ในหมู่บ้านก็เป็เช่นนี้ มีเื่กระไรก็มามุงชี้ไม้ชี้มือกันเสียหมด เสมือนว่าเื่ของครอบครัวคนอื่นเป็เื่ของตัวเอง
“เหอะ…ครอบครัวฝ่ายแม่หรือ? เริ่มจากขายข้าตอนใกล้ตาย จากนั้นเรียกร้องให้จับข้าถ่วงน้ำ ถ้าต้องพึ่งครอบครัวฝ่ายแม่...ข้าคงไปเกิดใหม่นานแล้ว! คนยืนพูดย่อมไม่ปวดเอว[1] หากครอบครัวฝ่ายแม่พวกเ้าจะฆ่าเ้าให้ตาย รอดตายแล้วเ้ายินดีกลับไปตอบแทนก็ถือว่าเ้าโง่เอง แต่อย่ามาเพ้อฝันกับข้า ครอบครัวตัวเองยังดูแลได้ไม่ดีก็อย่ามายุ่งเื่คนอื่น ภรรยาวั่งจื่อ เ้าสอนให้ผู้อื่นกตัญญูแต่ไม่ดูตัวเองบ้างเลย ตอนด่าแม่สามีว่า ‘นังแก่’ ก็ช่วยปิดประตูอย่าให้ผู้อื่นได้ยินด้วย!”
หากเป็เ้าของร่างเดิม ไม่แน่ว่าคงร้องไห้ซาบซึ้งตามหลินซย่าจื้อกลับบ้านไปแล้ว
แต่ตอนนี้คนที่อยู่ด้านในเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็ผู้ใดจากบ้านเหล่าหลินก็อย่าหวังว่าจะทำกระไรนางได้
สตรีชาวบ้านกลุ่มนี้ถูกหลินหวั่นชิวตวาดใส่ พากันเดินจากไปหน้าเจื่อน
ั้แ่ที่หลินหวั่นชิวมีสามีหนุนหลังก็ปากเก่งขึ้นมาก ยุ่งไม่ได้ๆ
“ชิวเอ๋ย ข้าก็มาขอโทษเ้าแล้วไม่ใช่หรือไร” หลินซย่าจื้อด่าหลินหวั่นชิวในใจ ทว่าใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม
มารดามันเถิด นางต้องมาปั้นหน้ายิ้มให้นังแพศยานี่เพื่อเงินเล็กน้อยด้วยหรือ
“หลินซย่าจื้อ เ้ากลับไปก่อนเถิด อย่ามาเกะกะที่นี่ เจียงเหล่าต้ายังไม่กลับมา หวั่นชิวไม่กล้าตัดสินใจเอง รอให้เขากลับมาแล้วข้าจะช่วยถามให้ หากเ้าไม่วางใจ อีกเดี๋ยวค่อยมาใหม่”
หวางทงเป่ายืนบังอยู่ด้านหน้าหลินหวั่นชิว ขวางหลินซย่าจื้อไว้
หลินซย่าจื้อจนใจ ได้แต่พูดว่า “ก็ได้ เช่นนั้นเดี๋ยวข้ามาถามใหม่ น้องเล็ก เ้าช่วยคุยกับหงหย่วนดีๆ นะ อีกประเดี๋ยวท่านพ่อท่านแม่จะมาเชิญเขาด้วยตัวเอง”
นางรู้ว่าเื่นี้จัดการยาก ด้วยเหตุนี้จึงมาคนเดียวก่อน ไว้เดี๋ยวท่านพ่อท่านแม่มา หากหลินหวั่นชิวกับเจียงหงหย่วนยังปฏิเสธอีก…หึหึ พวกเขาได้จมน้ำลายคนทั้งหมู่บ้านตายเป็แน่!
