ในหม้อนึ่งอันมืดมิด มู่จื่อหลิงค่อยๆ กลั่นกรองข้อมูลที่นางเพิ่งได้ยินในใจ
บทสนทนาสั้นๆ ระหว่างคนทั้งสองทำให้ความคิดของนางเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
นางเข้าใจทุกคำที่หวงอีกับหลานหนิงพูด แต่เมื่อนำมาใช้กับนาง มันน่าทึ่งมาก...ไม่อาจเข้าใจได้เลยจริงๆ
แม้ว่านางจะประหลาดใจว่าเหตุใดาแจากแส้ของนางถึงหายเองได้ แต่นี่เป็สิ่งที่เกินความเข้าใจของนางจริงๆ
อีกทั้งสิ่งที่พวกนางพูดเกี่ยวกับการสะท้อนกลับ การกระทบกระแทกเ่าั้ นางรู้สึกราวกับยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มเมฆหมอก จิตใจสับสนงุนงง
สะท้อนกลับ? คิดว่านางเป็ลูกหนัง [1] ที่เพียงแค่ทุบตีก็สามารถสะท้อนกลับได้ทันทีหรือ? มันเป็อะไรที่อธิบายไม่ถูก!
พูดตามตรง นางเป็เพียงผู้หญิงที่ไม่มีแรงแม้แต่จะมัดไก่ นางจะมีความสามารถยอดเยี่ยมในการทำให้หวงอีได้รับาเ็ภายในได้อย่างไร
เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ มู่จื่อหลิงก็อดไม่ได้ที่จะเย้ยหยัน
พวกที่ไม่รู้คิดว่านางมีสิ่งที่ไม่อาจััได้ซ่อนอยู่ในกาย? หรือกำลังภายในแข็งแกร่งถึงขนาดที่สามารถสะท้อนกลับได้โดยตรง
แต่ในวันนั้นหญิงบ้าหวงอีผู้นั้นเห็นอะไร? อะไรทำให้นางมุ่งมั่นตรวจสอบตนมาจนถึงยามนี้?
มู่จื่อหลิงรู้สึกงงงวยอย่างมาก
อาจเป็เพราะาแของนางหายอย่างน่าอัศจรรย์หวงอีจึงอยากรู้อยากเห็นสิ่งที่ช่วยชีวิตนาง ทั้งยังอยากตรวจสอบนาง?
นั่นเป็เหตุผลที่นางเปลี่ยนมาใช้วิธีนึ่งเพื่อทดสอบผลลัพธ์ในยามนี้ เพื่อดูว่านางมีหนังหยาบเนื้อหนา [2] จริงหรือไม่ นางจะยังมีชีวิตอยู่หลังจากถูกนึ่งหรือไม่?
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มู่จื่อหลิงจะได้ใช้สมองทั้งหมดที่มีครุ่นคิดเื่นี้ให้สิ้นสงสัย ก็มีเสียงแ่เบาดังมาจากข้างนอกอีกครั้ง
ด้านนอก
“เ้าอยู่ดูไฟตรงนี้นะ ข้าจะไปเอาฟืนมาเพิ่ม” หวงอีพูดขึ้นมา วางไก่ฟ้าย่างในมือของนางลงบนจุดที่สะอาดแล้วจากไป
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ มู่จื่อหลิงก็ลืมคำถามทั้งหมดในใจทันที
อดคิดไม่ได้ ยามนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้ท้องอิ่ม แล้วหาทางหนี!
ในยามนี้มู่จื่อหลิงยังคงต่อสู้กับคำถาม แม้ว่าข้างนอกจะมีคนเพียงสองคน แต่สำหรับนางแล้ว ไม่ว่าจะเป็กลอุบายหรือการเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัว ล้วนไร้ชัยชนะ
ยิ่งไปกว่านั้น ยามนี้ไม่มีอะไรที่นางสามารถทำได้ ทั้งยังไร้เรี่ยวแรงหลบหนี ไม่ต้องพูดถึงการเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัว
แต่บัดนี้...ในที่สุดโอกาสก็มาถึง!
