กู้เจิงตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็เวลาบ่ายแล้ว หลังจากก่นด่าเสิ่นเยี่ยนในใจด้วยความอารมณ์เสีย นางก็รียกซู่หลันเข้ามาปรนนิบัติ
ซู่หลันรู้ว่านายท่านกับนายหญิงไม่จำเป็ต้องให้พวกนางช่วยปรนนิบัติ ดังนั้นจึงเฝ้าอยู่ข้างนอกแต่เช้าตรู่รอส่งนายท่านไปทำงาน ไม่คิดว่าพอนายท่านออกมาจะบอกนางว่านายหญิงจะนอนจนถึงบ่าย ตอนแรกนางก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่หลังจากเข้าใจนางก็หน้าก็แดงระเรื่อ
“นายหญิงไม่เป็ไรใช่ไหมเ้าคะ?” ซู่หลันเข้ามาช่วยประคองกู้เจิงให้ลุกจากเตียง นางเห็นกู้เจิงนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งด้วยท่าทางอึดอัด นางจึงรีบเอ่ยถามอย่างห่วงใย
“ไม่เป็ไร” กู้เจิงกัดฟันพูด
หลังจากแต่งหน้าเสร็จ เหอเซียงก็ยกอาหารเข้ามา กู้เจิงหิวมากจริงๆ นางกินข้าวสองชามหมดในพริบตา ก่อนจะเงยหน้ามองสาวใช้ทั้งสองที่ต่างมองนางด้วยความปวดใจ พลันสบถด่าเสิ่นเยี่ยนในใจอีกรอบ
สภาพในวันนี้ก็อย่าคิดจะออกไปไหนอีกเลย
“ออกไปรับแดดข้างนอกกันเถอะ” กู้เจิงกินข้าวเสร็จก็รู้สึกมีแรงขึ้นมาบ้างแล้ว
“นายหญิง วันนี้อากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อีกไม่นานฝนน่าจะตกนะเ้าคะ” เหอเซียงพูดพลางเปิดหน้าต่าง “ข้างนอกตอนนี้อากาศเย็นมากเ้าค่ะ”
“งั้นเอาหนังสือมาอ่านแล้วกัน” กู้เจิงชี้ไปที่หนังสือบนชั้น
ซู่หลันหยิบหนังสือมาให้นาง ก่อนเอ่ยบอก “อีกเดี๋ยวบ่าวจะแวะไปโรงค้าทาส ดูว่ามีสาวใช้ที่ถูกใจพอจะซื้อมาหรือไม่เ้าค่ะ”
กู้เจิงพยักหน้า จะใช้คนจงอย่าระแวง หากระแวงใครจงอย่าใช้ ในเมื่อนางเคยบอกแล้วว่าเื่นี้ยกให้พวกนางจัดการ นางก็จะไม่ยุ่ง
แม้ร่างกายจะไม่สบายนัก แต่ก็น้อยมากที่จะมี่เวลาอันเงียบสงบเช่นนี้ ก่อนแต่งงานออกเรือน ซู่เหนียงมักจะคิดก่อเื่อยู่ตลอด นางต้องคอยระวังตัว หลังจากแต่งงานมาแล้วก็ได้ในบ้านตระกูลเสิ่น ต้องช่วยทำงานต่างๆ ในบ้าน ่เวลาอันเงียบสงบเช่นนี้มีน้อยนัก
เย็นวันนี้เสิ่นเยี่ยนกลับบ้านเร็วกว่าเมื่อวาน อย่างที่เขาได้บอกกับนาง
“ข้ากลับมาแล้ว” ใบหน้าเฉยชาที่หลังจากเข้ามาในห้องก็พลันเปลี่ยนเป็อบอุ่นขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นภรรยากำลังจ้องตัวเอง
กู้เจิงเบ้ปาก และหันมาอ่านหนังสือของนางต่อ
“เป็อะไร?” เสิ่นเยี่ยนเข้าไปหลังฉากบังลมก่อนจะเปลี่ยนชุดเฉาฝูออก
ถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ กู้เจิงยังคงอ่านหนังสือต่อไป
“ยังไม่หายดีอีกหรือ?”
กู้เจิงหยิบหนังสือกำลังจะตีเขา แต่เสิ่นเยี่ยนรับไว้ทัน เขาก้มหน้าจุมพิตบนหลังมือนาง
กู้เจิงชะงัก บุรุษผู้นี้เหตุใดจึงหน้าไม่อายเช่นนี้
เห็นภรรยาทั้งหน้าแดงและโมโหในเวลเดียวกัน เสิ่นเยี่ยนก็ยิ้มบางๆ เขาล้มตัวลงนั่งข้างนาง ก่อนเอ่ยคำสัญญาเสียงเบาว่า “ครั้งหน้าข้าจะไม่ทำให้เ้าเจ็บอีกเด็ดขาด”
“ภายในห้าวันนี้ห้ามแตะต้องข้าอีก” กู้เจิงยื่นคำขาด
เสิ่นเยี่ยน “...”
เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของชายคนนี้ กู้เจิงจึงรู้สึกสบายใจขึ้นหน่อย
่หัวค่ำ มีฝนตกลงมาอีกเล็กน้อย อากาศเริ่มเย็นขึ้นอีก
หลังจากทานอาหารเสร็จและซู่หลันกับเหอเซียงเก็บชามตะเกียบออกไปแล้ว กู้เจิงก็วางหนังสือจำนวนหนึ่งไว้ตรงหน้าสามี เพื่อให้เขาตั้งใจอ่านหนังสือ ไม่ต้องมาสนใจนาง นางทำเป็มองไม่เห็นท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจของเขา
ั้แ่ทั้งสองกลายเป็สามีภรรยากันอย่างแท้จริง การแสดงสีหน้าของเสิ่นเยี่ยนก็เปลี่ยนไปมาก กู้เจิงคิดถึงท่าทางเ็าของเขาก่อนหน้านี้จริงๆ
บางชั่วขณะเสิ่นเยี่ยนอ่านหนังสือไม่เข้าหัวเลยจริงๆ แต่เมื่อเห็นท่าทีเตรียมป้องกันตัวของภรรยา เขาก็ได้แต่ตั้งใจอ่านหนังสือต่อไป อ่านไปได้สักหนึ่งชั่วยาม เขาก็เห็นภรรยาใช้มือนวดขมับเบาๆ ด้วยสีหน้าไม่สบายนัก
“เป็อะไรหรือ?” สีหน้าของภรรยาดูไม่ดี เขาจึงรีบเดินไปหา
“มึนหัวนิดหน่อยเ้าค่ะ” กู้เจิงเอามือบีบนวดศีรษะ “น่าจะเป็ผลสืบเนื่องจากรอบที่แล้ว”
หัวใจของเสิ่นเยี่ยนหนักอึ้ง หมอหลวงเคยบอกกับเขาว่า อาการปวดศีรษะของภรรยาอาจเกิดขึ้นอีกตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ หากเกิดอาการปวดหัวต้องไปเอายาที่เขามากินต่อไป เมื่อนึกถึงสภาพอากาศวันนี้ เสิ่นเยี่ยนก็แอบก่นด่าในความประมาทของตัวเอง
“ข้าจะไปเอายาที่บ้านของหมอหลวงจาง” เสิ่นเยี่ยนบอกพลางกำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปข้างนอก
“ไม่ต้องหรอกเ้าค่ะ แค่นอนพักสักหน่อยก็พอแล้ว” กู้เจิงนวดคลึงศีรษะ “ข้างนอกฝนตกอยู่ ทั้งหนาวทั้งชื้น พรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้เ้าค่ะ”
“บ้านของหมอหลวงอยู่ใกล้มาก กลับมาได้ภายในหนึ่งชั่วชั่วยาม ใครก็ได้” เสิ่นเยี่ยนเรียกคนรับใช้ด้านนอก
เหอเซียงที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเดินเข้ามา “นายท่านมีคำสั่งอันใดเ้าคะ?”
“ดูแลนายหญิงจนกว่าจะหลับ ข้าจะออกไปข้างนอกประเดี๋ยว” เขาว่าพลางรีบจากไป
“นายหญิง ท่านเป็อะไรเ้าคะ?” เหอเซียงรีบถาม ก่อนจะรินน้ำให้กู้เจิง
กู้เจิงดื่มน้ำแล้วรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย “ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ”
นึกถึงท่าทางร้อนรนของนายท่านเมื่อครู่ เหอเซียงก็กล่าวว่า “นายท่านช่างรักนายหญิงจริงๆ เ้าค่ะ”
กู้เจิงยิ้มปลื้มใจ แม้จะปวดศีรษะ ความกังวลเมื่อครู่ของเสิ่นเยี่ยนทำให้นางรู้สึกอบอุ่นใจ นางล้มตัวลงนอนก่อนจะพูดขึ้นว่า “ข้าไม่เป็ไรแล้ว เ้าไปต้มชาขิงให้ท่านพี่สักถ้วย รอจนเขากลับมาค่อยยกมาให้เขา”
“เ้าค่ะ”
หลังจากนอนลง กู้เจิงก็หลับตา นางรู้สึกว่าในหัวสมองเลือนราง เื่ราวมากมายแวบผ่านเข้ามาโดยไม่รู้ว่าในภาพนั้นคืออะไร และนางก็คร้านจะคิดย้อนกลับไป
กู้เจิงหลับไปโดยไม่รู้ตัว สติที่เรือนลางของนาง เห็นว่าอากาศข้างนอกหน้าต่างดีขึ้นมาก แสงแดดเจิดจ้า หยดน้ำฝนตกลงบนใบไม้คล้ายจะร่วงหล่นลงมา หักเหสะท้อนแสงหลากหลายสีสันที่บนโลกมนุษย์เท่านั้นถึงจะมี ช่างงดงามยิ่งนัก
