห้าแฝงประกายความชั่วร้าย ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่าซูิเยว่เป็คนที่ควบคุมได้ง่าย ตอนนี้ดูเหมือนว่าสตรีนางนี้จะฉลาดเกินกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้ “เื่นี้หลังจากกลับไปข้าจะวางแผนด้วยตัวเอง”
จ้าวอวี้ถิงสะอึกสะอื้นซุกหน้าในอ้อมกอดขององค์ชายห้า นางร้องไห้จนน้ำตาเปียกปอน “ฝ่าา เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะทำอย่างไรดีเพคะ? เมื่อตอนเที่ยงมีคนมากมายเห็นภาพนั้นไปแล้ว ต่อไปข้าจะใช้ชีวิตเช่นไรเพคะ?”
“ไม่เป็ไรที่รัก” องค์ชายห้าโอบจ้าวอวี้ถิงเข้ามาในอ้อมกอดด้วยความเอ็นดูแล้วเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของนาง “เื่นี้เสด็จพี่จะต้องคิดหาทางจัดการแน่นอน อีกทั้งเ้ายังมีข้า ดูสิว่าใครจะกล้าว่าอะไรเ้า”
“เพคะ” จ้าวอวี้ถิงพอได้รับการปลอบโยนจากองค์ชายห้าก็พยักหน้าอย่างพอใจ
หลังจากซูิเยว่พาเสี่ยวอวี่ออกจากจวนช่างชูแล้วก็กลับไปที่จวนสกุลซู เื่ที่เกิดขึ้นในจวนช่างชูนั้นไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกไป
แต่อย่างไรวันนี้ในงานก็มีคนเยอะขนาดนั้น ไม่ใช่ทุกคนที่จะเก็บปากเงียบเอาไว้ได้ ซูิเยว่เชื่อว่าอีกไม่นานในแวดวงชนชั้นสูงทั้งเมืองหลวงก็จะรู้เื่ฉาวโฉ่ของจ้าวอวี้ถิง
ซูิเยว่ไม่มีทางสงสารจ้าวอวี้ถิง ถ้าหากไม่ผ่านเื่เมื่อชาติก่อนมา แผนการทำลายชื่อเสียงในวันนี้ก็คงเป็นางที่โดน การเมตตาต่อศัตรูก็คือการกระทำที่โหดร้ายต่อตัวเอง
ตอนที่ซูิเยว่กลับไปจวนสกุลซูก็เป็ตอนบ่ายแล้ว
องครักษ์ที่ติดตามมาตลอดหลังจากกลับจวนแล้วก็มุ่งหน้าไปห้องตำราของหลินโม่
ซูิเยว่ไม่ได้สนใจเขา นางพาหนิงหยวนกับเสี่ยวอวี่ตรงกลับไปยังเรือนฮวาซี วันนี้เกิดเื่มากมายขนาดนี้นางเองก็เหนื่อยแล้ว อีกทั้งพรุ่งนี้นางยังมีเื่สำคัญที่ต้องไปทำ
คืนนั้นเอง ณ จวนองค์ชายสาม
ในศาลาเล็กหลังเรือนจี๋โม่หานนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็น ตรงหน้าของเขามีจิ่งฉือกับหลิงชวนยืนอยู่
ิจิ่วออกมาจากในเรือน ในมือถือเสื้อคลุมสีเข้มตัวหนึ่งมาคลุมที่ตัวของจี๋โม่หาน “องค์ชายสาม ตอนกลางคืนลมเย็น”
จี๋โม่หานยกมือขึ้น “เื่ที่ให้พวกเ้าไปตรวจสอบวันนี้เป็อย่างไรบ้าง?”
จิ่งฉือก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว “เื่ที่องค์ชายสามให้กระหม่อมไปตรวจสอบอำนาจเื้ัคนชุดดำสองคนนั้น แต่ว่าคนชุดดำสองคนนั้นเป็ทหารพลีชีพ ปกติแล้วการเคลื่อนไหวก็ค่อนข้างเป็ความลับจึงไม่สามารถสืบหาข้อมูลที่มีประโยชน์ออกมาได้พ่ะย่ะค่ะ”
จี๋โม่หานไม่ได้พูดอะไร ทั้งหมดนั้นอยู่ในการคาดเดาของเขาอยู่แล้ว อีกทั้งเื่ที่ใครเป็คนส่งคนชุดดำสองคนนั้นมาในใจเขาก็พอจะรู้แล้ว
จิ่งฉือเห็นจี๋โม่หานเงียบก็พูดต่อ “องค์ชายสาม ยังมีเื่ซูิเยว่บุตรสาวของสกุลซูที่ท่านให้ข้าไปตรวจสอบมา ปกติแล้วคุณหนูซูจะอยู่ในจวนสกุลซู ไม่ค่อยจะออกจากบ้านเท่าไหร่นัก ในแวดวงชนชั้นสูงในเมืองหลวงก็ไม่ค่อยติดต่อกับใครมากนัก คนเดียวที่นางสนิทด้วยก็คือจ้าวอวี้ถิงพ่ะย่ะค่ะ”
จิ่งฉือเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “แล้วก็คุณหนูซูผู้นี้ั้แ่เด็กนิสัยก็ซื่อๆ ไม่ค่อยมีความคิดเป็ของตัวเอง มารดาก็คือฮูหยินสกุลซู ตอนที่นางอายุหนึ่งปีมารดาของนางก็ตายจากไปแล้ว อีกทั้งความสัมพันธ์ของหลินโม่กับคุณหนูซูก็เหมือนจะไม่ค่อยดีจึงปฏิบัติกับคุณหนูซูด้วยความเ็ามาตลอดพ่ะย่ะค่ะ”
เชิงอรรถ
[1] ่เวลาที่น้ำชาหนึ่งถ้วยเย็นลงจนสามารถดื่มได้ หรือก็คือประมาณ 15 นาทีสำหรับฤดูร้อน และไม่ถึง 10 นาทีสำหรับฤดูหนาว วลี "ชั่วเวลาจิบชาหนึ่งถ้วย" จึงกินความได้ทั้ง 10 นาที และ 15 นาที แต่โดยส่วนมากจะใช้ในความหมายเวลาประมาณ 15 นาที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้