ดวงตามู่จื่อหลิงเป็ประกายในความมืด
หลังจากนั้นในทันที นางแอบยกฝาหม้อนึ่งขึ้นอีกครั้ง หรี่ตาลงเล็กน้อย เผยให้เห็นเพียงช่องว่างขนาดเท่าปลายนิ้วอย่างเงียบๆ
เมื่อมองดูร่างหวงอีค่อยๆ ห่างออกไปจนหายลับไปในที่สุด จากนั้นมู่จื่อหลิงก็ยกฝาหม้อนึ่งขึ้นอีกครั้ง
นางถือฝาของหม้อนึ่งด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วใช้มือข้างหนึ่งวางบนขอบหม้อ นางอยากเห็นสถานการณ์ของหลานหนิงที่อยู่ด้านล่าง
อย่างไรก็ตาม ขณะที่นางจ้องมองลงไป หลานหนิงก็กำลังก้มลงหยิบฟืนสองสามอันข้างกายนาง แล้วหันกลับมา เดินมาทางหม้อนึ่ง
ทันทีที่หลานหนิงหันกลับมา...
มู่จื่อหลิงไม่มีเวลาแม้แต่จะประหลาดใจด้วยซ้ำ นางรีบปิดฝาหม้อนึ่งโดยไม่แม้แต่จะคิด
เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเสียงจากการกระทบอย่างกะทันหัน มือของนางที่วางอยู่บนขอบจึงไม่หดกลับ
ครู่หนึ่ง ฝาหม้อนึ่งขนาดใหญ่ก็กระแทกนิ้วเรียวของนางโดยตรง ทั้งยังกระแทกลงไปอย่างแรง
เกือบไปแล้ว! การเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกันนี้ไม่ได้ทำให้เกิดเสียงใดๆ ซึ่งหมายความว่าไม่ถูกจับได้ มู่จื่อหลิงแอบถอนหายใจ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นางจะทอดถอนใจเสร็จ ในพริบตาต่อมา มีอาการเจ็บแปล๊บเหมือนนิ้วขาดจากนิ้วที่ถูกหนีบ
แม้จะเ็ปมาก แต่จากจิตใต้สำนึกทำให้มู่จื่อหลิงไม่ถอนมือออก
เพราะนางรู้ว่าหากนางหดนิ้วกลับมา นิ้วของนางคงถูกกระแทกเสียเปล่าแล้ว
เมื่อนางฟื้นคืนกำลัง มู่จื่อหลิงจึงค่อยๆ ดึงมือที่แตกของนางออกจากช่องกึ่งกลางระหว่างตัวหม้อกับฝาหม้อนึ่ง จากนั้นนางก็อ้าปากค้าง สะบัดมือที่ลุกเป็ไฟไปมาอยู่ภายในหม้อนึ่ง
ในขณะนี้มู่จื่อหลิงทั้งรู้สึกขมขื่นและเศร้าใจอย่างยิ่ง
นึกถึงทุกครั้งที่ผ่านมา นางต้องใช้ ‘การทรมานตนเอง’ เพื่อให้พ้นภัย...มู่จื่อหลิงแทบอยากจะกรีดร้องโวยวายออกมาดังๆ
นิ้วสองสามนิ้วเหมือนจะหักแล้ว ความเ็ปทำให้มู่จื่อหลิงอ้าปากค้างครั้งแล้วครั้งเล่า น้ำตานางแทบไหลออกมา
แต่ยามนี้ไม่ใช่เวลาร้องะโด้วยความเ็ปหรือเสียน้ำตา สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการตัดสินใจอย่างรวดเร็วเพื่อความอิ่มท้อง ทั้งยังต้องรับมือกับผู้คนภายนอกอีกด้วย
เนื่องจากหลานหนิงเพิ่มฟืนลงไปที่ด้านข้างหม้อนึ่ง ยามนี้มู่จื่อหลิงจึงรู้สึกได้ถึงความร้อนที่เพิ่มขึ้นจากด้านล่าง
ยามนี้ หากยังเป็เช่นนี้ต่อไป นางจะถูกนึ่งจริงๆ
แม้เป็เพียงชั่วครู่ แต่มู่จื่อหลิงก็เห็นไก่ฟ้าย่างที่หวงอีทิ้งไว้
แม้ว่าจะเป็เพียงแวบเดียว แต่มู่จื่อหลิงก็จำรูปลักษณ์ของมันได้อย่างลึกซึ้ง
เนื้อทองอร่ามภายใต้แสงอาทิตย์อันอบอุ่น มันเยิ้มเป็มันวาว แค่มองแวบเดียวก็ทำให้น้ำลายไหล!