“อี๋เหนียง พวกเราต้องไปแล้ว ท่านรีบหน่อย” ถวนจื่อ* น้อยที่หน้าตาน่ารักผลักประตูเข้ามาและดึงนางออกไป
(*เป็ขนมชนิดหนึ่ง ทำจากข้าว มีลักษณะเป็ก้อนกลมๆ คล้ายโมจิ)
กู้เจิงเห็นตัวเองถูกถวนจื่อน้อยลากออกไปจากห้องอย่างตื่นเต้น ตอนที่ลากนางไปถึงประตูใหญ่ของจวน ด้านนอกประตูก็มีรถม้าหรูหราจอดอยู่ ตวนอ๋องจ้าวหยวนเช่อยืนรอนางอยู่ ยามที่นางไปถึงหน้าประตู เขาก็เข้ามาจูงมือของนาง
แน่นอนว่ากู้เจิงต้องดิ้นรนขัดขืน แต่ทั้งๆ ที่ในใจของนางขัดขืน แต่มือของนางกลับยื่นออกไปหาเขาอย่างว่าง่าย
นางควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ได้
“ท่านแม่” ถวนจื่อน้อยะโไปทางด้านในประตู
กู้เจิงหันมองไปก็เห็นกู้อิ๋งเดินออกมาโดยมีสาวใช้ห้อมล้อม นางโค้งคำนับกู้อิ๋งแล้วเรียกว่า “พระชายา”
กู้อิ๋งมองนางอย่างเ็า “วันนี้ออกไปเที่ยวเล่น เ้าต้องดูแลซื่อจื่อ* ให้ดี และดูแลท่านอ๋องให้ดี อย่าทำตัวเหมือนคราวที่แล้ว ไปซื้อถังหูลู่อะไรนั่นมากิน จนทำให้ซื่อจื่อปวดท้องอยู่ครึ่งค่อนวัน”
(*ทายาทผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์จากผู้เป็บิดา ส่วนมากมักจะเป็บุตรชายคนโต แต่บางครั้งก็อาจมีข้อยกเว้นเป็บุตรชายคนรอง)
ถวนจื่อน้อยรีบบอก “ท่านแม่ เื่นั้นไม่โทษอี๋เหนียง เป็ลูก...” เห็นสีหน้าท่านแม่ดำคล้ำ เขาก็รีบหุบปากฉับทันที
“ข้าทราบแล้ว จะไม่ทำเช่นนั้นอีก” กู้เจิงยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนพาถวนจื่อน้อยขึ้นรถม้า
จ้าวหยวนเช่อที่อยู่ด้านข้างไม่ได้พูดอะไร ถ้อยคำเหล่านี้เป็สิ่งที่พระชายาเอกควรพูดอยู่แล้ว ถึงแม้เขาจะสงสารเจิงเอ๋อร์ที่ถูกต่อว่า แต่ความเคารพยำเกรงที่ควรมีต่อพระชายาเอกก็ย่อมต้องทำ
ภาพเปลี่ยนไป กู้เจิงพบว่าตนเองกับตวนอ๋องและถวนจื่อน้อยคนนั้นกำลังเล่นกันอยู่บนทุ่งหญ้านอกเมือง นางรู้สึกได้ว่า นางกับถวนจื่อน้อยเล่นกันอย่างสนุก แต่พอสบกับสายตาที่จ้าวหยวนเช่อมองมา ภายในใจของนางรู้สึกสะอิดสะเอียน ความรู้สึกนั้นทำเอากู้เจิงใมาก
นางนั้นกลัวตวนอ๋องและคอยกันตัวเองจากเขา แต่ยังไม่ถึงสะอิดสะเอียนขนาดนี้
ถวนจื่อน้อยวิ่งเล่นจนเหนื่อย จ้าวหยวนเช่ออุ้มเขาไปวางในรถม้าให้เขาได้นอนดีๆ และให้องครักษ์คอยคุ้มกัน ส่วนตัวเขาเองก็จูงมือกู้เจิงไปเดินเล่นในป่าอีกทางที่อยู่ไม่ไกลนัก ในใจของกู้เจิงขัดขืน แต่กลับแสดงสีหน้าอ่อนโยน
เมื่อกู้เจิงเห็นจ้าวหยวนเช่อกำลังจะจุมพิตนางในป่า นางก็อยากจะกระอักเืออกมา ในตอนนั้นเอง ลูกธนูดอกหนึ่งก็พุ่งทะลวงผ่านอากาศไปยังจ้าวหยวนเช่อ แต่จ้าวหยวนเช่อไหวตัวทัน เขาผลักกู้เจิงออกไปและใช้ดาบฟันลูกธนูทิ้ง ขณะเดียวกัน ยอดฝีมือสวมหน้ากากสามคนก็ปรากฏตัวขึ้น
ในเวลาเพียงครึ่งถ้วยชา ยอดฝีมือสวมหน้ากากทั้งสามคนก็ล้มลงไปท่ามกลางกองเื กู้เจิงที่ถูกจ้าวหยวนเช่อกอดไว้ในอ้อมแขนมีสีหน้าผิดหวัง
กู้เจิงรู้สึกได้ว่า กู้เจิงคนนี้คาดหวังอย่างมากว่าคนที่ตายจะเป็ตวนอ๋องจ้าวหยวนเช่อ