หลังหลินซย่าจื้อจากไป หวางทงเป่าแนะนำหลินหวั่นชิว “หวั่นชิว ลุงหวังขอเตือนเ้าสักสองประโยค หากไม่ถูกใจก็ช่วยให้อภัยข้าด้วยเถิด”
“เชิญลุงหวังพูดเ้าค่ะ ข้าฟัง” หลินหวั่นชิวพูดด้วยรอยยิ้ม
หวางทงเป่าพูดว่า “โดยปกติแล้วเ้าไม่ควรรู้จักกับครอบครัวฝ่ายแม่เช่นนี้ และไม่ควรกลับไปเช่นกัน แต่ตอนนี้หงหนิงกำลังเรียนหนังสือ หากเขาสอบจะเคอจวี่ เ้ากับหงหย่วนจำเป็ต้องระวังเื่พวกนี้ อย่าให้ผู้ใดพูดได้ว่าพวกเ้าอกตัญญู อย่างน้อยก็ต้องรักษาภาพลักษณ์ภายนอก ไม่เช่นนั้นลูกของพวกเ้าในอนาคตอาจได้รับผลกระทบไปด้วย”
หวางทงเป่ามองออกว่าขอเพียงเจียงเหล่าเอ้อร์ไม่ต้องกินยาอีก ตระกูลเจียงจะสามารถก่อร่างสร้างตัวได้ในไม่ช้าก็เร็วเป็แน่ เช่นนั้นแล้ว ลูกของหลินหวั่นชิวกับเจียงหงหย่วนก็ต้องเรียนหนังสืออยู่แล้ว
เพราะเหตุใดน่ะหรือ…
เพราะครอบครัวไม่ได้ขาดแคลนเงินอย่างไรล่ะ!
หากที่บ้านมีคนเรียนหนังสือ เช่นนั้นก็ต้องมีหน้ามีตา จะทำตัวหยาบคายไม่สนใจกระไร อยากด่าพ่อแม่ก็ด่า อยากไม่สนใจครอบครัวพ่อตาแม่ยายก็ไม่สนใจแบบพวกคนในหมู่บ้านไม่ได้
“ลุงหวัง ข้าถูกบ้านเหล่าหลินขายให้หย่วนเกอเ้าค่ะ ไม่ได้แต่งงาน” หลินหวั่นชิวพูด
หวางทงเป่าพูดว่า “ก็ใช่อยู่ แต่ในยุคต้าโจวของเรา ข้าทาสไม่อาจแต่งงานเป็ภรรยาที่ดีได้”
หลินหวั่นชิวขมวดคิ้ว มีกระไรเช่นนี้ด้วย?
นางต้องคิดให้ดี “ได้เ้าค่ะ เช่นนั้นข้าจะไปปรึกษาหย่วนเกอดู ขอบคุณท่านลุง”
หวางทงเป่ายิ้ม “ระหว่างพวกเราจะเกรงใจไปเพราะเหตุใด ลุงกับป้าต่างก็มองพวกเ้าสองสามีภรรยาเป็เหมือนหลานตัวเอง รีบไปเถิด ข้าเองก็ต้องกลับไปทำงานแล้ว”
เจียงหงหย่วนอยู่ในป่า ตอนหลินหวั่นชิวไปหา เขากำลังประลองกับหนิงผาน
“หย่วนเกอ…” หลินหวั่นชิวเรียกเจียงหงหย่วนไปด้วย มองเด็กหนุ่มคนนั้นไปด้วย
“เ้ามาแล้วหรือ…นี่คือเด็กที่ข้าเคยเล่าให้ฟัง ชื่อหนิงผาน” เจียงหงหย่วนได้ยินเสียงหลินหวั่นชิวก็หยุดมือ
หนิงผานมองหลินหวั่นชิวเช่นกัน จากนั้นคุกเข่าทำความเคารพให้นาง “ข้าน้อยหนิงผาน คารวะไท่ไท่”
แขนเขายังมีแผ่นไม้ประกบอยู่ ใช้ผ้าผูกไว้กับคอ
“รีบลุกขึ้นเร็วเข้า” หลินหวั่นชิวไม่ชอบให้คนคุกเข่าให้ตัวเอง