มู่จื่อหลิงฟังการเคลื่อนไหวด้านนอกอย่างตั้งใจ นางได้ยินเสียงขว้างฟืน ประกอบกับเสียงเดินกรอบแกรบ
จนกระทั่งเสียงเหล่านี้หายไปอย่างสมบูรณ์ หลังจากที่มู่จื่อหลิงรออยู่ครู่หนึ่ง พบว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก นางจึงยื่นมือออกไปประคองฝาหม้อนึ่งขึ้นอีกครั้ง
จากบทเรียนอัน ‘เ็ป’ เมื่อครู่ ครั้งนี้นางจึงระมัดระวังเป็อย่างมาก
แต่คราวนี้ นางเห็นหลานหนิงนั่งอยู่หน้ากองไฟแล้ว นางกำลังกินไก่ฟ้าย่างสดๆ อย่างเอร็ดอร่อย อีกทั้งหลานหนิงยังนั่งหันหลังให้หม้อนึ่ง ซึ่งนั่นคือการหันหลังให้นาง
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด
สิ่งสำคัญที่สุดคือไก่ฟ้าย่างสีเหลืองทองซึ่งวางอยู่ด้านหลังหลานหนิง ในจุดที่ใกล้หม้อนึ่งมากที่สุด
เมื่อมองจากมุมมองของมู่จื่อหลิงที่อยู่้า อาจกล่าวได้ว่ามันอยู่ใต้จมูกนาง
ต้องบอกว่าสถานที่นั้นเหมาะสมมาก ผู้ที่ไม่รู้ย่อมนึกว่านี่เป็การจงใจทิ้งไว้เพื่อให้นางขโมย!
เมื่อมองไปยังตำแหน่งที่วางไก่ฟ้าย่าง ไก่ฟ้าย่างสีทองที่ยังคงร้อนระอุ มู่จื่อหลิงอดไม่ได้ที่จะน้ำลายไหล
เวลาไม่เคยรอใคร! [3]
ในขณะนี้ ร่างของมู่จื่อหลิงกำลังอยู่ในท่าคุกเข่า ใช้แผ่นหลังค้ำฝาหม้อนึ่งเอาไว้ ปล่อยให้แสงส่องเข้ามาในหม้อนึ่ง
จากนั้น นางจึงฉีกสายรัดเอวออกโดยไม่กังวลถึงสิ่งใดอีกต่อไป หยิบกรรไกรทางการแพทย์อันแหลมคมออกมาจากระบบซิงเฉิน ตัดสายรัดเอวออกเป็แถบผ้ายาวบาง
มู่จื่อหลิงโผล่หัวออกมาเล็กน้อย คาดการณ์ระยะด้านล่างอย่างคร่าวๆ จากนั้นจึงผูกปลายด้านหนึ่งของแถบผ้ายาวเข้ากับห่วงที่มีรู
ในขณะที่เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของหลานหนิง นางค่อยๆ ลดแถบผ้าลงไปยังตำแหน่งไก่ฟ้า
แม้การเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ ดูเหมือนมู่จื่อหลิงจะทำได้อย่างง่ายดาย การเคลื่อนไหวของนางนั้นราวกับก้อนเมฆและสายน้ำไหลที่ไหลเอื่อย ทำทุกสิ่งให้เสร็จสิ้นในคราวเดียว
แต่มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่านางตื่นตัวอยู่เสมอ พยายามสงบสติอารมณ์ พยายามไม่เคลื่อนไหวใดๆ ที่อาจทำให้ถูกพบเห็นได้
อีกทั้งก่อนหน้านั้นมู่จื่อหลิงยังได้วางแผนสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุดไว้ด้วย นั่นคือหากถูกอีกฝ่ายพบเข้า สุดท้ายก็มีเพียงโถที่แตกแล้วแตกอีก นางมีเพียงต้องตรงเข้าต่อสู้เท่านั้น!
โชคดี ผลลัพธ์ที่ได้คือปลอดภัยดี
เนื่องจากเงื่อนผ้ามัดคอไก่ฟ้าย่างได้สำเร็จ อีกทั้งมู่จื่อหลิงก็จับไก่ฟ้าย่างได้สำเร็จแล้ว
ไม่รู้ว่าเป็เพราะอาหารอร่อยเกินไปหรือไม่ ในระหว่างนี้ หลานหนิงได้ฝังหัวของนาง จดจ่ออยู่กับไก่ฟ้าย่างในมือของนาง ไม่ต้องพูดถึงการหันหน้ามามอง นางไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำ
ด้านหลังของนาง คนที่อยู่บนหม้อนึ่งกำลังขโมยไก่ฟ้าย่างอย่างโจ๋งครึ่ม นางกลับไม่ระแวดระวังเลย
หาได้นึกไม่ว่านี่คืออาหารมื้อสุดท้ายของหลานหนิง
หลังจากได้ไก่ฟ้าย่างมาสำเร็จ มู่จื่อหลิงไม่แม้แต่จะลองดมกลิ่นก่อน นางเพียงแค่นอนลง จากนั้นหม้อนึ่งก็กลับสู่สภาพเดิม
มู่จื่อหลิงคลำมือในความมืด กินเต็มปากเต็มคำราวกับหมาป่าสวาปามเสือกลืนกิน [4]
ในเวลาไม่ถึงสามนาที ไก่ฟ้าย่างตัวอ้วนก็ถูกกินจนหมด
นี่เป็การกินอาหารด้วยท่าทางน่าอับอายและเร็วที่สุดเท่าที่นางเคยกินมา มู่จื่อหลิงััท้องของตนที่อิ่มแล้ว กล่าวได้ว่านางแทบน้ำตาแตก!
เพียงไม่ถึงสามนาทีร่างของมู่จื่อหลิงก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อแล้ว เพราะความร้อนจากด้านล่างกำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ แทบจะแผดเผาก้นของนางให้มอดไหม้ จนนางไม่สามารถทนอยู่นิ่งได้อีก
หลังจากกินอิ่ม มู่จื่อหลิงก็เตรียมพิษร้ายแรงทันที ยกฝาหม้อนึ่งขึ้นเงียบๆ อีกครั้ง
ทันเวลาพอดี ยามนี้หลานหนิงเดินไปยังจุดที่เมื่อครู่หวงอีวางไก่ฟ้าย่างไว้
ดูเหมือนหลานหนิงจะรู้ตัวแล้วว่าไก่ฟ้าย่างที่หวงอีวางไว้ด้านหลังนางจู่ๆ ก็หายไป
นางหันมองซ้ายมองขวาอยู่พักหนึ่ง ท่าทางดูสับสนยิ่งนัก
วันนี้เหมาะต่อการเปิดประตูปีศาจ [5] จริงๆ! ดูโชคของนางสิ...ประกายความสุขฉายผ่านดวงตามู่จื่อหลิง
นางอยากนอนก็มีคนส่งหมอนมาถูกเวลา อยากฆ่าใครสักคน คนคนนั้นก็เดินเข้ามาใกล้จมูกนาง เข้ามาได้ถูกจังหวะเวลาพอดิบพอดี
มู่จื่อหลิงโยนฝาหม้อนึ่งลง เกิดเสียงฝาหม้อนึ่งตกลง พร้อมเสียงกึ่งหัวเราะของนางที่ดังขึ้น “เฮ้ เ้ากำลังมองหาอะไรอยู่ ไก่ฟ้าย่างหรือ?”