เจียงหงหย่วนเล่าเื่ของเด็กคนนี้ให้นางฟังแล้ว นางรู้สึกว่าน่าสงสารเช่นกัน หากไม่ใช่เพื่อช่วยน้องสาวก็คงไม่ไปโกงในบ่อน
“จุ้ยเอ๋อร์ รีบมาคารวะไท่ไท่” เด็กหญิงตัวน้อยได้ยินพี่ชายเรียกก็ออกมา คุกเข่าให้หลินหวั่นชิวตามพี่ชาย
หลินหวั่นชิวจับแขนนางไว้ “ไม่ต้องคุกเข่า อยู่กับพวกข้าไม่ต้องทำเช่นนี้”
“หนิงผานต้องเดินทางไกล รอบนี้พวกเราพาจุ้ยเอ๋อร์กลับไปด้วย ฝากให้ยายสวีช่วยดูแล” เจียงหงหย่วนพูด
หลินหวั่นชิวพยักหน้า “ได้” นางชอบเด็กหญิงหน้าตาน่ารักคนนี้เช่นกัน
เด็กหญิงถอยไปอยู่ข้างพี่ชาย ดึงชายเสื้อเขาแน่น แววตาเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์และความกลัวต่ออนาคตที่ไม่สามารถล่วงรู้ได้
“จุ้ยเอ๋อร์เชื่อฟังข้า อยู่กับเหล่าเหยียและไท่ไท่แล้วจะไม่มีผู้ใดรังแกเ้า ไม่มีผู้ใดมาจับเ้าไปขายอีก เ้าอยู่รอเกอเกอที่บ้านเหล่าเหยียและไท่ไท่เถิด”
จุ้ยเอ๋อร์ส่ายหน้า “เกอเกอไม่้าจุ้ยเอ๋อร์แล้ว?”
หลินหวั่นชิวมองแล้วสงสารมาก
เด็กหญิงคนนี้คงใขวัญเสียเพราะถูกคนในครอบครัวเอาไปขายให้หอนางโลม ตอนนี้ในใจจึงมีปม หากไม่ชักนำให้ดีอาจกลายเป็อาการทางจิต
หนิงผานก็อยากพาจุ้ยเอ๋อร์ไปด้วย แต่เขารู้ว่าหากไปโดยไม่ทิ้งจุ้ยเอ๋อร์ไว้ เหล่าเหยียจะเอาสิ่งใดมายึดเขาไว้
“เกอเกอไม่ได้ไม่้าจุ้ยเอ๋อร์ แต่เกอเกอต้องไปร่ำเรียนวิชา วันหน้าเก่งขึ้นจะได้จัดการพวกคนที่เคยรังแกพวกเราและปกป้องจุ้ยเอ๋อร์ได้ เ้าดูเถิด เมื่อก่อนเกอเกอไร้ประโยชน์ พวกเขาจับจุ้ยเอ๋อร์ไปก็ยังแย่งกลับมาไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะเหล่าเหยียช่วยเกอเกอไว้ ให้เงินไปไถ่จุ้ยเอ๋อร์ออกมาจากหลุมไฟนั่น เกอเกอคงทนมีชีวิตต่อไปไม่ไหวอีก ดังนั้นจุ้ยเอ๋อร์ต้องเชื่อฟังเกอเกอ อยู่บ้านเหล่าเหยียต้องเป็เด็กดี ช่วยไท่ไท่ทำงาน อีกไม่นานเกอเกอก็กลับมาแล้ว”
จุ้ยเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็หยุดส่ายหน้า แต่น้ำตากลับไหลรินลงมา
เจียงหงหย่วนพูดว่า “ถ้าเ้าพาจุ้ยเอ๋อร์ไปด้วยได้ก็พาไป แต่ถ้าไม่สะดวกก็ทิ้งไว้ที่นี่แหละ”
หนิงผานมองเจียงหงหย่วนอย่างไม่เชื่อหู
เชิงอรรถ
[1] คนยืนพูดย่อมไม่ปวดเอว(站着说话不腰疼) เปรียบเปรยว่า หากไม่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็ไม่เข้าใจ