เมื่อได้ยินเสียงที่ดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว หลานหนิงเหลือบมองฝาหม้อนึ่งที่กลิ้งออกไปหลายมี่
จากนั้นนางจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความใ พบว่าคิ้วและดวงตาที่สวยงามของมู่จื่อหลิงโค้งงอเป็เส้นโค้งงดงาม มองลงมาที่นางด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม
“ขอโทษจริงๆ ไก่ฟ้าย่างของเ้าอยู่ในท้องของหญิงผู้นี้เสียแล้ว” มู่จื่อหลิงเรอออกมาอย่างแ่เบา ยิ้มให้นางด้วยรอยยิ้มใจดีไม่เป็พิษเป็ภัย
“เ้า...” เจตนาฆ่าฟันที่เยือกเย็นก็พุ่งออกมาจากดวงตาของหลานหนิง
แต่ใครจะคิด มีเพียงเสียงเดียวที่ออกจากปากของนาง จากนั้นนางก็ไม่สามารถเปล่งเสียงได้อีกต่อไป
เนื่องจากในขณะที่หลานหนิง อ้าปากด้วยความประหลาดใจ มู่จื่อหลิงก็ส่งยาพิษเข้าไปในปากของนางอย่างแม่นยำ
พิษละลายในปาก ทันใดนั้นลมหายใจของหลานหนิงก็ดับสิ้น
มู่จื่อหลิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอัตราการโจมตีด้วยพิษของนางนั้นมีสัดส่วนที่สูงมาก ไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย ยิงร้อยครั้งถูกร้อยครั้ง [6]!
เดิมทีนางกำลังคิดอยู่ว่า หากนางพลาดเป้า นางยังต้องใช้เคล็ดลับอื่นกับหลานหนิง แต่ยามนี้นางทำสำเร็จแล้ว
กล่าวได้ว่า คนที่อยู่บนสุดมักจะทำกำไรได้มากที่สุดเสมอ [7]
ทันใดนั้นทั้งหน้าของหลานหนิงก็แดงขึ้น สมองบวมมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ากำลังจะะเิออก
จากจิตใต้สำนึกทำให้หลานหนิงยกมือขึ้น ตั้งใจจะคว่ำหม้อนึ่งขนาดใหญ่ลงเพื่อโจมตีมู่จื่อหลิง แต่ในขณะที่นางยกมือขึ้น...
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังปัง...หัวของหลานหนิงะเิออกแล้ว
เพื่อหลีกเลี่ยงการาเ็ มู่จื่อหลิงเอนตัวกลับเข้าไปในหม้อนึ่งทันที
ทันใดนั้นเืสาดกระเซ็นก็ออกมาจากสมองที่ะเิเป็เสี่ยงๆ
หัวของหลานหนิงะเิออกเป็ชิ้นๆ ร่างไร้ศีรษะของนางนอนอยู่บนพื้น นอนตายสนิท
มู่จื่อหลิงยืนขึ้น มองคราบเืบนพื้นอย่างเ็า ดวงตาใสของนางยังคงสงบเช่นเคย
หากเป็ไปได้ นางก็ไม่อยากใช้วิธีโหดร้ายอย่างยิ่งนี้ในการฆ่าคน
อย่างไรก็ตาม เมืุ่์ถูกบังคับในระดับหนึ่ง ย่อมสามารถทำสิ่งที่โหดร้ายได้ทุกอย่าง
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ลูกหนัง (皮球) มีความหมายว่าลูกบอลหนัง
[2] หนังหยาบเนื้อหนา (皮糙肉厚) เป็วลี มีความหมายว่า ิัหนาจนกันะุได้ แข็งแรง ทนทาน
[3] เวลาไม่เคยรอใคร (时间不等人) เป็วลี มีความหมายว่า เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และไม่เคยหวนกลับ ดังนั้นหากไม่ใช้ให้คุ้มค่าอาจต้องเสียใจภายหลัง
[4] หมาป่าสวาปามเสือกลืนกิน (狼吞虎咽) เป็คำอุปมา มีความหมายว่า กินอย่างมูมมาม ตะกละตะกลาม
[5] ประตูปีศาจ (邪门) เป็คำเปรียบเปรย มีความหมายว่า ความคิดชั่วร้าย ความคิดที่ไม่ดีหรือปรากฏการณ์ผิดปกติ
[6] ยิงร้อยครั้งถูกร้อยครั้ง (百发百中) เป็สำนวน มีความหมายว่า มั่นใจเต็มที่ว่าไม่มีอะไรผิดพลาด คาดการณ์ล่วงหน้าได้แม่นยำหรือทำอะไรก็ไม่พลาด
[7] คนที่อยู่บนสุดมักจะทำกำไรได้มากที่สุดเสมอ (人处高处总是最得利的) เป็วลี มีความหมายว่า คนที่อยู่เหนือกว่าย่อมเป็ฝ่ายได้เปรียบ หรือคนที่เริ่มก่อนย่อมสำเร็จก่อน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้